อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์
ตอนที่10 อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์
เทียนถางเลิกให้ความสนใจกับสิ่งใดอีกและเริ่มดูดซับพลังของผืนฟ้าและผืนโลกทันทีตอนนี้มันต้องการที่จะฝึกทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ให้สมบูรณ์ก่อนที่จะเข้าไปกวาดล้างเหล่าโจรหมื่นซากศพ นั้นทำให้เห็นมันมุ่งมั่นเป็นอย่างมากและตอนนี้มันก็มีโอสถมากมายในแหวนมิติของชายชรามันจึงได้นำโอสถธาตุน้ำออกมากินเข้าไปทั้งหมดพลังปราณภายในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเรื่องๆเลย ก้อนพลังสีน้ำเงินเข้มที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าบนเกาะตันเถียนก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เทียนถางเพ่งสมาธิทั้งหมดลงไปในบ่อน้ำแห่งราชาภูต
พลังของผืนฟ้าและผืนโลกกลายเป็นกระแสที่เข้มข้นกว่าเดิมหลายสิบเท่าพุ่งเข้ามาในร่างกายของเทียนถางด้วยความเร็วสูงและตอนนี้เทียนถางรับรู้ได้ว่าร่างกายและตันเถียนได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายภายในเริ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมาและร่างกายภายนอกส่องแสงออกมาอย่างสว่างไสว ภายในเกาะตันเถียนก้อนพลังสีฟ้าหมุนวนไปบนท้องฟ้าของเกาะตันเถียนด้วยความเร็วสูงมาก
หลังจากผ่านไปได้มินานก้อนพลังสีฟ้าก็เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีน้ำเงินเข้มก่อนที่ร่างกายภายในจะหยุดเพิ่มความแข็งแกร่งและร่างกายภายนอกก็หยุดส่องแสงพร้อมกับที่ผิวพันธ์นั้นเปลี่ยนแปลงเป็นงดงามและหน้าตาก็ดูดีขึ้นด้วยพร้อมกับที่เส้นผมยาวขึ้นมาเล็กน้อย ในตอนนี้เทียนถางจ้องมองลงไปที่บ่อน้ำราชาภูตมันมีสีฟ้าส่องสว่างอย่างรุนแรงและหมุนวนดูดซับพลังของผืนฟ้าและผืนโลกด้วยความเร็วสูง
“ฟุม กรอบ กรอบ”มีกระแสพลังบางอย่างพุ่งเข้ามาในร่างกายของมันอย่างรวดเร็วและก็มีพลังที่รุนแรงพุ่งไปทั่วทั้งร่างกายในตอนนี้เทียนถางรับรู้ได้ว่ามันสำเร็จทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์และระดับพลังของมันก็เข้าสู่ระดับมนุษย์ขั้นที่สี่แล้ว เทียนถางจึงได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะลืมตาขึ้นเมื่อมันลืมตาขึ้นพลังปราณในร่างกายก็ระเบิดออกมาทั่วทั้งห้องก็กลายเต็มไปด้วยน้ำแข็งทันทีแต่นั้นมิได้ทำให้เทียนถางสนใจมันเพ่งสมาธิลงไปที่ดันเถียนอีกครั้ง
เทียนถางจ้องมองไปที่ก้อนพลังสีฟ้าที่กำลังหมุนวนอยู่ในหยุดเลยและท้องฟ้าก็เริ่มส่องแสงสีทองมากขึ้นมาเรื่อยๆ เทียนถางมองดูปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบๆหลังจากผ่านเวลาไปอย่างยาวนานก้อนพลังสีฟ้าก็หยุดลงก่อนที่มันจะดูดซับพลังสีทองทั้งหมดเข้าไปและกับกลายเป็นก้อนพลังสีทอง เทียนถางจ้องมองไปที่มันก่อนที่จะพุ่งเข้าไปดูมันยื่นมืออกไปสัมผัสอย่างช้าๆและจับลงไปเต็มมือ
“ฟุมมมมม”เกิดระเบิดที่รุนแรงขึ้นปรากฏอสนีสีทองมากมายพุ่งออกมาและพุ่งไปทั่วท้องฟ้าของเกาะตันเถียน เทียนถางจ้องมองไปที่ก้อนเมฆสีฟ้าที่เต็มไปด้วยอสนีสีทองวิ่งไปมาและขมวดคิ้วเข้าหากันสิ่งที่เทียนถางสัมผัสได้ก็คือพลังของอสนีนี้ราวกับพลังของอสนีที่อยู่กับมันตอนนี้มันยังอยู่ในร่างของโอดินนั้นเอง เทียนถางจ้องมองไปก้อนพลังสีทองที่อยู่ต่อหน้ามันก่อนที่จะหลับตาลงและดูดซับพลังของมันเข้าไป
“นี้มันพลังของข้าหรือ”เทียนถางกล่าวออกมาเมื่อพลังของอสนีนั้นพุ่งเข้ามาในร่างกายของมันอย่างง่ายดายราวกับว่ามันคือส่วนหนึ่งของร่างกายที่เทียนถางมีนั้นทำให้เทียนถางตกตะลึงก่อนที่จะอุทานออกมา นั้นทำให้เทียนถางลืมตาขึ้นอย่างตกตะลึงมันมิเคยคิดเลยว่ามันจะได้รับพลังที่เคยเป็นของมันกลับมาเช่นนี้แต่ว่าพลังนี้ยังแข็งแกร่งมิพอที่มันจะสามารถดูดซับมาใช้ได้มันจึงได้ล้มเลิกที่จะดูดซับพลังของอสนีสีทองนี้ แต่สิ่งที่ทำให้มันรู้สึกสับสนก็คือก้อนพลังแห่งโอดินนั้นจะทำให้มันฝึกยุทธช้าลงถึงเก้าในสิบส่วนเพราะมันดูดซับพลังที่เทียนถางสามารถทีจะดูดซับได้ไปถึงเก้าส่วนเลย
“พวกเจ้ากลับมาแล้วหรือ”เทียนถางนั้นจ้องมองออกไปที่หน้าต่างตะวันส่องแสงออกมาอีกครั้งนั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วและยิ้มอย่างสับสนเพราะตอนนี้ตะวันขึ้นอีกครั้งแล้ว และเสียงประตูก็ดังขึ้นเทียนถางมิได้จ้องมองไปพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างขบขันนั้นทำให้ทั้งสามที่กำลังเดินเข้ามาตกตะลึงมากเมื่อมันจ้องมองไปที่เทียนถางที่กำลังหันรถเข็นกลับมาหาพวกมันทั้งสาม
“พวกข้าแค่ออกไปสนุกเล็กน้อยเท่านั้น”ช่างเว่ยนั้นกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกสองคนด้านหลังนั้นยิ้มออกมาเช่นกัน เทียนถางจ้องมองไปที่พวกมันก่อนที่จะส่ายหน้า
“ข้าก็มิได้ว่าแต่ตอนนี้ไปหาข้อมูลกันเถอะ เมื่อพวกเจ้าสนุกมากพอแล้วพวกเจ้าก็ต้องทำงานต่อเลยห้ามนอน”เทียนถางกล่าวออกมานั้นทำให้ทั้งสามเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งกระดูกสันหลัง หลังจากนั้นเทียนถางและกลุ่มก็มุ่งหน้าไปที่ไปหาชายชราร่างอ้วนพร้อมกับที่กล่าวถามเกี่ยวกับข้อมูลของกลุ่มโจรหมื่นซากศพ ชายชราร่างอ้วนตกตะลึงเป้นอย่างมากก่อนที่จะจ้องมองไปที่เทียนถางและกลุ่มด้วยสายตาสับสน
“ที่อยู่ของมันอยู่ที่ยอดเขาอสนีกู้ร้อง ผู้นำของมันมีนามว่ากังอยู่ในระดับมนุษย์ขึ้นที่สิบและยังมีผู้อาวุโสนามของมันคือกังโจอยู่ในระดับอสูรขั้นที่หนึ่งและอีกครั้งกังซิวอยู่ระดับอสูรขั้นที่สอง”ชายชราร่างอ้วนนั้นกล่าวออกมาอย่างจริงจังและเต็มไปด้วยความละเอียดนั้นทำให้ทั้งเทียนถางและกลุ่มประหลาดใจที่กลุ่มคนที่พวกมันได้สังหารไปเป็นคนของกลุ่มโจรหมื่นซากศพของที่ราบอสนีกู้ร้องนี้ ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของช่างเว่ยและอีกสองคน
“งั้นคงมิยากที่จะจัดการพวกมัน”เนียจิงกล่าวออกมาอย่างขบขัน
“อย่างประมาท เดียวเจ้าก็เป็นเหมือนช่างเว่ยตอนสู้กับข้า”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งช่างเว่ยหน้าแดงด้วยความอับอายและเนียจิงเองก็พยักหน้าตอบก่อนที่ทุกคนจะออกเดินทางออกไปทันที และค่าใช้จ่ายในคราวนี้ก็เป็นของเนียจิงเพราะว่ามันปากกมากเกินไปและทำให้ช่างเว่ยโกรธนั้นทำให้มันเศร้าเป้นอย่างมาก
“นั้นสินะ ยอดเขาอสนีกู้ร้องที่เจ้าของหอนั้นกล่าว”หลังจากเดินทางมาได้มินาน หมิงจูกล่าวออกมาด้วยสีหน้ามิแยแสเมื่อเห็นยอดเขาที่เต็มไปด้วยความหมู่บ้านลงร้างเต็มไปด้วยซากของต้นไม้ที่ถูกตัดไปจำนวนมหาศาลด้วยตาของเทียนถางและกลุ่มเต็มไปด้วยความดุร้าย ช่างเว่ยที่เป็นผู้ขับรถม้าก็รีบสะบัดแส่รถม้าพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วในทันที
มินานเทียนถางและพวกก็เข้ามาถึงที่หมู่บ้านลงร้างประสาทสัมผัสก็เทียนถางพุ่งออกมาจากร่างกายอย่างรวดเร็วค่อยตรวจจับศัตรูและมันก็จ้องมองออกไปด้วยความตาเพียงข้างเดียงมองหาเหล่าคนที่มองจะต้องจัดการช่างเว่ยและอีกสองคนเองก็เต็มไปด้วยความระวังอย่างถึงที่สุด
มินานเทียนถางและกลุ่มก็มาถึงยังใจกลางของหมู่บ้านร้างปรากฏกลุ่มคนมากมายพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วทันที พวกมันทุกคนพุ่งเข้าใส่กลุ่มของเทียนถางโดยที่มิได้กล่าวสิ่งใดเลยราวกับว่าพวกมันทั้งหมดรับรู้อยู่แล้วว่าเทียนถางและกลุ่มจะมาที่นี้ ช่างเว่ยและอีกสองคนตกตะลึงแต่แววตาของเทียนถางเปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนที่มันจะพึมพำออกมาเบาๆ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์
“ฟุมมมมมม”ทั่วทั้งบริเวณในระยะหนึ่งร้อยเมตรล้อมรอบร่างกายของเทียนถางกลับกลายเป็นน้ำแข็งผู้คนที่ผู้เข้าหามันกลับกลายเป็นมนุษย์แช่แข็ง ช่างเว่ยและอีกสนคนที่อยู่ด้านข้างของเทียนถางก็ได้รับผลกระทบแต่มิมาพ่อที่จะทำให้มันบาดเจ็บเพียงแค่เย็นยะเยือกไปทั่วทั้งร่างกายของพวกมันก็เท่านั้น
“เจ้านี้เป็นสัตว์ประหลาดของแท้เลยนะ”ช่างเว่ยกล่าวออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึงอีกสองพยักหน้าเห็นด้วยโดยที่ทั้งสามจ้องมองไปที่เทียนถางด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน เทียนถางสะบัดมืออีกครั้งทำลายมนุษย์น้ำแข็งทั้งหมดทิ้งและดึงเอาแหวนมิติเข้ามาในมือแต่มันมีเพียงแค่สองวงเท่านั้นที่เข้ามาในมือเทียนถางตรวจสอบแหวนมิติดูก็มีแค่เงินหมื่นกว่าเหรียญเท่านั้น
“ข้าว่าข้ารู้แล้วว่าเราควรจะไปหาใครแต่ตอนนี้แยกกันออกไปคนหาของในหมู่บ้านนี้ก่อนเถอะ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งสามพยักหน้าก่อนที่จะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตัวของเทียนถางในตอนนี้ก็เก็บรถเข็นหยกเย็นก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อตรวจสอบพื้นที่รอบๆ
“นั้นคือสิ่งใด”เทียนถางจ้องมองไปรอบๆปรากฏต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ที่ยอดของหมู่บ้านร้างมันจึงมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วปรากฏว่าต้นไม้ใหญ่นั้นมีผลไม้ที่มีสีทองอยู่มันมีขนาดที่เล็กเท่ากับไข่แต่ว่ามันมีกลิ่นอายที่รุนแรงพุ่งออกมา เทียนถางนั้นรีบลงไปดูอย่างรวดเร็วปรากฏผู้คนมากมายที่สวมใส่ชุดคลุมพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เทียนถางรับรู้ได้ว่าพวกมันทั้งหมดอยู่ในระดับมนุษย์ขั้นที่สิบทั้งนั้นเลย เทียนถางจึงยิ้มเพราะว่าตอนนี้มันมิจำเป็นที่จะออมพลังในการต่อสู้อีกแล้ว
“ตูมมมม”เทียนถางยิ้มออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะปลดปล่อยพลังของทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ อย่างเต็มไปที่เพราะตอนที่มันอยู่กับช่างเว่ย เนียจิงและหมิงจูนั้น มันมีอาจที่จะใช้พลังเต็มไปที่ได้ตอนนี้ทั่วทั้งยอดเข้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้าด้วยน้ำแข็งมากมายที่ปรากฏคลุมมันอยู่มีเพียงแค่ต้นไม้ใช้เท่านั้นที่มิได้รับผลเพราะว่าเทียนถางนั้นลดพลังลงเมื่อเหล่าชายชุดดำทั้งหมดถูกแช่แข็งไปแล้ว
“พวกเจ้าช่างน่าสังเวชมิมีสิ่งใดให้ข้าเลยหรือ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดูถูกเมื่อรับรู้ได้ว่าเหล่าชายชุดดำทั้งหมดนั้นมิมีแหวนมิติเลย เทียนถางจึงได้พุ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ก่อนที่จะดึงผลสีทองทั้งหมดเข้ามาหามันก่อนที่จะเก็บเข้าไปในแหวนมิติทั้งหมดเทียนถางนับคราวๆแล้วผลไม้สีทองนั้นมีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบผล เทียนถางเต็มไปด้วยความสงบก่อนที่จะมุ่งลงไปที่หมู่บ้านเมื่อเทียนถางกลับมาก็มิพบกับทั้งสามคนมันจึงขมวดคิ้วเข้าหากัน
เทียนถางจึงได้พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงและพบว่าช่างเว่ยและหมิงจูกับเนียจิงกำลังสู้กับกลุ่มชายชุดดำ เทียนถางเต็มไปด้วยสีหน้าจริงจังก่อนที่จะจ้องมองไปที่ด้านหน้าของมันปรากฏชายชราร่างอ้วนเจ้าของหอสีเทานั้นอยู่บ้านหลังคาบ้าน เทียนถางจึงได้พุ่งออกไปด้วยความเร็วพร้อมกับที่สะบัดมือปลดปล่อยกงจักรหยกสีรุ้งพุ่งเข้าใส่มันอย่างรวดเร็วทันที
“ตูมมมม”ชายชราร่างอ้วนรับรู้ถึงการโจมตีของเทียนถางมันสะบัดมือปรากฏโล่สีเงินในมีซ้ายของมันและหอกยาวในมือขวาของมันและแทงหอกเข้าใส่กงจักรหยกสีรุ้งอย่างรุนแรงจึงได้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เทียนถางสะบัดมืออีกครั้งเรียงกระบี่จักรพรรดิเยือกเย็นออกมาอีกห้าเล่มก่อนที่จะสะบัดมือส่งไปหาชายชราร่างอ้วน
“โล่เหล็กเหลวไหลทะลัก”ชายชราร่างอ้วนคำรามออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับที่มันระเบิดพลังปราณออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับที่มันกวาดหอกเหล็กออกไปทันทีปรากฏคลื่นของเหลวสีเงินออกมาป้องกันกับกบี่ของเทียนถาง นั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันและสะบัดมือส่งกงจักรหยกสีรุ่งที่ปลิวออกไปให้พุ่งไปด้านหลังของชายชราร่างอ้วนทันที
“ช่างเว่ยเพลิงที่นี้ซะ”เทียนถางคำรามออกมาอย่างดุร้ายนั้นทำให้ทั้งสามและกลุ่มของชายชุดดำตกตะลึงแต่ช่างเว่ยมิได้ลังเลมันจ้องมองไปที่พื้นก่อนที่จะแทงกระบี่ลงไปที่พื้นและพึมพำ เพลิงมังกรผลาญโลก ออกมาก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มเกิดเปลวเพลิงที่ร้อนแรงราวกับเพลิงของมังกรระเบิดออกมากพื้นพุ่งไปทั่วทุกทิศ
“ฟุมมมมมม”เสาเพลิงพุ่งออกไปทั่วทุกทิศเทียนถางจ้องมองไปด้วยรอยยิ้มแต่ชายชราร่างอ้วนกับเต็มไปด้วยความดุร้ายมันเตรียมที่จะพุ่งเข้าใสช่างเว่ยแต่ก็ถูกเทียนถางโจมตีเข้าใส่นั้นทำให้ชายชราร่างอ้วนมิสามารถที่จะหลบไปจากการต่อสู้ของเทียนถางได้เลย
“เจ้าเดรัจฉานข้าจะฉีกเจ้าเป็นล้านชิ้น”ชาชราร่างอ้วนคำรามอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเทียนถาง นั้นทำให้เทียนถางยิ้มและเรียกกระบี่จักรพรรดิเยือกแข็งเข้ามาในมือมันและพุ่งเข้าปะทะกับชายชราร่างอ้วนอย่างรุนแรง นั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงเพราะมิมีใครคิดว่าเทียนถางจะแข็งแกร่งเช่นนั้นเทียนถางมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความความสนุกสนานในการต่อสู้
“อ้ากกก”มินานเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นชายชราร่างอ้วนนั้นเสียแขนไปข้างหนึ่งและมันจ้องมองไปที่เทียนถางอย่างดุร้าย พร้อมกับที่เทียนถางจ้องมองไปที่ใบหน้าที่ทรมานของชายชราร่างอ้วนด้วยแววตาดุร้ายและพุ่งเข้าใส่มันอีกครั้งปรากฏกระบี่อีกห้าเล่มล้อมรอบร่างกายของมันและพุ่งเข้ามาในมือของเทียนถางอีกเล่มหนึ่ง
“ติ้ง ติ้ง ตูม”เทียนถางและชายชราร่างอ้วนต่อสู้กันอย่างรุนแรรงมินานร่างของชายชราก็ขาดสะบัดออกจากกันเลือดสีแดงฉานห่อหุ้มร่างกายของเทียนถางก่อนที่มันจะจ้องมองไปที่ร่างอันไร้วิญญาณอย่างดูถูกและมันก็สังหารกลุ่มชายชราชุดดำทั้งหมดอย่างรวดเร็วทันที ช่างเว่ย และอีกสองคนได้สาบานกับตนเองว่าจะมิมีทางสร้างปัญหาให้กับเทียนถางชั่วชีวิตของพวกมัน
“น่าสนใจ”เทียนถางเตรียมตัวเดินทางกลับไปที่หอสีเทาเพื่อจัดการคนที่นั้นและมันเริ่มตรวจสอบแหวนมิติที่มันได้มาจากชายชราร่างอ้วนมินานมันก็พบกับเหรียญหลายสิบล้านด้านในและยังมีโอสถที่น่าสนใจถึงสามเม็ดมันอุทานออกมาอย่างยินดี และเทียนถางสามารถที่จะจำได้ว่าโอสถทั้งสามเม็ดที่สองเม็ดเหมาะกับธาตุเพลิงและอีกเม็ดเหมาะกับธาตุล้อมซึ่งเนียจิงนั้นมีปราณเป็นธาตุลมมันจึงได้มอบโอสถทั้งสามเม็ดให้กับช่างเว่ย หมิงจูและเนียจิง นั้นทำให้ทั้งสามตกตะลึงเป้นอย่างมากแต่ก็ยอมรับของเทียนถางให้ด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเสร็จธุระเทียนถางก็กลับมาตรวจสอบแหวนมิติอีกครั้ง ช่างเว่ยและอีกสองคนสาบานกับตนเองว่ามิว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นพวกมันทั้งสามจะค่อยอยู่เทียนถางเสมอมิว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม เทียนถางได้พบตำราทักษะเล่มหนึ่งที่น่าสนใจอีกครั้งมันมีนามว่า ดรรชนีอสนีเบิกฟ้า โดยที่ทักษะนี้เป็นทักษะระดับหกเลยนั้นทำให้เทียนถางที่ตอนนี้สามารถใช้ธาตุอสนีได้แล้วมันจึงได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มอ่านตำราทักษะ ดรรชนีอสนีเบิกฟ้า ทันที
ดรรชนีอสนีเบิกฟ้าอ่านจบอย่างรวดเร็วด้วยทักษะ ดรรชนีอสนีเบิกฟ้านั้นมีทั้งหมดหกบท บทที่หนึ่ง ฝึกฝนนิ้วให้แข็งแกร่ง บทที่สอง บทที่สอง ทำให้นิ้วสามารถที่จะหลอมรวมเรากับอสนีได้ บทที่สาม ทำให้อสนีประสานเข้ากับทั้งแขน บทที่สี่ เมื่อแทงนิ้วออกไปจะสามารถทะลวงได้ทุกสิ่งด้วยนิ้วที่เต็มไปด้วยอสนีนี้ บทที่ห้า เมื่อแทงนิ้วออกไปจะปรากฏคลื่นดรรชนีพุ่งออกไป บทที่หก หลอมรวมปราณอสนีทั้งหมดเข้าไปที่นิ้วเดียวและเมื่อแทงออกไปจะปรากฏพลังทั้งหมดในร่างกายออกไปในการโจมตีเดียวเท่านั้น
“เมื่อเราถึงควรจะทำเช่นใดกับที่นั้น”ช่างเว่ยกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทุกคนจ้องมองไปที่เทียนถางที่กำลังครุ่นคิดอยู่ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้าของเทียนถาง
“ข้าได้ยินว่าตระกูลหมิงของเจ้าเป็นตระกูลการค้ามิใช้หรือ ข้าจะยึดที่นั้นแต่เจ้าจะต้องส่งส่วนแบ่งให้พวกเราทุกคน คนละเท่ากันตกลงหรือไม่”เทียนถางจึงได้กล่าวตอบออกไปอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งสองตกตะลึงก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วยหลายจากผ่านไปห้าวันเทียนถางและกลุ่มก็มาถึงโดยที่มีความของตระกูลหมิงเข้ามาหลายร้อยคนมากยืนรออยู่แล้วนั้นเพราะว่าหมิงจูได้ใช้หะสื่อสารติดต่อไปที่ตระกุลแล้วและบิดาของมันก็ตกลงในขอเสนอของเทียนถาง เทียนถางได้เป็นผู้นำกลุ่มกวาดล้างเหล่าโจรหมื่นซากศพทิ้งทั้งหมดและให้คนตระกูลหมิงจัดการที่เหลือต่อ
“นำอาหารเหล่านี้ไปแจกจ่ายชาวบ้านและนำเงินเข้านี้ไปจัดการซื้ออุปกรณ์ทำไร่ทำสวนให้กับชาวบ้านถึงการทำนาข้าวที่นี้จะลำบากแต่การทำไร่มันสำปะหลังนั้นมิใช้เรื่องยาก”คนตระกูลหมิงได้รวบรวมเอาสมบัติทั้งหมดเข้าไปในแหวนมิติสามวง วงหนึ่งอาหารมากมาย วงที่สองเหรียญและศาสตราวุธมากมาย วงสุดท้ายคือโอสถและสมุนไพรเล็กน้อย เทียนถางคำนวณสิ่งต่างๆด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะกล่าวออกมานั้นทำให้คนตระกูลหมิงตกตะลึง
“ไปสิพวกเจ้าจะรอสิ่งใดกัน”แม้แต่หมิงจูกับเนียจิงยังตกตะลึงแต่ช่างเว่ยนั้นรับรู้ถึงความสามารถของสติปัญญาเทียนถางมีอยู่ไม่ยากเลยที่เทียนถางจะทำเช่นนี้ช่างเว่ยจึงได้กล่าวออกมาอีกครั้งเสียงดังมากนั้นทำให้ทุกคนตื่นและพยักหน้าตอบและพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง หลังจากนั้นเทียนถางก็ได้แบ่งทั้งเหรียญโอสถสมุนไพรและศาสตราวุธให้เป็นสี่ส่วนแต่ของเทียนถางนั้นมีน้อยที่สุดเพราะว่าของพวกนี้มิได้จำเป็นกับมันและมันมิได้สนใจเลย
“มันจะดีหรือที่จะเอาไปเพียงเท่านั้นทั้งที่เจ้าเหนื่อยมาที่สุด”หมิงจูที่ได้รับมาที่สุดก็กล่าวถามออกมาด้วยสีหน้ากังวลและมิเห็นด้วยแต่เทียนถางนั้นมิได้สนใจมันพยักหน้าและเข็นรถออกไปด้านนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์แต่นั้นมิได้ทำให้มันหลุดพ้นเพราะช่างเว่ยและอีกสองพุ่งตามมาด้วยรอยยิ้มถึงมันจะรำคาญแต่เทียนถางก็ยอมรับแล้วว่าทั้งสามนั้นคือสหายร่วมรบของมัน
“พวกข้าขอขอบคุณนายท่านที่ช่วยเหลือพวกเรา”ชาวบ้านที่อดอยากนั้นเมื่อมีอาหารมาจากจ่ายพวกมันก็ตกตะลึงแต่คนของตระกูลหมิงก็กล่าวว่าผู้ที่ให้พวกมันมาแจกจ่ายคือคุณชายเทียนถางสหายของนายน้อยตระกูลหมิง หมิงจูของพวกมันนั้นทำให้ชาวบ้านเต็มไปด้วยความขอบคุณเมื่อเห็นเทียนถางและกลุ่มมาพวกมันก็วิ่งเข้าไปคุกเข่ากล่าวขอบคุณอย่างจริงจังและเต็มไปด้วยความเคารพเป้นอย่างมาก
“เรื่องของผู้นำหมู่บ้านี้ละ”เทียนถางมิได้คิดสิ่งใดมากนักมันยังเข็นรถไปด้านหน้าโดยที่ชาวบ้านก็ได้เปิดทางไปเรื่อยๆ เทียนถางกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังและหมิงจูก็พยักหน้าตอบ
“พ่อของข้าได้เข้าพบองค์ราชาแห่งอาณาจักรหางมังกรที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านนี้แล้ว ตอนนี้ราชาได้อนุญาตให้พ่อของข้าได้เป็นผู้ดูแลหมู่บ้านนี้แล้ว ต้องขอบใจเจ้าแล้วเทียนถาง”หมิงจูกล่าวตอบออกมาอย่างมีความสุขและกล่าวขอบคุณเทียนถางซึ่งในตอนที่หมิงจูได้ใช้หยกสื่อสารเพื่อกล่าวเรื่องต่างๆกับบิดาของมันเทียนถางก็ได้กล่าวเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องการของประทานอนุญาตเพื่อเป็นผู้ดูแลหมู่บ้านนี้สำหรับหมิงหยางบิดาของหมิงจู หมิงหยางจึงได้ให้สัญญาว่าจะพัฒนาหมู่บ้านเล็กๆนี้ให้ดีขึ้นและมันยังมีความสามารถในการค้าและเกษตรกรรมอีกด้วย