ตอนที่แล้วเข้าร่วมนิกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอันดับหนึ่ง

แข่งขันประจำปี


ตอนที่5 แข่งขันประจำปี

 

“ข้าคงมิอาจถามได้สินะเอาละงั้นก็ไปพักเถอะหลานถาง”ฉิงเทียนนั้นกล่าวออกมาเพราะมันคิดว่าเทียนถางนั้นมิกล่าวตอบมันแน่นอน

“ขอบคุณท่านลุงเทียน”เทียนถางยิ้มและกล่าวตอบฉิงเทียนจึงได้จากไป เทียนถางกลับมาฝึกอีกครั้ง มันลองควบคุมน้ำในสวนอีกครั้งซึ่งครั้งนี้ง่ายดายมากในการควบคุม น้ำจับตัวกับเป็นก้อนก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมังกรขนาดใหญ่ เทียนถางพยักหน้าก้อนที่จะทดสอบบางสิ่งนั้นก็คือการที่เปลี่ยนมังกรน้ำให้เป็นน้ำแข็ง

 

“กรอบ กรอบ”มังกรน้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งและพลังปราณในร่างกายก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้นทำให้เทียนถางรับรู้ได้ว่าบรรลุทักษะ มังกรสมุทรขย้ำ เทียนถางจ้องมองไปที่มังกรน้ำแข็งขนาดใหญ่เทียนถางควบคุมไปมาได้ดั่งใจเทียนถางพยักหน้าอย่างพอใจ

 

“ฟุม”เทียนถางสะบัดมือเปลี่ยนร่างของมังกรน้ำแข็งจนกลายเป็นน้ำและลงสู่สวนเช่นเดิม เทียนถางพยักหน้าก่อนที่มันจะค้นหาความทรงจำของมันเพื่อที่จะหาทักษะที่มันจะใช้ได้การใช้งาน เทียนถางครุ่นคิดมันมีทักษะโจมตีแล้วมันจึงได้เลือกที่จะฝึกทักษะป้องกันแต่ทักษะธาตุน้ำนั้นมิมีเลย เทียนถางจึงได้รับรู้ถึงทักษะ โล่สายลมคุ้มกาย ซึ่งแน่นอนว่าเทียนถางนั้นมิสามารถที่จะฝึกได้เพราะปราณในร่างกายของมันนั้นคือธาตุน้ำ

 

เทียนถางมิได้สนใจแม้แต่น้อยมันรวบรวมคิดที่จะเปลี่ยนทักษะ โล่สายลมคุ้มกาย ให้เป็นของตนเอง ทักษะนี้มีสองบทและยังเป็นทักษะระดับที่สองเท่านั้น บทที่หนึ่ง ความคุมสายลม บทที่สอง ทำให้สายลมกลายเป็นโล่ล้อมรอบร่างกาย เทียนถางนั้นมิได้สนใจมันเปลี่ยนการโคจรพลังปราณในร่างกายของตนเองไปตามรูปแบบของทักษะมินานก็ปรากฏน้ำแข็งโผล่ออกมาล้อมรอบร่างกายของเทียนถาง

 

“ฟุม”ด้วยพลังปราณในร่างกายของเทียนถางมินานมันก็สามารถที่จะสร้างน้ำแข็งเป็นก้อนขึ้นมาได้ นั้นทำให้เทียนถางรับรู้ได้ว่ามันบรรลุบทแรกได้แล้วและยังมิจะสามารถบรรลุบทที่สองได้ในมินาน ร่างกายของเทียนถางถูกล้อมรอบไปด้วยโล่น้ำแข็งก่อนที่จะกลายเป็นโล่น้ำแข็งทรงกลมล้อมรอบร่างกาย เทียนถางยิ้มก่อนที่จะสะบัดมือสลายมันไป

 

เทียนถางได้รับรู้ว่าพลังปราณในร่างกายได้รับการพัฒนาขึ้นเพราะมันนั้นได้บรรลุบทที่สองของทักษะ โล่สายลมคุ้มกาย แล้วเทียนถางยังรับรู้ได้ว่าพลังในร่างของมันได้เข้าสู่ระดับเดรัจฉานขั้นที่หกแล้ว เทียนถางยิ้มก่อนที่จะฝึกพลังปราณต่อ

 

สามวันต่อมา

“คุณชายเทียนถาง นายท่านฉิงเทียนได้ฝากข้ามากล่าวเกี่ยวกับเรื่องของการแข่งขันประจำปีที่จะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนคะ”หญิงรับใช้ที่มีนามว่า ยี่หลาน นางกล่าวออกมาด้วยเมื่อนางได้นำอาหารเย็นมาให้เทียนถาง

 

“งั้นหรือข้าต้องทำสิ่งใดบาง”เทียนทางกล่าวถามด้วยความสนใจ

“ท่านแค่เพียงนำตราประจำตระกูลไปแสดงเท่านั้น”ยี่หลานกล่าวตอบก่อนที่เทียนถางจะโบกมือให้นางออกไป เทียนถางยิ้มและทานอาหารเพราะว่ามันมิคิดว่าจะพ่ายแพ้ผู้ใดและจะต้องได้ครอบครอง รางวัลเป็นแน่มิว่ามันจะคือสิ่งใดก็ตาม เทียนถางครุ่นคิดก่อนที่มันคิดจะทำบางสิ่งเทียนถางเข็นรถออกมาที่สวนในยามค่ำคืน

 

“ฟุม”เทียนถางควบคุมปราณในร่างด้วยทักษะ ปราณจิตภูต ร่างกายมันจึงได้ลอยขึ้นจากรถเข็นได้มันยกร่างขึ้นส่งพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าก่อนจะจ้องมองไปทั่วทั้งนิกายแสงตะวัน ดวงตาของเทียนทางเต็มไปด้วยความยินดี เทียนถางหลับตาลงและปล่อยร่างกายให้ตกสู่พื้นอย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ห่างจากพื้นเพียงสามนิ้วมันจึงหยุดก่อนที่มันจะลืมตาขึ้น

 

“การประลองข้าจำเป็นต้องมีศาสตราวุธปกป้องร่างกายและใช้โจมตี”เทียนถางพึมพำกับตนเองเมื่อนึกถึงเรื่องของการประลอง ถึงมันจะมั่นจะแต่มันก็มิคิดว่าคนที่ไร้ซึ่งศาสตราวุธจะชนะผู้ที่ครอบครองศาสตราวุธได้อย่างง่ายดายเป็นแน่ ในเช้าวันรุ่งขึ้นมันตรงไปยังบ้านพักของฉิงเทียนทันที เมื่อเห้นเทียนถางมาหามันเองฉิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย

 

“ท่านลุงข้ายังมิรู้เรื่องของตำหนักที่ขายศาสตราวุธหรือสมบัติวิเศษเลย” เทียนถางกล่าวออกมา

“จริงสิข้าลืมไปเลยว่าเจ้ายังมิมีศาสตราวุธเลย มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปยังตำหนักแสงศาสตราวุธ”ฉิงเทียนกล่าวออกมามันลืมไปเลยว่าการประลองประจำปีกำลังจะมาถึงแต่เทียนถางยังมิมีศาสตราวุธประจำกายเลย เทียนถางและฉิงเทียนมุ่งหน้าไปยังคำหนักแสงศาสตราวุธอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงศิษย์ของนิกายแสงตะวันจ้องมองมาที่เทียนถางด้วยความหลงใหล

 

“ผู้อาวุโสฉิงเทียนท่านมีสิ่งใดหรือจึงได้มาที่นี้”ผู้อาวุโสที่ดูแลตำหนักก็กล่าวทักทายเมื่อเห็นฉิงเทียนและจ้องมองไปที่เทียนถางเล็กน้อยก็ที่จะยิ้มให้

“ข้าพาหลานชายมาเลือกศาสตราวุธประจำนิกาย”ฉิงเทียนกล่าวตอบก่อนที่จะจ้องมองไปรอบๆ เทียนถางเองก็เข็นรถไปรอบๆ เทียนถางค้นความทรงจำของมันและรับรู้ได้ว่าศาสตราวุธแบ่งออกเป็นสองแบบ หนึ่งคือศาสตราวุธที่สามารถใช้ได้เมื่อสัมผัสด้วยและส่งพลังปราณเข้าไป สองคือศาสตราวุธที่สามารถใช้ได้เมื่อส่งพลังปราณเข้าไปได้จากระยะไกลและศาสตราวุธจะถูกแบ่งเป็นหกระดับ เดรัจฉาน มนุษย์ อสูร มังกร ผู้ยิ่งใหญ่ ราชันย์ และมีสามขั้น ต่ำ กลาง สูง

 

