บทที่ 31: ระฆังเหล็กดำ
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 31: ระฆังเหล็กดำ
เจ้าอ้วนต้องการหนีจากที่นี่ด้วยดาบบิน หานหลิงเฟิงดึงตัวเขาไว้พร้อมกล่าวว่า “อย่าบินบนฟ้า เมื่ออีกาโลหิตเริ่มโจมตีพวกมันจะปกครองทั่วทั้งท้องฟ้า การโจมตีจากทุกทิศทางจะทำให้พวกเราเสียเปรียบหากว่าเราเดินอยู่บนดินยังพอมีที่กำบังได้บ้างจะปลอดภัยกว่า”
“เจ้าพูดถูก!” เจ้าอ้วนเข้าใจทันที เขาดึงหานหลิงเฟิงมาใกล้ตัวพร้อมกับวิ่งออกไปที่ทางออก
ในตอนนี้สถานที่ที่พวกเขายืนอยู่ค่อนข้างที่จะลึกมากในเทือกเขาอีกาโลหิต หากว่าใช้วิธีการบินจะสามารถออกไปได้อย่างรวดเร็ว หากออกไปด้วยการวิ่งของขาทั้งสองข้างจะใช้เวลานานมาก แต่ลืมเรื่องบินไปได้เลยในตอนนี้อีกาโลหิตเริ่มการโจมตีเสียแล้ว
อีกาโลหิตมากมายปกคลุมทั่วท้องฟ้า ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยพวกมันเปล่งเสียงกรีดร้องในอากาศพร้อมกับกรงเล็บคมกริบและปากอันแหลมคมโจมตีพวกเขา หากทั้งสามคนขึ้นบินบนท้องฟ้าคงจะต้องถูกพวกมันฉีกเป็นชิ้น ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การอยู่บนดินก็มิใช่สบายนัก ป่าไม่ได้ปกป้องอะไรมากแต่ก็ยังพอประวิงเวลาต่อไปได้
เจ้าลิงและหานหลิงเฟิงอยู่บนดาบบินพร้อมบินไปรอบ ๆ พวกเขาฆ่าอีกาโลหิตทีละตัว เจ้าอ้วนก็ทำเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถหยุดเหล่าอีกาโลหิตที่ไม่กลัวความตายได้เลย เจ้าอ้วนที่ไร้ซึ่งหนทางอีก จึงจำเป็นต้องออกจากที่ซ่อนพร้อมคิดหาวิธีการสังหารพวกมัน
เพียงการสะบัดนิ้ว ไข่มุกรูปร่างโปร่งใสลอยไปยังจุดที่มีอีกาโลหิตมากที่สุด ขณะเดียวกัน เสียงระเบิดกึกก้องได้ดังขึ้น ถัดจากนั้นคือมหากาพย์โลหิตโปรยปรายจากฟากฟ้า เป็นภาพที่ชวนสยดสยอง การระเบิดเพียงครั้งเดียวสามารถฆ่าพวกมันได้นับร้อยตัว นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัวที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมกรีดร้องกันอย่างอื้ออึง
ระเบิดขนาดใหญ่สร้างอนุภาพที่เกรี้ยวกราดราวกับว่ามันได้หยุดเวลาไว้ชั่วครู่ เหล่าอีกาโลหิตมึนงงกันไปชั่วขณะ เป็นโอกาสให้เจ้าอ้วนและพวกพ้องวิ่งตรงไปด้านหน้า แต่ในไม่ช้า พวกเขาทั้งหมดก็ถูกห้อมล้อมอีกครั้ง เจ้าอ้วนสะบัดนิ้วออกไปอีกครั้งเพราะหวังว่ามันจะช่วยเปิดเส้นทางให้กับพวกเขา
แม้ว่าสถานการณ์กำลังวุ่นวาย หานหลิงเฟิงก็ไม่อาจจะห้ามความอยากรู้อยากเห็นของนางได้ จึงถามออกไป “เจ้าอ้วน มันคือเคล็ดวิชาสายฟ้า? เมื่อไหร่กันที่เจ้าได้ฝึกฝนมัน? นี่เป็นคาถาที่เหล่าผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิหรือจินตันเท่านั้นที่จะเรียนได้ไม่ใช่หรือ?”
“เหอะ ไม่มีอันใดผิดปกติหรอก สามีเจ้าก็แค่รู้มากเท่านั้น!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ
“ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เจ้าสามารถฆ่าเหล่าอีกาทั้งหมดได้หรือไม่?” หานหลิงเฟิงถามออกไปทันที
“เรื่องนั้น” ใบหน้าของเจ้าอ้วนเริ่มแสดงความขื่นขมออกมาทันที เขาตอบออกมาโดยไม่ทันคิด “มันค่อนข้างลำบาก อีกาโลหิตที่พวกนี้มีมากจนเกินไป! ข้ามีลูกบอลสายฟ้าเพียงพันลูกแม้ว่าจะใช้มันออกไปทั้งหมดก็คงไม่เพียงพอ”
“อย่างนั้นเราจะทำอะไรได้บ้าง?” หานหลิงเฟิงกล่าว “อีกาโลหิตกำลังโกรธจัด แม้ว่าเราออกจากดินแดนของมันแล้ว มันก็จะไม่หยุดตามล่า ข้าเกรงว่าหากเป็นเช่นนั้นมันจะตามเราไปถึงสำนักเสวียนเทียน”
“ถ้าหากหนีไปยังสำนักเสวียนเทียนได้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายสามารถช่วยเราได้ พวกเขาไม่หวั่นเกรงอีกาโลหิตเหล่านี้!” เจ้าอ้วนกล่าวเสริมออกมาด้วยความผิดหวัง “แต่ปัญหาคือระยะทางกว่าหมื่นลี้ เราใช้เวลาหนึ่งวันในการบิน แต่หากว่าเราวิ่งไปจะต้องใช้เวลาสักเท่าไหร่?”
“เช่นนั้นควรทำอย่างไร?” หานหลิงเฟิงตะโกนออกมาขณะที่แกว่งดาบไปรอบ ๆ “เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าคือบุรุษที่สามารถควบคุมจักรวาลได้เช่นนั้นหรือ? พยายามนึกเร็วเข้า!”
“คิดหาหนทางหรือ... เรื่องนั้น...” เจ้าอ้วนกำลังโดนหานหลิงเฟิงกดดัน แต่ขณะนั้นเองที่เขานึกอะไรได้พร้อมตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าได้ยินเช่นข้าหรือไม่? เสียงน้ำขนาดใหญ่คล้ายว่าใกล้ ๆ นี้มีน้ำตก!”
“น้ำตก?” หานหลิงเฟิงมึนงงชั่วขณะ จากนั้นนางเงี่ยหูฟังพร้อมกล่าวออกมา “ใช่ คล้ายว่าจะมีน้ำตกอยู่ใกล้ ๆ อา แม้ว่าจะมีน้ำตกแล้วมันจะช่วยเราได้อย่างไร?”
“เจ้าใช้สมองบ้างได้หรือไม่ เมื่อมีน้ำตกก็ต้องมีถ้ำอยู่ภายใน หากว่าเราเข้าไปอยู่ในถ้ำก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวเจ้านกสารเลวพวกนี้!” เจ้าอ้วนตะโกนพร้อมวิ่งไปยังต้นตอของเสียง
เจ้าอ้วนเปิดทางให้วิ่งออกไปได้อย่างรวดเร็วภายใต้การช่วยเหลือของอสนีวารีขั้วลบ หานหลิงเฟิงพร้อมเจ้าลิงรีบวิ่งตามไปอย่างกระชั้นชิด แต่ระหว่างทางที่ไปนั้นเหล่าพืชพรรณต่าง ๆ ก็เริ่มจางหาย หากไม่มีพวกมันแล้ว พวกอีกาโลหิตจะทำการโจมตีได้ง่ายขึ้น หลายครั้งที่พวกเขาไม่สามารถป้องกันไว้ได้ หานหลิงเฟิงและเจ้าลิงถูกโจมตีเพียงเล็กน้อยจนเสื้อผ้าของพวกเขาก็เริ่มฉีกขาด ผิวหนังมีริ้วรอยขีดข่วน เจ้าอ้วนที่โดนการโจมตีไม่กี่ครั้ง มันไม่สามารถทำอะไรผิวหนังของเขาได้ เหตุเพราะการฝึกตนโดยปฐมกาลแห่งความโกลาหล จึงทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น แม้ว่าสภาพเสื้อผ้าของเขาจะไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว แต่เขาก็ไม่มีรอยแผลใด ๆ แต่มันก็ยังมองดูน่าสมเพชอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงน้ำตก พวกเขาทั้งหมดคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าอ้วนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขายกมือขึ้นพร้อมกล่าว “จงออกมาปกป้องข้า!”
ขณะที่เจ้าอ้วนตะโกนออกมา ระฆังเหล็กดำปรากฏขึ้นมาพร้อมปกป้องพวกเขาทั้งสาม ระฆังสูงสามสิบฟุตและกว้างสิบฟุตสามารถป้องกันการโจมตีจากบนฟ้าได้โดยง่าย
เมื่อมองเห็นระฆังเหล็กดำที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้น เหล่าอีกาโลหิตที่โจมตีเข้ามาจึงร่วงหล่นลงไป พวกมันไม่สามารถทะลุผ่านระฆังนี้ไปได้ เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่าเนื้อหนังของสัตว์ไม่สามารถทำอันตรายให้กับระฆังใบนี้ได้เลย หัวของอีกาโลหิตถูกกระแทกจนแตกสลาย ปีกหักพร้อมกับร่วงลงมาตายอย่างน่าสมเพช แม้ว่าเหล่าอีกาที่อยู่ด้านนอกจะไม่ได้รับแรงกระแทกโดยตรง แต่พวกมันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้
เห็นได้ชัดเจนว่าสติปัญญาของเจ้าพวกนี้ไม่ได้สูงส่งเท่าใด หลังจากที่ระฆังเหล็กดำชุ่มไปด้วยเลือดของพวกมัน มันกลับคิดว่าระฆังใบนี้คือคนผิด พวกมันทั้งหมดเริ่มโจมตีเจ้าระฆังเหล็กดำทันที ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ช่วยลดความตึงเครียดของพวกเขาทั้งหมดลงไปได้
“ระฆังเหล็กดำ?” หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นนิดหน่อย นางก็เริ่มถามอีกครั้ง “เจ้าอ้วนโง่ ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยใช้ระฆังใบนี้แต่มันเป็นสีทองเหตุใดเจ้าจึงเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมัน?”
เหตุผลที่ระฆังทองแดงใบยักษ์นั้นถูกเปลี่ยนเป็นเหล็กสีดำเพียงแค่เจ้าอ้วนเกรงว่าสีทองจะทำให้มันดูโดดเด่นจนเกินไป ดังนั้นเขาจึงใช้เหล็กดำที่มีในมิติลึกลับปกคลุมร่างที่แท้จริงของมันไว้
มันง่ายดายเพราะเพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาปรับแต่งอาวุธ เขาใช้ปฐมกาลแห่งอัคคีปรับแต่งเหล็กดำ จากนั้นจึงฉาบมันไว้บนระฆังทองแดง เจ้าอ้วนเพียงแค่ทดลองเท่านั้น ไม่คิดว่ามันจะสำเร็จ
ปริมาณของทรัพยากรที่ใช้ไปนั้นมากมายจนน่าหวั่นเกรง เมื่อระฆังทองแดงมีขนาดหนึ่งร้อยฟุต พื้นผิวของเหล็กสีดำจะมีความหนาเพียงหนังของสุนัขเท่านั้น แม้ว่าเจ้าอ้วนจะมีเหล็กสีดำจำนวนมากที่มาจากการสะสมของเขาตลอดเวลาสามปี ความหนาของมันที่ครอบคลุมระฆังใบนี้เพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น
งานนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เจ้าอ้วนคิดไปถึงอนาคตหากเก็บเหล็กดำมากมายไว้ก็คงไร้ประโยชน์ เขาเลยเลือกที่จะเอามันมาใช้สำหรับระฆังทองแดง ตอนนี้มันยังมีความหนาที่สามารถใช้งานได้อยู่โอกาสที่มันจะแตกออกและปรากฏแก่สายตาผู้อื่นน้อยมาก
เหตุผลที่เจ้าอ้วนระมัดระวังอย่างถึงที่สุด ใครกันเล่าจะอยากให้เจ้าระฆังทองแดงนี้ไปสะดุดตาผู้อื่น? แต่ถ้าหากไม่ใช้มันก็จะกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าเท่านั้น บางครั้งในเวลาที่จำเป็นเขาก็ไม่มีทางเลือกที่จะหยิบยกเจ้าระฆังออกมา อย่างเช่นในครั้งนั้นที่เขาถูกโจมตีโดยหานหลิงเฟิงและหวางซุง ทำให้เจ้าอ้วนต้องเปิดเผยสมบัติชิ้นนี้ ดังนั้นไม่แปลกที่หานหลิงเฟิงจะถามออกมา