เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 186 ความผิดปกติของวิญญาณกาลเวลา
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 186 ความผิดปกติของวิญญาณกาลเวลา
ในบ่อเลือดผู้แข็งแกร่งสองคนเผชิญหน้า
"ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นเพียงผีดิบ ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก เจ้าไม่ใช่มนุษย์ที่มีชีวิต ทะเลวิญญาณของเจ้าก็ตายแล้วเช่นกัน แม้เจ้าจะสามารถเก็บพลังวิญญาณเอาไว้ แต่ทุกครั้งที่เจ้าใช้มันออกมา เจ้าจะไม่สามารถกู้คืนมันได้" โกเลมหินกล่าวเสียงเย็น
"ฮ่าฮ่าฮ่า แม้ข้าจะไม่สามารถกู้คืนพลังวิญญาณ แล้วอย่างไร? ข้ายังสามารถดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณเพื่อเติมเต็มทะเลวิญญาณ แต่เจ้าที่ได้รับบาดเจ็บ ยังกล้ามารบกวนข้าถึงที่นี่..รนหาที่ตาย!" ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกตะโกนเสียงดัง
เป็นจังหวะนี้ที่หมอกสีแดงถูกพ่นออกมารอบๆ ขณะที่ฝูงแมลงบินขึ้นมาจากบ่อเลือด
วิญญาณระดับห้า มัจจุราชสีเลือด!
ในเวลาเดียวกัน ฝูงค้างคาวโลหิตยังพุ่งออกมาจากกำแพงรวมถึงบ่อเลือดและเข้าร่วมโจมตีอย่างพร้อมเพรียง
ค้างคาวโลหิตนับพันตัวกลายเป็นกองทัพขนาดใหญ่
แม้พวกมันจะเป็นวิญญาณระดับสามและเป็นวิญญาณสายโจมตีระยะประชิด แต่ด้วยจำนวน มันจึงทำให้พวกมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น กระทั่งวิญญาณระดับห้าของไท่เซี่ยเล้งก็ยังต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด ภายใต้คำสั่งของผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรก ค้างคาวโลหิตกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เขาใช้เวลานับพันปีกับแผนการทลายสวรรค์ สถานที่แห่งนี้ไม่ต่างจากสวนหลังบ้านส่วนตัว ดังนั้นมันจึงทำให้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ฝูงค้างคาวโลหิตบินอยู่กลางอากาศรอบๆโกเลมหินดังเช่นกองทัพที่แข็งแกร่ง
อสรพิษบ่อโลหิตเลิกดิ้นรนขัดขืน ตรงข้าม มันขดตัวสงบนิ่ง แต่นี่กลับทำให้ไซ่เซี่ยเล้งรู้สึกถึงภัยคุกคามและต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
วิญญาณครอบครองพลังอำนาจ แต่ไม่ฉลาด เว้นเพียงเมื่อวิญญาณถูกควบคุมโดยมนุษย์จึงจะทำให้พวกมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
'ผู้นำรุ่นแรกพึ่งปรากฏตัวและพลิกสถานการณ์มาเป็นฝ่ายเหนือกว่า เขาได้รับประโยชน์จากสถานที่และมีกองทัพสนับสนุน ขณะที่ไท่เซี่ยเล้งมีอาการบาดเจ็บและอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก'
ฟางหยวนสังเกตการต่อสู้อยู่ที่ปากอุโมงค์ทางออก
'แต่ไท้เซี่ยเล้งเดินทางอยู่ในเขตภาคใต้มานานหลายปีด้วยอาการบาดเจ็บดังกล่าว ตอนนี้เมื่อเขากล้าเข้ามาที่นี่ เขาจะต้องมีไพ่ตายซ่อนเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะกลายเป็นการต่อสู้อันเข้มข้นเร็วๆนี้ มันกระทั่งจะฝังข้าเอาไว้ที่นี่ เช่นนั้นข้าควรออกไปหรือไม่? ที่นี่อันตรายมาก ข้าอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ แต่หากข้ายังอยู่ชมการแสดงฉากนี้ ข้าจะได้รับผลประโยชน์จากความขัดแย้งหรือไม่?'
ฟางหยวนประเมินกำไรขาดทุนอย่างรวดเร็ว
เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามขั้นต้นและมีความเสี่ยงสูงหากต้องการอยู่ ตราบเท่าที่เขาบังเอิญได้รับผลกระทบจากการโจมตี เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
แต่หากเขาได้รับผลประโยชน์บางอย่าง ชีวิตของเขาจะสะดวกสบายมากขึ้น มันจะช่วยเขาประหยัดเวลาในการเต็มเติมช่วงเวลาห้าร้อยปี
"ยิ่งเสี่ยงมากก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์มาก...แต่..." ฟางหยวนถอนหายใจ เขาวางแผนที่จะหลบหนี
สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขาอีกต่อไป มันมีความเสี่ยงมากเกินไปหากเขายังอยู่
นกตายเพื่ออาหาร มนุษย์ตายเพื่ออนาคต สิ่งเหล่านี้เขาได้เห็นมามากในช่วงเวลาห้าร้อยปีที่ผ่านมา
เขาใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเสมอ ตราบเท่าที่มีชีวิต มันก็ยังมีโอกาสในอนาคต หลังจากทั้งหมด เขาล่วงรู้ความลับมากมาย มันยังมีมรดกลับอยู่อีกหลายแห่ง พวกมันล้วนเป็นประโยชน์ต่อเขาโดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ที่นี่
แต่เพียงเมื่อฟางหยวนกำลังจะจากไป ฝูงค้างคาวโลหิตประมาณหนึ่งร้อยตัวกลับพุ่งเข้ามาหาเขา
"เด็กน้อยจากตระกูลของข้า มีกับดักติดตั้งอยู่ในถ้ำ มันมีกระทั่งสัตว์อสูรใต้พิภพ ค้างคาวโลหิตเหล่านี้จะรับประกันความปลอดภัยให้แก่เจ้า" เสียงของผู้นำตระกูลรุ่นแรกดังขึ้น
เมื่อฟางหยวนได้ยินเสียงสายนี้ เขากระทั่งวิ่งด้วยความเร็วสูงมากขึ้นเป็นเหตุให้ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าฟางหยวนจะช่างสังเกตตั้งแต่ยังเยาว์และสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนามุ่งร้าย ดังนั้นผู้นำตระกูลรุ่นแรกจึงเร่งส่งค้างคาวโลหิตอีกหนึ่งร้อยตัวบินตามฟางหยวนไปทันที
เมื่อความสนใจเบี่ยงเบน ไท่เซี่ยเล้งจึงฉวยโอกาสนี้
วิญญาณเสียงสวรรค์!
โกเลมหินเปิดปากคำรามเสียงดังราวกับสามารถสั่นสะเทือนไปถึงสรวงสวรรค์
ค้างคาวโลหิตที่อยู่ใกล้ๆร่วงหล่นลงราวกับสายฝน กลุ่มที่อยู่ห่างออกไปบินอย่างไร้ทิศทางอยู่กลางอากาศ กองทัพค้างคาวจำนวนมหาศาลก่อนหน้านี้กลายเป็นไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิงอย่างน้อยก็ในระยะเวลาสั้นๆ
วิญญาณเสียงสวรรค์เป็นวิญญาณระดับห้าที่มีประสิทธิภาพในการโจมตีศัตรูจำนวนมากเช่นฝูงค้างคาวโลหิต ครั้งแรกที่เขาใช้วิญญาณเสียงสวรรค์ มันยังมีพลังไม่มากเพราะเขายังสงวนพลังเอาไว้ แต่เมื่อเขาอยู่ในร่างโกเลมหิน เขาจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่แท้จริงของวิญญาณเสียงสวรรค์ออกมา
กระทั่งมัจจุราชสีเลือดที่บินอยู่ด้านบนยังถูกฆ่าทันที หมอกสีเลือดจางหายไปและเผยให้เห็นบ่อเลือดได้อย่างชัดเจน
ฟางหยวนได้รับผลกระทบเช่นกัน เกราะนภาของเขาส่องสว่างขึ้นและแทบจะพังทลายลง ขณะเดียวกันมันก็ดูดกลืนพลังวิญญาณของฟางหยวนไปถึงสิบส่วน
เสียงที่ดังสะท้อนภายในถ้ำทำให้ฟางหยวนแทบไม่สามารถอดทนและถึงกับสะดุดล้มลงบนพื้น
อย่างไรก็ตามคลื่นเสียงสายนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อเขาเช่นกัน เพราะมันส่งผลกระทบต่อค้างคาวโลหิตทั้งสองฝูง
ฝูงที่สองถูกทำลายล้างไปจนหมดสิ้น ขณะที่ฝูงแรกสูญเสียเป้าหมาย
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ดังนั้นฟางหยวนจึงรีบวิ่งทิ้งระยะห่างออกไปจากค้างคาวโลหิต เป็นเพียงหลังจากนั้นที่ค้างคาวโลหิตหลายตัวฟื้นคืนสติและเริ่มไล่ล่าฟางหยวนอีกครั้ง
แม้ปีกสายฟ้าของฟางหยวนจะไม่น่าไว้ใจอีกต่อไป แต่เขาก็ยังกระตุ้นใช้งานมันด้วยความพยายามทั้งหมด
อย่างไรก็ตามระยะห่างระหว่างฟางหยวนกับฝูงค้างคาวโลหิตกลับหดสั้นลงเรื่อยๆ
'ถึงเวลาที่ต้องใช้วิญญาณกาลเวลาแล้ว' ฟางหยวนกัดฟันแน่น เมื่อค้างคาวโลหิตใกล้เข้ามา เขาจึงต้องใช้วิธีการนี้
ค้างคาวโลหิตเป็นวิญญาณระดับสาม มันไม่สามารถทนต่อกลิ่นอายของวิญญาณระดับหก แต่ไท่เซี่ยเล้งกับผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นแรกอยู่ไม่ไกล หากวิญญาณกาลเวลาแสดงตัวออกมา มันจะดึงดูดความสนใจของพวกเขา
แต่ฟางหยวนไม่มีทางเลือกและหวังว่าทั้งสองจะสนใจกับการต่อสู้ตรงหน้าเท่านั้น
"กี๊ซ...กี๊ซ..."
ค้างคาวโลหิตนับร้อยบินใกล้เข้ามา
ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะตั้งใจคิดอย่างแน่วแน่ 'วิญญาณกาลเวลาออกมา!'
หนึ่งวินาที...สองวินาที...สามวินาที...
ฟางหยวนตะลึงจนต้องหยุดเท้าลงอย่างกะทันหัน วิญญาณกาลเวลาที่อยู่ในทะเลวิญญาณของเขาไม่มีการเคลื่อนไหว...
"นี่เป็นไปได้อย่างไร?" ฟางหยวนตกใจ!!!!
ไกลออกไป ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นท่ามกลางสายหมอก
บนเนินเขา อวี๋โป้ ผู้นำตระกูลไป่ และผู้นำตระกูลซ่งยืนอยู่เคียงข้างกัน
"แม้การประลองที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่รอบคัดเลือกยังต้องมี นี่เป็นเวลาที่เหมาะสม พวกเราควรเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้" ผู้นำตระกูลซ่งกล่าว
ผู้นำตระกูลไป่เย้ยหยันและไม่แยแส
"เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเลย" อวี๋โป้ตอบขณะที่ยังคิดฟุ้งซ่าน เขาพยายามกวาดตามองกลุ่มผู้ใช้วิญญาณ แต่ก็ยังไม่พบฟางหยวน
นี่ทำให้ความกังวลของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ใช้วิญญาณที่อายุไม่ถึงสามสิบปียืนแยกกันเป็นสามกลุ่ม เพียงการกวาดตามองมันก็สามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตระกูลได้อย่างชัดเจน
ตระกูลซ่งมีผู้ใช้วิญญาณอยู่มากที่สุดเพราะพวกเขาหลบหนีจากสงครามตั้งแต่เริ่มต้นจึงสามารถเก็บความแข็งแกร่ง ตระกูลแสงจันทร์กับตระกูลไป่เหลือสมาชิกอยู่น้อยมาก แต่ตระกูลไป่มีไป่หนิงปิง นั่นทำให้ตระกูลไป่ยังถูกพิจารณาว่าเป็นอันดับหนึ่ง
ผู้นำตระกูลซ่งตะโกนเสียงดัง "การแข่งขันครั้งนี้จะอยู่ในพื้นที่หนึ่งร้อยตารางกิโลเมตร มันจะจบลงเมื่ออาทิตย์ตกดิน ไม่มีข้อจำกัดในการต่อสู้ แต่ข้าก็หวังว่าพวกเจ้าจะสามารถยับยั้งตนเอง ทุกคนมีเหรียญสัญลักษณ์ของการแข่งขันอยู่ในมือ หากผู้ใดสามารถรวบรวมเหรียญชนิดนี้ได้สามสิบชิ้น คนผู้นั้นจะได้เข้าสู่การประลองรอบต่อไป หากพร้อมแล้ว เริ่มได้!"
การต่อสู้แห่งชีวิตและความตายที่ไม่จำกัดวิธีการ ใช้พื้นที่หนึ่งร้อยตารางกิโลเมตรเป็นลานประลองจนกว่าอาทิตย์จะตกดิน
นี่ไม่ใช่การแข่งขันที่ยุติธรรม แต่ผู้นำทั้งสามไม่สามารถคิดวิธีการอื่นและไม่รู้สึกไม่พอใจ
บนโลกใบนี้การมีชีวิตรอดขึ้นอยู่กับกำปั้นของตนเอง ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าใด ก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์มากเท่านั้น หากอ่อนแอก็มีเพียงความตายที่รออยู่....
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาที ฟางหยวนกลับรู้สึกยาวนานราวกับสองหรือสามปี
หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อวิญญาณกาลเวลาไม่ตอบรับคำสั่งของเขา
วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณดวงแรกของเขา มันมีความสำคัญต่อเขาเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นวิญญาณระดับหกยังถือเป็นไพ่ตายของเขา หากเขาไม่สามารถควบคุม มันจะกลายเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างมาก ดังนัั้นฟางหยวนจึงต้องให้ความสำคัญกับปัญหานี้
ภายในถ้ำ ฟางหยวนใช้เวลาตกใจเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาทีก่อนจะสามารถสงบจิตใจลงอีกครั้ง
เขาเพ่งจิตเข้าไปในทะเลวิญญาณ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติกับวิญญาณกาลเวลาและมันก็ยังฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
'ข้าเข้าใจแล้ว!' ฟางหยวนสำนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน 'เมื่อวิญญาณกาลเวลากลายเป็นวิญญาณดวงแรกของข้า มันจะอยู่ในทะเลวิญญาณของข้าและไม่สามารถออกมาได้!'