ตอนที่แล้วบทที่ 32: ระยะปลอดภัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34: การค้นพบที่แสนมหัศจรรย์

บทที่ 33: สำรวจถ้ำ


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 33: สำรวจถ้ำ

“ไม่มีอะไรมาก ข้าเพียงฝึกฝนมันเพียงเล็กน้อย หลังจากที่ร่างกายข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าก็ปรับมาเป็นฝึกฝนเวทมนตร์สายฟ้าแทน อีกอย่างข้าคิดว่าทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก!” เจ้าอ้วนตอบลวก ๆ

“โอ้ สวรรค์ สิ่งนี้มิได้เรียกว่าเลวร้ายงั้นหรือ? สิ่งนี้คือการฝึกตนชั้นยอด!” หานหลิงเฟิงและเจ้าลิงอุทานออกมาพร้อมกัน

“เจ้าอ้วนสิ่งที่เจ้ากำลังฝึกฝนมันทำได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ? ข้าอยากฝึกเช่นกัน!” หานหลิงเฟิงถามอย่างอดกลั้น

“อย่าได้คิดฝัน!” เจ้าอ้วนยักไหล่พร้อมกล่าวออกมาอย่างสุขุม “สิ่งนี้ใช้ได้กับเหล่าผู้ฝึกตนที่มีองค์ประกอบของธาตุทั้งห้าเท่านั้น นอกเหนือจากอัจฉริยะผู้นี้แล้วไม่มีผู้ใดฝึกฝนได้!”

“หืม? พรสวรรค์ทั้งห้าองค์ประกอบ? อัจฉริยะ? ในความทรงจำของข้าจำได้เพียงว่ามันคือขยะ!” หานหลิงเฟิงกล่าวด้วยความตกตะลึง

“เจ้าหมายความว่าข้าเป็นขยะงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนเริ่มมีอารมณ์เกรี้ยวกราด

“อา สามีข้า แน่นอนว่าเจ้าไม่ใช่ แต่สำหรับผู้อื่นเขากล่าวกันเช่นนี้ อา อย่าบอกข้านะว่าวิธีการฝึกตนของเจ้านั้นเป็นวิธีการพิเศษ?” หานหลิงเฟิงกล่าวอย่างรวดเร็ว

“มันควรจะเป็นเช่นนั้น!” เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อ “เอาล่ะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ขณะนี้เราควรพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้เสียก่อน! แม้ว่าอีกาโลหิตจะไม่สามารถข้ามผ่านน้ำตกมาได้ในตอนนี้ แต่เราก็ไม่สามารถออกไปได้เช่นกัน ดูคล้ายว่าพวกมันกำลังรอเราอยู่ เราควรจะทำเช่นไรดี?”

“เหตุใดจึงไม่รอสักวันสองวัน? บางทีไข่ของมันที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวของข้าจะถูกล้างไปด้วยน้ำจนหมดสิ้น มันอาจจะล้มเลิกและรามือไปก็ได้!” เจ้าลิงกล่าว

“ข้าเคยได้ยินว่าอีกาโลหิตนั้นมีความรู้สึกนึกคิด ใครก็ตามที่ไปทำร้ายพวกมันก่อน พวกมันจะไม่มีวันลืมและรอคอยการแก้แค้นหากพบเจอกันอีกครั้ง ในตอนนี้พวกมันรู้จักเราแล้วแม้ว่าเราจะไม่เกี่ยวกับไข่ก็ตาม มันจะโจมตีทันทีที่เราออกไปด้านนอกนั้น” หานหลิงเฟิงกล่าวอย่างหมดหนทาง

“แล้วเราควรทำเช่นใด? อย่าบอกนะว่ามีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่เบื้องหน้า?” เจ้าลิงพูดอย่างหมดหวัง

“ตอนนี้เราไม่สามารถออกไปด้านนอกได้ ดังนั้นเราต้องเดินเข้าไปเท่านั้น!” เจ้าอ้วนชี้เข้าไปภายในถ้ำพร้อมกล่าวต่อ “หากว่าเราโชคดีอาจจะพบเจอทางออกอื่น หากว่าไม่ก็คงทำได้เพียงรอคอยความตายเท่านั้น!”

“อา นับตั้งแต่ที่ข้าได้พบเจ้า โชคของข้านับว่าดีมาก!” หานหลิงเฟิงยิ้มพร้อมกล่าวต่อ “ข้ามั่นใจในตัวเจ้า!”

เจ้าอ้วนและหานหลิงเฟิงยิ้มให้แก่กัน เขากล่าวต่อ “หากเข้าใจในสถานการณ์แล้ว มุ่งหน้าเข้าไปกัน!” หลังจากพูดจบ เจ้าอ้วนจึงเดินนำหน้าเข้าไปภายใน ในบรรดาคนทั้งสามเขาเป็นบุคคลที่ทนต่อการโจมตีได้มากที่สุด จึงทำให้เขากลายเป็นผู้นำของกลุ่มไปโดยปริยาย เจ้าลิงเดินตามหลังเขาพร้อมกับหานหลิงเฟิงเดินอยู่ด้านหลัง

ทั้งสามเดินเข้าไปภายในถ้ำเพื่อตรวจสอบ พวกเขาถือดาบไว้ในมือพร้อมระมัดระวังตนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา เทือกเขาแห่งนี้มีสัตว์ร้ายอยู่มากมายพร้อมจะปรากฏตัวทุกเมื่อ ทั้งหมดจึงระวังอย่างยิ่งในการสำรวจครั้งนี้ ที่ลานกว้างของสำนักเสวียนเทียนได้มีบันทึกมากมายเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ไว้ มีบันทึกหลายฉบับจากอาวุโสต่าง ๆ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอันตรายที่อยู่ในถ้ำ มีส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตและส่วนน้อยเท่านั้นออกมาเล่าให้ผู้อื่นฟังว่าเกิดสิ่งใดขึ้น มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในที่แห่งนี้ทำให้ทั้งสามคนไม่สามารถประมาทได้

จากที่บันทึกไว้ในสำนักเสวียนเทียน เหล่าผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ศิษย์ที่มีระดับต่ำสำรวจถ้ำ หากมิใช่ว่าพวกเขาถูกบังคับให้เข้ามา เช่นนั้นแล้วการสำรวจครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ถ้ำที่เจ้าอ้วนกำลังยืนอยู่ก็ไม่ได้มีขนาดเล็ก มันสูงร้อยเมตรและลึกมาก กำแพงหินเรียบสนิทมีสีเขียวจาง ๆ เต็มไปด้วยหินย้อยและพื้นดินก็เต็มไปด้วยหลุมมากมาย ในเวลาเดียวกันทั้งสามคนรู้สึกถึงปราณจิตวิญญาณที่หนาแน่น ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ยิ่งพบว่าหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น

แต่ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดกำลังเผชิญกับปราณจิตวิญญาณอันหนาแน่น พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจอยู่ภายใน

หลังจากก้าวต่อไปได้เพียงไม่กี่ลี้ พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายใด ๆ บางครั้งมีเพียงซากมนุษย์เหลือไว้เพียงโครงกระดูกและซากของเหล่าสัตว์ร้ายเท่านั้น เจ้าอ้วนหยิบซากเหล่านั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งพร้อมกล่าวว่า “ปราณจิตวิญญาณของสัตว์ร้ายตนนี้ช่างหนาแน่น ข้าเคยได้อ่านมาบ้างในบันทึกของนิกาย มันเป็นสัตว์ร้ายที่อยู่ในระดับสูง”

“ข้าเคยเห็นวัสดุบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน รู้หรือไม่ว่ากระดูกนี้อยู่ที่นี่มานานเพียงใด?” หานหลิงเฟิงกล่าวต่อ “คล้ายกับว่ามันมีอายุนับสิบปี ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ในบันทึกสถานที่แห่งนี้มีสัตว์ร้ายระดับสูงมากมาย แต่ทว่าอากาศกลับสดชื่นมากและไม่มีพิษเลย”

“หืม?” เจ้าอ้วนได้ยินเสียงดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึก ๆ ถึงสองครั้งพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมจริงด้วย หรือข้าคิดมากไป?”

“อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่เหลือหนทางที่จะหนี มุ่งหน้าไปต่อ!” หานหลิงเฟิงแนะนำ

“พูดได้ดี!” เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกับเดินต่อไป

หลังจากผ่านมาระยะหนึ่งพวกเขาทั้งหมดพบเจอกับทางแยก ทางหนึ่งกว้าง ทางหนึ่งแคบ ทางหนึ่งมีปราณจิตวิญญาณหนาแน่น อีกทางหนึ่งรับรู้ได้เพียงเบาบางเท่านั้น

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เจ้าอ้วนรู้สึกสมองทึบได้แต่หันกลับไปถามพวกพ้อง “เราจะไปทางใด? ทางที่กว้างหรือแคบ?”

“ไปเส้นทางที่กว้างมีโอกาสที่จะพบทางออกสูงกว่า!” เจ้าลิงตอบ

“ข้าไม่เห็นด้วย ข้ารู้สึกว่าการเดินในทางแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณหนาแน่นดีกว่า!” หานหลิงเฟิงกล่าวอย่างรวดเร็ว “สถานที่ที่มีปราณจิตวิญญาณหนาแน่นเช่นนี้ ใครก็รู้กันดีว่ามันมักจะมีสมบัติซ่อนอยู่!”

“สมบัติ?” เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของเจ้าอ้วนและเจ้าลิงส่องประกายสว่างสดใสขึ้นทันที หลังจากที่หานหลิงเฟิงกล่าวจบ พวกเขาก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เจ้าอ้วนกลับสู่อาการปกติอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวออกมาด้วยความกังวล “มีโอกาสสูงมากที่เราจะพบเจอสมบัติ ปัญหาก็คือมักจะมีเหล่าอสูรกายที่แข็งแกร่งเฝ้าสมบัติเหล่านั้นอยู่ พวกเราทั้งสามเป็นเพียงผู้ฝึกตนหน้าใหม่ระดับเซียนเทียน พวกเราทั้งหมดคงถูกไล่ล่าจนกลายเป็นเพียงสุนัขที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดมากกว่าจะชนะจนเอาสมบัติมาได้กระมัง?”

“ข้าก็กังวลเรื่องนี้อยู่พอสมควร!” เจ้าลิงกล่าวออกมาตรง ๆ

“ข้าคิดว่านี่ไม่ใช่ปัญหามากนัก เทือกเขาโลหิตแห่งนี้ไม่ได้น่ากลัวเช่นนั้น เหล่าปีศาจที่แข็งแกร่งอยู่ในระดับสี่และห้าน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกตนสายเพาะเลี้ยงระดับปฐมภูมิ” หานหลิงเฟิงกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ทั้งเจ้าลิงและข้านั้นเป็นมือใหม่ในระดับเซียนเทียนแต่เจ้าแตกต่างออกไป อย่าลืมว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคือผู้ฝึกตนที่รู้เวทมนตร์สายฟ้า ไม่สามารถเทียบกับเหล่าผู้คนปกติได้!”

“โอ้” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินดังนั้น เขาตะลึงไปชั่วขณะ เขาใช้เวลามาเนิ่นนานในการกระทำสิ่งต่าง ๆ ที่เหล่าคนอ่อนแอทำกัน เขาลืมตัวตนไปอย่างสิ้นเชิงว่าในตอนนี้เขาคือผู้ฝึกตนเวทมนตร์สายฟ้า ผู้ฝึกตนเวทมนตร์สายฟ้านั้นถือได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหมด โดยปกติแล้วการฝึกฝนเวทมนตร์สายฟ้าจะกระทำได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในระดับปฐมภูมิเป็นอย่างต่ำ เมื่อประสบความสำเร็จสักอย่าง เพียงแค่ความสามารถทางการโจมตี มันก็สามารถเทียบได้กับผู้ฝึกตนระดับจินตันแล้ว

แม้ว่าเจ้าอ้วนจะเป็นผู้ฝึกตนเวทมนตร์สายฟ้าที่แตกต่างออกไป แต่เขาก็มิได้มีเวทมนตร์ที่อ่อนแอ หลังจากที่เขาแสดงอสนีวารีขั้วลบให้ทุกคนดูก่อนหน้านี้ เขาใช้ไปเพียงไม่กี่ร้อยอันเพียงแค่เทคนิคการฆ่าทำให้เขาสามารถท้าทายผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิได้ นอกจากนี้เขายังมีระฆังใบใหญ่ แม้ว่ามันจะไม่มีความสามารถอื่น แต่ในการป้องกันถือว่าเลิศล้ำ มันเพียงพอแล้วที่เจ้าอ้วนจะไม่สนใจฝีมือของผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ

เวทมนตร์สายฟ้าที่มีพลังทำลายแข็งแกร่งบวกกับระฆังใบยักษ์ที่ป้องกันทุกสิ่งอย่างได้ จึงไม่สามารถมองว่าเจ้าอ้วนคือมือใหม่ได้อีกต่อไป

หลังจากเข้าใจทุกสิ่งแล้ว เจ้าอ้วนรู้สึกอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตนเองพร้อมยักไหล่และพูดว่า “ก็ได้ ข้ายอมรับว่าข้าประมาณตนเองต่ำไป หากเป็นเช่นนั้นพวกเราเข้าไปดูข้างในกันเถิดว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่!”

หลังจากพูดจบ เจ้าอ้วนดึงทุกคนเข้ามาอยู่ใกล้กันพร้อมกับเดินนำเข้าไปในทางที่เต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณหนาแน่น แม้ว่าหนทางจะเล็กลงแต่ก็ยังสูงกว่ายี่สิบฟุต และมีเสียงหยดน้ำดังออกมาจากด้านใน

หลังจากเดินกันอยู่ภายในมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเขายังไม่พบทางตันของถ้ำนี้ แต่ในเวลานั้นเจ้าลิงที่อยู่ตรงกลางได้ร้องออกมาอย่างกระทันหัน “พี่น้องอ้วน ดูนั่น”

เมื่อพูดจบเจ้าลิงก็คว้าชายเสื้อของเจ้าอ้วนพร้อมชี้ไปที่กำแพงถ้ำสีเขียวที่ดูคล้ายกับว่ามีสิ่งใดยื่นออกมา

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด