บทที่ 127 ทุกผู้คนล้วนมีปัญหา
โถงสุญตา
“พวกเจ้ามีความเห็นอย่างไร?” เผยเหยียนหรานถามเหล่าศิษย์น้อง
สือฟ่งหรงรีบกล่าวเป็นคนแรก “วิชาเพลงกระบี่มังกรน้ำแข็ง นอกจากศิษย์พี่รองไม่มีผู้ใดฝึกปรือสำเร็จ ม้วนหยกก็ไม่เคยเผยแพร่ออกไปมาก่อน ด้วยระดับพลังบำเพ็ญเพียรของจั่วม่อ ต่อให้ได้รับม้วนหยกก็ไม่สามารถอ่านได้” นางออกมากล่าวเป็นคนแรก ซ้ำยังออกตัวแทนจั่วม่อ จิตเจตนาของนางย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัด
เผยเหยียนหรานแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องกังวล เจ้าไม่สามารถขโมยร่ำเรียนเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็งได้ ต่อให้เจ้าต้องการก็ตาม ข้าเพียงเห็นว่าเจ้าเด็กเหลือขอดื้อดึงไม่เชื่อฟัง จึงอยากจะข่มขวัญมันบ้างเท่านั้น”
ซินหยานโพล่งขึ้นอย่างกะทันหัน “น่าเสียดายจริงๆ”
หยานเล่อรีบถาม “น่าเสียดายที่ใด?” อีกสองผู้อาวุโสก็มองซินหยานเป็นตาเดียว
“เจตจำนงกระบี่นั้นมันคงจะเข้าใจด้วยตัวมันเอง มีจุดเริ่มต้นของกระแสธารอย่างชัดเจน หากต่อไปได้เรียนรู้อย่างครบถ้วนไม่ใช่เรื่องยากที่จะมาถึงขั้นแปลงมังกร แต่น่าเสียดายที่มันผสานเจตจำนงกระบี่เพลิงวารีเข้าไปเสียแล้ว ดูผิวเผินเหมือนเปลี่ยนแปลงจนทรงพลังกว่าเดิม แต่ในความเป็นจริงกลับทำให้เจตจำนงกระบี่กลายเป็นซับซ้อนและไม่บริสุทธิ์” หายากนักที่ซินหยานจะกล่าววาจายืดยาวถึงเพียงนี้
อีกสามคนสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง
“ศิษย์น้องหมายความว่าจั่วม่อทำลายมันไปแล้ว?” เผยเหยียนหรานผู้ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา ชั่วขณะนี้ยังดูน่าสะพรึงกลัว อันที่จริงมันไม่จำเป็นต้องถาม พวกมันล้วนเป็นเซียนกระบี่ ย่อมเข้าใจกระจ่างถึงผลลัพธ์ที่ตามมาของเจตจำนงกระบี่ที่ไม่บริสุทธิ์
ซินหยานไม่กล่าววาจา แต่ทั้งสามคนที่คุ้นเคยกับมันย่อมทราบความหมาย ทั้งสามกลายเป็นเงียบงันไป
ทั้งสี่อยู่ในอารมณ์ย่ำแย่มาก หากพวกมันไม่ทราบถึงพรสวรรค์ของจั่วม่อก็ยังพอทำเนา ตอนนี้เมื่อตระหนักแล้วว่าพรสวรรค์ของมันน่าอัศจรรย์ใจเพียงใด แต่ก็ทราบในทันทีเช่นกัน ว่ามันไม่อาจก้าวหน้าในเพลงกระบี่มังกรน้ำแข็งอีกต่อไป สำหรับสี่คนที่ให้ความสำคัญกับมรดกของสำนักเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ราวกับถูกฟาดใส่ศีรษะอย่างหนักหน่วง
เผยเหยียนหรานกล่าวอย่างเศร้าสลดว่า “นี่เป็นความผิดของข้า ข้าสะเพร่าเกินไป จนไม่ค่อยได้ใส่ใจมัน”
อีกสามคนในหัวใจอึดอัดขัดข้อง ในคนทั้งสี่ นับสือฟ่งหรงรู้สึกย่ำแย่ที่สุด นางเพิ่งจะยินดีกับความสามารถของจั่วม่อ แต่ภายในชั่วกะพริบตาเดียว กลับมีคนบอกว่ามันยากจะรุดหน้าต่อไปในเคล็ดกระบี่มังกรน้ำแข็ง ความกระทบกระเทือนที่นางได้รับ เป็นที่คาดคำนวณได้
“ศิษย์พี่ ไม่มีทางใดแล้วจริงๆ?” นางเบะปาก สายตาวิงวอนมองไปยังซินหยาน
“เว้นเสียแต่ว่ามันสามารถหลอมสร้างเจตจำนงกระบี่ของมันขึ้นมาใหม่ ทำให้บริสุทธิ์ เพียงแต่สิ่งที่จะได้รับเป็นเจตจำนงกระบี่ชนิดใหม่ ไม่ใช่ทั้งเจตจำนงกระบี่เพลิงธารา และไม่ใช่เจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็ง ส่วนจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เกรงว่าพวกเราไม่สามารถชี้แนะมันได้” ซินหยานกล่าวอย่างครุ่นคิด
โถงสุญตาตกอยู่ในความเงียบงัน
ขณะที่แต่ละคนกำลังตำหนิตัวเอง ซินหยานก็กล่าวสืบต่ออย่างกะทันหัน “แต่ในเมื่อมันสามารถเข้าใจเจตจำนงกระบี่มังกรน้ำแข็งด้วยตนเอง นับได้ว่ามีพรสวรรค์สูงส่ง การจะหลอมสร้างเจตจำนงกระบี่ขึ้นใหม่ อาจไม่ใช่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว”
สือฟ่งหรงเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาทอประกายดุจสายฟ้า ความผิดหวังหายไปจากใบหน้า “ศิษย์พี่มีหนทางใด?”
เผยเหยียนหรานกับหยานเล่อก็คล้ายได้วิญญาณคืนมา พวกมันทราบดี ซินหยานปกติไม่ค่อยพูดจา แต่เมื่อใดมันเริ่มกล่าวความคิดของตนเอง ก็เป็นที่เชื่อได้แน่นอนว่ามันมีหนทางจริงๆ พวกมันจ้องมองซินหยาน รอฟังว่ามันจะกล่าวอันใด
“หากมันสามารถฝึกเคล็ดวิชากระบี่อื่นๆ สำเร็จ ด้วยพรสวรรค์ของมัน การหลอมสร้างเจตจำนงกระบี่ขึ้นมาใหม่สมควรไม่ใช่เรื่องยาก มันเพียงแค่ต้องร่ำเรียนเคล็ดวิชากระบี่ให้มากกว่าเดิมเท่านั้น” ซินหยานน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “เพียงแต่...”
“ยังมีปัญหาอันใด?” หยานเล่อถามอย่างอดรนทนไม่ได้
“มันดูเหมือนไม่สนใจฝึกวิชากระบี่เลยนี่สิ...” ซินหยานตอบ สุ้มเสียงคล้ายแฝงแววอับจนปัญญาอยู่เล็กน้อย
อีกสามคนอ้าปากค้าง เรามองดูท่าน ท่านมองดูเรา ไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมา พวกมันมัวแต่กังวลเรื่องพรสวรรค์ของจั่วม่อ หลงลืมเรื่องสำคัญที่สุดไปเสียได้ จั่วม่ออาจมีพรสวรรค์โดดเด่น แต่ในสำนักมันถือเป็นตัวอย่างของศิษย์ที่เหลวไหลที่สุด เรื่องเดียวที่มันสนใจคือทำกำไรจิงสือ ส่วนเรื่องการฝึกกระบี่นั้น...
มันเคยฝึกปรือกระบี่อย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อใด?
แต่บุคคลที่ไร้จิตปณิธานในมรรคากระบี่เช่นนี้ กลับมีพรสวรรค์ที่ผู้อื่นอิจฉาเลื่อมใส!
ความยุติธรรมของสวรรค์อยู่ที่ใด?
วาจาของซินหยานทุบตีอีกสามคนจนอึ้งงัน หากจั่วม่อไม่ต้องการฝึกปรือกระบี่ สิ่งที่พวกมันกังวลก็กลายเป็นกังวลอย่างเหลวไหลเสียเปล่าแล้ว พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นเซียนกระบี่ ทราบกระจ่างแก่ใจว่ามรรคาแห่งกระบี่ยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด ยิ่งในระดับสูงขึ้นไป นอกจากความยากลำบากยังเปี่ยมล้นไปด้วยอันตราย หากคนผู้หนึ่งไม่มีจิตปณิธานอันเข้มแข็งพอ พวกมันย่อมไม่อาจประสบผลสำเร็จอันใด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เว้นเสียแต่ว่าจั่วม่อจะชมชอบฝึกปรือกระบี่ด้วยตัวมันเอง มิเช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดบังคับมันได้
ทั้งสามคนอดนึกขึ้นมาไม่ได้ จั่วม่อเคยกล่าวว่า...มันยินดีถูกจิงสือทุบตีจนตาย
เผยเหยียนหรานทันใดนั้นรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที
เด็กเหลือขอเจ้าปัญหาผู้นี้...
แน่นอน จั่วม่อไม่ทราบว่าท่านเจ้าสำนักเวลานี้ ยังปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่ามัน มันแช่ร่างในถังน้ำยาสมุนไพร เฉลิมฉลองการรอดพ้นภัยพิบัติ แผนผังปิศาจบนร่างกายไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้อาวุโส มันทั้งรู้สึกประหลาดใจและโชคดีมาก เมื่อลองตรวจสอบแผนผังปิศาจบนร่าง ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ แผนผังปิศาจได้หลบซ่อนตัวเองอยู่ใต้ผิวหนังของมันอย่างเงียบเชียบ
โชคยังดี โชคยังดี...
แผนผังปิศาจที่หลบซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังดูดซับพลังโอสถอย่างละโมบ เยียวยารักษาร่างกายของจั่วม่ออย่างไม่หยุดยั้ง มันพบว่าข้อดีของแผนผังปิศาจคือสามารถดูดซับพลังปราณและพลังโอสถได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเสริมสร้างสังขารของมันให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ วัชรสูตรน้อยที่ก้าวหน้าไปรวดเร็วเหนือคาด มีความสัมพันธ์โดยตรงกับแผนผังปิศาจนี้
หลังจากแช่น้ำยาสมุนไพรไม่กี่วัน จั่วม่อพบว่าการประลองครั้งนี้ ดูเหมือนจะทำให้สำนักให้การดูแลรักษามันดีขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างเช่นน้ำยาสมุนไพรที่ใช้แช่ตัว เวลานี้มันนับว่าเชี่ยวชาญในการหลอมกลั่นโอสถ สามารถแยกแยะองค์ประกอบของน้ำยาได้อย่างคร่าวๆ ดังนั้นทราบว่าวัตถุดิบหลายอย่างในน้ำยานี้ เป็นสมุนไพรปราณที่มีค่าไม่น้อย
จั่วม่อในใจแปลงค่าเป็นจิงสือตามสัญชาตญาณ อดหัวใจกระดอนขึ้นอย่างหวาดกลัวไม่ได้ ราคาของยาแต่ละตัวมีราคาแพงมาก!
ไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่รูปแบบปฏิบัติของสำนักนี้!
จั่วม่อรำพึงในใจ แต่มันรีบโยนปัญหานี้ไว้เบื้องหลัง เนื่องเพราะพอคิดถึงจิงสือขึ้นมา ก็นึกได้ว่าคราวนี้ทำกำไรก้อนโตแล้ว สำหรับมันสามร้อยชิ้นจิงสือระดับสามไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย ที่มันกล้าทุ่มวางเดิมพันอย่างมือเติบถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ว่ามีความมั่นใจในตนเองมากพอ แต่เป็นเพราะตั้งใจจะผลาญจิงสือให้หมดสิ้น ก่อนที่ผูเยาจะตื่นขึ้นมาเท่านั้นเอง
หากผูเยาตื่น ไม่ว่าจั่วม่อจะมีจิงสือมากมายสักเท่าใด มันก็จะไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
ราคาต่อรองของจั่วม่อ ชนะหนึ่งได้สามร้อย จั่วม่อวางเดิมพันสามร้อยชิ้นจิงสือระดับสาม กล่าวคือมันชนะพนัน เป็นจำนวนเงินเก้าหมื่นชิ้นจิงสือระดับสาม!
ท่านย่ามันเถอะ!
จั่วม่อรู้สึกจิงสือนับไม่ถ้วนลอยอยู่เหนือศีรษะ วิญญาณของมันพองฟูจนแทบจะโบยบิน
เก้าหมื่นชิ้นจิงสือระดับสาม ควรทราบว่าหนึ่งชิ้นจิงสือระดับสี่เท่ากับห้าร้อยชิ้นจิงสือระดับสาม เช่นนั้นเก้าหมื่นชิ้นจิงสือระดับสาม เท่ากับหนึ่งร้อยแปดสิบชิ้นจิงสือระดับสี่!
สวรรค์ของข้า!
นี่เป็นเป็นเงินก้อนโตมโหฬาร!
ว่ากันว่าเมื่อหลี่อิงฟ่งไปรับเงินที่ชนะพนัน นางถึงกับต้องร้องขอให้ศิษย์พี่ใหญ่ติดตามไปคุ้มกันนางตลอดทาง โชคยังดีที่จั่วม่อกำชับให้นางแยกวางเดิมพันหลายๆ ร้าน ดังนั้นไม่มีร้านใดคิดเล่นเล่ห์กลกับนาง แต่เสมียนร้านพนันที่เหวยเสิ้งได้ไปวางเดิมพันไว้ พอพบเห็นเหวยเสิ้ง ถึงกับมีสีหน้าแปลกพิกลเป็นพิเศษ
ครั้นเมื่อหลี่อิงฟ่งส่งมอบจิงสือให้แก่จั่วม่อเรียบร้อย มือของนางยังไม่หายสั่น
ม้วนหยกพื้นฐานค่ายกลของคุนหลุนอันใด? เวลานี้จั่วม่อไม่รู้จักแล้ว หนึ่งร้อยแปดสิบชิ้นจิงสือระดับสี่ ยังจะมีอะไรที่มันซื้อไม่ได้บ้าง? เมื่อถือเงินก้อนโตถึงเพียงนี้ จั่วม่อไม่จำเป็นต้องลงต่อสู้รอบต่อๆ ไปเสียด้วยซ้ำ นั่นไม่ใช่แค่ม้วนหยกพื้นฐานค่ายกลของคุนหลุนเองหรอกหรือ? มันเพียงแค่คอยเฝ้าดูว่าเป็นผู้ใดได้ไป จากนั้นค่อยขอซื้อต่อจากคนผู้นั้นก็พอ
หนึ่งร้อยแปดสิบชิ้นจิงสือระดับสี่ ไม่ใช่เพียงแค่ม้วนหยกเริ่มต้นของคุนหลุนเท่านั้น จั่วม่อรู้สึกว่าแม้แต่เวทวิชาระดับสี่ทั่วไปของคุนหลุน มันก็สามารถซื้อหาได้
มันทำกำไรแล้ว! ทำกำไรได้ก้อนโตเท่าฟ้า ฮ่าฮ่า!
จั่วม่อไม่เคยร่ำรวยมาก่อนเลย ในเวลานี้จู่ๆ ก็พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน ถึงกับต้องการห้อไปยังตงฝูในทันที เพื่อเริ่มผลาญจิงสืออย่างสำราญใจ ด้วยเงินก้อนโตในมือ มันแทบสามารถกวาดร้านยุทธภัณฑ์เวทกับร้านวัตถุดิบในตงฝูจนราบคาบ และที่ร่ำรวยเคียงคู่มากับจั่วม่อ คือร้านรับพนันแทบทั้งหมดในตงฝู พวกมันถึงกับภาวนาว่าให้มีการประลองแบบนั้นเกิดขึ้นบ่อยๆ สักวันละรอบสองรอบก็พอ
เวลาเดียวกัน ในโถงสุญตากลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งความโศกเศร้า
“จบสิ้นกันแล้ว!” หยานเล่อใบหน้าเหมือนจะร่ำไห้ “เวลานี้เจ้าเด็กเหลือขอทำกำไรจิงสือได้ก้อนโตมโหฬาร อย่าว่าแต่ฝึกกระบี่เลย ข้าสงสัยว่ามันจะเริ่มนั่งลง ใช้ชีวิตสุขสราญรอความตายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเลยกระมัง”
“พวกเรายึดจิงสือจากมันเป็นอย่างไร?” สือฟ่งหรงกล่าวอย่างชิงชัง นางเกลียดที่จั่วม่อไร้จิตปณิธาน และเศร้าเสียดายกับความอับโชคเรื่องลูกศิษย์ของนางเอง!
“นั่นทำไม่ได้!” เผยเหยียนหรานสั่นศีรษะ “มันได้รับจิงสือมาอย่างถูกต้อง หากเรายึดมาเราจะแตกต่างอันใดจากโจรผู้ร้าย? นั่นเท่ากับบีบบังคับให้มันไปยังสำนักอื่น”
อีกสามคนหน้าเสีย ทั้งตกใจ ทั้งพรั่นพรึง
ถูกต้อง ศิษย์ที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์สารพัดด้านเช่นจั่วม่อ ไม่ว่าสำนักใดมีแต่จะเร่งรีบแย่งชิง ไม่ต้องกล่าวถึงอื่นใด หากหนนี้พวกมันกระทำเกินเลย อาจเป็นเหตุผลที่บังคับให้จั่วม่อออกจากสำนัก เกรงว่าแม้แต่สุดยอดฝีมือเช่นเทียนซงจื่อ ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักกระบี่สุญตา ยังพร้อมจะกระโจนเข้าร่วมวงโดยไม่เสียดาย
“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรเล่า?” สือฟ่งหรงใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนหน้านี้พวกมันเพิ่งหารือ ในเมื่อจั่วม่อละโมบโลภมาก เช่นนั้นก็ใช้ผลประโยชน์หลอกล่อมันเสียเลย แต่จั่วม่อกลับได้รับโชคลาภก้อนโตถึงเพียงนี้ แม้แต่เผยเหยียนหรานกับพวกยังต้องอิจฉากับจิงสือจำนวนมหาศาลนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จั่วม่อกลายเป็นคนร่ำรวยที่สุดในสำนักกระบี่สุญตา!
ต้องการหลอกล่อมัน ด้วยทรัพย์สินอันจำกัดจำเขี่ยของสำนักกระบี่สุญตา เกรงว่าเป็นไปไม่ได้
เผยเหยียนหราน อดไม่ได้ต้องยกมือขึ้นนวดคลึงหัวคิ้วที่ปวดหนึบของมันอีกครั้ง
ไม่กี่วันให้หลัง จั่วม่อเดินเหมือนล่องลอย เท้าเบาสบายราวกับเดินบนปุยฝ้าย ในใจมันมีเพียงคำถามเดียว
จิงสือมากมายถึงเพียงนี้ จะผลาญให้หมดสิ้นด้วยวิธีใด?
อย่างไรก็ตาม จั่วม่อไม่ได้มีเวลาพอจะครุ่นคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เนื่องเพราะนี่เป็นช่วงเวลาประลองของศิษย์พี่เหวยเสิ้ง คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่เหวยเสิ้งก็เป็นเซียนกระบี่ เรียกว่าจั่วหลิน นับเป็นเซียนกระบี่ยอดฝีมือผู้หนึ่ง ในรายการจัดอันดับ เกือบทุกฉบับจัดมันไว้ในลำดับกลางๆ
หลังจากได้ลิ้มลองรสชาติอันหอมหวานของการพนัน จั่วม่อต้องการให้หลี่อิงฟ่งไปวางเดิมพันอีกสักหน่อย แต่หลี่อิงฟ่งผู้อกสั่นขวัญแขวนถึงกับถอยหลังกรูด สั่นศีรษะระรัว นางรู้สึกว่าหัวใจนางไม่อาจทานทนต่อการพนันเช่นนี้ได้อีกแล้ว เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จั่วม่อได้แต่ใช้ให้เสี่ยวกั่วไปลงเดิมพันที่ร้านพนันใหญ่ๆ
จั่วม่อกลายเป็นโด่งดังคับฟ้าในตงฝู เสมียนร้านพนันย่อมจะจดจำมันออกในทันที
เมื่อเดินทางไปถึงร้านรับพนันสองแห่ง จั่วม่อได้แต่ปล่อยให้เสี่ยวกั่วเข้าไปลงเดิมพันแทน
หากถามจั่วม่อว่าผู้ใดที่มันเชื่อมั่นที่สุด ย่อมเป็นศิษย์พี่เหวยเสิ้ง! ดังนั้นมันจึงวางเดิมพันโดยไม่ลังเล แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเป็นต้นไม้ใหญ่ดึงดูดแรงลม มันก็ยังค่อนข้างยับยั้งชั่งใจ ไม่ลงเดิมพันมากนัก แต่ใช้วิธีลากเสี่ยวกั่วไปวางเดิมพันที่ร้านพนันทุกแห่งในตงฝูแทน ทั้งหมดล้วนเดิมพันว่าศิษย์พี่เหวยเสิ้งชนะ
อย่างไรก็ตาม ในร้านพนันทุกร้าน ราคาเดิมพันว่าเหวยเสิ้งชนะนั้นให้ราคาต่ำมาก ทุกผู้คนรู้สึกว่าเหวยเสิ้งจะชนะ ในเมื่อร้านพนันเหล่านี้เปิดขึ้นโดยกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น พวกมันล้วนทราบดีว่าเหวยเสิ้งเคยก่อให้เกิดนิมิตแห่งฟ้าดินเมื่อตอนที่มันเข้าสู่ด่านจู้จี
เป็นไปตามคาด ศิษย์พี่เหวยเสิ้งพิชิตจั่วหลินในทันที ได้ชัยครั้งแรกอย่างท่วมท้น
ในการประลองครั้งนี้ ผู้คนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเหวยเสิ้งเหนือล้ำกว่าคู่ต่อสู้ของมันมาก หลังจากจบการประลอง การจัดอันดับของเหวยเสิ้งก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สิบลำดับแรกอย่างง่ายดาย กลายเป็นหนึ่งในตัวเก็งชนะเลิศในการประลอง
แม้ว่าอัตราเดิมพันไม่สูงนัก แต่จั่วม่อลงทุนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผลกำไรจากการชนะเดิมพันครั้งนี้ มันได้รับจิงสืออีกเล็กน้อย เป็นจำนวนสิบชิ้นจิงสือระดับสี่
จริงดังคาด ผู้ใดมีจิงสือ ย่อมต่อยอดทำกำไรจิงสือได้ง่ายดายกว่ามาก จั่วม่อทอดถอนสะทกสะท้อน
ศิษย์พี่เหวยเสิ้งได้ชัยเรียบร้อย จั่วม่อไม่สนใจการประลองครั้งต่อไป
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของมันจะยังไม่ทุเลาหายดี แต่มันยังคงพยายามคิดหาหนทางผลาญจิงสือให้หมดสิ้น!