ตอนที่แล้วตอนที่ 09 ความผิดพลาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 เหยื่อ

ตอนที่ 10 บทเพลง สะพานแห่งอาวาลอนล่วงหล่น


ตอนที่ 10 บทเพลง สะพานแห่งอาวาลอนล่วงหล่น

 

ในหมอกอันแสนเน่าเหม็น ชิ้นส่วนเหล็กนับไม่ถ้วนส่งเสียงเสียดสีกันไปมา เสียงคล้ายมังกรกำลังคลานอยู่บนก้อนหินทำให้เกล็ดของมันขูดกับก้อนหินจนเกิดประกายไฟจากแรงเสียดทาน เสียงมาพร้อมกลิ่นเหม็นสะอิดสะเอียน ไหลเข้าไปในปากจมูกและแก้วหู มันทำให้ทรมานที่ศีรษะ เย่วซิงเห็นเพียงความดำมืดในดวงตาของเขา

 

" งั่มๆ!"

 

ในภาพเบลอ เขาก็ได้ยินเสียงหอนจากฟิล ตามมาด้วยการกัดอย่างหนักบนต้นขาของเขา ความเจ็บปวดมากพอที่จะทำให้จิตใจของคุณเย่วซิงกลับสู่ปกติ จากนั้นฟิลก็หันไปรอบ ๆ และกัดวิกเตอร์ด้วยเช่นกัน การแก้ปัญหาด้วยความเจ็บปวดมีประสิทธิภาพมาก แต่เย่วซิงกลับคิดว่าฟิลมันกำลังแก้แค้นที่ยังไม่ได้กินไส้กรอก

 

ฟิลมองไปที่เขา ทุกครั้งที่ฟิลจ้องเขาแบบนั้น แสดงว่ามันกำลังรู้สึกผิดหวัง เพราะเขาไม่มีความคืบหน้าเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขายังคงต้องพึ่งพาฟิลเพื่อช่วยเขา มันน่าอับอายและน่าหนักใจ ฟิลหันไปรอบ ๆ และใช้หางของมันปัดไปที่เขา ซึ่งต้องการบอกพวกเขาว่าไม่ควรโง่ที่จะอยู่ในสถานที่นี้ควรหนีไปให้เร็วที่สุด

 

กลิ่นเหม็นชวนอ้วกอาจสร้างความสับสนให้แก่ผู้อื่น แต่ไม่สามารถสร้างความสับสนให้แก่ฟิล มันคิดถึงแต่กลิ่นไส้กรอกของเขา เย่วซิงรู้สึกถึงเสียงเสียดสีของเหล็กที่กำลังใกล้เข้ามา ดูเหมือนว่าคนในหมอกจะพบพวกเขาแล้ว เย่วซิงกังวลว่ามีอะไรรอพวกเขาอยู่บ้าง?

 

"เย่วซิง ดูเหมือนพลังของมันจะมากขึ้นเรื่อยๆ!" วิกเตอร์มองไปที่กระเป๋าสีดำเครื่องดนตรีที่อยู่ในกล่องส่งเสียงทุ้มต่ำทำให้เขาตกใจมากขึ้น

 

ในวินาทีถัดมาเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเรื่อยๆราวกับต้องการให้กล่องแตกออก เสียงเสียดสีคมชัดคล้ายเสียงระเบิด!

 

"สร้างด้วยแท่งเหล็ก เส้นเหล็ก เส้นเหล็ก ... " เสียงโทนต่ำยังคงออกคำสั่งในหมอก!

 

ทันใดนั้นเหล็กก็งอกออกมาจากต้นไม้ตรงหน้าเย่วซิง! ลำต้นที่เหี่ยวกลับมีเหล็กทะลุออกมา ขนาดเท่าลำต้นไม้ไผ่ เกิดการแตะออกฉับพลันคล้ายคริสตัล เส้นเหล็กโผล่ออกมาจากอากาศอย่างรวดเร็วตรงหน้า ปิดทางหนีของพวกเขา

 

ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถข้ามหนามเหล็กเหล่านี้ได้ เกิดแรงเสียดสีหนามเหล็กเหล่านั้นยาวขึ้นอย่างรวดเร็วและปิดทางเขา เสมือนมือขนาดใหญ่สองข้างพยายามดักจับพวกเขา ฟิลไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นสักนิด มันเห่าใส่ทั้งสองพยายามบอกให้พวกเขาตามมันมาอย่างใกล้ชิดและจากนั้นวิ่งเข้าไปในป่าแห่งความตาย

 

เย่วซิงไม่มีเวลาที่จะลังเล เขาวิ่งอย่างบ้าคลั่งไล่ตามฟิลไป ราวกับเดิมพันชีวิตที่เหลืออยู่ไว้กับมัน ขณะที่เขาวิ่งผ่านหนามแหลมแทงเข้ามาที่ตัวของเขา ทำให้รู้สึกถึงความเย็นจากหนามบนรอยขีดข่วนตรงใบหน้าของเขาและหัวใจของเขาราวกับจะหยุดนิ่ง

 

ฟิลกระโดดออกมาจากหนามโดยไม่มีขนร่วงลงมาสักเส้น เย่วซิงตามฟิลไปอย่างใกล้ชิดโดยมีเพียงไม่กี่บาดแผล คนที่น่าสังเวชที่สุดคงเป็นวิกเตอร์ซึ่งหลังจากกระโดดออกมาจากดงหนามนอนลงบนพื้นด้วยเสื้อผ้าฉีกขาดกางเกงของเขาฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องตลกเรื่องเดียวในท่ามกลางสถานการ์ที่อันตรายเช่นนี้ ไม่มีเวลาให้ชักช้า เย่วซิงดึงวิกเตอร์และวิ่งตามหลังฟิลไปทันที หมอกเริ่มเคลื่อนที่ตามมาเร็วขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก เสียงเพลงดังออกมาจากบรรยากาศที่หวาดหวั่นนี้ พื้นที่โดยรอบเริ่มเกิดหมอกขึ้นมาอีกครั้ง มีมือที่นับไม่ถ้วนเต้นรำไปมาในหมอก มือเหล่านั้นพุ่งผ่านฟิลและวิคเตอร์ไปทางเย่วซิง

 

เย่วซิงตกใจอย่างมากเขาใช้กำลังทั้งหมดของเขาในการตอบโต้กลับไป แต่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงไปได้ทุกมือ ฝ่ามือเหล่านี้ไม่ได้มีแรงมากอย่างที่คิด หนึ่งหรือสองนั้นทำให้รู้สึกเพียงลมพัด แต่เมื่อความเร็วของเย่วซิงลดลงเรื่อย ๆ ฝ่ามือก็เริ่มปรากฏมากขึ้นจนเกินกว่าจะเป็นเพียงลมพัด

 

ทันใดนั้นเย่วซิงก็ถูกล้อมรอบโดยฝ่ามือ มันคว้าเขาไว้แน่นหนาเพื่อไม่ให้เขาหนีไปได้อีก

 

"ทำไมฉันโชคร้ายอย่างนี้นะ?" เขาพึมพำกับตัวเองด้วยท่าทีสับสน

 

"เย่วซิง!" วิกเตอร์รีบวิ่งไปช่วยด้วยตาสีแดงก่ำ  ฟิลที่เร็วกว่าเขาวิ่งไปอย่างบ้าคลั่งกัดเข้าที่ฝ่ามือเหล่านั้น แต่ฝ่ามือไม่ได้สนใจฟิลและยังพุ่งไปหาเย่วซิง ฝ่ามือเป็นเหมือนวิญญาณชั่วร้ายอยู่คอยติดตามคุณ มันลากเขาเข้าไปในหมอก

 

ในเวลาเดียวกันเสียงทุ้มต่ำก็กลายเป็นเสียงสูงแหลม

 

ในบรรดาต้นไม้ที่ตายแล้วนับไม่ถ้วนเกิดหนามเหล็กงอกออกมาอีกครั้ง หนามเหล่านั้นเริ่มเจริญเติบโตอีกครั้ง คราวนี้มันผสานเข้าหากันก่อนระเบิดออกพุ่งเข้าหาเย่วซิงหยวน คราวนี้ดูเหมือนว่ามันต้องการที่จะบดขยี้เขาจนแหลกละเอียด!

