ตอนที่ 08 โน้ตดนตรี
ตอนที่ 08 โน้ตดนตรี
"ถ้าคุณต้องการเป็นนักดนตรีคุณต้องเข้าใจว่านักดนตรีคืออะไร ต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง การเป็นนักดนตรีคือการอุทิศตัวให้แก่เสียงดนตรี เมื่อเทียบกับนักดนตรีในยุคมืดพวกเรายังไม่มีค่าพอจะไปเปรียบเทียบกับเขาด้วยซ้ำ เรายังต้องเสียสละอีกมาก”
"ยังไงก็ตามยุคสมัยของเราเหมาะสมที่สุดสำหรับการสื่อสารกับอากาศธาตุและเราสามารถทำความเข้าใจกับอากาศธาตุได้ดีที่สุด อากาศธาตุมีอยู่ทุกหนทุกแห่งเป็นส่วนหนึ่งของโลก เป็นสิ่งที่มีก่อนการเกิดของมนุษย์ ดิน น้ำ ไฟ หรือลม สิ่งเหล่านี้ประกอบด้วยอากาศธาตุ แต่อากาศธาตุจะแตกต่างจากองค์ประกอบเหล่านี้เพราะมันคือสิ่งที่สามารถทำให้เกิดเสียงได้ คุณเข้าใจสมมติฐานนี้หรือไม่ "
เย่วซิงหยวนพยักหน้า
"เริ่มแรกการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับอากาศธาตุต้องพึ่งพาอักษรรูน บันทึกลึกลับได้เรียกมันว่าเสียงของพระเจ้า บทประพันธ์ เครื่องดนตรี และ การสั่นพ้องกัน ตามบันทึกเมื่อทุกอย่างรวมเข้าด้วยกันอย่างถูกต้องจะทำให้เกิด “รูน” ในบางแห่งเรียกว่า 'มนต์เสน่ห์ , 'และในภาคตะวันออกพวกเขาจะเรียกว่า' Mantra '
"ในสมัยนั้นมนุษย์สื่อสารกับอากาศธาตุ ด้วยการร้องเพลงรูน" หมาป่ายังคงอธิบายต่อ "ด้วยเวลาหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป รูนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดดนตรีแบบใหม่ที่ต้องมีนักดนตรีหลายสิบคนถึงจะปลดปล่อยเสียงรูนที่ถูกต้องออกมาได้เรียกกันว่า" ซิมโฟนี "
“การจำแนกประเภทดนตรีก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ มีคนผู้ชาญนับร้อยๆในเจ็ดประเภทเครื่องดนตรี นักปราชญ์ได้สร้างเส้นทางที่เรียกว่า 'Nine Levels of Musicians' มันคือการย้อนไปใช้หลักการของ The Originator ซึ่งช่วยให้ลดผิดพลาดในเส้นทางนี้
"แต่ก่อนหน้านั้น มีกฎเหล็กที่ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่คือ จงเชื่อมต่อกับอากาศธาตุและเคารพอากาศธาตุ!" หมาป่าขลุ่ยจ้องที่หน้าอ่อนเยาว์ของเย่วซิง แต่แล้วเขาก็ค่อยๆส่ายหัว "คุณไม่สามารถสัมผัสกับอากาศธาตุได้"
เย่วซิง นิ่งเงียบ หลังจากนั้นเป็นเวลานานเขาพูดเบา ๆ ว่า "หมาป่าขลุ่ยถ้าฉันสามารถเรียนรู้เครื่องดนตรีฉันจะยังสามารถ ... "
"ไม่คุณทำไม่ได้หรอก." หมาป่าขลุ่ยพูดอย่างจริงจัง "คนที่ไม่เคยใกล้ชิดกับสัตว์จะไม่สามารถขี่ม้าได้และเหมือนกับมนุษย์ที่อาศัยอยู่แต่ในทะเลทรายไม่สามารถว่ายน้ำได้”
"คุณอาจจะมีเหตุผลว่าทำไมคุณต้องเป็นนักดนตรี แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกถึงอากาศธาตุ ก็เหมือนกับคุณต้องการสร้างอาคารโดยปราศจากรากฐาน ถ้าคุณไม่สามารถสัมผัสกับอากาศธาตุได้คุณจะไม่รู้ว่าอากาศธาตุกำลังทำอะไรอยู่”
"ในเวลานั้น แม้คุณจะทำได้ดี แต่ถ้าโน้ตเพลงของคุณไม่มีการตอบสนอง และหากมีรูนเพียงแค่ตัวเดียวหลุดจากการควบคุม ผลที่ได้อาจเป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินบรรยาย... " หมาป่าหยุดพูดดวงตาของเขาแสดงถึงความเจ็บปวด
"แม้จะเป็นความผิดพลาดที่เล็กที่สุดที่ฉันเคยเห็น แต่ผลที่ได้รับก็คือความตายเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่เมืองและหมู่บ้านสร้างขึ้นในที่ที่มีความหนาแน่นของอากาศธาตุต่ำ สถานที่สำคัญจึงต้องตั้งอยู่ภายในเขตเวทมนต์แห่งความเงียบเพื่อป้องกันพลังของอากาศธาตุ แม้แต่เสียงหัวใจของนักดนตรีเมื่ออยู่ในขอบเขตนั้นมันจะค่อยๆจางหายไป” หมาป่าขลุ่ยเริ่มคิดว่าเขาพูดมากเกินไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้นมันทำให้เย่วซิงเข้าใจอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่าความฝันของเขาห่างไกลจากความเป็นจริงเท่าไหร่
เย่วซิงยังคงมองไปที่เขา เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า "เย่วซิงสิ่งที่ฉันพูดไปถือเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยดูแลฉัน แต่ฉันไม่สามารถพูดมากไปกว่านี้ได้ เนื่องจากข้อมูลนี้ถูกจำกัด และไม่เปิดให้คนธรรมดาๆรับรู้ แต่หากคุณยังสนใจอยู่นี่คงเป็นคำแนะนำสุดท้ายของฉัน "
จากนั้นเขาก็ไม่ได้รอให้เย่วซิงหยวนตอบและยกมือขึ้น เขาไม่ได้หัวเราะอีกต่อไป ใบหน้าของเขาจริงจังมากขึ้นแล้วก็ซีดมากขึ้น ด้านหน้าเย่วซิง หมาป่าขลุ่ยพิงมือกับผนังและหายใจเข้าลึก ๆ
ในช่วงท้ายของลมหายใจออกยาวเสียงเล็กๆ กระจายออกไปกับราวกับเสียงเพลง เสียงแบบนี้ดูเหมือนจะถูกปล่อยออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจแต่มันก็ยังทำให้เกิดอาการวิงเวียน มีเสียงของลมที่ปั่นป่วน แต่เมื่อตั้งใจฟังให้ดีจะคล้ายกับเสียงของงู แต่ภายใต้เสียงอันน่าหลงใหลนี้ลมตรงหน้าหมาป่าขลุ่ยก็จางหายไป!
แสงในโบสถ์รวมตัวกันด้านหน้าของหมาป่าขลุ่ยห่างไปสามฟุต เกิดอุณหภูมิเดือดพล่านราวกับหม้อต้มเบียร์ เมื่อแสงเกิดการเปลี่ยนแปลงหลอมรวมจนกลายเป็นคริสตัลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆในอากาศ เกิดเป็นเงาสะท้อนของดอกกุหลาบในความมืด ดอกกุหลาบที่สะท้อนอยู่ในดวงตา มันงดงามพอที่จะทำให้ผู้คนเป็นบ้า
จากนั้นเสียงก็เปลี่ยนไป เหมือนเสียงกระโดดไปมาของสัตว์
คริสตัลดอกกุหลาบที่งดงามกลายเป็นสีแดงเข้มผสมสีเขียวเข้มที่ดูน่าขยะแขยง สีที่ผสมทำให้รู้สึกคลื่นไส้เกิดยุบตัวลงอย่างรวดเร็วจนทำให้คริสตัลแตกและระเบิดออก
ตู้มมมมม!
เสียงดังจากการระเบิดทำให้หน้าของเย่วซิงซีดเซียว หมาป่าขลุ่ยวางมือของเขาและหายใจหนักขึ้น หน้าผากของเขาอาบไปด้วยเหงื่อ
"นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การหลุดจากการควบคุม "
หมาป่าขลุ่ยพยายามที่จะยกมือขึ้น แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ได้ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยิ้มขม "วันนี้ฉันเหนื่อยแล้วโปรดให้ฉันพักผ่อนสักพักหนึ่ง"
ในขณะที่เย่วซิงกำลังจะออกไป หมาป่าขลุ่ยก็พูดบางอย่างขึ้น
"เย่วซิงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นนักดนตรี แต่คุณก็ยังมีชีวิตที่ดีได้ " หมาป่าขลุ่ยจ้องมองเขาขณะที่นอนอยู่บนเตียง "อย่าหมกมุ่นกับมันมากเกินไป"
"ผมเข้าใจดี." เย่วซิงยิ้มอย่างไม่เต็มใจขณะที่เขาปิดประตู
หลังจากนั้นเป็นเวลานานมีคนเคาะประตูอีกครั้ง
"เขาไปแล้ว." หมาป่าขลุ่ยพูดอย่างเฉื่อยชาว่า "ขอแสดงความยินดี เขาจะเป็นนักบวชที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้กับคุณ แต่คราวหน้าคุณควรบอกเขาด้วยตัวเอง สำหรับผมมันดูโหดร้ายเกินไป?"
หลวงพ่อบานโต้กลับว่า "นักดนตรีไม่ใช่พวกเลือดเย็นหรอ?"
หมาป่าขลุ่ยบีบดวงตาของเขาและกระซิบ "แม้เราจะเลือดเย็นแต่ผมก็ไม่ต้องการทำให้ชีวิตของเขาไม่มีความสุข"
“ดูตัวคุณเองสิ ฉันเข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร”หลวงพ่อบานพยักหน้าซึ่งทำให้หมาป่าขลุ่ยลืมหายใจได้ชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากที่ไอเป็นเวลานานในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า "โอ้ หลวงพ่อ คุณไม่รู้สึกเบื่อบ้างหรอที่คอยแต่ทำลายความฝันของเด็กๆ ทุกคนอยากเป็นนักดนตรีเมื่อตอนอายุยังน้อย นักดนตรีคือความใฝ่ฝันของพวกขา เมื่อตอนฉันยังเด็กฉันคิดว่านักดนตรีต้องหล่อ สนุกสนาน และพวกเขาสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ แต่ในความจริงมันต่างจากที่ฉันคิดไว้มาก อยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจมันก่อนจะสายเกินไปไหม"
หลวงพ่อมองเขาอย่างเย็นเยือกก่อนส่ายศีรษะ "เด็กคนนี้ไม่ใช่คนประเภทที่จะฝันถึงความรุ่งโรจน์ในเส้นทางนั้นได้ ฉันกังวลว่าเขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่า”
"อันตราย?" หมาป่าขลุ่ยยิ้ม "มันจะมีอะไรอันตรายกว่าสถานการณ์ที่ฉันเป็นอยู่อีกหรอ?"
หลวงพ่อบานดูเหมือนจะงงงวยสงสัยมานานแล้วยกคิ้วช้าๆ
"คุณกำลังจะบอกว่าภารกิจของคุณถูกเปิดเผยแล้ว?"
"ฉันได้รับคำสั่งมาจริงๆ แต่ที่อยู่ของฉันต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด ทุกคนควรคิดว่าตอนนี้ฉันอยู่ในบ้านของฉันในทะเลทรายกำลังต้อนฝูงแกะ แต่โชคร้ายที่ทำให้ฉันต้องเดินทางมาที่นี่ อันที่จริงฉันไม่ควรเผชิญหน้ากับนักดนตรีแห่งความมืด ที่แย่ที่สุดคือมันเป็นคนที่มาจากโรงเรียนแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นพวกที่ฉันแพ้ทางมากที่สุด ฉันไม่สามารถใช้ความสามารถของฉันได้เต็มที่
"ดังนั้นฉันสงสัยว่าก่อนที่ฉันจะได้รับจดหมายของ Master คำสั่งนั้นมีการรั่วไหลเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ฉันพบกับสถานการณ์แบบนี้"
"โอ้?"
"ฉันเกือบที่จะลืมเรื่องของศิลปินแห่งสายฝนไปแล้ว" หมาป่าขลุ่ยยังคงหัวเราะ แต่ดวงตาของเขาก็แคบลง "บางทีเขาคงแอบตามฉันมาถึงนี่ แต่ตอนนี้ฉันซ่อนตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ความช่วยเหลือไม่สามารถส่งมาถึงได้ แต่ฉัน ... ก็ไม่ยอมให้ถูกจับตัวได้ง่ายๆหรอกนะ" หลวงพ่อบานตกใจ ทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบ
ภายใต้แสงแดดตอนเที่ยงเย่วซิงเดินออกจากโบสถ์เพียงลำพัง แสงแดดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคลื่นทะเลที่บอบบาง เขาจ้องไปที่ดวงอาทิตย์รู้สึกถึงแสงแดดที่ขจัดความเย็นในร่างกายของเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คล้ายกับกำลังตกลงไปในนรกและมองไปที่ความมืดใต้ฝ่าเท้าของเขาเขารู้สึกอ่อนแรงอย่างมาก
"คุณไม่มีพรสวรรค์ ... " เขากระซิบเช่นเดียวกับที่เขาได้บอกกับตัวเอง
นิ้วที่มีวงแหวนกระพริบด้วยความเจ็บปวด เขากดนิ้วของเขาและพยายามที่จะระงับความเจ็บปวดในใจ
"พรสวรรค์"
เขาเกาหัวและนั่งเซ็งอยู่หน้ารูปปั้น ในเวลานี้เขาก็อยากคุยกับวิกเตอร์ ถ้าวิกเตอร์อยู่ที่นี่อย่างน้อยพวกเขาสองคนอาจไปทำอะไรด้วยกันหรือสร้างปัญหาหรือทำอะไรบ้าๆ บางทีการทำอะไรโง่ ๆ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่อย่างน้อยก็จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
ตอนนี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะไปหาเพื่อนของเขาได้ มันทำให้เขาเศร้าและรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ในไม่ช้าเย่วซิงหยวนก็พบสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น วิกเตอร์หายตัวไป
ช่วงบ่ายเมื่อเย่วซิงหยวนได้ยินข่าวว่ามีคนทุบตีพี่น้องครอบครัวโทมัสและหักนิ้วมือของมาร์ติน
เขาพยายามค้นหาสถานที่ทุกแห่งในเมือง แต่ไม่พบร่องรอยของวิกเตอร์ คนงานที่ท่าเรือกล่าวว่าพวกเขาได้เห็นเขาเมื่อคืนก่อน แต่เขาหายตัวไปหลังจากที่เขาและอีกสองสามคนขอไปในห้องน้ำ
พวกเด็ก ๆ และเด็กกำพร้าก็ไม่เห็นวิกเตอร์กลับมาที่บ้านร้างของเมือง เขาพยายามหาวิกเตอร์ทุกที่ที่พวกเขาเคยไปด้วยกัน เขาไม่รู้ว่าวิคเตอร์กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนแม้แต่กองทหารก็หาเขาไม่เจอ
เมืองแห่งเครื่องดนตรีไม่ได้เป็นเมืองที่ใหญ่ มีเพียงถนนเส้นเล็กๆ และไม่มีที่ให้ซ่อนเยอะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครเห็นเขาและไม่มีรู้ว่าเขาไปไหน
แล้ววิกเตอร์หายไปไหนล่ะ?
หลังจากวิ่งหาตลอดทั้งบ่ายเย่วซิงพยายามสูดลมหายใจและนั่งยองๆ อยู่บนพื้น และเริ่มสาปแช่งตัวเอง แต่เมื่อเขาเห็นบางสิ่งในระยะไกล ดวงตาของเขาก็สดใสขึ้น
"การจะหาเขาขึ้นอยู่กับแกแล้ว!" เขารีบวิ่งไปจับสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่ที่ชอบเดินรอบๆเมืองทุกวัน "ฟิลช่วยชั้นหน่อย!"
"อู้วววว."
ในอ้อมแขนของเขาสุนัขสกปรกจ้องที่เขาอย่างงงงวย ลิ้นของมันห้อยไปมา พลางเลียขากรรไกรของมันแล้วเอาเท้าหน้าวางบนไหล่ของเย่วซิง
"เฮ้เพื่อนรัก ช่วยฉันหน่อย!" เย่วซิงลูบฟิล" ไปหาวิกเตอร์กัน!"
เย่วซิงลูบหัวของมัน "ฉันจะเก็บไส้กรอกไว้ให้แกตั้งแต่คืนนี้!" ตาของมันทำท่าทางพอใจเมื่อได้ยินเขาพูด จากนั้น มันลดศีรษะของมันสูดจมูกและเริ่มวิ่ง ฟิลวนไปรอบ ๆ เมืองทั้งเมืองและสูดดมไปรอบ ๆ บ้านร้างทางด้านตะวันออกของเมืองแล้วเดินตรงไปทางทิศใต้
เย่วซิงตามฟิลไปจนถึงท่าเรือผ่านประตูหลังของโบสถ์และผ่านสนามหลังบ้านของบ้านโทมัส ฟิลก็ยังวิ่งไปข้างหน้า ...จนพวกเขาเกือบจะออกจากเมือง