อันดับหนึ่ง
ตอนที่6 อันดับหนึ่ง
“ข้าตกลง”หมิงจูกล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า
“ดี ข้าจะมิทำให้เจ้าผิดหวังเช่นกัน”เทียนถางกล่าวตอบนั้นทำให้ทั้งสามเต็มไปด้วยความสุข ก่อนที่ทั้งสามจะไปรอที่ด้านหน้าประตูที่จะตรงไปยังสนามแข่งที่สอง เทียนถางจ้องมองไปรอบๆมีชายชรายืนคุมอยู่สามถึงสี่คน เทียนถางและกลุ่มเดินเข้าไปที่ลานเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทันทีแต่ชายชรานั้นมิได้กล่าวสิ่งใดเลยทำเพียงแค่จ้องมองมาที่พวกมันเล็กน้อย
“พวกเจ้าไปประจำที่ของตนเถอะ”หนึ่งในชายชรากล่าวออกมาอย่างจริงจัง เทียนถางและกลุ่มจึงเดินไปประจำที่ด้านหน้าก่อนหยกสีขาวขนาดใหญ่ เทียนถางจ้องมองไปอย่างงุนงงก่อนที่จะเริ่มค้นความทรงจำและรับรู้ได้ว่าหยกที่อยู่หน้ามันคือหยกเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มน้ำหนักขึ้นได้มากที่สุดได้ถึงสิบตันเทียนถางจ้องมองอย่างสงบลงทันที
“เริ่มการแข่งขันได้เราจะเพิ่มน้ำหนักของหยกเพิ่มน้ำหนักขึ้นชั่วโมงละหนึ่งตัน”หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงคนที่ผ่านด้านแรกก็มากันครบ ชายชราที่คุมลานทดสอบที่สองก็กล่าวออกมาอย่างจริงจังพร้อมกับที่หยกเพิ่มน้ำหนักด้านหน้าของทุกคนเปล่งแสงออกมา
“พวกเจ้าจะต้องยกมันให้ได้อย่างสี่ชั่วโมง”ผู้อาวุโสนั้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเย็นชานั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงการยกหยกเพิ่มน้ำหนักสี่ตันหรือ เทียนถางนั้นเต็มไปด้วยความเย็นพร้อมกับที่ทุกคนเริ่มยกหินพวกมันทั้งหมดยกด้วยพลังกายแต่เทียนถางนั้นยกหินขึ้นด้วยพลังปราณ
“เจ้ามันขี้โกง”ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของเทียนถางคำรามออกมานั้นทำให้ทุกคนจ้องมอมาที่เทียนถางด้วยสายตาโกรธแค้นและดูถูก
“พวกเจ้าโง่เขลาเองมิใช้หรือ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างเย้นชาพร้อมกับที่มิได้หันไปมองผู้ใดเลย ผู้อาวุโสจ้องมองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าในความเฉี่ยวฉลาดของเทียนถาง เทียนถางนั้นได้ฟังทุกสิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าว ผู้อาวุโสนั้นกล่าวว่าต้องยกให้ได้สี่ชั่วโมงมิได้กล่าวว่าต้องยกให้ได้สี่ชั่วโมงมิได้กล่าวว่าห้ามใช้ปราณหรือต้องยกด้วยพลังกายเท่านั้น
“เจ้าสวะเจ้ากล้าด่าข้าที่เป็นชนชั้นสูงหรือ”ชายหนุ่มที่ด่าเทียนถางนั้นคำรามออกมาอย่างดุร้ายและพุ่งเข้าใส่เทียนถาง แต่แล้วพลังอำนาจระดับมังกรก็ระเบิดออกมาและกระแทกชายหนุ่มคนนั้นจนปลิวออกไปหลายร้อยเมตร ชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวมินานก็มีคนพุ่งเข้ามาลากตัวของมันออกไปนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงและจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสที่เต็มไปด้วยความดุร้ายด้วยความหวาดกลัวจากก้นบึ่งของจิตใจ
