Chapter 59: ตราบเท่าที่ผมอยู่กับเธอได้
Chapter 59: ตราบเท่าที่ผมอยู่กับเธอได้
“ฆ่าไอ้เหี้...นั่นให้ฉัน!!”
พี่ชายฮุยนั้นเป็นนักเลงท้องถิ่นและเคยรังแกคนอื่นเสมอๆ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่พ่ายแพ้ เขาก็ไม่สามารถที่ควบคุมความโกรธของเขาเอาไว้ได้ เขาตะโกนอย่างดังก้องแล้วเขาก็ชักมีดออกมา และฟันไปที่หวังหยู่
หวังหยู่ผลักมู่จี่เซียนไปหลบด้านหลังเขา แล้วเขาก็จับไปที่ข้อมือของพี่ชายฮุดแล้วก็บินแขนของเขาไปด้านหลังหัว แล้วเขาก็ใช้มืออีกข้างดึงศอกเข้าไปด้านหลัง
“แคร๊ก….”
เสียงกระดูกแตกดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ช่วงบริเวณไหลของพี่ชายฮุ่ยนั้นโดนบิดจนหัก แล้วแขนของเขาก็ห้อยต่องแต่งอยู่ด้านข้าง
ในชั่วพริบตา แขนทั้งสองข้างของพี่ชายฮุยนั้นก็หักลง ความเงียบนั้นก็เติมเต็มเข้าไปทั่วห้องแล้วฝูงชนก็กลายเป็นตื่นตระหนก
หวังหยู่จ้องอย่างเย็นชาไปที่พี่ชายฮุย ที่กำลังโอดครวญอย่างมากกับบาดแผล โดยปราศจากการสงสารใดๆ
ถึงแม้ว่าว่าหวังหยู่นั้นจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มายี่สิบเอ็ดปี เขานั้นมีกฏต้องห้ามของตระกูลว่าห้ามใช้ความสามารถกับคนธรรมดาทั่วไป ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ นี่เป็นเพียงครั้งที่สามสำหรับหวังหยู่ที่ใช้ความสามารถของเขา นอกจากการปะมือกัน
ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ครั้งที่สองนั้นเมื่อเขาพบหลี่ซัวและครั้งนี้คือครั้งที่สาม
สองครั้งนั้นเคยเปิดเผยศิลปะการต่อสู้ก็เพื่อมู่จี่เซียน ครั้งหนึ่งนั้นก็แสดงตัวอย่างกล้าหาญ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหตุผลที่ถูกต้องก็ตาม ผลที่ตามมาก็จะร้ายแรงมากถ้าครอบครัวของเขาพบมัน
แต่หวังหยู่ก็ไม่ลังเลยเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ เขามีเพียงแค่มู่จี่เซียนที่เป็นคนรักและครอบครัวของเขาเพียงคนเดียว ทั้งสองนั้นข้องเกี่ยวกันอย่างลึกซึ้งระหว่างกัน ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นค่อนข้างที่จะยากจน แต่มู่จี่เซียนนั้นก็ไม่เคยจะบ่นหรือโวยวายอะไรเลย
ในช่วงเวลานี้เอง จะเรียนศิลปะการต่อสู้ไปทำไม ถ้าเขาไม่สามารถที่จะปกป้องคนที่ล้ำค่าเพียงคนเดียวกับเขาได้ละก็ เขาจะเรียนทำไม
ครอบครัวหวัง? สิ่งเหล่านั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว!
ในขณะที่เขาจบไปในความคิด เบ๊ของพี่ชายฮุยนั้นก็ชักมีดออกมาและพุ่งมาหาเขา
หวังหยู่ก็เตะไปที่มีดของคนที่วิ่งนำมา และก็ส่งการโจมตีจากฝ่ามือข้างขวาอีกสามครั้ง
“ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!”
เสียงเจาะทะลุนั้นดังขึ้นและส่งชายสามคนกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศและกระแทกเข้ากับโต๊ะด้านข้าง
“เอาผู้หญิงคนนั้นมา!”
ชายผิวสี ที่เป็นหนึ่งในเบ๊ของพี่ชายออกคำสั่ง หลังจากเห็นความดุร้ายของหวังหยู่แล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะเมินหวังหยู่และจัดการกับมู่จี่เซียนแทน
หวังหยู่นั้นมีวิสัยทัศน์ที่กว้างขวางและการโจมตีของเขานั้นเหี้ยมโหดมาก เบ๊พวกนี้นั้นไม่ต้องการที่จะจัดการกับปีศาจแบบนี้ แล้วเขาก็รีบตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
การแสดงออกของหวังหยู่นั้นโหดเหี้ยมขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดพวกนี้ เขาก็จับไปที่ชายที่อยู่ใกล้ที่สุดกับเขาอย่างรุนแรง และขว้างเขาลงบนพื้น โดยปราศจากการเสียเวลาหรือคำพูดใดๆ หวังหยู่ก็ยกเท้าของเขาขึ้นและเหยียบย่ำลงไปบนข้อศอกของเขาอย่างรุนแรง
“แคร๊ก..”
ชายคนนี้โอดครวญอย่างเงียบงันเมื่อเขานอนอยู่บนพื้น ข้อศอกของเขานั้นแตกละเอียดด้านข้างใบหูของเขา….
การทำลายกระดูกและเส้นเอ็นนั้นเป็นสไตล์การต่อสู้อันเก่าแก่ของศิลปะการต่อสู้ที่มันถูกปรับมาใช้โดยกอง สไตล์นี้นั้นถูกรู้จักในการทำลายอันรุนแรง และมันเรียนรู้ได้ง่ายมากและมันมีประสิทธิภาพที่ดีมากอีกด้วย
ชายที่สร้างสไตล์ศิลปะการต่อสู้แบบนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปู่ของหวังหยู่ หวังหยู่นั้นนำสไตล์นี้ออกมาเปิดเผยตั้งแต่เขาเยาว์วัยและมันก็มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่กองกำลังพิเศษของกองทัพได้ใช้ซะอีก
ทุกคนในร้านนั้นหวาดกลัวกันอย่างมากโดยเสียงกระดูกที่แตกหัก ความเงียบสงบนั้นก็ปกคลุมไปทั่วทั้งร้าน
นอกจากชายผิวสีแล้ว เบ๊คนอื่นในร้านนั้นก็ถูกทำร้ายจนกระแทกลงกับพื้นและ ข้อศอกของพวกเขานั้นก็ถูกเหยียบจนแตกละเอียดโดยหวังหยู่ มันไม่ใช่แค่เคล็ด แต่มันแตกละเอียดอย่างสมบูรณ์แบบ!
ชายผิวสีนั้นตื่นตระหนกกับความเหี้ยโหดของหวังหยู่ และเขาก็แทบฉี่ราด สั่นไปอย่างควบคุมไม่ได้แล้วเขาก็พูดขึ้น “อย่า....อย่ามาทางนี้ ไม่งั้นละก็ฉันจะเรียกตำรวจ….”
“ผมแค่เล่นๆแค่นั้น ทำไมนายจะต้องจริงจังแบบนั้นละ?”หวังหยู่หัวเราะอย่างเย็นชา
“อ๊า!!!”ชายผิวสีกรีดร้องอย่างน่าสมเพศแล้วเขาก็หันหลังและกำลังจะวิ่งหนี หวังหยู่ก็ยื่นขาของเขาออกไปและทำให้ชายคนนั้นสะดุดก่อนที่จะทำลายข้อศอกของเขา เหมือนกับคนอื่น
กระดูกของคนธรรมดาจะสามารถทนแรงการโจมตีของหวังหยู่ได้ยังไง? ข้อศอกของเขานั้นก็ถูกทำลายจนแตกละเอียดโดยเพียงการโจมตีครั้งเดียวของหวังหยู่
ผู้คนที่อยู่ที่นี่นั้นตกตะลึง….
นี่คือศิลปะการต่อสู้ที่พวกเขานั้นเคยอ่านมาเสมอๆ ในหนังสืองั้นเหรอ? เมื่อคิดว่าพวกเขาเห็นศิลปะการต่อสู้ที่เขานั้นเคยเห็นมาในหนังเก่าๆ ในโลกความเป็นจริงนี่มัน…
“นี่….”หวังหยู่จ้องไปที่ฝูงชน
ทุกคนนั้นเริ่มที่จะถอยหนีในทันที
“เหี้...อะไรวะ อย่าบอกว่าชายคนนี้บ้าไปแล้ว! เขาต้องการที่จะจัดการพวกเราด้วยงั้นเหรอ?”
“พวกนายจะไม่รายงานเรื่องนี้กับตำรวจใช่ไหม….”หวังหยู่ถามอย่างลังเล
“พวกเราจะไม่รายงาน ไม่แน่นอน!”ทุกคนส่ายหัวรัวๆ
มนุษย์นั้นก็เป็นสัตว์ด้วยเช่นกัน และก็ยังคงมีสัญชาตญาณสัตว์ ถ้าไม่ใช่ความจริงที่มีการต่อสู้อันเหี้ยมโหดที่พึ่งเกิดขึ้น พวกเขาก็คงรีบวิ่งหนีไปในทันที พวกเขานั้นเห็นหวังหยู่จัดการกับคู่ต่อได้อย่างง่ายดาย ใครจะสนใจเกี่ยวกับไปรายงานตำรวจกัน?
“คุณฮีโร่ ให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดีครับ?”เจ้าของร้านถามหวังหยู่และมีความหวาดกลัวถูกเขียนไว้บนใบหน้าของเขา
“หวังหยู่! สามีของมู่จี่เซียน!”หวังหยู่ตอบกลับ
“ฮีโร่หวัง แล้วผมจะเปิดร้านต่อได้ยังไง ในเมื่อท่านทำร้ายพี่ชายฮุยจนเป็นแบบนี้…”เฒ่าหยู่รู้สึกสูญเสีย
แต่นี่ก็คือความจริง ผู้คนมากมายนั้นจะยั่วยุผู้ที่เป็นพระคุณมากกว่าการยั่วยุพวกคนชั่ว นี่คือความจริงที่ไม่ยุติธรรม นี่คือเหตุผลที่เด่นชัดว่า ทำไมครอบครัวหวังถึงไม่อนุญาตให้ลูกศิษย์ของพวกเขานั้นไปข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก
หวังหยู่นั้นก็มองไปที่เฒ่าหยู่อย่างละเอียด เขานั้นอายุห้าสิบแล้ว เขาไม่สามารถที่จะเริ่มต้นใหม่ได้
หวังหยู่เดินไปหาพี่ชายฮุย แล้วก็ถอดจี้หยกออกมาจากคอของเขาและใส่ให้กับคอของพี่ชายฮุยแล้วเขาก็พูด “ผมรีบออกมา ดังนั้นผมจึงไม่ได้นำเงินออกมาด้วย ผมจึงให้ไอ้นี่กับนายแทน อย่ากลับมาสร้างปัญหาที่นี่อีก เข้าใจไหม?”
พี่ชายฮุยนั้นพยักหน้าตกลง เขาไม่มีความกล้าที่จะปฏิเสธคำขอของหวังหยู่
“ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาจะไม่กลับมาที่นี่ในอนาคต แต่ถ้าเขามาละก็ โทรเรียกผมเลย ผมอยู่แถวนี้แหละ!”หวังหยู่ยืนขึ้นและประกาศ
“อ๊า….โอเค!”เฒ่าหยู่พยักหน้าตกลง
“ที่รัก ไปกันเถอะ! ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว อย่ากลับมาที่นี่อีกในอนาคต!”หวังหยู่จับมือของมู่จี่เซียนแล้วเขาก็พูดขึ้น
“แต่ฉันยังไม่ได้ค่าจ้างเลย…”มู่จี่เซียนบ่น หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้น เธอก็ไม่มีความคิดที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าหวังหยู่จะไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หญิงสาวที่โง่เขลาคนนี้ก็ยังคงถามหาเงินเดือนของเธอ
“นี่....นี่คือเงินเดือนของเธอ”เฒ่าหยู่รีบส่งเงิน 10000ดอลลาร์ให้กับเธอ
หวังหยู่หัวเราะ เมื่อเขารับเงินนั้นมา แล้วเขาก็หยิบเงินออกมาห้าร้อยดอลลาร์
“เธอพึ่งทำงานมาห้าวัน ดังนั้นค่าจ้างของในแต่ละวัน 80 ดังนั้นมันก็เป็น 400 ผมจะเอาไปอีก 100 เป็นรางวัลสำหรับผม ถ้าคุณไม่รังเกียจละก็…”
“ผมไม่รังเกียจเลย! ได้โปรด เอาไปเถอะ!”เฒ่าหยู่รีบตอบกลับ
หวังหยู่ยื่นเงินคืนให้กับเฒ่าหยู่ ตามธรรมชาติแล้วเฒ่าหยู่ก็ไม่ได้รังเกียจเลย แต่ไม่ใช่ว่าเขานั้นอยู่ในระดับเดียวกับพี่ชายฮุยอย่างงั้นเหรอ?
“จี้หยกของคุณนั้นมีค่ามากกว่าเงินพวกนี้ซะอีก…”มู่จี่เซียนบ่น เมื่อพวกเธอออกมาจากร้าน
“ใช่!”หวังหยู่ตอบกลับแบบไม่สนใจอะไร
จี้หยกนั้นเป็นสิ่งของที่ได้รับมาจากการเป็นลูกศิษย์ของครอบครัวหวัง ที่ซึ่งเป็นใครบางคนที่มีตำแหน่งที่สูงในครอบครัวของเขา จี้ของหวังหยู่นั้นมีค่ามาก
“ถ้าอย่างงั้น พวกเราควรที่จะไปเอาคืน!”มู่จี่เซียนประท้วง เมื่อเธอได้ยินว่าจี้นั้นมีค่ามาก
“ลืมมันไปเถอะ! มันก็เป็นแค่ชิ้นหยก ตราบเท่าที่ผมได้อยู่กับเธอละก็ มันไม่จำเป็นจะต้องมีอย่างอื่นอีกแล้ว!”
มู่จี่เซียนยิ้มเจื่อนๆแล้วเธอก็หัวเราะ “เลิกพูดจาหวานได้แล้ว ถ้าฉันไม่มีงานทำละก็ พวกเราก็จะไม่มีเงินไว้ซื้อของวันปีใหม่กันนะ…”
“ผมมี!”หวังหยู่หัวเราะ
“ชิ คุณมีเท่าไหร่กัน?”
“1ล้านดอลลาร์ พอสำหรับคุณไหมครับ?”
“ที่รักนี่จริงจังปะเนี่ย?”มู่จี่เซียนร้องเสียงแหลม
“เพียงแค่ดูบัตรที่ผมให้คุณไป…”
“ก็ได้ ก็ได้ ใครจะไปรู้ละว่าผู้เชี่ยวชาญในการเล่นเกมนั้นจะสามารถหาเงินได้มากขนาดนั้น แม้กระทั่งฉันก็ยังอยากที่จะลองเล่นมันดู”มู่จี่เซียนตอบกลับ
“ถ้าอย่างงั้น เรามาเล่นด้วยกันเถอะ ผมจะไปซื้ออุปกรณ์ให้คุณเอง ในภายหลัง…”
“ถ้าอย่างงั้นพวกเราจะไปไหนกันในตอนนี้?”
“ไปซื้อเสบียงไว้ฉลองวันก่อนปีใหม่ไงละ!”หวังหยู่อุทาน