TWO Chapter 216 ศาลาแห่งความฝัน
TWO Chapter 216 ศาลาแห่งความฝัน
(***หมายเหตุ ต่อจากนี้จะใช้กระบี่แทนดาบนะครับ)
ในช่วงค่ำ โอหยางโชวได้จัดงานเลี้ยงที่ภัตตาคารสานกู่ เพื่อต้อนรับซ่งเหวินและซ่งเจี๋ย
มันเป็นเพียงงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในครอบครัว โอหยางโชวจึงชวนมาเพียง ขุ่ยหยิงหยู, มู่ฉิงซี, เสี่ยวเยว่ และแน่นอนว่าจะขาดเด็กน้อยคนนี้ไปไม่ได้ ปิงเอ๋อ เธอได้ตามติดซ่งเจี๋ยมาทั้งวัน และตอนนี้พวกเธอก็ได้ใกล้ชิดกันมาก ที่โต๊ะอาหาร ปิงเอ๋อยืนยันว่าเธอต้องการจะนั่งข้างๆซ่งเจี๋ย โดยไม่สนใจพี่ชายของเธอ
ระหว่างงานเลี้ยง เสี่ยวเยว่มองอย่างแปลกๆเล็กน้อย ซักพัก เธอก็เข้าใจว่าโอหยางโชวมีแฟนแล้ว เป็นธรรมดาที่เธอจะมองออก เพราะผู้หญิงมักจะไวต่อเรื่องแบบนี้เสมอ ปกติแล้วโอหยางโชวจะเฉียบคมมาก แต่ในครั้งนี้ เขาพลาดเหมือนมือใหม่ ที่เชิญเสี่ยวเยว่มาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้
หลังจากงานเลี้ยงจบ โอหยางโชวก็เชิญซ่งเหวินไปพักที่โรงแรม สำหรับซ่งเจี๋ย โอหยางโชวได้สั่งให้ฉีสือทำความสะอาดอาคารด้านทิศตะวันออกไว้สำหรับเธอก่อนหน้านี้แล้ว มันจะเป็นที่พักอาศัยของเธอในเมืองซานไห่
กลับไปที่คฤหาสน์ของลอร์ด ขุ่ยหยิงหยูและมู่ฉิงซีได้กล่าวลา และกลับไปที่อาคารของพวกเธอ จากนั้น โอหยางโชวก็บอกให้ฉีสือพาปิงเอ๋อไปอาบน้ำ หลังจากที่วันนี้เธอได้เล่นมาทั้งวันแล้ว
ปัจจุบัน ฉีสือได้ทำหน้าที่ที่โอหยางโชวเคยทำทุกอย่าง เธอเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องต่างๆของปิงเอ๋อ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นดั่งเรื่องของเจ้าหญิงและอัศวินขี่ม้าขาว แต่มันเป็นดั่งเรื่องเจอร์นี่ที่มาจากทางตะวันตก
หลังจากที่ได้ใช้เวลากับฉีสือเป็นเวลานาน ปิงเอ๋อก็ติดฉีสือเป็นอย่างมาก และฉีสือเองก็ดูแลปิงเอ๋อเป็นอย่างดี ทำให้ปิงเอ๋อปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นแม่ของเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกของทั้งสองนั้นลึกซึ่งมาก
ในค่ำคืนที่เงียบสงบนี้ โอหยางโชวได้พาซ่งเจี๋ยมายังอาคารด้านทิศตะวันออก โครงสร้างของมันคล้ายกับอาคารหลัก และยังได้รับการออกแบบออย่างประณีต โอหยางโชวไม่ได้จ้างแม่บ้านให้กับเธอ เขาปล่อยให้เธอเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ดังนั้น ในวันนี้ ปานเซี่ยจึงเป็นคนมาให้บริการเธอ และช่วยเธอทำความเข้าใจกับที่พักอาศัยใหม่ของเธอ
แสงจันทร์ที่บริสุทธิ์ได้ส่องลงมายังอาคาร ซ่งเจี๋ยยังไม่ง่วงนอน เธอจึงขอให้โอหยางโชวมานั่งมองท้องฟ้าพร้อมกับเธอ ปานเซี่ยนำชาและผลไม้มาให้พวกเขา ก่อนจะกลับไปจัดห้องต่อ
ซ่งเจี๋ยพิงไหล่ของโอหยางโชว แล้วเรียกเขา “คนโง่”
“หืม?” โอหยางโชวเดาว่ามีบางอย่างในใจเธอ
ภาพของความกลัวและความวิตกกังวลปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ ขณะที่เธอพึมพำออกมาว่า “คนโง่ ข้าไม่อยากจะเป็นภาระของเจ้าเลย”
ก่อนหน้านี้ ซ่งเจี๋ยคิดว่าโอหยางโชวมีสถานะที่ดีในเกมส์ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะน่าเหลือเชื่อขนาดนี้ ในสงครามมู่เย่ เธอได้เห็นเขานำกองทัพด้วยตัวเอง เขาดูสง่างามและน่าเกรงขามมาก ขณะเธอทำได้เพียงมองดูเขาอย่างหวาดหวั่นเท่านั้น
ข้างๆเขาก็มีคนในอุดมคติ สงบเยือกเย็นและสง่างามอย่างไป๋ฮัว, สง่างามและทรงเกียรติอย่างเฟิงฉิวฮวง หรือแม้กระทั่งสาวน้อยน่ารักอย่างมู่หลานเยว่ และพวกเธอทั้งหมดยังเป็นลอร์ดผู้ควบคุมคนจำนวนมาก พวกเธอเป็นพันธมิตรที่ดีของเขา เป็นเพื่อนและเป็นโล่ที่แข็งแกร่ง คอยช่วยเขายากที่เขาลำบาก ขณะที่เธอทำได้เพียงยืนดูอยู่เฉยๆเท่านั้น เธอไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย สิ่งนี้ทำให้ซ่งเจี๋ยผู้ที่มักจะภาคภูมิในในตนเองและไม่ชอบความพ่ายแพ้ รู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโอหยางโชวได้เตรียมของขวัญอันมีค่ามากมายให้กับเธอ
โอหยางโชวเข้าใจความรู้สึกของเธอ ความแตกต่างของสถานะของพวกเขา ระหว่างในโลกจริงและในเกมส์นั้น ทำให้เธอไม่สามารถปรับตัวและยอมรับมันได้ในทันที ในโลกจริง เธอเป็นดั่งเจ้าหญิงแห่งตระกูลซ่ง เธอมีผู้ไล่ตามมากมาย และเธอเลือกที่จะรักโอหยางโชว เธอสามารถไล่ตามคนที่เธอต้องการและรักใครก็ได้ที่เธอรัก
แต่น่าเสียดาย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทำให้สิ่งเหล่านี้หายไป
กลุ่มการเงินของตระกูลซ่งที่เคยปกครองหลิงหนาน ทำได้เพียงต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในเกมส์เท่านั้น ในทางตรงกันข้าม คนธรรมดาอย่างโอหยางโชวกลับได้เป็นใหญ่เป็นโต เขากลายเป็นศูนย์กลางของผู้เล่นนับพันนับหมื่น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่ใครบางคนจะปรับตัวและยอมรับมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ
โอหยางโชวกอดเธอไว้ แล้วกล่าวเบาๆว่า “หญิงโง่ สิ่งที่ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เจ้าคิด ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ นอกจากนี้ เจ้าไม่ต้องการจะสร้างนิกายและกลายเป็นผู้นำนิกายให้กับคนทั้งหลายหรอกหรือ? ถ้าเจ้าทำได้ เจ้าคงจะช่วยข้าได้มากเลย”
“นิกายจะช่วยท่านได้จริงๆหรือ?” ดวงตาของซ่งเจี๋ยจ้องไปที่เขาอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย
โอหยางโชวพยักหน้า “แน่นอน นายกองทหารองครักษ์ของข้า ก็เป็นลูกศิษย์โดยตรงจากศูนย์ศิลปะการต่อสู้ ถ้าคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เจ้าร่วมกับกองทัพ มันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการต่อสู้ พวกเขาก็สามารถเข้าร่วมฝ่ายสอดแนม, เป็นมือสังหาร, เป็นผู้คุ้มกัน ฯลฯ แน่นอนว่าพวกเขาจะมีประโยชน์กับดินแดนอย่างมาก”
“เยี่ยม งั้นข้าจะเริ่มรับสมัครศิษย์ทั่วไปในวันพรุ่งนี้เลย” ซ่งเจี๋ยได้ศึกษาวิธีการสร้างนิกายมาแล้ว นอกเหนือจากการบ่มเพาะหลักแล้ว สิ่งที่เธอยังขาดอยู่ก็คือ ศิษย์ 500 คน
“นี่ซิถึงจะเป็นซ่งเจี๋ยที่ข้ารู้จัก!” โอหยางโชวกล่าวออกไปอย่างมีความสุข
ซ่งเจี๋ยรีบชกเขา “ท่านรู้ดีจริงๆ ว่าจะให้ทุกคนมีความสุขได้อย่างไร”
ทั้งสองคนยังคงๆไว้วางใจซึ่งกันและกัน โอหยางโชวอธิบายถึงประสบการณ์ของเขาในเกมส์ วิธีการที่เขาจัดการกับเควสการสร้างหมู่บ้าน, วิธีที่เขาสร้างหมู่บ้านซานไห่, วิธีที่เขาเผชิญหน้ากับการรุกรานของสัตว์ร้าย, และวิธีการที่เขาสร้างพันธมิตรซานไห่
ซ่งเจี๋ยหลงไหลในเรื่องราวของเขา ราวกับว่าเธอได้ผ่านประสบการทั้งหมดมาพร้อมกับเขา และมันได้เติมเต็มความทรงจำร่วมกันที่ขาดหายไป โอหยางโชวที่อยู่ด้านหน้าของเธอค่อยๆกลายเป็นคนที่เธอคุ้นเคย และเมื่อรวมกับความทรงจำอันดีของพวกเขา ตอนนี้ ระยะห่างระหว่างพวกเขาได้หายไปอีกครั้ง
ในค่ำคืนที่มืดมิดและเงียงสงบนี้ รอบข้างของพวกเขามีเพียงเสียงจิ้งหรีดที่หลบอยู่ในมุมเท่านั้น ที่เปล่งเสียงออกมา
โอหยางโชวบอกให้เธอออกไปพักผ่อนก่อนในวันนี้ ส่วนเขากลับไปที่อาคารหลักเพื่อทำการบ่มเพาะต่อ
………………………………………………………………………..
เช้าวันรุ่งขึ้น โอหยางโชวได้พาซ่งเหวินไปทัวร์เมืองซานไห่ เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของเมืองซานไห่แล้ว ซ่งเหวินรู้สึกว่า เมืองเทียนซวงของเขาเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆและยากจน มันดูขาดแคลนอย่างมาก
ซ่งเจี๋ยได้ทำในสิ่งที่เธอได้กล่าวว่า เธอบอกให้ทหารองครักษ์ช่วยเหลือเธอ ปิดประกาศเกี่ยวกับการรักสมัครศิษย์ที่ประตูด้านทิศเหนือและประตูด้านทิศตะวันตก สมาชิกของนิกายสามารถเป็นได้ทั้งผู้เล่นและNPC
ประกาศของซ่งเจี๋ยเต็มไปด้วยพลังและน่าสนใจ
‘ท่านต้องการจะบินขึ้นบนกำแพงหรือไม่? ท่านต้องการที่จะเดินทางไปทั่วโลกด้วยทักษะเดียวหรือไม่? ท่านต้องการมีชื่อเสียงกับกระบี่เพียงเล่มเดียวหรือไม่? ข้าผู้เชี่ยวชาญเจี๋ยฉีรู่เมิ่ง มีทั้งเทคนิคลับ คัมภีร์เก้าหยินและเพลงกระพี่เยว่นู่ และกำลังรับสมัครศิษย์ ในจำนวนจำกัดเท่านั้น หากใครสนใจ โปรดติดต่อผู้จัดการคฤหาสน์ของลอร์ด ฉีสือ’
ซ่งเจี๋ยฉลาดมาก เธอใช้ชื่อของคฤหาสน์ของลอร์ดและคนของที่นั่น ซึ่งมันช่วยเพิ่มชื่อเสียงและความน่าสนใจให้กับตัวเธออย่างมาก
หลังจากที่ปิดประกาศแล้ว ซ่งเจี๋ยก็ไม่ได้เกียจคร้าน เธอขอให้โอหยางโชวจัดทหารองครักษ์บางส่วนติดตามเธอออกจากเมือง เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างนิกายของเธอ
โอหยางโชวต้องการให้เธอสร้างนิกายในเมือง เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเธอทางไปมามากนัก อย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการจะพึ่งเขามากเกินไป และเธอก็คิดว่า นิกายที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนเขานั้นไม่ใช่นิกายที่แท้จริง
โอหยางโชวหมดหนทาง เขาทำได้เพียงทำตามที่เธอต้องการเท่านั้น
ในช่วงบ่าย ซ่งเหวินได้กลับเดินทางกลับไปเมืองเทียนซวง เมื่อซ่งเจี๋ยได้ออกไปข้างนอก เธอจึงไม่ได้มาส่งเขา เขาจึงทำได้เพียงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
ในช่วงค่ำ ซ่งเจี๋ยได้กลับมาก่อนอาหารค่ำเล็กน้อย
“เป็นเช่นไรบ้าง? เจ้าหาสถานที่ที่เหมาะสมพบหรือไม่?” โอหยางโชวถามเธอ
ซ่งเจี๋ยส่ายหัวด้วยความเสียใจ “ไม่เลย ทางฝั่งตะวันตกของดินแดนเป็นป่า และแทบจะไม่มีแม้แต่เนินเขา หรือภูเขาเลย”
โอหยางโชวพยักหน้า “พรุ่งนี้ข้าจะตามเจ้าไปทางฝั่งตะวันออก ที่นั่นมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ดังนั้น มันอาจจะมีบางแห่งที่เหมาะสม”
“เยี่ยม!”
เมื่อถึงเวลาทานอาหารค่ำ ขุ่ยหยิงหยูก็หัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่ อาคารด้านทิศตะวันออกควรจะมีชือได้แล้วใช่หรือไม่?”
โอหยางโชวพยักหน้า และมองไปที่ซ่งเจี๋ย “หยูเอ๋อกล่าวถูกต้อง เจ้าต้องการจะตั้งชื่อมันว่าอะไร?”
ซ่งเจี๋ยกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ศาลาแห่งความฝันเป็นอย่างไร?” เธอมองไปที่โอหยางโชวด้วยความกระตือรือร้น
แน่นอนว่าเขาตกลง
ขุ่ยหยิงหยูแทบจะหัวเราะออกมา แทบไม่บ่อยนักที่เธอจะเห็นโอหยางโชวแสดงความอ่อนโยน
“พี่สาวซ่งเจี๋ย พรุ่งนี้ท่านพอจะมีเวลาไปที่ร้านตัดเย็บได้หรือไม่? ข้าจะได้ช่วยตัดเย็บเสื้อผ้าให้ท่านซักเล็กน้อย” มู่ฉิงซีเริ่มจะโจมตีด้วยเสื้อผ้าของเธอ
ดวงตาของซ่งเจี๋ยเป็นประกาย “ดีเลย ข้าได้ยินมาว่า ทักษะของเจ้านั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อได้เห็นชุดที่พวกเจ้าได้สวมใส่กันแล้วข้าก็อิจฉาจริงๆ” ซ่งเจี๋ยอิจฉาจริงๆ เมื่อวานนี้ปิงเอ๋อได้โชวชุดทั้งหมดของเธอให้ซ่งเจี๋ยดู เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ
มู่ฉิงซียิ้มเล็กน้อย เธอไม่ได้สนิทกับซ่งเจี๋ย ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ซุกซนเท่ากับตอนที่คุยกับโอหยางโชว
โอหยางโชวมองไปที่ปิงเอ๋อที่นั่งข้างๆซ่งเจี๋ย แล้วกล่าวว่า “เด็กน้อย ยังเหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ ก่อนที่โรงเรียนจะเปิด เจ้าจะไม่สามารถเล่นซนได้อีกแล้ว ด้วยเวลาสั้นๆนี้ เจ้าได้ดูเหมือนคนป่าแล้วรู้ตัวหรือไม่?”
ปิงเอ๋อหัวเราะอย่างอับอาย เด็กน้อยคนนี้รู้ว่าเธอเล่นมากเกินไปในช่วงวันหยุดยาวนี้ เมื่อรวบกับที่ไม่ได้ทำการบ้านในวันหยุดเลย เธอก็กลายเป็นติ๊งต๊องมากขึ้น
“ข้ารู้” ปิงเอ๋อหยักหน้าอย่างน่ารัก และถอนหายใจอย่างคนชรา ก่อนจะกล่าวว่า “เฮ้อ ปิงเอ๋ออยากโตเร็วๆจัง”
“ทำไมถึงได้อยากโตเร็วๆล่ะ?”
“ก็หลังจากที่โตแล้ว ข้าก็จะเป็นเหมือนกับพวกพี่ชายและพี่สาว ไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนอีก” คำกล่าวของปิงเอ๋อมีความหมายที่ลึกซึ่งมาก
โอหยางโชวแทบจะเป็นลม เด็กน้อยคนนี้เคยชอบการไปโรงเรียน แต่ด้วยวันหยุดที่ยาวนาน มันทำให้หัวใจของเธอเปลี่ยนไป
“เจ้า อง...ช่างซุกซนจริงๆ” โอหยางโชวกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการจะไปโรงเรียน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะเชิญครูภาษาจีนมาให้เจ้าที่นี่”
ปิงเอ๋อขมวดคิ้ว “พี่ชาย อย่าเลยนะ โอเค๊?”
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?” โอหยางโชวไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใช้ฐานะของพี่ชาย
เด็กน้อยฉลาด และเธอรู้ว่าเขาโกรธ ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าปฏิเสธเขาอีก เธอหันไปหาซ่งเจี๋ย และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร “พี่สาว...”
ซ่งเจี๋ยหลงไหลปิงเอ๋อ และเกือบจะเคลิบเคลิ้มไปกับสายตาที่ส่องประกายของเธอ แต่เธอไม่สามารถเอาชนะฐานะพี่ชายของโอหยางโชวได้ เธอจึงทำได้เพียงส่ายหัว ซึ่งมันทำให้ปิงเอ๋อหดหู่เป็นอย่างมาก
แฟนเพจ : TWOแปลไทย