“ข้าขอขอบคุณท่านผู้อาวุโส”เทียนถางประสานมือและกล่าวออกมา ผู้อาวุโสพยักหน้าตอบเบาๆเท่านั้น ก่อนที่จะเลิกสนใจเทียนถางนั้นทำให้บรรยากาศที่หนักอึ่งเกิดขึ้นในทันที
“ตูม”เสียงหยกเพิ่มน้ำหนักตกลงสู่ผู้คนต่างให้ไปจ้องมองนั้นเพราะตอนนี้ผ่านไปแล้วสองชั่วโมงจึงทำให้น้ำหนักของหยกเพิ่มน้ำหนักเพิ่มเป็นสองตันแล้ว เทียนถางและกลุ่มจักรพรรดิฟ้า ยังคงสงบราวกับมิมีสิ่งใดเลยนั้นทำให้ผู้อาวุโสหลายคนสนใจเทียนถางและกลุ่มสี่คนแรกที่ผ่านการทดสอบแรกเป็นกลุ่มแรก หลังจากผ่านไปสี่ชั่วโมงผู้คนมากมายก็เริ่มน้อยลงจนเหลือเพียงแค่สิบสามคนสุดท้ายโดนในกลุ่มของเทียนถางยังคงอยู่กันครบทั้งสี่คน
“ตอนนี้ครบกำหนดเวลาแล้วและข้าต้องการหาอันดับหนึ่งโดยที่ข้าจะเพิ่มน้ำหนักหนึ่งตันทุกๆสิบนาที”ผู้อาวุโสที่เย็นชานั้นกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้คนทั้งสิบสามที่เหลือพยักหน้าอย่างจริงจัง เทียนถางในตอนนี้สามารถที่จะควบคุมน้ำหนักได้เพียงแค่ห้าตันเท่านั้น และมันใช้พลังอำนาจไปมากแต่มันสามารถฟื้นฟูพลังอำนาจมากทดแทนได้รวดเร็วมาก ผู้อาวุโสที่เย็นชาสะบัดมือน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นห้าตันนั้นทำให้หลายคนหน้าซีดทันที
“อ้าก ตูม”มินานชายหนุ่มและหญิงสาวเจ็ดคนก็ร้องออกมาตามๆกันและว่างหยกเพิ่มน้ำหนักลง เทียนถางยังคงสงบอยู่แลกลุ่มของหมิงจูเริ่มไหวกันแล้ว หลังจากผ่านไปสิบนาทีผู้อาวุโสเย้นชาก็สะบัดมืออีกครั้งเพิ่มน้ำหนักเป็นหกตัน เทียนถางหน้าซีดทันทีหยกเพิ่มน้ำหนักที่มันควบคุมอยู่เริ่มลอยต่ำลง นั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันและส่งพลังปราณเข้าไปจำนวนมหาศาลเพื่อเพิ่มพลังของทักษะ ปราณจิตภูต ให้มีพลังเพิ่มมากขึ้น
ตอนนี้กดลุ่มของหมิงจูก็หมดแรงมันได้ว่างหยกเพิ่มน้ำหนักลงพร้อมกับที่อีกคนวางลง เหลือเพียงแต่เทียนถางกับชายหนุ่มที่หน้าของมันเต็มไปด้วยแผลมากมายอยู่ ชายผู้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามดวงตาซ้ายของมันมีแผลที่เกินจากการถูกบางสิ่งฟันจนตาบอด เทียนถางจ้องมองไปที่ชายผู้นั้นที่อยู่ด้านขวาสุดของลานแข่งขัน ก่อนที่จะเลิกสนใจและเพ่งสมาธิไปที่การยกหยกเพิ่มน้ำหนัก เทียนถางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากผ่านไปอีกสิบหน้าที่ผู้อาวุโสทั้งเก้าที่ยืนอยู่ก็จ้องมองหน้ากันเอง ผู้อาวุโสเย็นชานั้นจ้องมองไปที่กลุ่มเล็กน้อยก่อนที่จะสะบัดมือเพิ่มน้ำหนักอีกครั้ง
เทียนถางและชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยแผลนั้นหน้าซีดทันทีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมันหนักมากชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยบาดแผลนั้นขาของมันสั่นสะเทือนและร่างกายของมันโยกไปมา เทียนถางเองก็เช่นกันแขนของมันที่สัมผัสหยกเพิ่มน้ำหนักอยู่เริ่มลดลงเพิ่มกับที่หยกเพิ่มน้ำหนักกำลังลอยต่ำลง ทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมิมีผู้ใดยอมแพ้ ผู้อาวุโสทั้งเก้าจ้องมองหน้ากันด้วยความยินดีที่นิกายแสงตะวันจะได้ศิษย์ที่มันความมุ่งมั่นและกล้าหาญตั้งสองคนเช่นนี้ หมิงจูและกลุ่มจ้องมองเทียนถางด้วยความตกตะตึงแต่ภายในใจพวกมันเต็มไปด้วยความเคารพและความยินดีที่กลุ่มของพวกมันจะได้รับคนที่มีความสามารถเช่นนี้
“อัก ตูม”ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยบาดแผลนั้นไม่อาจที่จะทนได้อีกมันว่างหยกเพิ่มน้ำหนักลงอย่างเหนื่อยล้าก่อนที่จะคุกเข่าลง เทียนถางเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยแผลนั้นได้ได้ว่างหยกเพิ่มน้ำหนักลงมันจึงได้ว่างลงเช่นกันแล้วได้หลับตาลงเพื่อฟื้นฟูพลังอำนาจทั้งหมดที่ใช้ไปกลับคืนมากอย่างรวดเร็ว มิถึงสามสิบลมหายใจเทียนถางก็ลืมตาขึ้นก่อนที่จะเข็นรถออกจากลานแข่งขันกลุ่มของหมิงจูเต็มไปด้วยความสุขที่เทียนถางแข็งแกร่งเช่นนี้
“เจ้าแข็งแกร่งนัก ข้า ฟางจินจากตระกูลฟ้าแห่งทุ่งยาไร้ชีพ เจ้าคงเป็นเทียนถาง หลานของท่านฉิงเทียน ถ้ามิรังเกียจ เรามาเป็นสหายกันเถอะ”ชายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเดินมาหาเทียนถางก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มและความจริงใจ
“ได้แน่นอน”เทียนถางกล่าวตอบเพราะมันรับรู้ได้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามันนั้นมิได้โกหกแต่อย่างใด หมิงจูประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่ทั้งห้าจะเดินไปที่ลานแข่งขันที่สาม สนามแข่งนี้มีผู้อาวุโสเพียงผู้เดียวที่ยืนอยู่เทียนถางจ้องมองไปผู้อาวุโสที่เหมือนกับคนจรจัด สายตาของมันเต็มไปด้วยความสนก่อนที่คนที่ผ่านการทดสอบทั้งสิบสามนจะไปยืนอยู่ที่ด้านบนลานประลอง
“ผู้ใดได้ที่ได้อันดับหนึ่งในสองการแข่งขันก่อนหน้า”ผู้อาวุโสที่เหมือนกับจรจัดกล่าวออกมาอย่างเบื่อหน่ายทุกคนจ้องมองมาที่เทียนถางทันที ผู้อาวุโสคนนั้นจ้องมองมาที่เทียนถางด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะยิ้มและเรียกให้เทียนถางมายืนด้านข้างของมัน เทียนถางก็ทำตามโดยที่มิได้กล่าวสิ่งใดเลย ทุกคนงุนงงมาว่าผู้อาวุโสคนนี้จะทำสิ่งใด
“เขาจะได้สิทธิพิเศษ เมื่อได้อันดับหนึ่งเข้าจะไปรอพวกเจ้าในรอบสุดท้ายของการแข่งขันรอบนี้”ผู้อาวุโสกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้อีกสิบสองคนที่เหลือเต็มไปด้วยความสับสนแต่ก็เข้าใจได้ มินานก็มีคนมากมายเข้ามาอยู่ล้อมรอบลานประลองและผู้อาวุโสทั้งเก้าก็มาถึงพร้อมกับผู้คุมในการแข่งแรกก็มาถึงรวมแล้วตอนนี้มีผู้อาวุโสทั้งหมดสิบหกคน ที่มาชมการประลองครั้งนี้ นั้นทำให้ผู้อาวุโสที่ราวกับคนจรจัดสนใจมากมันจ้องมองที่เทียนถางด้วยความสนใจ
“เริ่มได้”การแข่งขันถูกจับจากพลังปราณที่ส่งเข้าไปในหยกที่ผู้อาวุโสนั้นได้ยื่นให้ โดยที่หมิงจูได้สู้กับฟางจินเป็นคู่แรก มินานการต่อสู้ก็จบลงโดยที่หมิงจูชนะถึงจะยกลำบากมากก็ตาม การประลองเป็นไปอย่างรวดเร็ว และในที่สุดการประลองก็มาถึงเทียนถาง โดยที่คนที่จะมาประลองกับเทียนถางคือหนึ่งในกลุ่มของจักรพรรดิฟ้า คือชายที่มีเส้นผมสีแดงเข้มดวงตาสีดำและมีรูปร่างที่ดูดีมันมีนามว่า ชางเว่ย เทียนถางนั้นรับรู้ว่าได้ว่าชายผู้นี้อยู่ในระดับมนุษย์ขั้นที่แปดแล้ว
“ช่างเว่ย เจ้าแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มจักรพรรดิฟ้าหรือ”เทียนถางเข็นรถขึ้นมาบนลานประลองก่อนที่จะกล่าวถามอย่างสนใจ
“มิใช้แน่นอน แต่ข้าคืออันนับที่สองของกลุ่มเท่านั้น”ช่างเว่ยยิ้มก่อนที่จะกล่าวตอบ นั้นทำให้เทียนถางสนใจมากที่ช่างเว่ยนั้นมิใช้อันดับหนึ่งของกลุ่มจักรพรรดิฟ้า มินานผู้อาวุโสก็ให้เริ่มการประลอง เทียนถางสะบัดมือส่งมังกรน้ำแข็งออกไปอย่างเร็วรวดพุ่งเข้าหาช่างเว่ย ปรากฏปราณสีแดงในมือของฉางเว่ยก่อนที่จะซัดฝ่ามือเข้าใส่มังกรน้ำแข็ง
“ตูมมม”เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นปรากฏหอกน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งผ่านกลุ่มควันสองเอามุ่งไปตรงเข้าใส่ช่างเว่ย ช่างเว่ยเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังและเรียกกระบี่สีแดงมีสัญลักษณ์มังกรสีแดงอยู่ที่ตัวกระบี่ก่อนที่จะส่งพลังปราณเข้าไปและฟันส่งคลื่นปราณออกไปพุ่งเข้าใส่หอกน้ำแข็งทั้งสอง แต่กับมีพลังปราณที่รุนแรงกดทับร่างของช่างเว่ยนั้นทำให้มันตกตะลึงก่อนที่คลื่นปราณจะปะทะกับหอกน้ำแข็งจนเกิดระเบิดขึ้นและมีหอกน้ำแข็งอีกอันพุ่งทะลุกลุ่มควันเข้าหาช่างเว่ยอีกครั้ง แต่แล้วพลังปราณที่รุนแรงขนาดห้าตันก็กดทับร่างของช่างเว่ย
“เพลงกระบี่มังกรแดงบทที่หนึ่ง มังกรทะลวง”ช่างเว่ยคำรามออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับแทงกระบี่ออกไปสุดแรงส่งปราณที่มีรูปร่างราวกับมังกรพุ่งเข้าใส่เทียนถาง
“โฮกกกก”ปรากฏมังกรสองตัวพุ่งเข้าใส่มังกรปราณของช่างและเข้าขย้ำคอของมังกรช่างเว่ย พร้อมกับที่มังกรน้ำแข็งอีกตัวพุ่งเข้าหาช่างเว่ย นั้นทำให้มันตกตะลึงแต่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้งและรองเท้าของช่างเว่ยก็เปล่งแสงสีแดงออกมามันขยับพุ่งไปด้านข้างออกจากพลังปราณที่หนักถึงห้าตันของเทียนถางได้อย่างง่ายดาว เทียนถางรับรู้ทันทีว่าทั้งกระบี่แดงและรองเท้าสีฟ้าของช่างเว่ยของเป็นศาสตราวุธระดับมนุษย์ขั้นสูงเป็นแน่
“กระบี่มังกรแดงฉิงเหลี่ยนของตระกูลช่างและรองเท้าหมื่นย่างก้าวหรือ”ผู้อาวุโสจรจัดเต็มไปด้วยความสนุกสนานมันกล่าวออกมาอย่างสงบแต่ภายในใจเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
“เพลงกระบี่มังกรแดงบทที่สอง มังกรร่ายรำ”ช่างเว่ยคำรามออกมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเพราะถูกเทียนถางกดดันเป็นอย่างมาก ปรากฏรูปร่างของมังกรสีแดงที่ยิ่งใหญ่ด้านหลังของช่างเว่ยและมันก็แทงกระบี่ออกไปปรากฏมังกรขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาเทียนถาง เทียนถางยิ้มก่อนที่จะเรียกโล่น้ำแข็งออกมาป้องกันพร้อมกับที่ซัดฝ่ามือส่งมังกรน้ำแข็งออกไปห้าตัวพุ่งเข้าใส่มังกรขนาดใหญ่จนเกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรุนแรง
“แฮะ แฮะ”เกิดระเบิดที่รุนแรงขึ้นส่งร่างของช่างเว่ยปลิวออกไปจากลานประลอง แต่เทียนถางนั้นอยู่ในโล่น้ำแข็งมิได้มีสิ่งใดทำลายมันได้เลยแต่เมื่อโล่น้ำแข็งหายไปช่างเว่ยที่บาดเจ็บคุกเข่าอยู่ที่พื้นนอกลานประลองกับเทียนถางก็หอบหายใจอย่างยากลำบาก แต่ผู้อาวุโสจรจัดก็ยิ้มออก
“ข้าเป่ยจางผู้อาวุโสอันดับหนึ่งแห่งนิกายแสงตะวันของประกาศว่าผู้ชนะที่ได้อันดับหนึ่งของทั้งสามการแข่งขันคือ เทียนถาง อันดับที่สองของการแข่งขันคือ ช่างเว่ย อันดับที่สามคือ จินหนิง”ผู้อาวุโสที่เหมือนกับจรจัดลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางพยักหน้าอย่างพอใจ ทุกคนต่างตกตะลึงที่คนรุนใหม่สามคนที่ได้สามอันดับแรงและคนที่อยู่เพียงระดับเดรัจฉานขั้นที่หกได้อันดับหนึ่ง หลังจากจบการแข่งขันทุกคนก็แยกย้ายกันไปเป่ยจาง ได้นำของมาให้เทียนถาง ช่างเว่ยและจิงหนิงหลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป
“เทียนถางเจ้าต้องการไปยังที่พักของกลุ่มจักรพรรดิฟ้าหรือไม่”กลุ่มของช่างเว่ย หมิงจูและอีกคนมีนามว่าเนียจิง พร้อมกับเทียนถางกล่าวคุยกันช่างเว่ยกล่าวถามอย่างมีความสุข
“ได้สิข้าก็อย่างพบทุกคนเช่นกันร่วมถึงผู้นำของกลุ่มจักรพรรดิฟ้าด้วยเช่นกัน”เทียนถางกล่าวตอบออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งสองจ้องมองหน้ากันพร้อมกับพยักหน้าและเดินนำทางไปยังบ้านพักของกลุ่มจักรพรรดิ ที่ทางเข้าหน้าประตูมีป้ายเขียนว่า จักรพรรดิฟ้า เทียนถางพยักหน้าอย่างสนใจก่อนที่จะเข้าไปด้านในปรากฏสวนที่งดงาม เทียนถางและกลุ่มเข้ามาด้านในอย่างช้าๆ
“พี่ช่างเว่ยพี่เนียจิงพี่หมิงจูพวกท่านกลับมาแล้วหรือ”ปรากฏหญิงสาวที่ตัวเล็กมีเส้นผมสีดำและดวงตาสีฟ้างดงามวิ่งเข้ามาหาพวกของหมิงจูพร้อมกล่าวออกมาอย่างมีความสุข
“หย่าเนีย ช่วยไปตามทุกคนในกลุ่มจักรพรรดิมาร่วมกันที่ห้องประชุมที”ช่างเว่ยนั้นยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมานั้นทำให้ หย่าเนียพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
“ต้องทำเช่นนี้เลยหรือ”เทียนถางกล่าวออกมาเมื่อได้ยินที่ช่างเว่ยกล่าวเช่นนั้น นั้นทำให้ทั้งสามพยักหน้าตอบเทียนถางจึงมิได้กล่าวสิ่งใดอีกและเข็นไปยังห้องประชุมกับทั้งสามคน เมื่อเทียนถางเข้ามาปรากฏคนหลายสิบคนอยู่ด้านในคนเหล่านั้นจ้องมองที่เทียนถางด้วยความสนใจ
“พี่ใหญ่เมียงโจ นี้คือเทียนถางข้าต้องการให้เข้าเข้าร่วมกับพวกเรา”หมิงจูกล่าวออกมาอย่างจริงจังเมื่อเห็นชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าตรง ชายผู้นั้นมีเส้นผมสีแดงและมีดวงตาสีดำสนิท
“โอ้...เขามีความสามารถพอหรือ”เมียงโจกล่าวออกมาอย่างตกตะลึงเล็กน้อย เนียจิงพุ่งเข้าไปด้านข้างของเมียงโจก่อนที่จะกระซิบข้างหูนั้นทำให้สีหน้าของเมียงโจเปลี่ยนไปเป็นตกตะลึงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยินดี นั้นทำให้ทุกคนที่จ้องมองไปที่เมียงโจก่อนที่จะจ้องมองไปที่เทียนถางด้วยสีหน้าสับสน เมียงโจนั้นลุกขึ้นก่อนที่จะเดินมาหาเทียนถาง
“ข้าเมียงโจหัวหน้ากลุ่มจักรพรรดิฟ้ายินดีตอนรับคนที่มีพรสวรรค์ที่สูงเป็นอย่างมากเช่นเจ้า”เมียงโจกล่าวออกมาอย่างจริงใจแต่นั้นก็มิได้ทำให้เทียนถางเปลี่ยนสีหน้าที่เย็นชาของมันเลย
“หมิงจูเจ้าได้กล่าวเรื่องที่ข้าขอหรือยัง”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายโดยที่พยักหน้าให้เมียงโจเล็กน้อยนั้นทำให้บรรยากาศหนักอึกขึ้น เมียงโจขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่หมิงจูจะเดินเข้าไปกระซิบกับเมียงโจนั้นทำให้เมียงโจตกตะลึงก่อนที่จะจ้องมองไปที่เทียนถาง
“เจ้าจะทำเช่นนั้นจริงๆหรือเทียนถาง”เมียงโจกล่าวถามออกมาอย่างจริงจัง
“แน่นอนข้าต้องยืมพลังของพวกเจ้าแล้วและข้าจะตอบแทนคืน”เทียนถางกล่าวตอบออกมาจริงจังพร้อมกับจิตสังหารที่เยือกเย็นพุ่งออกมาจากร่างกายของมัน นั้นทำให้ทุกคนขนลุกและตกตะลึงไปทั่วทั้งร่างกายเมื่อได้เห็นดวงตาสีเขียวของเทียนถางเปลี่ยนเป็นดุร้าย เมียงโจนั้นอยู่ในระดับอสูรจึงมิได้รับผลจากจิตสังหารของเทียนถาง แต่ก็รับรู้ถึงความเย็นยะเยือกนั้นเมียงโจจึงได้ตัดสินใจที่จะยอมรับในตัวของเทียนถางจากใจจริงทันที
“ได้พวกเรากลุ่มจักรพรรดิฟ้ายอมรับเจ้าในฐานะส่วยหนึ่งของกลุ่มและเราจะช่วยเหลือเจ้าในการทำลายล้างนิกายกระจ่างฟ้า”เมียงโจกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมตกตะลึง หมิงจู เนียยจิงและช่างเว่ยเต็มไปด้วยความยินดีพร้อมกับมีรอยยิ้มบนหน้าของพวกมันทั้งสาม
“เจ้ากำลังกล่าวสิ่งใด เมียงโจ ทำลายล้างนิกายฟ้ากระจ่างหรือเจ้าคิดจะทำสงครามเพื่อเจ้าเด็กนี้หรือ”หนึ่งในกลุ่มจักรพรรดิฟ้าคนที่มีเส้นผมสีดำด้วยตาสีดำสนิทร่างกายสูงใหญ่ คำรามออกมาอย่างจริงจังพร้อมกับที่ชี้ไปที่หน้าของเทียนถาง
“ใช้ ข้ามีความเชื่อและข้าเชื่อเขาจะทำให้พวกเราทั้งหมดที่นี้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า”เมียงโจนั้นพยักหน้าและกล่าวตอบด้วยสีหน้าจริงจังแววตาของมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นนั้นทำให้ทุกคนที่เหลือตกตะลึงตอนนี้กลุ่มจักรพรรดิฟ้าถูกแบ่งเป็นสองฝั่งหนึ่งติดตามเทียนถางหนึ่งคิดมิอาจที่จะเชื่อเทียนถางได้ซึ่งเทียนถางมิได้ให้ความสนใจเมื่อเห็นว่าทั้งสองเริ่มทะเลาะกันมันก็ออกไปโดยที่มีช่างเว่ยมาส่ง
“มิต้องห่วงพวกข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”ช่างเว่ยกล่าวออกมาอย่างจริงจังเมื่อทั้งสองมาถึงที่ทางออกมาของบ้านพัก
“ต้องขอบใจเจ้ามา มินานข้าจะกลับมาและพวกเราค่อยไปทำภารกิจกัน”เทียนถางยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวตอบ นั้นทำให้ช่างเว่ยเต็มไปด้วยความสุขก่อนที่เทียนถางจะจากมา เทียนถางกลับมาที่บ้านพักของมันแต่มันยังมิได้ใช้โอสถลิ้นมังกรทั้งสิบเม็ดเพราะว่าพรุ่งนี้มันจะต้องไปรับตำราระดับห้าที่ตำหนักตำราชั้นสอง
“เจ้าช่างยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นหลานของข้า”ฉิงเทียนเมื่อได้รับข่าวของเทียนถางเมื่อมันกลับมาถึงบ้านมันก็เต็มไปด้วยความสุขรีบไปหาเทียนถางทันที เมื่อผมเทียนถางมันก็กล่าวออกมาอย่างมีความสุขและหัวเราะออกมาดังลั่นนั้นทำให้เทียนถางประหลาดใจเล็กน้อย
“ท่านลุงพรุ่งนี้ท่านว่างหรือไม่ข้าอยากให้ท่านไปเลือกตำราทักษะระดับห้ากับข้า”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังทันที่นั้นทำให้ฉิงเทียนพยักหน้าตอบและทั้งสองก็คุยกันถึงเรื่องการแข่งขนเมื่อฉิงเทียนได้ฟังจากปากของเทียนถางมันก็เชื่อเสมอว่าคือความจริงและยิ่งได้รับฟังมันยิ่งเต็มไปด้วยความสุขในความสามารถที่มากมายของเทียนถาง
“มีสิ่งใด”ในระหว่างที่ทั้งสองคุยกันได้อย่างถูกคอก็มีร่างเงาของบางคนปรากฏเทียนถางและฉิงเทียนรับรู้ได้ทันที เทียนถางจ้องมองไปพบชายชราเส้นผมขาวเขลาของมันยาวจนเกือบเตะพื้น ฉิงเทียนกล่าวออกมาอย่างจริงจังทันทีชายชราเดินเข้ามากระซิบข้างหูของฉิงเทียนทันที นั้นทำให้สีหน้าของฉิงเทียนกลายเป็นบิดเบี้ยว เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันถึงมันจะไดเยินมิชัดแต่มันได้ยินแน่นอนว่าเกิดขึ้นที่เมืองเขี้ยวมังกรของมันกับฉิงเทียน