เทียนถางเข็นรถไปรอบๆและจ้องมองเพื่อหาดูศาสตราวุธที่มันต้องการเทียนถางจ้องมองไปที่ป้ายที่เขียนข้อความ มีศาสตราวุธที่หน้าสนใจมากมายและเทียนถางเองก็มีเงินพอที่จะซื้อมัน แต่เทียนถางที่มีเงินเพียงหนึ่งแสนเท่านั้นจึงซื้อได้เพียงแค่ศาสตราวุธ ระดับเดรัจฉานขึ้นต่ำหรือกลาง เทียนถางจ้องมองไปรอบๆและพบกับกระบี่เล่มหนึ่ง

 

กระบี่หยกเยือกเย็น ระดับเดรัจฉาน ขั้นกลาง ราคา สองแสนเหรียญ

 

“ท่านลุงเทียนข้ามีเงินมิพอที่จะซื้อมัน”ฉิงเทียนนั้นคิดว่ากระบี่นี้เหมาะกับมันจึงได้กล่าวออกมา

“มิต้องห่วงข้าจะซื้อให้เจ้าเอง”ฉิงเทียนนั้นขบขันมากก่อนที่จะกล่าวออกมา นั้นทำให้เทียนถางประหลาดใจมากก่อนที่จะชี้ไปที่กระบี่หยกเยือกเย็น ฉิงเทียนขมวดคิ้วเข้าหากันมันมิคิดว่าเทียนถางจะเลือกอาวุธที่อ่อนแอเช่นนี้

 

“เลือกใหม่เถอะหลานถางศาสตราวุธนี้อ่อนแอเสียจริง”ฉิงเทียนกล่าวออกมาอย่างจริงจัง นั้นทำให้เทียนถางลังเลก่อนที่จะพยักหน้าเพราะดวงตาของฉิงเทียนนั้นราวกับว่ามิยอมแน่ถ้าเทียนถางเลือกศาสตราวุธเช่นนี้แน่ เทียนถางเข็นรถไปรอบๆอีกครั้งก่อนที่จะหยุดที่ กงจักรสีฟ้า อันหนึ่ง

 

กงจักรหยกสีรุ้ง ระดับครึ่งก้าวก่อนขั้นอสูร ราคา สิบสี่ล้านเหรียญ

 

เทียนถางหันไปจ้องมองที่ฉิงเทียนนั้นทำให้ฉิงเทียนหน้าซีดถึงมันจะมีเงินมากมายแต่เงินจำนวนสิบสี่ล้านเหรียญนี้มิใช้เงินที่น้อยเลย แต่ในเมื่อมันลั่นวาจาแล้วมันจึงได้ทำตามนั้นและนี้คือสิ่งที่ฉิงเทียนจะซื้อให้หลานรักของมัน ฉิงเทียนจึงได้พยักหน้าให้กับผู้ดูแลตำหนักและนั้นทำให้ผู้ดูแลตำหนักเต็มไปด้วยความสุขเป็นอย่างมาก

 

“กลับกันเถอะ”เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลงฉิงเทียนก็กล่าวออกมา เทียนถางพยักหน้าตอบทั้งสองกลับมาที่บ้านพักก่อนที่ฉิงเทียนจะแยกออกไปเพื่อไปทำธุระต่อ เทียนถางกลับมาที่บ้านพักก่อนที่จะนำ กงจักรหยกสีรุ้ง ก่อนที่จะควบคุมให้ลอยขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะส่งมันบินไปมาด้วยความเร็วสูงนั้นทำให้เทียนถางยิ้มออกมาเพราะมันรู้สึกว่าพลังอำนาจของมันเข้ากับ กงจักรหยกสีรุ้ง นี้เป็นอย่างมาก

 

เทียนถางค้นความทรงจำของมันที่เคนอ่านตำราจำนวนมากไป เคยมีตำราเล่มหนึ่งที่มีนามว่า จิตวิญญาณแห่งศาสตราวุธ ด้านในนั้นเขียนว่าศาสตราวุธที่อยู่ในระดับอสูรขึ้นไปนั้นจะมีจิตวิญญาณของตนเอง ซึ่งเทียนถางสามารถรับรู้ได้ว่า กงจักรหยกสีรุ้ง นั้นมีจิตวิญญาณเป็นของตนเองเป็นแน่และในตำรา จิตวิญญาณแห่งศาสตราวุธ นั้นได้กล่าวกับการเชื่อมต่อโดยตรงกับจิตวิญญาณแห่งศาสตราวุธเอาไว้อยู่

 

เทียนถางเรียก กงจักรหยกสีรุ้ง เข้ามาในมือก่อนที่จะส่งวิญญาณแห่งโอดินเข้าไปภายในมินานด้วยวิญญาณอันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของเทียนถาง ก็ทำให้ กงจักรหยกสีรุ้ง ยอมรับเทียนถางเพียงพริบตาต่อมาเท่านั้น ปรากฏรอยยิ้มบนหน้าของเทียนถางก่อนที่มันจะหลับตาลงเพ่งสมาธิลงไปที่ตันเถียนเพราะเทียนถางรับรู้ถึงบางอย่าง

 

“เข้ามาอยู่ในนี้ได้ด้วยหรือ”เทียนถางกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นว่า กงจักรหยกสีรุ้ง อยู่เหนือท้องฟ้าที่ตันเทียนของมันและดูดซับพลังอำนาจในตันเทียนไปจำนวนมาก เทียนถางนั้นขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะรับรู้ได้ว่าทั้งที่ กงจักรหยกสีรุ้ง ดูดซับปราณไปจำนวนมหาศาลและต่อเนื่องก็ยังมิได้รู้สึกว่าปราณในร่างกายมันลดลงเลย

 

“หรือว่าจะเป็นเพราะ บ่อน้ำราชาภูต หรือ”เทียนถางจ้องมองไปรอบๆและพบ บ่อนำราชาภูต มันจึงได้กล่าวออกมาด้วยความยินดี เทียนถางจ้องมองไปที่บ่อรู้สึกว่ามันเคลื่อนไหวเหมือนกับน้ำวนเพื่อดูดพลังของผืนฟ้าและผืนโลกเข้ามาในร่างกายของเทียนถางด้วยความเร็วสูงเพียงแค่การหายใจแต่สิบถึงยี่สิบครั้งพลังในร่างกายถูกเติบเต็มในทันที

 

“นี้หรือคือพลังของบ่อน้ำราชาภูต แต่ข้าคิดว่ามันมีได้ทำได้เพียงแต่นี้เป็นแน่”เทียนถางพึมพำออกมาแต่หน้าของมันนั้นประดับรอยยิ้มที่ยินดีอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะลืมตาขึ้นและเรียก กงจักรออกมาอีกครั้งและปล่อยมันพุ่งออกไปในอากาศควบคุมไปมาได้ดั่งใจนึก

 

“คุณชายช่างมีความสามารถ”ยี่หลานนั้นได้นำอาหารเย็นเข้ามาให้และได้เห็นเทียนถางที่ควบคุม กงจักรอยู่จึงได้กล่าวออกมา

เทียนถางมิได้สนใจเมื่ออาหารว่างที่โต๊ะมันก็โบกมือให้ยี่หลานออกไปนางรีบออกไปทันที เทียนถางนั้นเก็บ กงจักรหยกสีรุ้ง เข้าไปก่อนที่จะทานอาหารและได้นอนหลับเทียนถางฝึกอย่างเต็มที่ ทั้งการบิน การควบคุม กงจักร การควบคุมมังกรน้ำและการใช้หอกและโล่น้ำแข็ง เทียนถางทำเช่นนั้นตลอดหนึ่งเดือนเต็มนั้นทำให้เทียนถางได้เลื่อนเข้าสู่ระดับเดรัจฉานขั้นที่เจ็ด เทียนถางจ้องมองไปรอบๆฉิงเทียนก็เดินเข้ามา

 

“ไปกันเถอะ ลุงอยากที่จะดูการแข่งขันของเจ้ามาก”ฉิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุขที่มากล้นที่จะเห็นหลานชายมันได้เข้าประลอง เทียนถางพยักหน้าหลังจากนั้นทั้งสองที่สวมใส่เสื้อสีดำที่มีสัญลักษณ์ดวงตะวันส่องแสงก็มุ่งตรงไปยังงานประลอง ผู้คนมากมายต่างเข้าร่วมงานประลองเพื่อรางวัลมากมายที่รออยู่

 

“กงหวิน ข้าพาหลานมาสมัครเข้าร่วมการประลอง”ฉิงเทียนเดินมาที่โต๊ะสมัครเข้าร่วมการประลองก่อนที่จะกล่าวออกมา

“หลานท่านหรือ หล่อเหลายิ่งนัก”กงหวินเป็นชายวัยกลางคนที่ดูดีมีเส้นผมสีดำสนิมตัวสูง มันจ้องมองมาที่เทียนถางก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม นั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ล้อมรอบจ้องมองมาที่เทียนถาง นั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นหน้าตาที่หล่อเหลาของเทียนถาง หญิงสาวมากมายต่างหลงใหลมากและบุรุษต่างอิจฉาเมื่อเห็นหญิงสาวเป็นเช่นนั้น

 

“โปรดนำตราประจำนิกายมาให้ข้า”กงหลินกล่าวออกมาพร้อมกับที่เทียนถางยื่นตราประจำนิกายให้โดยมิลังเลนั้นทำให้กงหลินประหลาดใจเล็กน้อยที่เทียนถางมีแหวนมิติ

“เจ้าสามารถเข้าร่วมได้ เจ้ามีหมายเลขหนึ่งพันสิบ”กงหลินกล่าวออกมาอีกครั้งและได้ยื่นตราประจำนิกายให้เทียนถาง เทียนถางรับและพยักหน้าตอบก่อนที่จะเดินไปรอที่ทางเข้าประตูแห่งการทดสอบ หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงคนมากมายของนิกายแสงตะวันก็มารวมกันมากมายที่หน้าประตูแห่งการทดสอบ

 

“ข้าหมิงซานรองผู้นำนิกายแสงตะวัน วันนี้คือวันของการแข่งขันและข้ามีข่าวดีจะมากล่าวนั้นก็คือรางวัลปีนี้จะมีมากกว่าปีที่แล้ว ที่สามจะได้รับโอสถลิ้นมังกรสามเม็ด ที่สองจะได้รับโอสถลิ้นมังกรห้าเม็ดและศาสตราวุธระดับมนุษย์ขั้นกลาง ที่หนึ่งจะได้รับโอสถลิ้นมังกรสิบเม็ดและตำราทักษะระดับห้า”หมิงซานลอยลงมาจากท้องฟ้าและหยุดลงที่ด้านหน้าประตูก่อนที่จะกล่าวออกมาหน้าของมันเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อสิ้นสุดคำประกาศ ผู้คนต่างแตกตื่นแต่มีรอยยิ้มปรากฏที่หน้าของเทียนถาง ในความทรงจำของมันนั้นโอสถลิ้นมังกรนั้นสามารถที่จะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพมากสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่ามนุษย์ลงมาก

 

“ในการทดสอบนี้มีทั้งหมดสามการทดสอบหนึ่งคือคือความเร็ว สองคือพละกำลัง สามคือการประลองการต่อสู้ เอาละเปิดประตูแห่งการทดสอบได้”หมิงซานกล่าวออกมาอีกครั้งมันอธิบายเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องมองไปรอบๆและตะโกนออกมาประตูแห่งการทดสอบจึงได้เปิดออก

 

“เริ่มได้”หมิงซานกล่าวออกมาอีกครั้งนั้นทำให้ทุกคนขยับร่างกายแต่กับมีพลังกดร่างของพวกมันทั้งหมดเอาไว้ มีร่างเงาพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงซึ่งนั้นคือเทียนถางทุกคนต่างตกตะลึงเพราะเทียนถางนั้นได้นั่งรถเข็นแต่ตอนนี้กับรวดเร็วเป็นอย่างมากและยังใช้พลังเพื่อหยุดพวกมันทั้งหมดได้อีกด้วยหลังจากที่เทียนถางห่างไปราวสามร้อยเมตร พลังอำนาจของเทียนถางก็หายไปทันที ผู้คนต่างเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดและพุ่งตามเทียนถางทันที

 

“เจ้านั้นมันกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างใดสกปรกยิ่ง”หนึ่งในคนของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหางมังกรต่างเต็มไปด้วยความโกรธมันคำรามออกมาอย่างดุร้ายปรากฏกระบี่สีแดงในมือของมันและฟันกระแสลบพุ่งเข้าใส่เทียนถาง ปรากฏโล่น้ำแข็งเข้ามาปกป้องร่างกายของเทียนถางก่อนที่เทียนถางจะหันกลับและซัดฝ่ามือออกไปปรากฏมังกรน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งออกไป

 

“โฮกกกกก”มังกรน้ำแข็งขนาดใหญ่คำรามออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เหล่าคนที่กำลังพุ่งเข้ามา และชนทุกคนปลิวออกไปก่อนที่จะขย้ำชายที่โจมตีเข้าใส่มันเมื่อครู่นี้มันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและร่วงหล่นลงไปที่พื้นนั้นทำให้ทุกผู้คนตกตะลึงในความสามารถของเทียนถาง

 

“น่าหวาดกลัวยิ่ง”หนึ่งใดเด็กหนุ่มที่หลบจากการโจมตีเทียนถางกล่าวออกมาอย่างหวาดหวั่นและจ้องมองไปที่ยังแผ่นหลังของเทียนถางที่กำลังพุ่งออกไปด้านหน้า

เทียนถางมิได้สนใจมันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏร่างของคนสามคนพุ่งมาด้านข้างของมันเทียนถางจ้องมองไปที่พวกมันเล็กน้อยทั้งสามมิได้คิดที่จะทำลายเทียนถางแต่พวกมันกับเต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและพุ่งตามเทียนถางด้วยความเร็วที่เท่ากัน เทียนถางมิได้สนใจอีกและเร่งความเร็วขึ้นอีกหลายสิบเท่านั้นทำให้พวกมันตกตะลึง

 

“มิใช้แค่พลังความเร็วก็สูงมากชายผู้นี้แข็งแกร่งมากทั้งที่อยู่ในระดับเดรัจฉานขั้นที่หกเท่านั้น”ชายที่มีดวงตาสีฟ้ากล่าวออกมาอย่างชื่นชม

“ข้ามิอาจสัมผัสได้ถึงพลังของสมบัติวิเศษเลยเขาได้ใช้พลังขอตนเองในการโจมตีเมื่อครู่”ชายอีกคนที่มีผมสีแดงดวงตาสีแดงกล่าวออกมาอีกครั้งชายทั้งสามเต็มไปด้วยความสนใจในตัวของเทียนถางเป็นอย่างมากพวกมันเร่งความเร็วตามเทียนถางไปในทันที มินานเทียนถางก็ผ่านการทดสอบที่หนึ่งเป็นคนแรกและตามด้วยชายทั้งสามที่ตามมันมา

 

“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า”เทียนถางเรียกรถเข็นหยกเย็นออกมาจากแวนมิติก่อนที่จะนั่งลงและกล่าวถามด้วยคนสนใจ ชายทั้งสามประหลาดใจมากเมื่อเห็นเทียนถางนั่งรถเข็นแต่พวกมันก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มหนึ่งในชายทั้งสาม สามที่มีเส้นผมสีดำดวงตาสีทองเดินเข้ามาหาเทียนถางและจ้องมองเทียนถางเพื่อตรวจสอบเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้าให้อีกสองคน

 

“นามของข้าคือหมิงจู ข้าอย่างจะเชิญเจ้าเข้าร่วมกับกลุ่ม จักรพรรดิฟ้า ของเรา”หมิงจูกล่าวแนะนำตัวก่อนที่จะกล่าวเข้าเรื่องเลยนั้นทำให้เทียนถางประหลาดใจก่อนที่จะครุ่นคิด ฉิงเทียนเคยกล่าวกับมันเกี่ยวกับเรื่องการเข้าร่วมกลุ่มต่างๆของนิกายเพื่อทำภารกิจต่างๆของนิกายและกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือกลุ่มที่มีนามว่า สุริยะผลาญฟ้า อันดับที่สองคือ จักรพรรดิฟ้า นั้นเอง

 

“ท่านลุงเคยกล่าวถึงพวกเจ้า ข้าตกลงเข้าร่วมแต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าจะขอ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ขอหรือ ว่ามาเถอะถ้าพวกเราทำได้พวกเราจะทำให้เจ้า”หมิงจูและอีกสองคนประหลาดใจมากที่เทียนถางตกลงเข้าร่วมกับพวกมันอย่างง่ายได้และยังมีสิ่งที่จะขออีกด้วย หมิงจูจึงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี นั้นทำให้เทียนถางพยักหน้าก่อนที่จะจ้องมองไปรอบๆ

 

“เมื่อข้าแข็งแกร่งพอข้าอย่างให้พวกเจ้าช่วยข้าทำลายนิกายกระจ่างฟ้า”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายจิตสังหารมากมายถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงนั้นทำให้ทั้งสามคนตกตะลึงเป็นอย่างมากแต่สิ่งที่เทียนถางกล่าวมันมิใช้เรื่องโกหกแต่อย่างใดเขาคิดจะทำมันจริงๆ หมิงจูกลืนน้ำลายก่อนที่จะครุ่นคิดและมันก็คิดว่ามิน่ามีปัญญาเพราะในความคิดของมันเทียนถาง มีพรสวรรค์ที่สูงมากและมีโอกาสที่ผู้นำนิกายแสงตะวันจะสนใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด