ตอนที่ 03 ครบรอบวันเกิด
ตอนที่ 03 ครบรอบวันเกิด
เป็นเวลาช่วงเช้าตรู่ เสียงคลื่นดังมาแต่ไกล ดวงอาทิตย์ตอนเช้าส่องจากปลายทะเล แสงทอดยาวลงบนยอดแหลมสูงตระหง่านของโบสถ์ ข้างๆมีรูปปั้นของนักบวชถือแตรคล้ายกำลังเป่าขึ้นท้องฟ้า อย่างไรก็ตามมีเสียงคำรามโกรธเคืองจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนดังก้องอยู่นอกโบสถ์
“ไอเวรนั้น ฉันจะฆ่ามัน!”
"ออกมาเดี๋ยวนี้! เย่วซิงหยวนถ้าแกไม่ออกมาเราจะขอสาปแช่งแก แกควรที่จะเปิดประตูเดี๋ยวนี้!"
"แกตายแน่ ในเมืองแห่งเครื่องดนตรีนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับแกแล้วเย่วซิง!"
พี่ชายทั้งสามของโทมัสโกรธจนควันออกหู มันพยายามจะพังประตูโบสถ์ด้วยค้อนหรือพลั่ว ลำแสงเมื่อคืนเป็นการกระทำที่เหมือนตบหน้าพวกเขาอย่างแรง เพราะบ้านของเขาอยู่ตรงหน้าทางเข้าเมือง
ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือมันทำให้พวกเขาดูเหมือนขยะของเมืองจากคำด่าที่เย่วซิงสร้างขึ้น เขาใช้สำนวนคำพูดเพื่อด่าทอครอบครัวโทมัสด้วยการควบคุมเส้นแสงไปยังกำแพงบ้านเขา เป็นประโยคที่ใช้กันมากในหมู่ของนักเลงข้างถนน ทำให้ครอบครัวโทมัสไม่กล้าออกไปไหน ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด พวกเขาก็มักจะมีคนนินทาลับหลังพวกเขาตลอด "ดูสิว่านั่นมันพวกโทมัสไอลูกกระหรี่"
"เป็นเพราะเย่วซิงหยวนไอตัวประหลาดลูกครึ่งตะวันออก!"
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะด่าทอสอบแช่งยังไงก็ตามโบสถ์ก็ยังไม่ตอบสนอง หลังจากนั้นเป็นเวลานานพวกเขาก็เริ่มเบื่อหน่ายและจากไป แม้ด้านนอกโบสถ์จะเงียบ แต่ภายในโบสถ์การแสดงออกของเหล่านักบวชชั้นสูงเป็นไปด้วยความเย็นชา
บาทหลวงที่ดูมีอายุ แต่ยังคงแข็งแรง เคราของเขาเป็นเงิน ใบหน้าของเขาไม่แยแส เมื่อใดก็ตามที่เขาโค้งคำนับให้กับคนอื่นดวงตาของเขาดูรุนแรงก้าวร้าวและเสียงของเขาก็มีแรงกดดันมาก ตรงหน้าเขาทั้งสองคนสั่นเทาและต่างกับเจ้าหมาตัวใหญ่ที่ดูเหมือนจะยิ้มแย้มสดใส
"วิกเตอร์เจ้าออกไปก่อน"หลวงพ่อบานโบกมือให้ "ฉันมีบางอย่างจะพูดกับเย่วซิง"
วิกเตอร์รู้สึกถึงแรงกดดันจากนัยน์ตาของหลวงพ่อ เขารีบอุ้มหมาและออกไปอย่างรวดเร็ว
"แกก่อเรื่องอีกแล้วหรอ?" หลวงพ่อถามอย่างเย็นชา ปล.หลวงพ่อเป็นคำเรียกบาทหลวงที่ผมเอามาจากหนัง
"ใช่ครับ มันเป็นโอกาสที่จะทำให้พวกโทมัสเข้าใจผมมากขึ้น" เย่วซิงหยวนมองหลวงพ่อตอบในขณะที่เขาวาดสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์บนหน้าอกของเขา(ไม้กางเขนมั่ง) "ภายใต้คำสอนของศาสนจักรฉันจะไม่ประพฤติตนในสิ่งมิชอบ"
เมื่อเหตุการณ์คืนที่ผ่านมา เขายังคงดูไม่ร้อนรน เขามั่นใจว่าสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่หลวงพ่อทำสีหน้าเป็นกังวล เพราะเด็กคนนี้ดูราวกับว่าเขาไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแต่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ตั้งแต่เริ่มแรกทุกคนคิดว่าเขาเป็นเด็กที่เงียบและดูดี เขาอยู่อย่างสงบและไม่เคยก่อเรื่องเสียหายเช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ ในวัยของเขา ถ้าคุณให้เขาอ่านหนังสือ เขาจะนั่งอ่านหนังสือทุกๆช่วงบ่ายทุกวัน นับตั้งแต่ที่เขาเดินทางมาที่นี่และได้รับการอุปการะโดยคริสตจักรเมื่อห้าปีที่แล้ว เขาเคยเป็นเด็กที่ดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขามีเกรดที่ยอดเยี่ยมและมารยาทดีเยี่ยม เขายังอ่อนโยนใจดีและทำงานหนัก เพราะเขารู้วิธีการอ่านเขียนและจัดระเบียบ เขาเป็นผู้ดูแลห้องสมุดก่อนวัยอันควรและต้องรับผิดชอบในการคัดลอกพระคัมภีร์ นอกจากนี้เขายังเรียนรู้ด้วยตัวเองเกี่ยวกับวิศวกรรมเครื่องกล เสนอให้มีการบำรุงรักษาประภาคารทุกเดือน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลวงพ่อปวดหัวมาก นับตั้งแต่ที่เขามาถึงเมืองนี้มีวัยรุ่นกว่า 60% ไม่ค่อยพอใจเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม
"ฉันได้ยินมาว่าเมื่อคืนมีแสงจากประภาคารส่องลงมาและเขียนคำด่าทอมากมายลงบนผนังของครอบครัวโทมัสตลอดทั้งคืน" เสียงหวงพ่อเย็นชา "ถ้าเข้าใจไม่ผิดความรู้ด้านเครื่องจักรของแกดูจะก้าวหน้าไปเยอะ"
"ฮ่า ๆ นั่นเป็นเพราะผมได้เรียนรู้จากครูที่ดีที่สุด ... " เย่วซิงพูดไม่ทันเสร็จก็รู้สึกถึงสายตาอันน่ากลัวหลวงพ่อ
"ฉันไม่ได้สอนอะไรแกเลย แกเรียนรู้ได้ด้วยตัวแกเอง เพราะแกเป็นเด็กที่ฉลาดดังนั้นฉันจึงรู้สึกดีเป็นอยากมา แต่แกทำผิดในครั้งนี้" หลวงพ่อกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า "การกำเนิดของเทคโนโลยีทางเครื่องจักรกลคือการช่วยให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่เครื่องมือสำหรับการแก้แค้น!"
เย่วซิงนิ่งเงียบและพยายามพิจารณาการกระทำของตนเองได้ หลวงพ่อรู้สึกผิดหวังมากขึ้นเมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไป ก่อนจะสายหัว
"แกไปได้แล้ว ฉันจะอธิบายเรื่องนี้กับนายกเทศมนตรีเอง แกต้องอดอาหารกลางวันทั้งสัปดาห์นี้" หลวงพ่อโบกมือ "ฉันหวังว่าแกจะสำนึกความผิดของแก แกเคยเป็นเด็กดี แต่การกระทำของแกเมื่อคืนนี้ทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังมาก"
"ขอบคุณหลวงพ่อที่ทรงให้อภัย" เย่วซิงโค้งคำนับและกำลังจากไป แต่หลวงพ่อกลับห้ามไว้ก่อน
เขาหันมาดูและเห็นดวงตาสีเทาของหลวงพ่อจ้องมองมาที่เขา
"แกต้องไม่ไปยุ่งกับกลไกของประภาคารอีก" เสียงหลวงพ่อยังคงเย็นชาไม่หวาดหวั่นหรือแสดงความเมตตา "ที่หลังถ้ามีคนด่าทอพ่อแม่ของแก ให้มาบอกฉัน."
"ไม่เป็นไรคับ ขอบคุณมาก " จากนั้นเขาก็กระซิบกับตัวเองว่า "เขายังคิดว่าฉันเป็นเด็กหรือไง?"
ในสนามหลังโบสถ์ใกล้ๆกับจากน้ำพุ เมื่อวิกเตอร์เห็นเย่วซิงออกมา เขาหัวเราะดังลั่นนความยินดี
"ไง เย่วซิง โดนลงโทษมาแล้วเหรอ?
วิกเตอร์กับเย่วซิงเป็นเด็กกำพร้าที่เลี้ยงดูโดยโบสถ์ วิกเตอร์นั้นยังดีกว่าเพราะอย่างน้อยครั้งหนึ่งเขาก็เป็นท้องถิ่น พ่อของเขาพยายามจะฆ่าตัวตายเพราะล้มละลายจากการลงทุน เพราะหนี้จำนวนมากทำให้วิกเตอร์ต้องใช้ชีวิตข้างถนน มีเพียงโบสถ์เท่านั้นที่จะรับเขาเข้ามาดูแล แต่สองปีต่อมา วิคเตอร์ตัดสินใจออกจากโบสถ์เนื่องจากความขัดแย้งกับบาทหลวงคนหนึ่ง
ตอนนี้เขาใช้ความสามารถของตัวเองจนได้รับตำแหน่งผู้ดูแลท่าเรือให้แก่คนในหมู่บ้าน เขามีความสุขและใช้ชีวิตเรียบง่าย บางครั้งเมื่อเย่วซิงมาหาเขา วิกเตอร์จะลางานของเขาเพื่อช่วยแก้ปัญหาหรือต่อสู้ด้วยกันกับเย่วซิง บางครั้งเรื่องที่เขาก่อขึ้นก็ไปเข้าหูหลวงพ่อ
ตัวอย่างเช่นเขามักเลียนแบบท่าทางของหลวงพ่อตอนที่ชี้ไปที่เย่วซิงและพูดว่า "ฉันจะแขวนคอแกขึ้นไอเด็กเลวและจะทุบตีแก!" "แกจะรู้สึกเหมือนถูกฆ่าตายซ้ำๆ"
"เอาล่ะฉันจะต้องกลับก่อนฉันจะไม่รบกวนนายอีกต่อไป" วิกเตอร์ลุกจากพื้นและตบบนไหล่ของเย่วซิง
"คนงานใหม่ดูเหมือนจะไม่ค่อยฟังคำสั่ง ฉันจะต้องไปสั่งสอนสักหน่อย"
"อย่าไปทำให้เหนื่อยเลย กลับมาทำงานในโบสถ์ดีกว่า"
“ขอบคุณ แต่นายก็รู้ว่าฉันกับหลวงพ่อเราไม่ถูกกัน”
เขาปีนขึ้นกำแพงพร้อมโบกมือลา แต่จู่ ๆ เขาก็นึกบางสิ่งบางอย่างได้ก่อนหันกลับและโบกมือให้เย่วซิง "เย่วซิง."
"มีอะไร?"
"สุขสันต์วันเกิดขอให้มีความสุข ขอโทษที่ไม่ได้ซื้อของขวัญมาให้"
เย่วซิงส่ายหัว "แล้วฉันจะรอของขวัญจากนายเมื่อนายประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากขึ้น"
"นายคงจะต้องรออีกสักสองสามปีข้างหน้า" วิกเตอร์ยิ้มก่อนกระโดดข้ามกำแพง เสียงของเขาดังมาจากระยะไกล "อย่ากังวล ฉันจะไม่ทำให้นายรอนานเกินไป" สนามหลังบ้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง; ได้ยินแม้เสียงนกร้องบนต้นไม้
เย่วซิงหยวนมองขึ้นไปบนฟ้าและยกมือขึ้น เขาหันแหวนบนนิ้วชี้ไปทางดวงอาทิตย์ มันสว่างไสวสว่างจ้าสะท้อนดวงตาของชายหนุ่ม
“เย่วซิงน้อย, สุขสันต์วันเกิด”
เขาหัวเราะเบาๆ ข้างๆเขาสุนัขตัวสีเหลืองและน่าเกลียดสะบัดหางของมันราวกับว่ากำลังมีความสุข ฉันหวังว่าในวันเกิดของแกจะมีความสุขมากกว่าฉัน วันเกิดปีที่สิบเจ็ดของเย่วซิง เป็นปีที่ห้านับตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาที่เมืองนี้
เชื้อสายของคนตะวันออกเป็นของหายากมากในอาณาจักรแองโกล ผมสีขาวและตาสีขาวแบบมาตรฐานของเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน โชคดีที่ในโลกนี้มีผมสีแปลกและตาสีแปลกมากมาย
การมีผมสีขาวทำให้บางคนเรียกเขาว่า 'พวกครึ่งตะวันออก' แต่บางคนจะเรียกเขาว่า 'ลูกครึ่ง' แต่คนเหล่านี้เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังคงพูดอยู่หลังจากที่วิกเตอร์ไปอาศัยอยู่นอกโบสถ์
งานสำหรับวันนี้คือการคัดลอกเอกสารรายเดือนในโบสถ์ที่ต้อส่งไปยังห้องสวดมนต์จากเมืองศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆเดือนเมืองศักดิ์สิทธิ์จะรวบรวมข่าวสารและข้อมูลต่างๆจากนั้นจึงส่งไปที่โบสถ์ในสถานที่ต่าง ๆ ผ่านทางระบบลิงค์พิเศษที่เชื่อมต่อกันด้วยพลังของอากาศธาตุ
ข้อความเหล่านี้มีความหนาราวครึ่งหนึ่งของหนังสือเมื่อรวบรวมกัน มีข้อมูลเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนทองคำและสกุลเงินของประเทศความคืบหน้าในการพัฒนามรดกจากยุคมืด ภัยพิบัติล่าสุดการระบาดในประเทศ ผลแพ้ชนะของสงครามและการเคลื่อนไหวของนักดนตรีบางคน
สิ่งที่เย่วซิงต้องทำคือการใช้รหัสแปลเพื่อแปลข่าวรายเดือน นอกจากนี้เขายังจำเป็นต้องเลือกข่าวที่จะเผยแพร่เพื่อคัดลอกและติดประกาศไว้ในกระดานข่าว
เขาตกใจกับข่าวในหน้าแรก
"จักรพรรดิมืด - บาค?"
เขามองลงไปที่ข้อความว่า "สถิติใหม่?"
