บทที่ 125 ท่าไม้ตายสุดยอด
หนึ่ง สอง สาม สี่...
จั่วม่อที่แท้ขว้างแผ่นจานค่ายกลออกไปกี่แผ่น?
คนอื่น ๆ เห็นเฉพาะท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแผ่นจานค่ายกลอันน่าตื่นตาตื่นใจ คล้ายห่าฝนตกลงมา มีเพียงศิษย์พี่หวังเฝ้านับอยู่ในใจอย่างเงียบเชียบ จั่วม่อทั้งห้าคนระดมซัดแผ่นจานค่ายกลออกมาอย่างบ้าคลั่ง ด้วยความถี่ที่น่าอัศจรรย์ แต่ภาพมายาจะอย่างไรยังคงเป็นภาพมายา ภาพมายาซึ่งสร้างขึ้นจากยันต์ผีซ้อนเงาระดับต่ำกว่าระดับห้านั้นไร้รูปร่างแท้จริง พวกมันเป็นเพียงแค่กลุ่มแสงเท่านั้น ดังนั้นแผ่นจานค่ายกลที่ร่างเงาซัดออกไปสมควรมองเห็นเป็นแค่แสงกลุ่มเล็กๆ
มีเพียงแผ่นจานค่ายกลที่ตัวจริงซัดออกมาเท่านั้น จึงจะเป็นแผ่นจานค่ายกลของจริง
แต่ภาพตรงหน้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เห็นแผ่นจานค่ายกลดุจห่าพิรุณเต็มฟ้า ช่างย้อนแย้งกับหลักการที่ว่าอย่างสิ้นเชิง
ศิษย์พี่หวังใบหน้าชุ่มเหงื่อ เวลานี้มันยอมรับนับถือจั่วม่อสุดหัวใจ จนแทบจะคุกเข่ากราบเป็นซือฟู่ ภาพมายาที่สมจริงถึงเพียงนี้นับว่าหายากมากแล้ว แต่ยังถึงกับสร้างภาพมายาของแผ่นจานค่ายกลที่ร่างเงาซัดออกมาได้ จิตสำนึกของคนผู้นี้น่าขนพองสยองเกล้าจริงๆ!
ศิษย์พี่หวังแม้จดจ้องอยู่ตลอดเวลา แต่ยังจนปัญญาจะนับจำนวนแผ่นจานค่ายกลที่ถูกซัดออกไปอย่างแท้จริง จั่วม่อแต่ละคนซัดแผ่นจานค่ายกลออกไปไม่เท่ากัน มันเมื่อไม่สามารถบอกได้ว่าคนไหนเป็นตัวจริง จึงไม่ทราบว่าโยนออกไปกี่แผ่นกันแน่ สิ่งเดียวที่มันทราบ คือจั่วม่อซัดแผ่นจานค่ายกลออกไปไม่น้อยกว่าเจ็ดแผ่น!
การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดในพริบตา ศิษย์พี่หวังรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าการอำพรางอยู่ใต้ใบหน้าผีดิบอันไร้อารมณ์นั้นที่แท้คดโกงเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับซ่อนการคำนวณและความกลอกกลิ้งที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ไว้!
ลูกไฟทรงกลมทั้งหมดประสานเสียงคำรามกึกก้อง ขณะที่พุ่งลงมา ก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“แปลงเป็นค้อน!”
นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากในค้อนเพลิงเหลือคณา แทบทุกกระบวนท่าจำเป็นต้องผ่านการ ‘แปลงเป็นค้อน’ หลังจากที่เพลิงเหลือคณากลายเป็นค้อน พลังจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง แต่ในท่วงท่าสามัญทั่วไป ช่วงเวลาในการแปลงเป็นค้อนนั้นกระชั้นสั้นมาก ยากที่จะตรวจจับ มีเพียงกระบวนท่าอันทรงพลานุภาพเช่น ‘ค้อนสวรรค์พิรุณเพลิง’ เท่านั้น ที่มีการเปลี่ยนสภาพอย่างชัดเจนพอที่ผู้คนจะพบเห็น
เมื่อลูกไฟคำรามเหลือคณานับแปรสภาพเป็นค้อนเพลิง ลานประลองทั้งหมดจะถูกฟาดหวดจนถล่มทลาย!
ในเวลานี้เอง เหตุพลิกผันพลันอุบัติขึ้น!
ทันใดนั้นปรากฏโซ่สีน้ำเงินสามเส้น พุ่งวนรอบเท้าโลหะหลอมเหลวของเฉาอัน ประดุจอสรพิษน้ำเงินสามตัวที่ซุ่มรอมาเนิ่นนาน ในที่สุดค่อยสบโอกาสโผเข้ารัดพันร่างของมันไว้
จังหวะลงมือพอเหมาะพอดีถึงที่สุด เฉาอันไร้หนทางป้องกัน ถูกผูกไว้อย่างแน่นหนา
ค่ายกลกักมังกร ระดับสาม!
เสียงอุทานอย่างตกตะลึงดังระงมในหมู่ผู้ชม เหตุพลิกผันนี้กะทันหันเกินไป ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่น้อย!
แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากสั่นศีรษะทอดถอน นี่หรือสิ่งที่จั่วม่อเล็งเอาไว้?
ค่ายกลกักมังกรเป็นค่ายกลชั้นยอดที่จั่วม่อซื้อหามา มีไม่กี่คนที่รู้จัก แต่ด้วยสายตาของชนชั้นหนิงม่าย พวกมันสามารถประเมินพลังอำนาจของค่ายกลกักมังกรได้คร่าวๆ ในความเห็นของพวกมัน ค่ายกลกักมังกรแม้มีฤทธานุภาพไม่เลว แต่คิดกักเฉาอันไว้ยังเป็นไปไม่ได้ มากที่สุดก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ เฉาอันจะสามารถหลุดรอดเป็นอิสระ!
กร๊อบ กร๊อบ ศิษย์พี่หวังเกร็งกำปั้นแน่นจนกระดูกลั่น ใบหน้าชุ่มเหงื่อทันใดนั้นแดงฉานด้วยความตื่นเต้น มีเพียงมันที่คาดเดาว่าการตอบโต้ของจั่วม่อกำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว!
เฉาอันโกรธจนแทบสิ้นสติ!
ภายใต้ทุกสายตา มันกลับถูกซิวเจ่อด่านจู้จีมัดเอาไว้!
เฉาอันศีรษะลั่นอึงอล ไฟโทสะอัดอกไม่อาจสะกดกลั้นอีกต่อไป ผมเผ้าลุกชี้ชัน ดวงตาถลึงกว้างอย่างเดือดดาล ใบหน้าบิดเบี้ยวเกรี้ยวกราด
“จงตายให้แก่ข้า!”
พลังปราณทั้งหมดในร่างกายถาโถมอย่างบ้าคลั่งไปยังโซ่น้ำเงินสามเส้นบนร่าง ไฟสีแดงสดปรากฏขึ้นท่วมกาย มันกลายเป็นมนุษย์เพลิงไปอย่างแท้จริง!
ไฟสีแดงเข้มทิ่มแทงแผดเผาโซ่สีน้ำเงินบนร่าง โซ่สีน้ำเงินหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนมองเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า
ผู้ชมอดทอดถอนใจไม่ได้ ความต่างชั้นของพลังมากเกินไป! ค่ายกลกักมังกรอาจร้ายกาจสำหรับชนชั้นจู้จี แต่สำหรับยอดฝีมือด่านหนิงม่ายแล้วนับว่าอ่อนด้อยไปมาก แม้อาจกักเฉาอันไว้ได้ครู่หนึ่ง แต่จั่วม่อไม่มีกระบวนท่าสังหารที่รุนแรงพอจะโค่นเฉาอัน! อย่าว่าแต่จะโค่นเฉาอัน จั่วม่อกระทั่งเปลวไฟบนร่างของเฉาอัน ยังไม่มีปัญญาเข้าใกล้
มีเพียงศิษย์พี่หวังที่เชื่อว่านี่คือเสียงแตรศึกแห่งการตีโต้ ต้องซ่อนการเปลี่ยนแปลงตามหลังไว้อย่างแน่นอน!
แต่การเปลี่ยนแปลงตามหลังนั้นอยู่ที่ใด?
ศิษย์พี่หวังทันใดนั้นพบว่าในกลุ่มหมอกทรายทองอันกว้างใหญ่ ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ พลันบังเกิดปราณวารีมากมายฟุ้งกระจายไปทั่ว! กลุ่มหมอกน้ำจางๆ สะท้อนประกายแสงสีทองเหลือคณานับ สวยงามตระการตาอย่างแท้จริง
ปราณวารีอันหนาแน่นกระไรเช่นนี้!
การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดเช่นนี้ ย่อมไม่อาจหลุดรอดสายตาของผู้ชมได้ ผู้ที่มีฝีมือทางค่ายกลตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ทันที ‘ค่ายกลมหานที’ แต่ปราณน้ำที่รวบรวมจนหนาแน่นถึงเพียงนี้ สมควรเกินความสามารถของค่ายกลมหานทีระดับสองไปไกลโข!
ซิวเจ่อซึ่งมีความรอบรู้วิชาค่ายกลอย่างลึกซึ้ง บังเกิดปฏิกิริยาทันที!
“ทองก่อเกิดน้ำ! ที่แท้ค่ายกลทองคำพรั่งพรูของมันมีไว้หนุนเสริมค่ายกลมหานที! นี่เป็นค่ายกลสองห่วงโซ่!”
“ไม่ถูกต้อง… สมควรมีค่ายกลธาตุดินมาก่อนชั้นหนึ่ง ดินก่อเกิดทอง ค่ายกลดินหนุนเสริมค่ายกลทอง! นี่เป็นค่ายกลสามห่วงโซ่!”
“สวรรค์! ค่ายกลสามห่วงโซ่!”
“ค่ายกลสามห่วงโซ่! มันถึงกับรู้วิธีใช้ค่ายกลสามห่วงโซ่!”
เสียงอุทานอื้ออึงดังขึ้นในฝูงชนอย่างฉับพลัน จนกระทั่งถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่คนจำนวนมากอ้าปากค้าง มองไปยังจั่วม่ออย่างตะลึงพรึงเพริด!
ศิษย์พี่หวังกำมือแน่นกว่าเดิม มันไม่ได้รู้สึกดีอกดีใจที่การคาดเดาของมันถูกต้อง ในดวงตาเต็มไปด้วยความแตกตื่น
เร็วอีก...เร็วกว่านี้อีก!
พายุฝนลูกไฟคะนองพกพาเสียงคำรามกึกก้อง พุ่งดิ่งลงมาถึงศีรษะของจั่วม่อ ไม่ว่ามันจะทำอะไรไว้เท่าไร หรือวางกับดักไว้เท่าใดก่อนหน้านี้ มันก็ไม่มีทางหลบกระบวนท่านี้พ้น
“น่าเสียดายค่ายกลสามห่วงโซ่...”
บางคนอดรำพึงไม่ได้ รอบข้างพลันสงัดเงียบในบัดดล
ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรของจั่วม่อ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่อาจหยุดยั้งค้อนสวรรค์พิรุณเพลิงนี้ได้!
ทันใดนั้น จั่วม่อทั้งห้าหยุดชะงักลง แหงนหน้ามองไปขึ้นบนฟ้าอย่างพร้อมเพรียง
จั่วม่อเบื้องหน้าสายตาพลันมืดลง ห่าลูกไฟที่พุ่งลงมาจากฟ้า พกพาพลังสภาวะอันน่าขนพองสยองเกล้ามาเต็มเปี่ยม หลบซ่อนไม่ได้ หลีกเลี่ยงไม่พ้น
หลี่อิงฟ่งกับเสี่ยวกั่วใบหน้าขาวเผือด ยิ่งลูกไฟใกล้เข้ามา พลังอำนาจอันน่าครั่นคร้าม ยิ่งบันดาลให้ผู้คนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงต่อต้านขัดขืน
ศิษย์พี่...
เสี่ยวกั่วร่างสั่นสะท้านโดยไม่รู้สึกตัว
“หืมม์” เหวยเสิ้งจู่ๆ ดวงตาสว่างวาบ
“เอ๊ะ!” ฉางเหิงทันใดนั้นยืดตัวตรง
“โอ้!” กู่หรงผิงเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “น่าสนใจอยู่บ้าง”
จั่วม่อดวงตาทอประกายเรืองรอง สายตามันจับจ้องพิรุณลูกไฟครอบฟ้าคลุมดิน ที่ดิ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ
ในสายตามันลูกไฟขยายใหญ่ขึ้นเป็นลำดับ ด้วยระดับความเร็วอันน่าตระหนก จั่วม่อไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย มันยืนแหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้า ไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่ปลายนิ้ว
ลูกไฟลากหางยาวดิ่งลงมาราวกับดาวหาง!
แต่...พวกมันยังคงเป็นรูปร่างเป็นทรงกลม
ลูกไฟไม่ได้กลายเป็นค้อน!
สนามประลองพลันสว่างไสวด้วยแสงสีทอง ค่ายกลมหึมาปรากฏขึ้นในบัดดล จั่วม่อยืนอยู่ตรงใจกลางค่ายกล ในเวลาเดียวกัน ป้ายหยกห้อยเอวของมันก็เปล่งแสงสว่างขึ้นพร้อมกัน
ค่ายกลสองค่าย หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก แต่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกผู้คน
ค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิงสองห่วงโซ่!
สองมือของจั่อม่อทั้งห้าคน พลันผนึกมุทราขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
จั่วม่อตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันใหญ่หลวงตรงใจกลางค่ายกล มันสามารถรู้สึกถึงพลังและความเปลี่ยนแปลงทั้งมวลที่เกิดขึ้นในค่ายกล มันไม่เคยรู้สึกว่าเป็นเรื่องง่ายดายเท่านี้มาก่อน ราวกับว่ามือของมันถูกหล่อลื่นมาอย่างดี ไม่จำเป็นต้องตั้งใจควบคุม กระบวนท่ามุทราที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อก็พลิ้วสะบัดออกมาจากสองมือของมัน!
ตรงกันข้ามกับกระบวนท่าดรรชนีอันไหลลื่น ร่างกายของมันเห็นได้ชัดว่ากำลังดิ้นรนประหนึ่งแบกรับน้ำหนักอันหนักหน่วง ทั้งยังสั่นระริกเล็กน้อย
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ร่างเงาสี่ร่างหายวับไป ในเวลาเช่นนี้ จั่วม่อไม่มีปัญญาควบคุมร่างเงาเหล่านั้นอีก
มันต้องแบกรับแรงกดดันชนิดที่ไม่เคยพบพานมาก่อน มองจากที่ห่างไกล ยังสามารถเห็นได้ชัดเจนถึงเส้นเลือดเขียวปูดโปนตรงขมับของจั่วม่อ โป่งพองดุจไส้เดือน
ควบคุมไฟ!
รับมือกระบวนท่าจู่โจมสะท้านฟ้าสะเทือนดินนี้ จั่วม่อเพียงใช้วิธีการควบคุมไฟอันธรรมดาสามัญที่สุดเท่านั้น!
ฉวยโอกาสตอนที่เฉาอันถูกค่ายกลกักมังกรตรึงไว้ จนความสามารถในการควบคุมค้อนสวรรค์พิรุณเพลิงอ่อนลงไปบ้าง ก่อนที่ลูกไฟจะแปรเปลี่ยนเป็นค้อน อาศัยค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิงสองห่วงโซ่หนุนเสริม เพิ่มความสามารถในการควบคุมไฟของตนเอง ชิงควบคุมแทรกแซงกระบวนท่านี้!
“เด็กอันชาญฉลาด!” เทียนซงจื่อทอดถอนชมเชยจากบนเมฆมงคล
ใบหน้าของเจ้าสำนักอื่นๆ เต็มไปด้วยความอิจฉาเลื่อมใส ในเวลานี้ เผยเหยียนหรานกับพวกไม่ได้มีเวลามาภาคภูมิใจ พวกมันจ้องมองการประลองอย่างตึงเครียด
ผู้ชมล้วนเหม่อมองอย่างโง่งม!
ไม่มีผู้ใดคาดคิด จั่วม่อจะใช้วิธีการอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ในการรับมือการโจมตีที่ผู้อื่นคิดว่าอยู่เหนือกว่าขอบเขตพลังฝีมือของมัน
มันก็แค่ไฟธรรมดา ...
จั่วม่อขบกรามแน่น ย้ำกับตัวเองเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตสำนึกของมันขยายเข้าไปในทุกซอกทุกมุม พัวพันรอบๆ ห่าฝนลูกไฟที่อยู่เหนือศีรษะ กระบวนท่าดรรชนีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แปรผันไปตามความรู้สึกที่ส่งผ่านมาจากจิตสำนึก
แม้ว่าจั่วม่อจะได้รับการหนุนเสริมจากค่ายกลหัวใจจักรพรรดิเพลิงสองห่วงโซ่ แม้ว่าอำนาจควบคุมฝนลูกไฟของเฉาอันจะอ่อนลง แม้ว่ากลุ่มลูกไฟไม่ได้แปรสภาพเป็นค้อน แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จั่วม่อจะควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม จั่วม่อไม่ได้ต้องการควบคุมมันตั้งแต่แรกแล้ว...
“เปิด!” จั่วม่อคำราม สุ้มเสียงดุจดั่งระเบิดออกมาจากทรวงอก คล้ายสำลักทว่าทุ้มลึก
ทันทีที่ตวาดออกมา พิรุณลูกไฟเหนือศีรษะจู่ๆ ก็แยกออกเป็นสองฟาก เผยให้เห็นร่องอันคับแคบเส้นหนึ่ง! เมื่อฝนลูกไฟแยกเป็นสองฟาก แสงตะวันก็ส่องลอดลงมาตามรอยแยก ทาบระบายลงบนพื้น ทันใดนั้นปรากฏเป็นเส้นทางแสงสว่างสายหนึ่ง
ถนนแสงที่ตรงแน่วสายหนึ่ง
สุดปลายของเส้นทางแห่งแสงเป็นจั่วม่อ ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งเป็นเฉาอัน ตลอดเส้นทางระหว่างคนทั้งคู่ เต็มไปด้วยปราณวารีหนาแน่น ปะปนด้วยจุดสีทองพร่างพราว
ทันใดนั้น ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เมื่อถนนแสงเส้นนี้ปรากฏขึ้น ทุกผู้คนที่ชมดูล้วนฉุกคิดพร้อมกัน นี่คือท่าไม้ตายสุดยอด!การตระเตรียมทั้งหมด กับดักทั้งหมด พวกมันติดตามชมดูอย่างจดจ่อ ทั้งไม่คาดฝัน ทั้งประหลาดใจ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่จั่วม่อกระทำไปล้วนเพียงเพื่อกระบวนท่านี้ นี่จะเป็นท่าไม้ตายสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นไร?
กระบวนท่ามุทราของจั่วม่อพลันแปรเปลี่ยน ปราณวารีบนเส้นทาง ทันใดนั้นก็กลายเป็นสายฝนกระหน่ำเทลงมา
“เคล็ดเมฆฝนหล่นริน!”
อะไร...เคล็ดเมฆฝนหล่นริน...
ผู้คนที่ล้วนแล้วแต่เฝ้ารอการโจมตีสุดยอด ถึงกับอ้าปากหวอ หากกล่าวถึงท่ามุทราและค่ายกลก่อนหน้านี้ หลายคนไม่รู้จัก แต่ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเคล็ดเมฆฝนหล่นรินที่จั่วม่อเพิ่งจะใช้ออกมา ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าระยะเวลาการร่ายเคล็ดเมฆฝนหล่นรินของจั่วม่อกระชั้นสั้นจนน่าตื่นตะลึง ปฏิกิริยาแรกของผู้คนล้วนคล้ายเหมือน ...ไฉนเป็นเคล็ดเมฆฝนหล่นริน?
ในขณะที่เหล่าผู้ชมตะลึงลาน กระบี่หยดน้ำก็ปรากฏขึ้นในมือจั่วม่อ
เสียงรบกวนจากภายนอกขาดหายไปโดยสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในสายตาของจั่วม่อมีเพียงกลุ่มก้อนเมฆและฝน ใต้ฝ่าเท้ามัน ปรากฏค่ายกลห้าปฐมปราณเสริมพลังเปล่งแสงเรืองรอง ค่ายกลเพิ่งจะเติมพลังปราณเข้าไปในร่างกายมันเสร็จสิ้น
ฆ่ามัน!
จั่วม่อตวาดในใจกับตัวมันเอง
กระบี่หยดน้ำในมือขวา เอียงไขว้ลงข้างเอวซ้าย ในท่วงท่าเตรียมชักกระบี่ ปลายจี้ลงพื้น จั่วม่อสืบเท้ารุดไปข้างหน้า จากช้าเป็นเร็วขึ้นๆ ค่ายกลท่องลมบนรองเท้าเซวียจื่อสว่างวาบ มันพุ่งผ่านห่าฝนลูกไฟที่สองฟากข้าง เร่งความเร็วขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เร่งเร้าพลังปราณทั้งร่างโคจรไปยังกระบี่หยดน้ำดุจคลื่นน้ำถาโถม
เฉาอันพิโรธโกรธกริ้วเป็นอย่างยิ่ง ยังเดือดดาลมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
เดิมทีมันหวังจะยุติเรื่องน่าขบขันนี้ด้วยกระบวนท่าอลังการสะท้านฟ้า เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของมัน!
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายไปหมด!
ยามนี้ต่อให้มันได้ชัย แต่ผลงานของเจ้าผีดิบบัดซบนี้ก็ประจักษ์แจ้งแก่สายตาผู้ชม มากพอที่จะทำให้ผู้คนชื่นชอบ ศูนย์กลางของการสนทนาจะกลายเป็นผีดิบนี้ แล้วข้า...
เปลวเพลิงบนร่างเฉาอันยิ่งร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม โซ่สีน้ำเงินในที่สุดก็ไม่อาจทานทนอีกต่อไป ระเบิดสลายเป็นฝุ่นผง
มันเงยหน้าขึ้นถลึงตามอง มีเพียงเสียงเดียวในหัวใจมัน
ไปลงนรกเสียเถอะ!
ด้านหน้ามัน เมฆฝนที่กำลังกระหน่ำโปรยคล้ายจะแปรเปลี่ยนไป
พริบตานั้น เงาร่างสายหนึ่งพุ่งโถมออกมาจากหมู่เมฆ ขณะที่มันพุ่งผ่านออกมา เมฆหมอกสีขาวก็กลับคืนเป็นสีทอง ปราณวารีทั้งหมดหายวับไปในพริบตา
เฉาอันเมื่อพบเห็นว่าเงาร่างนั้นเป็นจั่วม่อ มันก็แย้มยิ้มอย่างดุดัน แต่เมื่อสายตาเบนไปยังช่วงเอวของจั่วม่อ มันจู่ๆ ก็เบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน
กระบี่หยดน้ำที่จั่วม่อวิ่งลากมาข้างกาย แปรสภาพเป็นกระบี่น้ำ กระบี่น้ำที่เหมือนเปลวเพลิงขนาดยักษ์ ยาวถึงหนึ่งจั้ง!
เมื่อจั่วม่อพุ่งผ่านเข้ามาใกล้มัน ปราณวารีทุกหยาดหยดล้วนถูกสูบกลืนเข้าไปในกระบี่
ท่ามกลางห่าพิรุณลูกไฟเกลื่อนฟ้า กระบี่น้ำโปร่งใสขนาดยักษ์ตวัดฟันขึ้นสุดแรงเกิด นี่ย่อมเป็นกระบวนท่าไม้ตายสุดยอดของจั่วม่อ
เพลิงธาราผลาญฟ้า!