บทที่ 128 หอลอยร้อยวิเศษ
สำหรับจั่วม่อ เบื้องหน้ามันเป็นปัญหาร้ายแรงมาก ... ใช้จ่ายจิงสือจำนวนมหาศาลนี้ให้เกลี้ยงเกลา!
ในความเห็นของมัน การติดป้ายปัญหานี้ว่าร้ายแรงมากไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่อย่างใด หากผูเยาตื่นขึ้นมาก่อนที่มันจะทันใช้จิงสือจนหมด มันย่อมจะไม่หลงเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ความตั้งใจเดิมในการเอาจิงสือไปวางเดิมพันของมัน เพียงแค่ไม่ต้องการให้สามร้อยชิ้นจิงสือระดับสามตกอยู่ในมือของผูเยา ตอนนี้ประเสริฐยิ่ง สถานการณ์ไม่เพียงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม มันยังจำเป็นต้องหาหนทางผลาญจิงสือจำนวนมากมายกว่าเดิม
ต้องผลาญให้สิ้น! ก่อนที่ผูเยาจะตื่นขึ้นมา!
หากจิงสือก้อนโตถึงเพียงนี้ไปจบสิ้นลงในมือผูเยา จั่วม่อรู้สึกว่ามันต้องคลั่งใจตายอย่างแน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนี้ จั่วม่อตัดสินใจลงมือทันที
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันลงจากภูเขา มันก็ถูกท่านเจ้าสำนักเรียกไปยังโถงสุญตาเสียก่อน
ไม่นานมานี้ มันดึงดูดภัยพิบัติมากเกินไป ระมัดระวังตัวเอาไว้บ้างจะดีกว่า จั่วม่อตั้งอกตั้งใจทำตัวเรียบๆ ร้อยๆ กว่าเดิม หากมันกระตุ้นโทสะท่านเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโส มันคงไม่มีคืนวันอันง่ายดายอีกแล้ว
“เสี่ยวม่อ” เจ้าสำนักยกถ้วยชาขึ้นจิบ กล่าวเนิบนาบ “ฟังว่าเจ้าไม่ต้องการเข้าร่วมการประลองรอบต่อไป?”
“ท่านเจ้าสำนัก ไม่ใช่ว่าศิษย์ผู้นี้ไม่ต้องการ แต่ไม่สามารถ อ๊า ท่านก็เห็นว่าอาการบาดเจ็บของศิษย์ไม่ดีเท่าใด แม้ว่าศิษย์ไม่ทราบว่าคู่ประลองคนต่อไปเป็นใคร แต่แน่นอนว่าต้องเป็นยอดฝีมือด่านหนิงม่าย นอกจากจะเป็นการประลองที่ไม่มีทางเอาชัยแล้ว อาจทำให้อาการบาดเจ็บของศิษย์ย่ำแย่กว่าเดิม และอาจทิ้งภัยแฝงเร้นไว้ในการบำเพ็ญเพียรของศิษย์ในอนาคต ศิษย์ผู้นี้คิดว่าการร่วมประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ ก็เพียงเพื่อได้รับประสบการณ์บางอย่าง เวลานี้ศิษย์เก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยแล้ว หากต้องฝืนตัวเอง ทนรับบาดเจ็บอีกครั้งเพื่อเอาชัย จนกระทบต่อพื้นฐานพลังบำเพ็ญเพียร เกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสียเอา” จั่วม่อกล่าวด้วยใบหน้าหนาปานแผ่นศิลา
ท่านเจ้าสำนักสายตามองจั่วม่อ แล้วหัวร่อออกมา จั่วม่อพลันรู้สึกถึงสังหรณ์เลวร้ายทันที
“เจ้าพิจารณาสถานการณ์ได้รอบคอบจริงๆ ไม่เลว ไม่เลว อย่างไรก็ตาม เรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผู้เข้าประลองรายหนึ่งเกิดถอนตัวเนื่องจากเหตุฉุกเฉิน ดังนั้นจะมีตำแหน่งว่างเข้าสู่รอบที่สามทันทีหนึ่งตำแหน่ง ผู้อาวุโสเทียนซงจื่อชื่นชอบผลงานล่าสุดของเจ้าเป็นอันมาก ดังนั้นตัดสินใจยกตำแหน่งว่างนี้ให้แก่เจ้า เจ้าต้องแสดงฝีมือให้ดี จะได้ไม่ผิดต่อความคาดหวังของผู้อาวุโสเทียนซงจื่อ ส่วนเรื่องอาการบาดเจ็บเจ้าไม่ต้องกังวลไป อาจารย์เจ้าไหนเลยจะทนให้เจ้าต้องต่อสู้ทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ได้”
จั่วม่อตัวแข็งทื่อทันที มันยังต้องเข้าร่วมการประลอง?