ในรายงานรายเดือนบาคผู้ลึกลับได้ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ทะเลทรายทางตอนใต้และหยุดอยู่หน้า "มหาภัยพิบัติ Bahamut"
เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาคริสตจักรได้คาดการณ์ว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอีกครั้งจากโลกมืดและจะพร้อมที่จะกวาดล้างข้ามอาณาเขตของมนุษยชาติ แต่ไม่มีใครคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด สงครามสิ้นสุดลงในครึ่งชั่วโมงแล้วราชาแห่งพายุ Bahamut แพ้อีกครั้งและกลับไปหลับใหลในโลกมืด
อย่างไรก็ตามบาคได้ทิ้งข้อความสั้น ๆ ไว้และหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยปล่อยให้นักดนตรีนับไม่ถ้วนที่รีบวิ่งไปยังทะเลทรายมรณะผิดหวัง และเสียดายที่พวกเขาพลาดที่จะพบคนที่แข็งแกร่งที่สุด
'บาค' - เป็นชื่ออันศักดิ์สิทธิ์จากยุคมืด เฉพาะนักดนตรีตะวันตกที่ได้รับการยอมรับในแวดวงดนตรีตะวันตกที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดเท่านั้นที่สามารถได้รับเกียรติยศเป็นชื่อนี้ พวกเขาถูกเรียกว่า จักรพรรดิมืด หนึ่งในจักรรพรรดิทั้งสาม
จักรรพรรดิทั้งสามมีชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ คือ 'เบโธเฟนจักรพรรดิแดง' สามารถสืบทอดได้เฉพาะในบรรดาพระสันตะปาปาเท่านั้น โมเสท จักรพรรดิเหลือง' สืบทอดต่อกันในครอบครัว เฉพาะ 'บาค จักรพรรดิมืด' เท่านั้นที่มอบให้แก่คนที่มีเกียรติและแข็งแกร่งที่สุด
ในประวัติศาสตร์จักรพรรดิทั้งสามได้ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อสงครามครูเสดกับพระเม่แห่งความมืดเกิดขึ้น หลังจากสงครามสิ้นสุดลงพระแม่แห่งความมืดถูกขับไล่ไปยังทุ่งน้ำแข็งของทะเลเหนือซึ่งห่างไกลจากที่อยู่ของมนุษย์
ในขณะนั้น 'Matthaus Passion,' Destiny 'และ' Requiem 'ได้ระดมมวลของอากาศธาตุเป็นประวัติการณ์ซึ่งแบ่งเป็นสามส่วน (ขอใช้ชื่อทับศัพท์ไปเลยนะคับ) ในวันนั้นทั้งโลกก็ได้รับรู้การมาถึงทูตสวรรค์ของพระเจ้าอันยิ่งใหญ่
หลังจบสงครามผ่านไปครึ่งเดือน สึนามิเกิดขึ้นทางทิศตะวันออกจนทำให้เกาะ Yingzhou เกือบจมลงไปในทะเล ทำให้เกิดเกาะใหม่ขึ้นตามแนวชายแดนตะวันตก ต่อมาเรียกแนวเกาะที่ปิดล้อมเส้นทางเชื่อมทะเลตะวันออกว่า Yunlou หอคอยแห่งเมฆหมอก
จนถึงตอนนี้ผ่านไปหลายร้อยปีหลังจากยุคมืดสิ้นสุดลงนักดนตรีนับไม่ถ้วนได้ต่อสู้อยู่ตลอด แต่จักรพรรดิทั้งสามยังคงเป็นผู้พิทักษ์พลเมืองของมนุษย์อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
"เย่วซิงอย่าวอกแวก"
มีเสียงเย็นชาดังมาจากข้างหลังเขา เย่วซิงตื่นขึ้นมาจากฝัน หลวงพ่อบานยืนอยู่ข้างหลังเขา “งานของแกในวันนี้ยังไม่เสร็จใช่ไหม”
"ใช่ครับ." เย่วซิงยิ้ม เขาจุ่มปากกาในหมึกและเริ่มทำต่อ
หลวงพ่อมองเขาอย่างเงียบ ๆ และหันกลับไป ก่อนจะหยุดชั่วคราวและมองย้อนกลับไปที่เย่วซิงอีกครั้ง
"แกควรรู้เอาไว้" เสียงของเขาเย็นชาและโหดเหี้ยม "แกไม่มีคุณสมบัติที่จะฝันถึงสิ่งนั้น"
มือคุณเย่วซิงสั่นทำให้ลายเส้นปากกาไม่คงที่ความหวาดกลัวที่ดูราวกับถูกแช่แข็ง แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นตัวของตัวเองหลังจากผ่านไปสักพักและพบว่าพลวงพ่อบานออกไปแล้ว เขามองไปที่มือขวานิ้วหัวแม่มือของเขาถูที่แหวน แหวนรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน
"ฉันรู้" เขากระซิบราวกับว่าเขาต้องการปฏิเสธบางสิ่งบางอย่างแต่น้ำเสียงค่อนข้างเศร้าสร้อย "ฉันรู้ดี."