 

ในขณะนั้นเย่วซิงได้ยินเพียงเสียงชิ้นเหล็กนับไม่ถ้วนซึ่งบดขยี้กันและกัน หมอกกระจายออกด้วยการโจมตีหลายครั้งของราวกับสายฟ้าทะลวงไปทางด้านหน้าเจาะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เย่วซิงต่อสู้ด้วยพละกำลังที่น่าทึ่ง แต่เมื่อถูกดึงเข้าไปในวงล้อมของฝ่ามือ เขากลับรู้สึกไม่มีแรงอีกครั้ง

 

ในวินาทีสุดท้ายเขาได้ยินเสียงคำรามที่โหดเหี้ยมตามด้วยเงาบางอย่างที่พยายามจะกัดฝ่ามือที่มองไม่เห็น

 

"ฟิล!" เย่วซิงตะลึงเมื่อเห็นขาหลังของฟิลล์ที่ถูกแทงด้วยหนาม มันปล่อยให้เลือดไหลออกจากร่างกาย ดีกว่าจะต้องมายอมแพ้ที่นี่

 

"ฟิล หนีไปซะ!" เย่วซิงตะโกน ด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์? เขาเริ่มกลัวมากขึ้น

 

ฟิลทำท่าทางโมโหมากซะจนไม่ได้ยินอะไร มันกัดฟันน้ำลายไหลออกเป็นทาง ตาเปลี่ยนเป็นสีแดง มันต้องการที่จะปกป้องเย่วซิงเพื่อกัดมือที่มองไม่เห็นเหล่านั้น มันไม่กลัวว่าจะถูกฆ่าตาย

 

เสียงเสียดสีของเหล็กเริ่มดังใกล้ๆเย่วซิง ทำให้เขารู้สึกว่าความตายคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆจนอึดอัด

 

เย่วซิงพยายามที่จะยื่นมือออกไปผลักฟิลให้ออกห่างจากเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

 

เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกสิ้นหวัง เหมือนความกลัวตอนอายุสิบขวบ การต้องอยู่สู้หิมะดิ้นรนกับไข้สูง หรือแม้แต่การต้องฟังคำพูดครั้งสุดท้ายของมารดาเขา ความกลัวที่จะสูญเสียบางสิ่งบางอย่างและความเจ็บปวดจากการถูกบดขยี้ซ้ำๆ

 

หัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับกำลังจะระเบิด เลือดในร่างกายของเขาไหลเวียนเร็วขึ้นทำให้เส้นเลือดในใบหน้าของเขาปูด เลือดภายในร่างกายต้องการระเบิดออกมา

 

อะดรีนาลีนทั้งหมดของเขาไหลมารวมตัวกันที่หน้าอก เหมือนหัวใจของเขากำลังสูบน้ำลาวา ราวกับกำลังพยายามจะหลุดออกจากห่วงโซ่ที่รัดกุมมันไว้และมุ่งเข้าสู่ดินแดนต้องห้าม ...

 

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆที่ด้านหลังมือของเขา เหมือนกับเสียงร้องที่คุ้นเคย

 

เขาก้มศีรษะลงด้วยความตกใจเพราะเห็นลวดเงินรอบ ๆ นิ้วของเขาส่องประกายด้วยแสงสว่าง เสียงตะโกนจากมังกรโผล่พุ่งออกมาจากปลายนิ้ว ทำให้หมอกที่ล้อมรอบและหนามเหล็กแตกออกเป็นชิ้น ๆ

 

เสียงจากปลายนิ้วทำให้หมอกสีขาวถูกดูดลงในอ่างน้ำวน ในอ่างน้ำวนแสงส่องสว่างทำลายความมืดมิด ดูราวกับมันเป็นภาพลวงตา

 

แต่ภาพลวงตาดูเหมือนจริงมากจนทำให้เขาสามารถสัมผัสกับอากาศธาตุได้อีกครั้ง พลังงานที่เต็มไปทั่ว

ท้องฟ้าและแผ่นดิน ลมพัดลอยไปในหมอก กระแสคลื่นในทะเล

 

ในชั่วพริบตาภาพลวงตาเริ่มหายไปจากสายตา อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หนามเหล็กรอบๆ หยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง มันไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นมันดูรวดเร็วเกินไปจนไม่มีใครตั้งตัวทัน

 

เย่วซิงพยายามใช้เวลาที่เหลืออุ้มฟิล และวิ่งออกไปจากจุดที่เขาอยู่ เขาล้มกลิ้งบนพื้นอย่างน่าสงสารหลังจากเดินได้ไม่กี่ก้าว เขาไม่สามารถต้านทานอาการปวดหัวของเขาได้มันทำให้เขาหน้ามืด ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นชั่วขณะนั้น ได้ดูดพลังทั้งหมดของเขา มันทำให้เขาหายใจไม่ออก

 

"เย่วซิง เย่วซิง!"