ทั้งที่ทราบกันดีว่าจะอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้เช่นนั้นหรือ?
คนอื่นๆ เพียงเห็นด้านที่สุกสกาวและประสบความสำเร็จของมันในการประลองกับเฉาอัน สิ่งที่พวกมันไม่ทราบ คือจั่วม่อตระเตรียมสำหรับการประลองนี้ไว้มากมายเท่าใด แม้โชคดีได้ชัยในท้ายที่สุด นั่นก็เป็นเพราะมันพบจุดอ่อนของเฉาอันในข้อมูลที่ได้มาจากฟู่จิน มิหนำซ้ำยังใช้ประโยชน์จากการเล่นพนันอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มแรงกดดันมหาศาลให้แก่เฉาอัน มันยังงัดลูกไม้ทุกอย่างที่คิดขึ้นได้ออกมาใช้ ทุ่มเทความพยายามทั้งมวลไปกับอุบายหลายชั้น แต่กระนั้นก็ยังแทบจะโค่นเฉาอันไม่ลง กล่าวตามความสัตย์ ชัยชนะนั้นฉิวเฉียดเป็นอย่างยิ่ง
ความห่างชั้นระหว่างชนชั้นจู้จีกับชนชั้นหนิงม่าย ยังคงใหญ่โตมโหฬาร หากเป็นคู่ประลองอื่น มันย่อมพ่ายแพ้อย่างแน่นอน นอกจากจะใช้กระบวนท่าสังหารเช่นมุกหยินประลัยกัลป์ ซึ่งไม่เหมาะจะใช้ออกท่ามกลางสายตาผู้คน มันทำทุกอย่างเท่าที่มันมีปัญญากระทำไปแล้วจริงๆ
ท่านเจ้าสำนักยังอยากให้มันเข้าร่วมการประลองต่อไป? มันยังจะเหลืออะไรให้ใช้ในการประลองอีกเล่า?
จั่วม่อรู้สึกสะดุดใจเล็กน้อย ท่านเจ้าสำนักคิดจริงๆ หรือว่ามันจะสามารถพิชิตชนชั้นหนิงม่ายได้ดุจหั่นผักผ่าผลแตง? ข้าทำไม่ได้! จั่วม่อเงยหน้าลอบมองท่านเจ้าสำนัก แล้วส่ายศีรษะในใจ ไม่มีทางที่ท่านเจ้าสำนักจะดูเหมือนปัญญาอ่อนเช่นนั้น
ขณะที่มันกำลังคิด ได้ยินท่านเจ้าสำนักเตือนอย่างยิ้มแย้มว่า “จงเตรียมตัวให้ดี”
จั่วม่อเดินคอตกออกจากโถงสุญตา ผ่านไปเนิ่นนานยังไม่ได้สติกลับคืนมา ตำแหน่งว่าง? เรื่องพรรค์นี้ก็ยังอุตส่าห์เกิดขึ้นได้?
ขณะที่มันกำลังนั่งอย่างงวยงงบนหลังนกโง่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผูเยา “ขอไข่มุกหยินให้ข้าห้าเม็ด”
จั่วม่อสะดุ้งสุดตัว นี่เป็นเสียงที่มันไม่อยากได้ยินมากที่สุดในตอนนี้ เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยิน มันตัวแข็งทื่อ ...เจ้าผู้นี้ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด?
อย่างไรก็ตาม จั่วม่อตอบสนองอย่างรวดเร็ว เสียงของผูเยารีบร้อนมาก เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องใช้ไข่มุกหยินอย่างเร่งด่วน จั่วม่อไม่ได้กล่าวอันใด ล้วงไข่มุกหยินออกมาส่งให้ผูเยา ผูเยาพอรับไข่มุกหยิน ก็หายวับไปทันที
ถึงตอนนี้ จั่วม่อหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง บัดซบ ผูเยากำลังจะตื่นในไม่ช้า!
ไม่มีทาง! มันต้องเร่งมือกว่านี้!
จั่วม่อรู้สึกราวกับว่ามีไฟสุมอยู่ที่ก้น ขณะที่มันเร่งเร้านกโง่ให้บินอย่างเมามัน มันสามารถรู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่กระหน่ำเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปากคอมันแห้งผาก หนึ่งร้อยเก้าสิบชิ้นจิงสือระดับสี่! ก่อนการประลอง มันกระทั่งจิงสือระดับสี่ชิ้นเดียวยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน อย่าว่าแต่หนึ่งร้อยเก้าสิบชิ้นจิงสือระดับสี่ เมื่อคิดว่าโชคลาภมหาศาลนี้อาจไม่ได้เป็นของตัวเอง จั่วม่อรู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความปรารถนาจะผลาญจิงสืออย่างรุนแรง จั่วม่อเร่งรุดมาถึงตงฝูอีกครั้ง
เวลานี้ มันไม่มัวเสียเวลาเดินเล่นบนพื้น แต่เร่งให้นกโง่บินตรงดิ่งขึ้นไปยังตลาดลอยฟ้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตงฝู หอลอยร้อยวิเศษ
เกาะร้อยวิเศษเป็นร้านค้าที่ดีที่สุดในตงฝู สินค้าที่ขายมีราคาแพงที่สุดและคุณภาพชั้นยอดที่สุดเท่าที่สามารถซื้อหาได้ในตงฝู ยุทธภัณฑ์เวททุกชิ้นที่ขายอยู่ที่นี่เป็นสินค้าชั้นยอดในหมู่ชั้นยอด วัตถุดิบที่มีขายก็ล้วนแล้วแต่เป็นของหายาก หอลอยร้อยวิเศษหลอมสร้างขึ้นมาจากยอดเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง เหตุที่สามารถลอยค้างอยู่กลางอากาศโดยไม่ตกลงบนพื้น เนื่องมาจากอาคมหวงห้ามนับไม่ถ้วนที่ก่อตั้งอยู่ภายใน กระทั่งยอดฝีมือด่านจินตัน ยังไม่กล้าก่อเรื่องในหอลอยร้อยวิเศษแห่งนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่จั่วม่อมายังหอลอยร้อยวิเศษ หากมันไม่ได้ถือหนึ่งร้อยเก้าสิบชิ้นจิงสือระดับสี่อยู่ในมือ ก็คงไม่กล้ามายังร้านค้าชั้นสูงเช่นนี้
พื้นที่ยอดเขาแห่งนี้ไม่ใหญ่โต เพียงไม่เกินเจ็ดสิบแปดสิบหมู่ สวยสดงดงามเป็นที่สุด ปลูกประดับไว้ด้วยพืชหญ้าบุปผาปราณนานาพรรณ เสียงดนตรีวิเศษรินไหลในสายลม จั่วม่อไม่ค่อยทราบอันใดเกี่ยวกับดนตรีวิเศษมากนัก แต่พืชหญ้าบุปผาปราณเหล่านี้ ทำให้มันผู้เชี่ยวชาญวิชาหลอมกลั่นโอสถ ถึงกับใจสั่นสะท้านอย่างพรั่นพรึง
ท่านย่ามันเถอะ!
พืชหญ้าแต่ละต้น บุปผาแต่ละกอที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นชนิดหายาก ที่มันเคยพบเห็นแค่เพียงจากภาพตัวอย่างในม้วนหยก
ต้นกกหนวดผีเสื้อ ระดับสี่, เห็ดฝันร้าย ระดับสี่, บัวเพลิงสีชาด ระดับสี่...
หอลอยร้อยวิเศษไม่จำเป็นต้องวางท่าเชื่องโขอันใด เพียงพืชหญ้าปราณระดับสี่ระดับห้าที่ปลูกกระดับไว้ทั่ว หากผู้มาเยือนไม่ได้กระเป๋าหนักพอ แม้จะยกเท้าของพวกมันยังต้องระมัดระวัง กลัวจะเผลอเหยียบย่ำพืชหญ้าเหล่านั้นเข้า พวกมันอาจไม่มีปัญญาชดใช้ได้
สถานที่เช่นหอลอยร้อยวิเศษไม่เคยต้องกังวลว่าจะแออัดเกินไป เมื่อจั่วม่อมาถึง ภายในมีอาคันตุกะเพียงคนเดียว
ผู้ที่มาต้อนรับจั่วม่อเป็นเสมียนร้านสวมใส่อาภรณ์ผ้าไหมสีดำปักดิ้นทองผู้หนึ่ง ดวงตาแหลมคม เมื่อเห็นจั่วม่อ มันก็ตรงเข้าทักทายอย่างกระตือรือร้น “ไอ๊หยา นี่ไม่ใช่จั่วเซียนเซิงหรอกหรือ? ท่านให้เกียรติมาเยี่ยมชมถือเป็นเกียรติของร้านข้า! จั่วเซียนเซิง การประลองของท่านช่วยสร้างชื่อให้แก่ตงฝูเรา! นั่นเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ จุ๊จุ๊ สามห่วงโซ่ ตอนที่ข้าเห็นมันข้าตกใจจนอ้าปากค้าง ได้ต้อนรับท่านวันนี้ ถือเป็นเกียรติของผู้น้อย!”
สุ้มเสียงของเสมียนร้านผู้นี้ อ่อนโยนแต่ไม่ได้ประจบประแจง ถ้อยคำของมันสัมผัสความภาคภูมิใจของจั่วม่อ แต่ไม่ได้ปั้นแต่งจนเลยเถิด แม้แต่ระดับเสียงก็ควบคุมให้อยู่ในระดับเหมาะสม ไม่ได้รบกวนอาคันตุกะอีกคนที่เรียกดูยุทธภัณฑ์เวทอยู่ไม่ห่างออกไปนัก แต่สิ่งที่ทำให้จั่วม่อตื่นตกใจที่สุด ก็คือเสมียนร้านค้าเปี่ยมมารยาทผู้นี้ เป็นชนชั้นหนิงม่ายผู้หนึ่ง!
ในเวลานี้ จั่วม่ออดไม่ได้ต้องกวาดตามองเสมียนร้านคนอื่น จริงดังคาด ยังคงเป็นซิวเจ่อด่านหนิงม่าย! และไม่ใช่แค่เพียงเสมียนร้านทั้งสองนี้ กระทั่งเสมียนร้านอีกสองคนที่รอคอยอยู่ด้านข้าง ก็ยังคงเป็นชนชั้นหนิงม่าย!
ใช้ซิวเจ่อด่านหนิงม่ายเป็นเสมียนร้านค้า ไม่ทำให้จั่วม่อตื่นตะลึงจนอ้าปากค้างก็แปลกไปแล้ว!
มันหวนคิดถึงการประลองด้านล่างนี้ ซิวเจ่อด่านหนิงม่ายต่อสู้โรมรันอย่างห้าวหาญปานพยัคฆ์ราชสีห์ แต่สูงขึ้นมาอีกหน่อย ในหอลอยร้อยวิเศษ ซิวเจ่อด่านหนิงม่ายเช่นเดียวกันเป็นเพียงเสมียนร้านค้า
มันจู่ๆ ก็สงสัยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ว่าผู้ใดเป็นเจ้าของหอลอยร้อยวิเศษแห่งนี้ ผู้อื่นจะต้องมีรากฐานใหญ่โตมโหฬารไม่เบา
ใบหน้าผีดิบตายด้านของจั่วม่อยังคงใช้ประโยชน์ได้ดี ไม่ว่ามันจะครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ภายใน ก็ไม่เคยแสดงออกมาให้ผู้ใดเห็น
“ชมเชยเกินไปแล้ว ข้ามาวันนี้ เพื่อหาดูว่าพอจะมีสิ่งใดเหมาะกับข้าบ้างหรือไม่” จั่วม่อสะท้านใจกับพลังบำเพ็ญเพียรของอีกฝ่ายไม่น้อย น้ำเสียงจึงสุภาพเรียบร้อยมาก
“อ้อ เช่นนั้นข้าจะพาชมดูรอบๆ หากท่านเห็นสิ่งใดต้องตา ผู้น้อยสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้” เสมียนร้านกล่าวอย่างยิ้มแย้ม น้ำเสียงมันไม่ถึงกับอบอุ่น แต่ก็ไม่เย็นชา
เพียงแค่เหลือบมองเท่านั้น จั่วม่อรู้สึกละลานตาไปหมด
เวลานี้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าของมัน นับว่าสวมใส่ไว้ด้วยหลายสิ่งที่ดี แต่นอกเหนือจากม้วนหยกที่เอวซึ่งแทบไม่สามารถจัดเข้าอยู่ในหอลอยร้อยวิเศษ ของสิ่งอื่นล้วนไม่มีคุณค่าพอจะวางอยู่บนโต๊ะด้วยซ้ำ สิ่งที่ดี! สินค้าในนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด! จั่วม่อกลืนน้ำลายไม่หยุด ดวงตาเป็นประกาย ปรารถนาจะกวาดยุทธภัณฑ์เวททุกชิ้นบนชั้น ลงสู่ถุงร้อยสมบัติของมัน อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเห็นป้ายราคาของสินค้าแต่ละชิ้น ไม่ต่างอันใดกับถังน้ำเย็นราดรดลงบนศีรษะ
“กระบี่บินเล่มนี้รวบรวมผลึกวิญญาณวารีทะเลลึก จากใต้น้ำลึกหมื่นจั้ง ผลึกวิญญาณวารีแต่ละเม็ดล้วนมีระดับเหนือกว่าระดับสี่ หลอมสร้างโดยปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียง กระบี่บินนี้ประกอบด้วยกระบี่ย่อยทั้งหมดเจ็ดเล่ม แปรเปลี่ยนหลากหลายสารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะค่ายกลเจ็ดดาวเหนือที่สลักอยู่บนตัวกระบี่ สามารถใช้กระบี่ก่อตั้งค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวเหนือได้อย่างง่ายดาย หากอยู่ในมือของผู้มีฝีมือทางค่ายกลเช่นจั่วเซียนเซิงท่าน จะยิ่งทรงพลานุภาพไม่มีที่สิ้นสุด!”
จั่วม่อมองป้ายราคา หกร้อยชิ้นจิงสือระดับสี่! หัวใจน้อยๆ ของมันแทบกระดอนออกจากอก รีบหันหนีไปมองสินค้าชิ้นอื่น
“อันนี้เป็นชุดยาวภูษิตฟ้า มันทอขึ้นจากไหมน้ำแข็งฟ้าที่สมบูรณ์แบบหกหมื่นเส้น ไหมน้ำแข็งฟ้าแข็งแกร่งมาก ยากจะเกิดริ้วรอยด้วยกระบี่บิน ทั้งยังสามารถดูดซับปราณธรรมชาติจากรอบข้างด้วยตัวมันเอง เพียบพร้อมด้วยเจ็ดค่ายกล แต่ละค่ายกลมีพลังแตกต่างกัน ทั้งหมดล้วนมีประโยชน์ใช้สอย ยิ่งไปกว่านั้น ชุดยาวภูษิตฟ้านี้ยังมีพลังป้องกันเข้มแข็งเป็นที่สุด เราเคยทำการทดสอบเฉพาะ...”
จั่วม่อเหลือบมองราคาก่อนอื่นใด ห้าร้อยชิ้นจิงสือระดับสี่! มันรี่ออกไปโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
จั่วม่อเดินรอบชั้นวางที่แตกต่างกัน ใช้สายตากวาดมองอย่างผิวเผิน แต่ละยุทธภัณฑ์เวทล้วนยอดเยี่ยม แต่ราคาทำให้มันรู้สึกสิ้นหวังจนไม่อาจสิ้นหวังไปมากกว่านี้อีก ท้ายที่สุดมันก็มึนงงเลอะเลือน ไม่ชมสินค้าอีกแล้ว เพียงแค่มองไปยังราคาโดยตรง
เสมียนร้านก็ไม่เร่งรัด ไม่ขุ่นข้องรำคาญ แสดงความเป็นมืออาชีพที่ดีเยี่ยมออกมา
ทันใดนั้น จั่วม่อพลันพบเห็นป้ายราคาหนึ่งร้อยชิ้นจิงสือระดับสี่ มันชะงักกึกอย่างช่วยไม่ได้
เงยหน้ามอง เห็นแหวนที่ดูคล้ายวงกลมโลหะวงหนึ่ง วางอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน
สังเกตเห็นสายตาของจั่วม่อ เสมียนร้านก็แนะนำอย่างขยันขันแข็ง “นี่เป็นแหวนมิติที่ถือได้ว่าล้มเหลวครึ่งหนึ่ง เดิมทีผู้หลอมสร้างตั้งใจจะหลอมสร้างแหวนมิติระดับสี่ แต่เกิดผิดพลาดในตอนสุดท้าย แหวนมิติวงนี้มีพื้นที่ใหญ่โตกว่าแหวนมิติระดับสามทั่วไปเล็กน้อย แต่ก็เล็กกว่าพื้นที่ของแหวนมิติระดับสี่ เนื่องจากเจ้าของร้านเราสนิทสนมกับผู้หลอมสร้าง แหวนวงนี้จึงวางขายอยู่ที่นี่”
แหวนมิติ!
จั่วม่อในใจระเบิดเปรี้ยงด้วยความปิติยินดี! มันไม่เคยคาดคิดว่าหอลอยร้อยวิเศษจะขายแหวนมิติด้วย!
สิ่งที่เรียกว่าแหวนมิติเป็นยุทธภัณฑ์เวทประเภทเก็บของ ถุงร้อยสมบัติที่เอวของมันก็เป็นยุทธภัณฑ์เวทที่คล้ายคลึงกัน สามารถใช้จัดเก็บและพกพาสินค้าได้ อย่างไรก็ตามแหวนมิติเป็นยุทธภัณฑ์เวทเก็บของที่มีระดับชั้นสูงส่งกว่าถุงร้อยสมบัติ มันไม่เพียงบรรจุสิ่งของได้มากกว่า ยังสามารถเก็บของโดยไม่เพิ่มน้ำหนักอีกด้วย กล่าวคือน้ำหนักของสินค้าจะไม่ส่งผลต่อเจ้าของแหวนเลยแม้แต่น้อย นี่คือสิ่งที่ทำให้แหวนมิติเหนือล้ำกว่าถุงร้อยสมบัติ ถุงร้อยสมบัตินั้นแม้เก็บของได้สะดวก แต่น้ำหนักยังคงเดิม อย่างไรก็ตาม การหลอมสร้างแหวนมิติลำบากยากเข็ญกว่าถุงร้อยสมบัติมาก ยากที่จะพบเห็นในท้องตลาด มิหนำซ้ำราคายังไม่เคยลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น หากไม่ใช่เพราะโชคลาภก้อนโตนี้ จั่วม่อไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด กว่าที่มันจะมีปัญญาซื้อแหวนมิติสักวง
แหวนมิติเป็นยุทธภัณฑ์เวทที่มีประโยชน์ใช้สอยเป็นที่สุด จั่วม่อแทบไม่ต้องคิด นำจิงสือออกมาทันที “ซื้อ!”