ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปกำเนิดต้นไม้ในตันเถียน

เทพเจ้าสูงสุดสู่มนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด


ตอนที่1 เทพเจ้าสูงสุดสู่มนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด

 

ในวันหนึ่งที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องเสียงโหยหวนของผู้คนมากมายดังขึ้นจากทั่วทุกทิศ เสียงของดาบและโล่ที่เสียงปะทะกันเสียงเลือดที่สาดกระเซ็นไปตามพื้น เด็กสาวที่ร้องไห้ถามกลางสงครามหลังของนางมีปีกสีขาวที่ถูกหัก ดินแดนของเหล่าทวยเทพแอสการ์ กำลังจะล่มสลายโดยที่มิอาจจะมีผู้ใดหยุดได้

 

โอดินเทพเจ้าสูงสุดและยังเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามและปัญญา พร้อมกับบุตรชายทั้งสองธอร์เทพเจ้าฟ้าและโลกิเทพเจ้าแห่งไฟ ได้เข้าต่อสู่อย่างสุดความสามารถในสงครามครั้งนี้แต่มิอาจมีผู้ในรอดชีวิต บนบันไดขั้นที่หนึ่งมีร่างของทหารมากมายที่ตายลง บนบันไดขั้นที่ห้ามีร่างของโลกิเทพเจ้าแห่งไฟนอนสิ้นชีพไปแล้วอยู่ บนบันใดขึ้นสุดท้ายมีร่างของธอร์เทพเจ้าแห่งสายฟ้านอนสิ้นชีพอยู่เช่นกัน และบนบัลลังก์ก็มีร่างที่ชรานั่งอยู่ร่างนั้นเต็มไปด้วยโลหิตมากมายทั้งจากศัตรูและจากร่างของมันเอง

 

สงครามระหว่างทวยเทพและอสูรปีศาจความมืดมิดสงครามที่มิอาจชนะได้ สงครามที่เหล่าทวยเทพจะต้องสิ้นชีพทั้งหมดก็แต่สิ่งที่มิมีผู้ใดนั้นจักรวาลคาดคิดก็เกิดขึ้นทวยเทพได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้แต่สิ่งที่ต้องแลกนั้นคุ้มหรือไม่กับการล้มสลายของเหล่าทวยเทพจากดินแดนของเหล่าทวยเทพแอสการ์ ชีวิตทั้งหมดได้จบสิ้นลงโดยมิมีผู้รอดชีวิตแม้แต่เทพเจ้าสูงสุดโอดินเองก็ตาม

 

ดินแดนของเหล่าทวยเทพแอสการ์กำลังพังทลายลงอย่างรวดเร็วมินานก็ปรากฏความมืดมิดเข้ากลืนกินทุกสรรพสิ่งดวงอาทิตย์แห่งดินแดนของเหล่าทวยเทพแอสการ์ก็ดับสูญไปราวกับมิเคยมีสิ่งใดอยู่เลย ปรากฏร่างที่เต็มไปด้วยความมืดมิดกับผ้าคลุมสีดำสนิทเดินเข้าไปที่วังของเทพเจ้าโอดิน ร่างนั้นเดินผ่าสิ่งใดสิ่งนั้นจะดูดทำลายกลายเป็นเถ้าธุลีทันที

 

“บิดาแห่งเหล่าทวยเทพโอดินเอ๋ยเจ้านั้นไร้ซึ่งพลังและอำนาจใดๆ แต่ด้วยความดีความชอบของเจ้าในฐานะผู้ช่วยเหลือจักรวาลเอาไว้ข้าจะให้โอกาสแก่เจ้าเอง”ร่างแห่งความมืดมิดกล่าวออกมามันเป็นน้ำเสียงที่เย็นราวกับน้ำแข็งที่สามารถแช่แข็งได้ทุกสรรพสิ่งอย่าง

 

“ซุม”ร่างที่เต็มไปด้วยความมืดยกนิ้วสีซีดขาวนั้นขึ้นนิ้วของมันราวกับสตรีที่งดงามที่สุดในจักรวาเพียงแค่ได้มองที่นิ้วของนาง ปรากฏลูกบอลสีทองที่ปลายนิ้วของนางมันถูกยิงเข้าในร่างของเทพเจ้าสูงสุดโอดิน เมื่อลำแสงสัมผัสกับร่างของโอดินทุกอย่างก็ส่องสว่างขึ้น

 

ในจักรวาลของเทพเจ้าสูงสุดโอดินอาศัยอยู่นั้นมันเป็นเพียงแค่หนึ่งในแสนล้านล้านจักรวาลที่มีอยู่เมื่อร่างกายของโอดินสัมผัสกับลำแสงสีทองของร่างแห่งความมืดมิดนั้น วิญญาณของมันก็ถูกส่งไปยังจักรวาลอื่นที่เป็นจักรวาลที่มิเชื่อมต่อกับจักรวาลใดๆ เป็นมิติของจักรวาลที่แยกออกโดยที่ผู้ที่อยู่ในจักรวาลนี้จะมิสามารถเข้าสู่จะอื่นใดได้อีกเลย

 

ณ ทวีปมังกรทอง อาณาจักรเขี้ยวมังกร ภายในพระราชวังเขี้ยวมังกร

 

“คุณชายเทียนถางโปรดทานอาหารและโอรสนี้เถิดร่างกายของท่านจะหมดสภาพถ้าท่านมิทานมันเข้าไป”หญิงวัยกลางคนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็นกลับมิได้ตอบก่อนที่จะโบกมือให้หญิงชายชราออกไป หญิงชายทำตามโดยมีได้กล่าวสิ่งใดอีก

 

เมื่อหญิงวัยกลางคนออกไปร่างที่ผอมแห้งราวกับซากศพก็ก็จ้องออกไปยังท้องฟ้าดวงตาของมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่เพียงมินานมันก็สิ้นใจลงเพราะหัวใจของมันล้มเหลว วิญญาณในร่างกายดับสลายหายไปราวกับมิอาจที่จะทำสิ่งใดได้เลย แต่แล้ววิญญาณดวงใหญ่สีทองก็พุ่งเข้ามาในร่างกายที่สิ้นชีพไปแล้วนี้ ดวงตาที่เขียวสว่างได้ลืมขึ้นอีกครั้ง

 

“ข้ายังมิตายหรือ”โอดินกล่าวออกมาด้วยความสับสนมันจำได้ว่ามันได้สิ้นชีพไปแล้ว แต่มันกับมีชีวิตอยู่เช่นนี้เมื่อมันจ้องมองลงมาที่ร่างกายของมันเองในตอนนี้ ร่างกายส่วนล้างมิมีความรู้สึกดวงตาข้างขวามิสามารถมองเห็นได้ร่างกายทั้งร่างรู้สึกอ่อนแอเป็นอย่างมาก

 

โอดินเมื่อตรวจสอบร่างกายของมันในตอนนี้จนเสร็จมันก็จ้องมองไปรอบๆพื้นที่ที่มันอยู่ปรากฏเตียงนอนที่ทำมาจากหยกสีน้ำเงินและกระจกที่ทำมาจากน้ำแข็งและกรอบของกระจกทำมาจากหยกสีน้ำเงิน โอดินขับรถเข็นของมันด้วยพลังปราณแต่มันกับมิขยับคงเป็นเพราะในตอนนี้โอดินนั้นไร้สึกพลังอำนาจแล้ว

 

“ร่างกายนี้ช่างอ่อนแอและอัปลักษณ์ยิ่ง”โอดินมิมีทางเลือกมากมันเข็นรถด้วยมือไปที่หน้ากระจกแต่ด้วยเรี่ยวแรงที่มิค่อยจะมีของมันจึงทำให้ใช้เวลามาก แต่มินานมันก็มาถึงที่หน้ากระจกและพบกันหน้าตาที่อัปลักษณ์ราวกับอสูรกลาย โอดินกล่าวออกมาพร้อมกับที่ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่มิอาจจะจิตนาการได้

 

โอดินเข็นรถกลับมาที่หน้าต่างอีกครั้งถึงจิตใจของมันจะมิหิวโหยถึงอาหารใดๆเพราะมันนั้นเป็นเทพเจ้า แต่ตอนนี้ร่างกายของมันต้องการอาหารเพื่อประทั้งชีวิตมันจึงมิมีทางเลือกมากมายนั่งเมื่อเห็นอาหารอยู่ด้านหน้ามันก็ทานทุกอย่างทันทีแต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของมันมีพลังบางอย่างส่งมาจากท้องน้อยของมันพุ่งไปทั่วทั้งร่างกาย

 

มิใช้แค่นั้นที่ใจกลางของสมองของร่างกายนี้ยังมีก้อนพลังบางอย่างอยู่ โอดินนั้นยังมิได้ตรวจสอบพลังเหล่านั้นแต่มันเลือกที่จะทานให้อิ่มก่อน เมื่อมันทานจนหมดโอดินก็หันกลับไปที่หน้าต่างก่อนจะหลับตาลงและเพ่งสมาธิเข้าไปในร่างกายของมันโดยที่มันเพ่งเข้าไปในสมองของมันก่อนเพียงมินานมันก็พบเจอกับก้อนพลังบางอย่างที่มีสีขาวและมีภาพต่างๆอยู่

 

“ฟุม”ร่างวิญญาณของโอดินที่มีสีทองสว่างไสวได้เดินไปที่ก้อนพลังสีขาวมันมีขนาดใหญ่เท่ากันลูกบอล สามคูณสามเมตร โอดินมองไปรอบๆแต่ก็มิพบสิ่งใดมันจึงได้ลองใช้มือสัมผัสที่ก้อนพลังสีขาวดูแต่เมื่อสัมผัสความทรงจำมากมายของเจ้าของร่างคนก่อนก็วิ่งเข้าสู่สมองของโอดินอย่างรวดเร็วราวกับน้ำป่าไหลหลาก

 

เทียนถางบุตรคนโตจากบุตรทั้งสามของราชาแห่งเมืองเขี้ยวมังกรหนึ่งในสิบสองเมืองแห่งทวีปมังกรทอง อายุสิบหกปี เมื่อสามปีก่อนถูกอสูรหมาป่าขนสีเทาอสูรระดับสี่ทำร้ายจนเกือบสิ้นชีพแต่ถึงมันจะมิได้สิ้นชีพก็ยังพิการและอัปลักษณ์เช่นนี้ ระดับพลังของโลกใบนี้ มีหกระดับ หนึ่ง ระดับเดรัจฉาน สอง ระดับมนุษย์ สาม ระดับอสูร สี่ ระดับมังกร ห้า ระดับผู้ยิ่งใหญ่ หก ระดับราชันย์ ทั้งหกระดับมีสิบขั้น แต่โอดินสามารถรับรู้ได้ว่าระดับความแข็งแกร่งของโลกใบนี้มิน่าจะมีเพียงเท่านี้เป็นแน่

 

ในความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อนยังมีสิ่งที่เรียกว่า พลังปราณ จุดตันเถียน และการฝึกยุทธ โอดินค่อยๆทำความเข้าใจกับสิ่งที่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยความเร็วที่สูงอย่างยิ่งมันมิคิดว่าในโลกใบนี้จะอ่อนแอเช่นนี้ แต่ตัวมันในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าอ่อนแอที่สุดเช่นกัน ภายในความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อนยังมีความทรงจำเกี่ยวตำรายุทธอยู่เล่มหนึ่ง มีนามว่า ปราณจิตภูต

 

“ข้าต้องเริ่มฝึกยุทธ พลังประหลาดที่อยู่ใต้ท้องน้อยคงเป็นพลังปราณจากจุดตันเถียนเป็นแน่”โอดินลืมตาขึ้นก่อนที่จะกล่าวออกมาเป็นที่สิ่งมันต้องทำเป็นขั้นตอนไป มันหลับตาลงอีกครั้งก่อนที่จะเพ่งสมาธิลงไปที่ตันเถียน ร่างวิญญาณของโอดินเข้ามาอยู่ที่ตันเถียนมันราวกับลูกโป่งใส่น้ำที่กำลังจะแตกมีรอยราวมากมายในนี้

 

โอดินขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะเพ่งสมาธิไปที่ความทรงจำของมันเกี่ยวกับทักษะ ปราณจิตภูต ทักษะนี้เป็นทักษะระดับสี่จากเก้าระดับของทักษะทั้งหมดในทวีปมังกรทองนี้ มันมีทั้งหมดบทสี่ บทที่หนึ่ง เพิ่มปริมาณพลังปราณ บทที่สอง บังคับปราณให้ควบคุมสิ่งของด้วยปราณได้ บทที่สาม สามารถที่จะสร้างรูปลักษณ์ของปราณได้ บทที่สี่ สร้างแก่นแท้แห่งภูตในร่างกาย

 

โอดินทำตามบทที่หนึ่งแห่งทักษะ ปราณจิตภูตทันที พลังปราณจากจุดตันเถียนพุ่งไปอย่างช้าๆ ทั่วร่างกายผ่านเส้นชีพจรทั้งหนึ่งร้อยแปดเส้น แต่การเคลื่อนตัวของพลังปราณนั้นช้าและติดขัด โอดินขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง ตอนนี้โอดินได้ทำความเข้าใจได้แล้วว่ามันมิใช้เทพเจ้าสูงสุดอีกต่อไปแล้วมันมิมีอำนาจที่จะทำสิ่งใดที่มันต้องการได้อีกแล้ว

 

“ข้ามิใช้โอดินอีกต่อไปแล้วแต่ข้าคือเทียนถาง เทียนถางเอ๋ยข้าสาบานจะทำให้ร่างของเจ้าและวิญญาณข้าเหนือยิ่งกว่าผู้ใดข้าสาบาน”โอดินลืมตาขึ้นและจ้องมองออกไปที่หน้าต่างมันจ้องมองออกไปแสนไกลราวกับว่าความทรงจำมากมายที่มันมิต้องการจะให้มีอยู่อีกแล้วจะต้องถูกลืมเลือน โอดินกล่าวออกมาอย่างจริงจังแววตาของมันแสดงความมุ่งมั่น

 

“ข้าคือเทียนถางและข้าจะต้องแกร่งที่สุด”โอดินกล่าวออกมาด้วยความมุ่งมั่นที่มากมายในจิตใจของมัน มินานมันก็หลับตาลงอีกครั้งและเริ่มอ่านความทรงจำของเทียนถาง ในความทรงจำของเทียนถาง โอดินได้ค้นพบว่าเทียนถางนั้นมิได้อ่อนแอเลยมันทั้งเข้มแข็งและแข็งแกร่งในตอนที่มันพิการอยู่เทียนถางได้ค้นหาวิธีมากมายในการรักษาตนเองแต่ก็มิอาจที่จะพบเจอได้แล้วเพราะมันมิอาจที่จะสัมผัสกับพลังอำนาจของผืนฟ้าและผืนโลกได้เลย

 

“พลังของผืนฟ้าและผืนโลกหรือ”เทียนถางได้อ่านความทรงจำมาถึงตรงนี้มันก็หยุดลงและพึมพำออกมา ก่อนที่จะลองดูเทียนถางปลดปล่อยร่างกายไปตามความรู้สึกของมันมิได้ก็มีกระแสของพลังอำนาจที่รุนแรงมันรุนแรงกว่าพลังปราณในตันเถียนของเทียนถางถึงสามเท่าไหลเข้ามาตามผิวหนัง พลังอำนาจเหล่านั้นเทียนถางเข้าใจทันทีนี้มันคือพลังอำนาจของผืนฟ้าและผืนโลก

 

“ถ้าเป็นเช่นนี้ข้าคงจะสามารถฝึกทักษะ ปราณจิตภูต ได้เป็นแน่”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังแววตาของมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นพลังอำนาจของผืนฟ้าและผืนโลกค่อยๆซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ตันเถียนและเมื่อเข้าสู่ตันเทียนก็วิ่งเข้าสู่เส้นชีพจรแต่มันก็ยังคงช้าเกิดไป โอดินขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะหาวิธีเพิ่มความเร็วในการโคจรพลังปราณในร่างกายของมันอีกครั้ง

 

“ขยายเส้นชีพจร การเปิดประตูของเส้นชีพจรทั้งหนึ่งร้อยแปดเส้น การบังคับเปิด การสกัดจุดเพื่อเปิด”ในความทรงจำของเทียนถางมีความจำมากมายเกี่ยวกับการเพิ่มพลังปราณในการโคจรพลังปราณในรวดเร็วยิ่งขึ้น เทียนถางกล่าวออกมาทีละคำและมันคิดว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการฝึกฝนของมันก็คือการสกัดจุดเปิดเว้นชีพจรทั้งหนึ่งร้อยเปิดจุด

 

“ฟุม ฟุม ฟุม”เทียนถางนั้นเพ่งสมาธิหาจุดที่เปิดตัวเป็นเส้นชีพจรในทันทีมินานมันก็พบถึงสามตำแหน่งมือของมันห่อหุ้มพลังปราณเล็กน้อยก่อนที่จะแทงลงไปทั้งสามจุดด้วยความเร็วสูงพลังปราณที่รุนแรงระเบิดออกร่างกายของโอดินปลดปล่อยของเหลวสีดำออกมาจำนวนมาก แต่เทียนถางนั้นมิได้สนใจมันเพ่งสมาธิไปที่การโคจรพลังปราณของบทที่หนึ่งแห่งทักษะ ปราณจิตภูต

 

สองชั่วยามผ่านไป (สี่ชั่วโมง)

 

ร่างกายของเทียนถางเต็มไปด้วยของเหลวสีดำมากมายแต่กับมีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเทียนถางเพราะตอนนี้เทียนถางได้เปิดเส้นทางของเส้นชีพจรทั้งหนึ่งร้อยแปดจุดได้สำเร็จแล้ว พลังปราณของมันตอนนี้อยู่ในระดับเดรัจฉานขั้นที่หนึ่งแล้ว แต่พลังปราณในร่างกายของมันนั้นทั้งบริสุทธิ์และเข้มข้นเป็นอย่างมากพลังปราณในร่างกายของโอดินมีสีเขียวทั้งหมด

 

“ข้าควรจะไปอาบน้ำ”เทียนถางลืมตาขึ้นพร้อมกับที่จ้องมองไปที่รถเข็นและกล่าวออกมา  รถเข็นของโอดินทำมาจากแร่หยกเย็นและมันถูกสร้างโดยคนแคระผีมือดีมาก รถเข็นนี้เหมาะแก่เทียนถางมากเพราะว่าร่างกายของเทียนถางนั้นอ่อนแอและการฝึกยุทธทำให้ร่างกายที่อ่อนแอของมันร้อนเกินไปรถเข็นนี้เมื่อส่งพลังปราณเข้าไปจะทำให้เย็นขึ้นช่วยลดความร้อนในร่างกายของมันได้

 

เทียนถางส่งพลังปราณเข้าไปที่รถเข็นเพื่อให้มันเข็นไปที่ห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของมันเอง มินานมันก็อาบน้ำจนเสร็จถึงมันจะยากไปสักเล็กน้อยก็ตาม เทียนถางกลับมาที่ห้องก็พบว่ามีหญิงวัยกลางคนยืนรอมันอยู่ เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่จะค้นความทรงจำจนได้พบว่า หญิงวัยกลางคนคนนี้มีนามว่า เทียนหย่า นางคือคนในตระกูลสายนอกที่ต้องมาค่อยรับใช้ตระกูลเทียนสายในอย่างมันและยังเป็นคนที่ดุแลมันมาตั้งแต่ที่มันบาดเจ็บสาหัส

 

“ป้าหย่าท่านมีสิ่งใดหรือ”เทียนถางนั้นยิ้มเล็กน้อยและกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตร

“คุณชายถางท่านในวันนี้ช่างดูแข็งแรงยิ่ง”นั้นทำให้เทียนหย่าตกตะลึงแต่นางก็เปลี่ยนกลับมาเป็นยินดีและกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม เทียนถางใช้เวลาทั้งคืนเพื่อฝึกยุทธมันจึงได้รู้ว่าเหตุใดเทียนหย่าที่กล่าวเช่นนั้นมันพยักหน้าและก็เข็นรถออกไปด้านนอกด้วยมือเพราะตอนนี้เทียนถางยังมิอาจที่จะให้ผู้ใดรู้ได้ว่ามันกำลังฝึกยุทธ

 

แต่เมื่อเทียนหย่าได้เห็นเทียนถางเข็นรถเองได้นางก็แตกตื่นนางมิอาจที่เชื่อสายตาของตนได้ที่ได้เห็นชายที่อ่อนแอที่สุดกับมีพลังของที่จะเข็นรถเข็นหยกเย็นเช่นนี้ได้ ไม่นานนางก็รีบวิ่งเข้ามาเข็นรถแทนแต่เทียนถางรีบโบกมือเพราะมันต้องการที่จะเพิ่มพลังกายของมันเองเช่นกัน

 

“คุณชาย”เทียนหย่ารีบกล่าวออกมานางพยายามที่จะกล่าวบางอย่างต่อแต่ก็ถูกโอดินจ้องมองอย่างดุร้าย นั้นทำให้นางตกตะลึง

“มิต้องถ้าข้าต้องการสิ่งใดข้าจะกล่าวกับเจ้าเอง”โอดินนั้นรับรู้ได้ว่าเทียนถางนั้นเป็นคนเงียบสงบมิค่อยกล่าวสิ่งใด แต่โอดินนั้นต่างกับเทียนถางมันเป็นคนหยิ่งยโส อวดดี บ้าอำนาจ และเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับชนชั้น คนตระกูลรองเช่นนางไม่ควรที่จะกล่าวกับมันเช่นนี้ มันกล่าวออกมาอย่างดุร้ายน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

 

“ค...คะคุณชาย”เทียนหย่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวถึงนางจะมีศักดิ์เป็นป้าของเทียนถางแต่นางก็ยังคงเป็นเพียงแต่คนสายนอกของตระกูลเทียนเท่านั้น

“มีสถานที่ที่มีหยกเย็นเยอะๆหรือไม่”เทียนถางนั้นเลิกใส่ใจพร้อมกับที่มันกล่าวถามออกมา ในความทรงจำของมันเทียนถางมิได้ออกจากบ้านพักของมันมาสามปีแล้ว นั้นทำให้เทียนหย่าเต็มไปด้วยความสับสนพร้อมกับที่ชี้ไปที่ศาลาที่อยู่ในบ้านพักของมันเอง

 

“พาข้าไปที่นั้นที”เทียนถางนั้นกล่าวออกมาโดยมิได้คิดสิ่งใดมาก เทียนหย่าเองก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นมีความสุขและเข็นรถไปที่ศาลาหยกเย็น ในความทรงจำของเทียนถางนั้นเทียนถางเคยได้ยินบางคนกล่าวกับมันเกี่ยวกับที่เทียนโจบิดาของมันได้สร้างที่นี้ไว้เพื่อให้มันพักผ่อนแต่มันก็มิได้สนใจและปล่อยที่นี้ไว้เฉยๆเท่านั้น

 

“ป้าหย่าท่านไปพักเถอะ”เทียนถางนั้นกล่าวออกมาอีกครั้งเพราะมันต้องการจะฝึกแต่เทียนหย่าพยายามที่จะกล่าวบางอย่างแต่เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของเทียนถางจึงทำให้เทียนหย่ามิกล่าวสิ่งใดนางจึงได้เดินจากไปสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลเป็นอย่างมาก

 

เมื่อเห็นเทียนหย่าจากไป โอดินก็หลับตาลงและเริ่มโคจรพลังปราณของมันด้วยบทที่ของทักษะ ปราณจิตภูต พลังปราณที่เปิดเส้นทางของเส้นชีพจรแล้วนั้นทำให้พลังปราณในร่างกายเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้อนพลังปราณที่จุดตันเถียนก็เริ่มขยายขึ้น ร่างวิญญาณของโอดินได้เข้าไปที่ตันเถียนเพื่อตรวจสอบปรากฏว่าลูกโป่งที่มันเคยเห็นกลายเป็นลูกโลกขนาดใหญ่และมีพืชพันธุ์มากมายอยู่ทั้งต้นไม้และพื้นที่สะอาดงดงามนั้นทำให้เทียนถางตกตะลึง

 

นี้คงเป็นเพราะว่าเทียนถางได้ได้ฝึกฝนทักษะ ปราณจิตภูต เป็นแน่ เทียนถางนั้นพบว่าพลังปราณทั้งหมดของมันมาจากผืนป่านี้มันจึงได้เพ่งสมาธิกับการฝึกยุทธอีกครั้งพลังอำนาจของผืนฟ้าและผืนโลกถูกดูดกลืนอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าร่างกายของโอดินเป็นหลุมดำขนาดเล็กเลยก็ว่าได้ กระแสของพลังอำนาจกลายเป็นเส้นราวกับเส้นของผ้าไหมไหลเข้าสู่ร่างกายของโอดิน

 

มินานพลังปราณของเทียนถางก็เข้าสู่ระดับเดรัจฉานขั้นที่สองแล้ว แต่ก็ต้องแลกมากับร่างกายของมันที่ร้อนขึ้นราวกับดวงอาทิตย์ลูกเล็กๆเลยก็ว่าได้ถ้ามิมีศาลาหยกเย็นนี้พื้นที่ที่มันนั่งอยู่คงกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว แต่ด้วยหยกเย็นที่ดูดกลืนไอความร้อนของร่างกายโอดินจึงทำให้ร่างกายของโอดินกลับมาอยู่ในสภาพปกติได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด