บทที่ 131 พลังมหัศจรรย์ของเจดีย์ห้าสี
จั่วม่อออกจากหอลอยร้อยวิเศษพร้อมสิ่งของต่างๆ มากมาย
นอกจากเจดีย์ห้าสีแล้ว มันยังหอบวัตถุดิบสารพัดชนิดมากองโต ผลาญจิงสือไปจนเกลี้ยงเกลาสมดั่งใจ เวลานี้มันครอบครองแหวนมิติ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องน้ำหนักของวัตถุดิบอีกต่อไป วัตถุดิบของหอลอยร้อยวิเศษมีแต่สินค้าคุณภาพสูงมาก นอกเหนือจากที่นี่ จั่วม่อไม่คิดว่ามันจะซื้อหาสินค้าเยี่ยงนี้ได้จากที่ใดในตงฝูอีก ในความเห็นของมัน หลังจากการจับจ่ายใช้สอยอย่างมโหฬารครั้งนี้แล้ว คาดว่าคงอีกนานกว่าที่มันจะมีปัญญาไปเที่ยวชมหอลอยร้อยวิเศษอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มันปรารถนา เรียกได้ว่าไม่ได้ใช้จิงสือสูญเปล่าแต่อย่างใด
มองดูกองวัตถุดิบในแหวนมิติ จั่วม่อเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ชดเชยความเศร้าเสียใจจากการใช้จิงสือไปจนหมดตัวของมัน มันระบายลมหายใจยาว ไม่คิดกังวลอีกต่อไป ฮี่ฮี่ ผู ข้าจะให้เจ้ารู้ซึ้งถึงการสิ้นเนื้อประดาตัว
นอกจากวัตถุดิบเหล่านั้น มันยังมีแม่เหล็กเย็นระดับสี่อีกสี่ชิ้น เม็ดยาเพลิงเหลือคณาหนึ่งขวด คลื่นอาสัญจันทร์ทรงกลดหนึ่งขวด และม้วนหยกอีกหนึ่งม้วน เม็ดยาเพลิงเหลือคณาเป็นค่าตอบแทนจากแม่นางซู่ ส่วนม้วนหยก บันทึกไว้ด้วยค่ายกลที่ต้องสลักลงบนชิ้นส่วนกระบี่ทั้งสี่ชิ้นของนาง
ขณะที่จั่วม่อเพิ่งจะออกจากหอลอยร้อยวิเศษ พลันได้ยินเสียงรีบร้อนของผูเยาถามว่า “เจ้ามีจิงสือหรือไม่?”
“อะ ฮาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” จั่วม่อไม่อาจหยุดยั้งตัวเอง หัวร่อออกมาดังสนั่น
“หัวร่ออันใด?” ผูเยาซึ่งเพิ่งจะตื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าปฏิกิริยาตอบสนองยังเชื่องช้าเฉื่อยชาอยู่บ้าง
“ไม่...ไม่มีอะไร...” จั่วม่อพยายามกลั้นหัวร่อสุดชีวิต จากนั้นแสร้งกล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ไฉนไม่บอกให้เร็วกว่านี้? ข้าเพิ่งจะซื้อสิ่งของไป ใช้จิงสือไปจนหมดเสียแล้ว”
“ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว?” ผูเยาถามอย่างโง่งม
“ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว” จั่วม่อตอบอย่างมั่นคง
สามารถเล่นงานผูเยาได้หนหนึ่ง จั่วม่อทั้งสุขสราญและภาคภูมิใจ นั่งอยู่บนหลังนกโง่ มันครวญเพลงเสียงแปลกแปร่งไปตลอดทาง นกโง่บินไปพลาง เหลือกตาไปพลาง จากนั้นสักครู่ นางไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป เริ่มเปล่งเสียงร้องประท้วงออกมา พยายามกดดันเสียงเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งของจั่วม่อ
กำลังเบิกบานใจ จั่วม่อเดือดดาลขึ้นมาทันที เอื้อมมือเขกหัวนกโง่อย่างถนัดถนี่
“ร่ำร้องหาอันใด? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเกอกำลังร้องเพลง?”
นกโง่ถึงกับหัวหมุนติ้ว มึนงงเป็นเวลานานกว่าจะฟื้นคืนสภาพ นางคอตก บินต่อไปอย่างอ่อนแรง ปล่อยให้จั่วม่อหอนโหยหวนลงลูกคอไม่หยุดไปตลอดทาง สุดท้ายเมื่อบินกลับมาถึงลานน้อยลมตะวันตก เพิ่งจะลงจอด นกโง่ก็ถลาไปที่บ่อน้ำอย่างรวดเร็ว โก่งคออาเจียนอย่างสุดจะกล้ำกลืนฝืนทน
จั่วม่อเขม้นมองนกโง่ แค่นเสียงในลำคอ “ไม่สามารถชื่นชมกับความงามของเกอ เป็นบาปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า...”
กลับเข้าไปในบ้านหลังน้อย จั่วม่อครุ่นคำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันค่อยๆ จมลงสู่ห้วงภวังค์ความคิด
งานนี้มีจุดที่ไม่ชอบมาพากลมากมาย อย่างเช่นตัวตนที่แท้จริงของหลินเชียน ครั้งแรกที่มันพบพานหลินเชียน หลินเชียนคล้ายชาวต่างถิ่นที่ไม่คุ้นเคยกับตงฝู แต่ในวันนี้ คนผู้นี้กลับดูคล้ายสนิทสนมกับเจ้าของหอลอยร้อยวิเศษไม่น้อย มิฉะนั้นจะตัดสินใจให้ส่วนลดแก่มันอย่างง่ายดายได้อย่างไร แต่สิ่งที่ทำให้จั่วม่อแปลกใจยิ่งกว่า คือหลินเชียนเรียกหาแม่นางซู่เป็นศิษย์น้องหญิง แต่ซู่กลับคล้ายไม่รู้จักมัน
ที่มาของซู่นับว่าลึกลับอยู่แล้ว ยังเพิ่มหลินเชียนที่คล้ายลี้ลับยิ่งกว่าเข้าไปอีกคน จั่วม่อทันใดนั้นรู้สึกว่าเรื่องราวในวันนี้ซับซ้อนชวนสับสนกว่าเดิม
แม่นางซู่ยังดีอยู่บ้าง แต่กับหลินเชียนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา จั่วม่อไม่สามารถมองมันออก ไม่มีปัญญามองออกเลยแม้แต่น้อย เบื้องหลังรอยยิ้มอ่อนโยน คล้ายแฝงเร้นไว้ด้วยบางอย่างที่กระตุ้นเตือนสัญชาตญาณระแวงภัยของจั่วม่อ นั่นเป็นเหตุผลที่มันยืนกรานซื้อเจดีย์ห้าสีด้วยตนเอง แม้ว่าจะต้องจ่ายจิงสือจำนวนมาก แต่มันต้องการความสบายใจ การติดค้างคนผู้หนึ่งเป็นความรู้สึกที่ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งติดค้างคนที่มันไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย นั่นไม่เพียงแค่ย่ำแย่ แต่ยังคงอันตรายมากอีกด้วย
ข้ายังมีเรื่องราวมากมายต้องกระทำ ข้ายังคงต้องค้นหาคำตอบ!
จั่วม่อพร่ำย้ำกับตัวเอง
ความสนใจของมันหันไปหาเจดีย์ห้าสีที่ซื้อมาในวันนี้ นี่เป็นยุทธภัณฑ์เวทสายห้าธาตุที่ยังหลอมสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ ของสิ่งนี้ไม่สามารถขายได้ในตงฝูก็ไม่น่าแปลกใจอันใด ครุ่นคิดเล็กน้อยจั่วม่อก็เข้าใจได้ทันที ตงฝูเทิดทูนเซียนกระบี่ ซิวเจ่อที่ฝึกฝนวิชาห้าธาตุส่วนใหญ่เป็นนักหลอมกลั่นโอสถหรือไม่ก็นักหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ ในตงฝูไม่มีนักหลอมกลั่นโอสถหรือนักหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ที่มั่งคั่งพอจะไปเยือนหอลอยร้อยวิเศษ เพื่อใช้จ่ายห้าสิบชิ้นจิงสือระดับสี่ ซื้อหายุทธภัณฑ์เวทห้าธาตุที่ไม่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง
แต่ยุทธภัณฑ์เวทที่หลอมสร้างได้เพียงครึ่งๆ กลางๆ ทว่าสามารถขายได้ในราคาห้าสิบชิ้นจิงสือระดับสี่ นี่มากพอจะพิสูจน์ว่ามันไม่ธรรมดา
จั่วม่อได้แต่เฉลิมฉลองให้กับความโชคดีของมันเท่านั้น หากเจดีย์ห้าสีหลอมสร้างเสร็จสมบูรณ์ ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรอันน้อยนิดจนน่าเวทนาของมัน ย่อมไม่มีปัญญาควบคุมบังคับใช้เจดีย์ห้าสี
ศึกษาม้วนหยกที่เซียนสัญจรผู้นั้นทิ้งไว้อย่างละเอียด จั่วม่อพอจับใจความทั่วไปในเจตนาของผู้สร้างเจดีย์นี้ได้ ต้องทอดถอนอย่างประหลาดใจ เซียนสัญจรผู้นี้ช่างมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่!
เจ้าของเจดีย์ห้าสีต้องการหลอมสร้างเจดีย์ห้าสีนี้ ให้กลายเป็นโลกแห่งห้าธาตุอย่างสมบูรณ์แบบ ภายในโลกย่อยแห่งนั้น กลุ่มก้อนปราณห้าธาตุทั้งห้าขุมจะถูกกลั่นกรองอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในท้ายที่สุด แปรสภาพเป็นแหล่งกำเนิดพื้นฐานของธาตุทั้งห้า ภายในเจดีย์ ธาตุทั้งห้านี้จะก่อเกิดและสะกดข่มกันไปมาตามวงจรธรรมชาติ กลายเป็นวัฏจักรอันไร้ที่สิ้นสุด ก่อกำเนิดโลกใบเล็กที่มั่นคงและสมดุล แก่นสารปราณของธาตุทั้งห้าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร้ข้อจำกัดอยู่ในโลกภายในเจดีย์ ส่วนเรื่องที่ว่าทั้งห้าธาตุนี้ จะแปรเปลี่ยนวิวัฒนาการไปเป็นเช่นไร กระทั่งเซียนสัญจรผู้สร้างเจดีย์ห้าธาตุขึ้นมายังไม่อาจบ่งบอกได้
แน่นอน นี่เป็นเพียงเป้าหมายสูงสุดของการหลอมสร้างเจดีย์ เซียนสัญจรท่านนั้นย่อมมิใช่คนเพ้อฝันจนหลงลืมความเป็นจริง ดังนั้นแม้เจดีย์ห้าสีจะยังไม่บรรลุเป้าหมายสูงสุด ก็ยังคงมีประโยชน์ใช้สอยมากหลาย ตัวอย่างเช่น เจดีย์ห้าสีเป็นภาชนะที่พิเศษเฉพาะไม่เหมือนผู้ใดชิ้นหนึ่ง สินค้าใดๆ ที่ใส่เข้าไป จะถูกแยกองค์ประกอบออกมาเป็นแก่นสารปราณห้าธาตุอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าถ้าสิ่งที่ใส่เข้าไปมีระดับสูงกว่าระดับของเจดีย์ห้าสี ย่อมไม่สามารถทำได้
ประโยชน์ใช้สอยอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากใช้ร่ายเวทวิชาห้าธาตุ พลานุภาพจะยิ่งทวีคูณ
เจดีย์ห้าสีเป็นยุทธภัณฑ์เวทที่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง ดังนั้นในม้วนหยก มีการคาดเดามากมายที่ผู้สร้างจารึกไว้ แต่เวลานี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจั่วม่อมากนัก ยุทธภัณฑ์เวทนี้อยู่ห่างไกลเกินกว่าที่ความสามารถของจั่วม่อจะหลอมสร้างได้ในตอนนี้ จั่วม่อถึงกับสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ว่ากระทั่งมันผ่านเข้าไปยังด่านหนิงม่าย ก็ยังไม่แน่ว่าจะหลอมสร้างได้สำเร็จ
แต่ยังไม่สามารถหลอมสร้างได้ก็ไม่เป็นไร ผู้สร้างเดิมได้วางกรอบโครงใหญ่ซึ่งเป็นพื้นฐานไว้แล้ว สำหรับจั่วม่อ สิ่งที่มันต้องทำก็ง่ายดายมาก นั่นคือป้อนวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยปราณห้าธาตุให้แก่เจดีย์
เอียงคอขบคิดสักครู่ จั่วม่อทันใดนั้นบุปผาดรรชนีระเบิดออกมา เส้นสายเปลวไฟสีขาวน้ำนมพวยพุ่งออกจากปลายนิ้วของมัน หายเข้าไปในเจดีย์ห้าสี
ชั้นกลางๆ สีแดงสดของเจดีย์ห้าสีพลันสว่างวาบ ทันทีที่ไฟหินงอกผ่านเข้าไปภายในเจดีย์ ก็ถูกแยกออกเป็นปราณไฟเส้นเล็กละเอียด บินวนอยู่ในชั้นที่สองของเจดีย์ห้าสี จากบนลงล่างเป็นทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ปลายยอดเป็นสีทอง ส่วนฐานคือดิน จั่วม่อสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแก่นสารปราณไฟภายในเจดีย์เติบโตขึ้นอีกส่วนหนึ่ง แสงสีแดงรอบ ๆ เจดีย์แผ่กระจายออกไป ชั้นสองของเจดีย์ที่เป็นสีแดง มีสีแดงเข้มขึ้นกว่ากาลก่อน
จั่วม่อแม้คาดเดาไว้บ้างแล้ว ยังอดประหลาดใจไม่ได้ ไฟหินงอกสามารถเพิ่มแก่นสารปราณไฟภายในเจดีย์ นี่ไม่น่าแปลกใจ แต่ไฟหินงอกเป็นไฟเย็น เรื่องนี้คล้ายไม่ส่งผลอันใดต่อเจดีย์
จั่วม่อครุ่นคิดเป็นเวลานานยังคิดไม่ออก มันตัดสินใจไม่คิดเรื่องนี้ และโยนวัตถุดิบลงในเจดีย์อย่างต่อเนื่อง ทันทีที่วัตถุดิบเข้าสู่ด้านในตัวเจดีย์ พวกมันก็ถูกย่อยสลายกลายเป็นแก่นสารปราณธาตุทั้งห้า แต่สีสันของเจดีย์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก
หรือว่าวัตถุดิบเหล่านี้ระดับต่ำเกินไป?
จั่วม่อจับจุดสำคัญของเรื่องนี้ได้อย่างเฉียบไว สิ่งของที่มันโยนเข้าไปเป็นเพียงวัตถุดิบระดับหนึ่ง ดังนั้นเจดีย์ห้าสีจึงไม่ตอบสนอง ลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง ค่อยกัดฟันโยนไม้หอมขจีระดับสามเข้าไปท่อนหนึ่ง จังหวะที่ไม้หอมขจีถูกโยนผ่านเข้าไป แสงสีเขียวในชั้นของธาตุไม้พลันสว่างวาบ แก่นสารปราณไม้ที่อยู่ภายในเติบโตขึ้นอย่างกะทันหัน
ข้อสงสัยในใจมันได้รับการยืนยัน จั่วม่อไม่ได้รู้สึกมีความสุข แต่กลับสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ
ไอ๊หยา!
โยนไม้หอมขจีระดับสามเข้าไปทั้งท่อน แต่แก่นสารปราณไม้ภายในเจดีย์เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น มันต้องใส่วัตถุดิบชั้นสูงมากมายเท่าใดกว่าจะเติมจนเต็ม? ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังต้องใช้วัตถุดิบที่ดี จั่วม่อเดาว่า เมื่อแก่นสารปราณห้าธาตุที่อยู่ภายในบรรลุถึงระดับหนึ่ง เจดีย์นี้จะไม่พึงพอใจกับวัตถุดิบระดับสามอีก เมื่อถึงเวลานั้น จะต้องป้อนมันด้วยสิ่งของระดับสี่ ระดับห้า...
ราวกับถูกถังน้ำเย็นราดรดศีรษะ หัวใจที่ตื่นเต้นของจั่วม่อกลายเป็นเย็นเฉียบ เวลานี้มันกลับเป็นยากจนข้นแค้นอีกแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเติมหลุมลึกนี้ด้วยวัตถุดิบราคาแพง
ความคิดที่จะหลอมสร้างเจดีย์อย่างรวดเร็ว ถูกทำลายเสียตั้งแต่เริ่มต้น จั่วม่อได้แต่หันไปเริ่มศึกษาวิธีใช้งานเจดีย์ห้าสี
ขณะที่ศึกษาม้วนหยก พลางสำรวจเจดีย์ห้าสี จั่วม่อได้ค้นพบการใช้งานที่มีประโยชน์มาก
จั่วม่อพบว่าแก่นสารปราณห้าธาตุที่อยู่ภายในเจดีย์ห้าสี มันสามารถนำออกมาใช้งานได้!
การค้นพบครั้งนี้ทำให้มันปลาบปลื้มยินดียิ่ง
ซิวเจ่อที่ฝึกวิชาห้าธาตุ บ่อยครั้งที่ต้องสร้างปราณห้าธาตุของตัวเองขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่นซิวเจ่อที่มีฝีมือในวิชาธาตุไฟ ในช่วงเริ่มต้นฝึกปรือ มันจำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาเพื่อเปลี่ยนแปลงพลังปราณของร่างกาย ให้กลายเป็นพลังปราณไฟ เพื่อปลดปล่อยเวทวิชาที่มุ่งเน้นพลังไฟ ต่อมาเมื่อคนผู้นั้นพลังบำเพ็ญเพียรลึกล้ำขึ้นถึงจุดหนึ่ง พลังปราณในร่างกายของมันจะถูกแปลงเป็นแก่นสารปราณไฟด้วยตนเอง โดยที่ตัวมันไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวอีก แก่นสารปราณไฟนี้มีความบริสุทธิ์มากกว่าพลังปราณไฟในตอนแรกเริ่ม หลังจากผ่านการขัดเกลากลั่นกรองอย่างไม่หยุดยั้ง แก่นสารปราณไฟจะยิ่งบริสุทธิ์ขึ้นเป็นลำดับ ท้ายที่สุดจะก่อตัวเป็นแหล่งกำเนิดธาตุไฟ ซึ่งจะแผ่ซ่านแก่นสารปราณไฟออกมาจากร่างกายของมันอย่างไม่มีหมดสิ้น
จั่วม่อยังคงอยู่ในขั้นตอนที่สามารถแปรเปลี่ยนพลังปราณให้กลายเป็นปราณห้าธาตุได้เท่านั้น
แต่ตราบเท่าที่เจดีย์ห้าสีมีแก่นสารปราณห้าธาตุ มันสามารถนำแก่นสารปราณห้าธาตุออกมาใช้ได้โดยง่ายดาย การร่ายเวทวิชาห้าธาตุทุกวิชาจะกลายเป็นสะดวกสบายถึงที่สุด มิหนำซ้ำพลังอำนาจของเวทวิชาห้าธาตุเหล่านี้ ยังจะเหนือล้ำกว่าพลังอำนาจของเวทวิชาที่มันร่ายออกมาด้วยตัวเองไปไกลโข
สิ่งเดียวที่จั่วม่อรู้สึกเศร้าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง คือแก่นสารปราณห้าธาตุในเจดีย์ห้าสียิ่งใช้ยิ่งลดน้อยลง ไม่ได้มีการเติมเต็มหลังจากการใช้งาน นี่จำเป็นต้องให้มันใช้วัตถุดิบเติมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง มีเพียงต้องหลอมสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ และสร้างแหล่งกำเนิดปราณห้าธาตุขึ้นมาในโลกย่อยภายในเจดีย์ จึงจะสามารถก่อเกิดแก่นสารปราณห้าธาตุได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งเรื่องนี้ห่างไกลจากจั่วม่อไม่ต่างอันใดกับดาวบนท้องฟ้า
จั่วม่อมีวิชาคำนวณที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนผู้ใด
มันเริ่มจากคำนวณว่าเวทวิชาหนึ่งต้องใช้แก่นสารปราณห้าธาตุเท่าใด จากนั้นแปลงปริมาณแก่นสารปราณห้าธาตุให้เป็นพืชหญ้าปราณระดับสาม สุดท้ายจึงแปลงค่าพืชหญ้าปราณให้เป็นจิงสือ...
ท่านย่ามันเถอะ! ราคาแพงกระไรปานนี้!
จั่วม่อเจ็บปวดใจจนมือไม้สั่นระริก มันตั้งปณิธานในทันที ว่าจะไม่ใช้แก่นสารปราณห้าธาตุในเจดีย์ เว้นเสียแต่ว่าจะจวนตัวถึงที่สุดจริงๆ
ทุกวันนี้ แม้แต่ยุทธภัณฑ์เวทที่ดี ก็ยังมีราคาค่าใช้งานแพงมาก! มันสามารถซื้อ แต่ไม่มีปัญญาใช้งาน
แต่ถึงกระนั้น เจดีย์ห้าสีสำหรับจั่วม่อแล้วนับว่ามีประโยชน์ใช้สอยเหลือคณานับ มันยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มการควบคุมพลังห้าธาตุ สามารถใช้หนุนเสริมในการเพราะปลูกพืชหญ้าปราณ หลอมกลั่นโอสถ หลอมสร้างยุทธภัณฑ์ ไปจนถึงใช้ในการก่อตั้งค่ายกล
“ของเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เลวเลยนี่!” ผูเยาจู่ๆ ก็โผล่ออกมา จ้องมองเจดีย์ห้าสีในมือจั่วม่อเขม็ง สีหน้ามันไม่ค่อยน่าดูเท่าใด
“เฮะเฮะ...” จั่วม่อถูกผูเยาจ้องมองจนขนหัวลุก รู้สึกอับอายไม่น้อย อย่างไรก็ตาม แม้จะตระหนก แต่มือของมันไม่ได้เชื่องช้าเลย รีบโยนเจดีย์ห้าสีเข้าไปในแหวนมิติทันควัน
“ไม่เลว ไม่เลว เวลานี้กระทั่งแหวนมิติเจ้าก็มีแล้ว” สุ้มเสียงผูเยามุ่งร้ายมากขึ้นทุกที ในที่สุดมันก็ทราบ ว่าไฉนไม่มีจิงสือหลงเหลือเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“นี่เป็นการลงทุนสำหรับทำกำไรจิงสือในภายหลัง หากไม่คิดลงทุนบ้าง จะผลิตสินค้าดีๆ ออกมาได้อย่างไรเล่า!” จั่วม่อกล่าวเฉไฉไร้สาระ ในใจมันยิ่งรู้สึกไม่ดีชัดขึ้นๆ ทุกขณะ
“ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยพอใจข้านัก” ใบหน้าผูเยาจู่ๆ ก็สงบลง เริ่มหันไปแต่งเล็บอย่างเรื่อยเฉื่อย
เท้าเปล่าไม่กลัวใส่รองเท้า....ข้าไม่มีอะไรจะเสียสักหน่อย!
จั่วม่อปลุกปลอบใจตนเอง พลันฮึกเหิมขึ้นมา “นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เจ้าให้แก่ข้าล้วนแล้วแต่บัดซบ!”
“บัดซบ?” สีหน้าของผูเยาเวลานี้น่าดูชมไม่น้อย ดูปัญญาอ่อนเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องนี้ไม่กล่าวถึงยังพอทำเนา แต่พอเปิดประเด็นขึ้นมา จั่วม่อยิ่งคิดก็ยิ่งเดือดดาล มันกระเด้งตัวขึ้น ชี้ไปยังจมูกของผูเยา เริ่มก่นด่ารัวเร็ว “ยังจะมีหน้ามาถามอีก? เจ้าเคยให้สิ่งดีๆ กับข้าบ้างหรือไม่? เคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด แทบจะพรากชีวิตน้อยๆ ของเกอ! ไหนจะแผนผังปิศาจกับเมล็ดพันธุ์อสูรเล่า พลังปราณของเกอไม่รุดหน้าอีกต่อไป! หอมจรุงไม่ลืมเลือน เหอะ ไม่ลืมเลือนน้องสาวเจ้าเถอะ! ไข่มุกหยินอีกเล่า ตาแก่ด่านจินตันป่าเถื่อนฝูงใหญ่เกือบจะถลกหนังเกอ เลาะเอากระดูกเกอไปต้มน้ำแกง! เจ้าเป็นพ่อค้าฉ้อฉล คดโกง! สินค้าของเจ้ามีแต่ผายลม...”
เห็นจั่วม่อระเบิดความเดือดดาลออกมาไม่สิ้นสุด ผูเยาอ้าปากหวอ ได้แต่เหม่อมองมันอย่างโง่งม