 

เขารู้สึกว่ามีคนกำลังตะโกนชื่อเขาและเขย่าเขาอย่างหนัก  ก่อนที่เขาจะหมดสติเขาใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายในการชี้ไปในทิศทางหนึ่ง "จากที่นี่ โบสถ์อยู่ทางนั้น."  จากนั้นสติของเขาก็จมลงสู่ความมืด

 

เพียงแค่ครึ่งนาทีต่อมาวิกเตอร์ก็พาเขาเดินออกจากป่าแห่งความมืด แม้ในเวลากลางคืน เขาดูเหมือนจะสามารถระบุสภาพภูมิประเทศและถนนได้ ในที่สุดเขาก็หยุดที่ไหนสักแห่งและมองไปรอบ ๆ ที่เศษซากที่เพิ่งเกิดขึ้น มันเต็มไปด้วยเหล็กหนาม และเหมือนใครบางคนเพิ่งหนีไปจากที่ตรงนี้

 

แทนที่จะโกรธเขากลับสงสัยว่าทำไม 'หมอกเวทมนตร์' จึงสูญเสียการควบคุมไป ผ่านหนามเหล็กนับไม่ถ้วนเขาจ้องมองไปตามทิศทางที่โจรหนีไป แต่ทันใดเขาตัวแข็งทื่อเพราะเสียงสะท้อนระหว่างเครื่องดนตรีกับคนนั้นๆหายไป!

 

เขาเดินตามรอยที่เหลืออยู่ในที่สุดก็หยุดข้างแม่น้ำ เขาจ้องมองที่ริมแม่น้ำอย่างโกรธเคือง ในโคลนริมแม่น้ำยังคงมีกลิ่นของเลือดเหลืออยู่ เขาต้องการแก้แค้นคนๆนั้นที่กำลังบาดเจ็บ แต่เพื่อนของเขานั้นสำคัญกว่า

 

อีกสิบนาทีต่อมาที่ปลายอีกด้านหนึ่งของเมืองมีคนเคาะที่ประตูหลังของโบสถ์ไม่หยุด จนหลวงพ่อต้องเปิดประตูให้เข้าไป

 

ที่ประตูวิกเตอร์กำลังแบกเพื่อนของเขาไว้บนหลัง กับสุนัขตัวเปียกปอนที่อยู่ข้างๆเขา ฟิลคาบกล่องสีดำห้อยลงมาจากปาก เย่วซิงที่อยู่บนหลังแทบจะไม่หายใจแล้ว

 

"เย่วซิงกำลังจะตาย" วิกเตอร์กล่าวพร้อมกับริมฝีปากที่สั่นไหว "หลวงพ่อช่วยเขาด้วย เขาขอให้ฉันไปหาชายคนหนึ่งชื่อหมาป่าขลุ่น" วิกเตอร์กล่าวด้วยริมฝีปากสีม่วงของเขา

 

"เข้ามาก่อน" หลวงพ่อบานชี้ไปที่ประตูและปิดประตูอย่างรวดเร็ว

เขาเอาเย่วซิงลงจากด้านหลังของวิกเตอร์ จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในทางเดินและเตะประตูห้องหมาป่าขลุ่ยอย่างรุนแรง

หลังประตูหมาป่าขลุ่ย ที่กำลังอ่านนวนิยายเกือบตกจากเตียง เมื่อเห็นหลวงพ่อกำลังวิ่งเข้ามาในห้องของเขา เขาเห็นเย่วซิงในอ้อมแขนของหลวงพ่อทำให้การเล่นตลกของเขาต้องหยุดลง

"เขาช่างดื้อรั้นจริงๆ?" หมาป่าขลุ่ยมองไปที่เย่วซิงที่ไม่ได้สติ "มันไม่คุ้มที่จะกระโดดลงไปในแม่น้ำและฆ่าตัวตายเพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถเป็นนักดนตรีได้"

"อย่าเพิ่งพูดเรื่องไร้สาระ" หลวงพ่อบานดึงเสื้อเด็กชายขึ้นมาเปิด และชี้ไปที่เลือดตรงหน้าอกของเขา "เสียงหัวใจเต้นผิดจังหวะ ช่วยชีวิตเขาได้ไหม"

"มันแย่มากจริงๆ" หมาป่าขลุ่ยมองลงมาที่เอวของเขา ซึ่งบาดแผลของเขาเพิ่งจะปิดสนิท ในขณะนั้นหมาป่าขลุ่ยได้ตระหนักถึงสิ่งที่เขาควรทำอย่างจริงจัง เขาต้องใช้หนี้ที่ติดค้างไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด