หลงอู่
ตอนที่12 หลงอู่
“ข้ามีนามว่าหลงอู่เป็นคนของตระกูลหลง ข้าถูกจักรพรรดิแห่งนิกายพิชิตโลกจับมาไว้ในที่แห่งนี้ เจ้าคนที่เป็นโจรนั้นได้ค้นพบข้าแต่มันมิได้ปลดปล่อยข้ามันนั้นได้ดูดซับพลังจากข้าด้วยทักษะประหลาดบางอย่างมันนั้นทำให้ข้าอ่อนแอลง”ชายวัยกลางคนกล่าวแนะนำตัวและกล่าวถึงสิ่งที่ทำให้มันมาอยู่ในที่แห่งนี้
“จักรพรรดิซุนเทียนยี่หรือไม่”เทียนถางเคยอ่านตำราเกี่ยวกับจักรพรรดิทั้งสิบแห่งทวีปมังกรทองนี้ ผู้ที่จะได้รับนามว่าจักรพรรดิจะต้องอยู่ในระดับราชันย์นั้นทำให้เทียนถางสนใจมันจึงได้เล่มอ่านและหนึ่งในจักรพรรดิที่อยู่ในนิกายพิชัยโลกนั้นก็คือซุนเทียนยี่ เทียนถางจึงได้กล่าวถามด้วยความสนใจหลงอู่พยักหน้าตอบโดยมิลังเลนั้นทำให้เทียนถางเข้าใจทันทีว่าถ้ามันปลดปล่อยชายผู้นี้มันจะต้องได้สู้กับซุนเทียนยี่เป็นแน่
“เจ้าจะต้องมาเป็นข้ารับใช้ของข้าเพราะในภายภาคหน้าข้าจะต้องสู้กับซุนเทียนยี่แน่ถ้าข้าปลดปล่อยเจ้า”เทียนถางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มและกล่าวตอบออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้หลงอู่เต็มไปด้วยความยินดีถึงมันจะได้เป็นข้ารับใช้ของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามัน หลงอู่ก็พร้อมจะยอมรับเพราะว่ามันมิอยากที่จะอยู่ในผนึกนี้นานกว่านี้อีกแม้เพียงแค่ลมหายใจเดียว
“เช่นนั้นข้าจะปลดปล่อยเจ้า”เมื่อเห็นหลงอู่พยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มเทียนถางกล่าวออกมาอีกครั้งมันโคจรพลังปราณในร่างกายด้วยความเร็วสูงและเริ่มทำลายรูปแบบผนึกด้วยความเร็วสูงทั้งที่คนที่อยู่ในระดับมนุษย์ที่จะต้องการทำลายผนึกของคนที่อยู่ในระดับราชันย์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้เลยต่อให้เป็นไปได้ก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีแต่ที่เทียนถางกำลังทำตอนนี้มันราวกับการทำลายกฎของสวรรค์เลยก็ว่าได้เพียงมินานโล่หลายสิบอันก็หลุดออกจากร่างกายของหลงอู่นั้นทำให้มันตกตะลึงในความสามารถของเทียนถางเป้นอย่างมาก
“นายท่านช่างมีความสามารถที่มากมายมหาศาลยิ่ง”หลงอู่นั้นกล่าวออกมาจากใจจริงเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันนั้นคือเด็กหนุ่มอายุมิถึงสิบเจ็ดและยังอยู่ในระดับมนุษย์ขั้นที่ห้าเท่านั้นและยังสามารถที่จะทำลายผนึกหลายร้อยชั้นของผู้ที่อยู่ในระดับราชันย์ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้แต่เทียนถางมิได้ให้ความสนใจมันตอนนี้เหงื่อมากมายได้ไหลออกมาจากร่างกายของเทียนถางเพราะมันใช้พลังปราณไปจำนวนมหาศาลเลยทั้งที่มันมีตันเถียนถึงสองอันแต่มิอาจที่จะดูดซับพลังของผืนฟ้าและผืนโลกได้เท่ากับที่มันกำลังใช้
เทียนถางนั้นใช้เวลาราวสามชั่วโมงในที่สุดมันก็สามารถที่จะปลดปล่อยหลงอู่ได้มันยืนอยู่นิ่งก่อนที่จะล้มลง หลงอู่ที่หลงอู่ที่หลุดออกจากผนึกแล้วรีบพุ่งเข้ามาด้านข้างของเทียนถางอย่างรวดเร็วเพื่อรับร่างของเทียนถาง เทียนถางนั้นหลับตาและสูดหายใจอย่างรวดเร็วเพื่อฟื้นฟูพลังปราณจำนวนมหาศาลที่มันใช้ไปมินานเพียงห้าสิบลมหายใจพลังทั้งหมดก็ถูกเติบเต็มเทียนถางกลับมาเป็นปกติอีกครั้งนั้นทำให้หลงอู่ประหลาดใจอีกครั้งที่พลังของเทียนถางนั้นถูกเติมเต็มรวดเร็วเช่นนี้ เทียนถางมิได้กล่าวสิ่งใดมันเรียกรถเข็นออกมาเพื่อที่จะนั่งพัก
“นายท่าน”หลงอู่เมื่อเห็นรถเข็นมันก็ตกตะลึงที่นายของมันนั้นพิการเช่นนี้ จ้องมองไปที่มันอย่างดุร้ายก่อนที่จะปลดปล่อยจิตสังหารออกมาจำนวนมหาศาลนั้นทำให้หลงอู่เต็มไปด้วยความตกตะลึงมันมิเคยสัมผัสกับจิตสังหารอันบ้าคลั่งเช่นนี้มาตลอดชีวิตของมันนั้นทำให้มันตัดสินใจที่จะมิยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเทียนถางอีกจนกล่าวที่เทียนถางจะต้องการกล่าวกับมันเอง หลงอู่รีบเดินมาเข็นรถเข็นให้เทียนถางทันที
มินานเทียนถางก็ออกมาจากบ้านหลังใหญ่และมุ่งตรงไปยังพื้นที่ที่ช่างเว่ยและพวกกำลังสู้อยู่เมื่อมันมาถึงชายชราอีกสองก็ถูกจัดการไปแล้วตอนนี้ มีเพียงแค่ชูหลินที่กำลังต่อสู้กับหัวหน้าโจรอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เมื่อเทียนถางกลับมานั้นทำให้ช่างเว่ยและกลุ่มที่กำลังกังวลเปลี่ยนเป็นยินดีทันที พวกมันสังเกตเห็นหลงอู่แต่ก็มิได้กล่าวถามสิ่งใดกับเทียนถางเพราะพวกมันรู้ว่าเทียนถางนั้นมิคิดจะตอบอยู่แล้ว
“ชูหลิน กระบวนท่าที่มันใช้มินานว่าหมัดราชาหมีและทักษะอุ้มมือยักษ์ ทั้งสองอยู่จุดอ่อนที่กระดูกซี่โครงที่ต้องใช้งานอย่างหนักเมื่อเจ้าโจมตีโดนซี่โครงของมันนั้นจะทำให้มันมิสามารถใช้ทักษะทั้งสองได้อีก”เทียนถางจ้องมองออกไปอย่างเฉยชาก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างดุร้ายนั้นทำให้ชูหลินและหัวหน้าโจรตกตะลึง ก่อนที่หัวหน้าโจรจ้องมองมาเห็นหลงอู่มันตกตะลึงมาจนเปิดช่องว่างให้ชูหลินโจมตีเข้าซี่โครงเต็มๆ เสียงของกระดูกแตกดังขึ้น
“เจ้าปลดปล่อยมันหรือเจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่”หัวหน้าโจรกระอักเลือดออกมาคำโตและจ้องมองไปเห็นรอยยิ้มบนหน้าของชูหลินซึ่งมันมิได้สนใจมันหันไปจ้องมองที่เทียนถางและกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทุกคนจ้องมองมาที่เทียนถางและหลงอู่ เทียนถางมิได้ตอบพร้อมกับโบกมือเพียงพริบตาหัวของหัวหน้าโจรก็หลุดออกมาโดนที่มิมีใครได้เห็นแต่ที่ประหลาดก็คือหัวที่หลุดอยู่ในมือของหลงอู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างของเทียนถางโดนที่หลงอู่มิได้ขยับกายเลยแม้แต่นั้นชูหลินและช่างเว่ยกับอีกสองคนตกตะลึง
“ชูหลินเจ้าต้องการแบ่งรางวัลกับพวกเราหรือไม่”เทียนถางกล่าวถามออกมาทันทีแต่ชูหลินนั้นสายหัวก่อนที่จะเดินไปหาร่างกายของหัวหน้าโจรและค้นตัวมันก่อนที่จะได้ตราที่มีสัญลักษณ์ของเกล็ดมังกรอยู่นั้นทำให้เทียนถางเข้าใจว่าโจรนี้ได้ขโมยตราบางอย่างของตระกูลชูมาเป็นแน่ เทียนถางนั้นได้แบ่งสมบัติทั้งทองและเหรียญพร้อมกับโอสถที่มีเล็กน้อยแบ่งให้เท่าๆกันแค่นี้พวกมันทั้งสี่ก็มีของที่มีค่ารวมกับมากกว่าสิบล้านเหรียญแล้วนั้นมันมากกว่ารางวัลภารกิจเสียแต่เทียนถางนั้นได้ยินว่ารางวัลนี้จะนับหัวของโจรเพื่อเพิ่มค่าของรางวัล
“เราคงต้องแยกทางกันแล้ว”หลังจากที่จัดการเผาบ้านเลือดของเหล่าโจรหมื่นซากศพเสร็จชูหลินก็กล่าวออกมาด้วยยิ้มนั้นทำให้ช่างเว่ยและกลุ่มพยักหน้าแต่เทียนถางก็ยังคงเย็นชาเช่นเดิมก่อนที่จะส่งตำราเล่มหนึ่งให้ชูหลินนั้นทำให้ชูหลินสนใจก่อนที่สังเกตตำราดุมันก็ตกตะลึงเพราะว่ามันเป็นตำราทักษะธาตุพิภพที่ทรงพลังมากของทักษะระดับห้า ชูหลินจ้องมองที่เทียนถางด้วยสายตาสับสน แต่เทียนถางมิได้สนใจมันเข็นรถหลับมาที่รถม้าและกลุ่มของมันก็ออกเดินทาง
“ข้าคิดว่าพวกเราควรจะมุ่งหน้ากลับนิกายเลยนะ”ช่างเยกล่าวออกาอย่างจริงจังเมื่ออกเดินทางมาได้มินานเทียนถางพยักหน้าเห็นด้วยและการเดินทางของคนห้าคนก็เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและคนที่ห้าที่เข้ามาในกลุ่มก็คือหลงอู่ที่เทียนถางนั้นดูดซับพลังของผืนฟ้าและผืนโลกอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นกระแสเทียนถางในตอนนี้ได้เข้าสู่กระบวนการครึ่งหลับครึ่งตื่นอย่างเงียบสงบ
แต่สิ่งที่เทียนถางต้องการทำในตอนนี้คือการฝึกฝนทักษะ ดรรชนีอสนีเบิกฟ้า มันทำการฝึกบทที่หนึ่งก่อนที่จะลืมตาขึ้นพร้อมกับที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นเกร็งก่อนที่มันจะเก็บรถเข็นเข้าไปในแหวนมิติและใช้แขนทั้งสองขึ้นว่างที่พื้นและยกร่างกายขึ้นมาฟ้า นั้นทำให้ทั้งสี่คนจ้องมองด้วยสีหน้าประหลาดแม้แต่หลงอู่เองยังงุนงงที่จู่ๆเทียนถางทำเช่นนี้
ห้าวันต่อมา
“เราเดินทางมาได้ครึ่งทางแล้วแต่เทียนถางก็ยังคงทำเช่นนั้นอยู่เลยหรือ”ตลอดห้าวันเทียนถางเอาแต่ใช้นิ้วทั้งสิบว่าไว้ที่พื้นโดยที่มันได้ทำเช่นนั้นตลอดจนตอนนี้สามารถที่จะเดินได้ด้วยการใช้นิ้วทั้งสิบเพียงเท่านั้นถึงมันจะเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากแต่ด้วยปราณทั้งสองนั้นทำให้มันสามารถที่จะฟื้นฟูสภาพร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อช่างเว่ยเห็นเช่นนั้นมันก็กล่าวออกมาเพราะตอนนี้มันเดินทางมาได้ครึ่งทางแล้วก่อนที่จะถึงอาณาจักรหางมังกรแล้ว
“ฟุม ฟุม”เสียงดังขึ้นนั้นทำให้ทุกคนหันไปมองแม้แต่หลงอู่ที่ยังสนใจนิ้วของเทียนถางนั้นทะลุรถม้ามันจึงได้รับรู้ว่ามันนั้นสามารถที่จะบรรลุบทที่หนึ่งของทักษะ ดรรชนีอสนีเบิกฟ้าแล้ว มันจึงได้เปลี่ยนกลับมาเป็นนั่งก่อนที่จะขึ้นมานั่งบนรถและเข็นออกไปหลงอู่ขยับร่างกายอย่างรวดเร็วมาเข็นรถให้เทียนถาง และเทียนถางก็เข้ามานั่งที่กองเพลิงที่ช่างเว่ย ย่างเนื้ออยู่เมื่อเห็นเทียนถางทุกคนก็ยิ้มให้และช่างเว่ยก็ยื่นเนื้อย่างให้มัน
“หลงอู่เล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟัง”เทียนถางรับเนื้อย่างมาก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ช่างเว่ยและกลุ่มเต็มไปด้วยความสนใจแต่เมื่อได้เห็นสีหน้าเย็นชาของหลงอู่พวกมันก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงก่อนที่จะก้มหน้าเพราะตลอดห้าวันมานี้สัตว์อสูรมากมายที่โจมตีใส่รถม้าถูกสังหารจนหมดสิ้นโดยหลงอู่ เทียนถางเต็มไปด้วยความเฉยชาและทานอาหารไปด้วย
“ข้าคือหนึ่งในสามบุตรชายแห่งตระกูลหลงที่เป็นหนึ่งในตระกูลหลักแห่งอาณาจักรกรงเล็บมังกร”หลงอู่กล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางสนใจเพราะเทียนถางเคยอ่านตำรามาแล้วมันจึงรู้จักตระกูลหลงเพราะว่าตระกูลหลงแห่งอาณาจักรกรงเล็บมังกรนั้นเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรถึงจะมิใช้ตระกูลราชวงศ์แต่ก็เป็นตระกูลของเหล่ากองทัพที่เป็นหนึ่งในสามกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเลยก็ว่าได้
“เหตุใดเจ้าจึงได้มีปัญหากับซุน”เทียนถางกล่าวถามออกมาทันทีนั้นทำให้หลงอู่ประหลาดใจที่เทียนถางมิได้กล่าวถามมันถึงเรื่องครอบครัวของมันต่อแต่มันมิได้รู้เลยว่าเทียนถางนั้นรับรู้ได้ถึงเรื่องทั้งหมดแล้ว หลงอู่จึงได้พยักหน้าตอบทันที่ก่อนที่จะสะบัดมือเรียกบางอย่างออกมาจากแหวนมิติของมัน สิ่งที่อยู่ข้างในมือของมันคือหยกสีแดงนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับฝ่ามือ
“สิ่งนี้มีนามว่า หยกแดงโลหิตมารฟ้า ซึ่งมันคือหนึ่งในสมบัติของมัน ข้าได้แย่งชิงมาจากมันแต่มันสามารถที่จับข้าได้แต่ด้วยพลังอำนาจของตระกูลข้ามันจึงมิสามารถที่จะสังหารข้าได้”หลงอู่กล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางพยักหน้าเขาใจเพราะว่าอดีตผู้นำตระกูลหลงนั้นอยู่ในระดับราชันย์เช่นเดียวกับจักรพรรดิซุนเทียนยี่ มันจะต้องเจอกับหลงอี้และกองทัพที่ทรงพลังอำนาจอย่างมหาศาลของตระกูลหลงเป็นแน่ ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อให้เป็นนิกายที่มันอยู่ก็มิสามารถที่จะช่วยเหลือมันได้เป็นแน่
“หยกแดงโลหิตมารฟ้าสามารถที่จะทำสิ่งใดได้เจ้าจึงได้ยอมถูกผนึกเช่นนี้”เทียนถางกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้หลงอู่พยักหน้าก่อนที่จะดูดซับพลังที่อยู่ภายในหยกเข้าไปในร่างกายของมันพลังปราณในร่างกายของมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและมันก็หยุด พลังภายในหยกแดงโลหิตมารฟ้า ที่ควรจะหมดไปนั้นถูกเติบกลับมาเต็มไปอย่างรวดเร็วนั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากัน เทียนถางสะบัดมือดึง หยกแดงโลหิตมารฟ้า เข้ามาในมือของมัน
หลงอู่เต็มไปด้วยความกังวลว่าเทียนถางจะเอาหยกไปจากมันแต่มันก็มิอาจที่จะทำสิ่งใดได้เลย เทียนถางตรวจสิบดูเล็กน้อยก็ได้รู้ว่าหยกแดงโลหิตมารฟ้านั้นมีความเหมือนกับบ่อน้ำแห่งราชาภูตเป็นอย่างมาก เทียนถางจึงได้เลิกสนใจในทันทีก่อนที่จะโยนหยกคืนให้หลงอู่นั้นทำให้มันประหลาดใจในสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกของเทียนถางเป็นอย่างมาก
“ทุกคนไปพักเถอะ หลงอู่เจ้าสามารถที่จะมิต้องนอนได้เช่นนั้นเฝ้าเอาไว้ข้าจะฝึกต่อ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายอีกครั้งนั้นทำให้ทุกคนที่ทานอาหารกันจนเสร็จแล้วพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปพักที่รถม้าเทียนถางนั้นมิได้กลับไปที่รถม้ามันเริ่มฝึกบทที่สองแห่งทักษะ ดรรชนีอสนีเบิกฟ้า ต่อทันทีโดยที่บทที่สองมันจำเป็นต้องรวบรวมอสนีให้เข้ากับนิ้วทั้งสิบของมัน
“ฟุม ฟุม”แต่ด้วยความสามารถในการเข้าใจนาตุอสนีนั้นมินานเทียนถางก็สามารถที่จะหลอมรวมอสนีเข้ากับมือทั้งมือได้ในทันที เทียนถางนั้นเต็มไปด้วยความยินดีพลังธาตุอสนีนั้นทำให้พลังของมันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เทียนถางเลิกให้ความสนใจมันกับมาฝึกบทที่สามต่อในทันทีเลยแต่ด้วยความสามารถของเทียนถางนั้นมินานแขนทั้งแขนก็เต็มไปด้วยอสนีในทันทีเมื่อมันได้เริ่มฝึกบทที่สามได้มินาน
ด้วยความสามารถที่การเข้าใจพลังธาตุอสนีนั้นทำให้เทียนถางได้เพิ่มพลังขึ้นอย่างรวดเร็วตอนนี้จึงทำให้เทียนถางได้เข้าสู่ระดับมนุษย์ขึ้นที่หกในทันที่ตอนนี้ปราณธาตุอสนีในร่างกายของเทียนถางนั้นได้เพิ่มพลังขึ้นอย่างรวดเร็วแต่พลังของธาตุน้ำแข็งก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เทียนถางเริ่มฝึกบทที่สี่ต่อโดยมิได้ให้ความสนใจกับสิ่งใดเลย
“ฟุม ฟุม ฟุม”แต่บทที่สี่นั้นคือการฝึกรูปแบบกระบวนท่าซึ่งมันมีทั้งหมดสามสิบสี่กระบวนท่า เทียนถางนั้นยิ้มและเริ่มฝึกทันทีเพราะการฝึกนี้จะทำให้ร่างกายและกำลังภายในร่างกายของเทียนถางไปพร้อมกันนั้นจึงทำให้มันเต็มไปด้วยความยินดีเพราะว่ามันต้องการที่จะฝึกร่างกายไปด้วย เทียนถางเริ่มฝึกต่อทันทีโดยที่มันได้แทงนิ้วออกไปทันที
เช้าวันต่อมา
“ไปกันเถอะ”เมื่อเช้าทุกคนก็ตื่นขึ้นและพบกับเทียนถางที่กำลังฝึกอยู่พวกมันจ้องมองอย่างสับสนแต่เทียนถางก็หยุดก่อนที่จะกล่าวออกมาร่างกายของมันเต็มไปด้วยเหงื่อและเสียงหอบหายใจอย่างยากลำบาก เทียนถางเต็มไปด้วยความเย็นชามันกับเข้ามาที่รถม้าและนอนหลงอู่ก็เข้ามาที่รถม้าก่อนจะเดินมานั่งด้านข้างเทียนถาง
“ถึงแล้วในที่สุดก็ถึงอาณาจักรหางมังกรของพวกเรา”หลังจากผ่านไปสี่วันเทียนถางก็ฝึกจนสามารถที่จะบรรลุบทที่สี่แห่งทักษะ ดรรชนีอสนีเบิกฟ้า แล้วเพราะว่ามันนั้นสามารถที่จะฝึกอย่างมิหยุดพักได้นั้นจึงทำให้เทียนถางบรรลุได้นิ้วแต่ละนิ้วของมันมีพลังทำลายสูงเป็นอย่างมาก เทียนถางนั้นมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าเพราะว่ามันนั้นเต็มไปด้วยสนุกสนานในการฝึกนี้ร่างกายและพลังปราณของมันนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนียจิงกล่าวออกมาอย่างจริงจังและมีความสุข
แต่ตอนนี้มันมิได้ฝึกแล้วเพราะว่ามันถึงได้ถึงยังนิกายแล้วและได้เดินทางไปยังที่ตำหนักภารกิจเพื่อส่งภารกิจแต่เมื่อเทียนถางได้ส่งแหวนมิติให้ผู้ดูแลดูมันก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเมื่อได้เห็นหัวของโจรจำนวนมหาศาล ผู้ดูแลจ้องมองไปที่เทียนถางและกลุ่มมันเต็มไปด้วยความตกตะลึงแต่ก็สามารถที่จะควบคุมสติได้ก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบของในแหวนมิติ
“ทั้งหมดยี่สิบล้านเหรียญและมีศาสตราวุธระดับมนุษย์สองชิ้นกับตำราทักษะที่มิได้มีอยู่ในตำหนักตำราระดับสี่อีกสองเล่ม”ผู้ดูแลตรวจสอบของจนเสร็จแล้วก็กล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางและกลุ่มพยักหน้าอย่างยินดีก่อนที่เทียนถางจะรับแหวนมิติในมือของผู้ดูแลและตรวจสอบก่อนที่จะออกจากตำหนักภารกิจและได้แบ่งของกันโดนที่ศาสตราวุธได้ให้กับหมิงจูและเนียจิง ส่วนตำรานั้นก็ได้ให้ช่างเว่ยไปหนึ่งเล่มและเทียนถางได้เก็บไว้เล่มหนึ่งก่อนที่จะแบ่งเหรียญเท่ากันก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
“ไปเถอะหลงอู่”เทียนถางกล่าวออกมากับหลงอู่ที่รออยู่ด้านหน้าตำหนักภารกิจ ทั้งสองไปที่บ้านพักของตระกูลฉิงอย่างรวดเร็ว ฉิงเทียนเมื่อได้ยินข่าวจากข้ารับใช้ว่าเทียนถางกลับมาแล้วมันเต็มไปด้วยความยินดีและมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของเทียนถางอย่างรวดเร็ว
“หลานถางเจ้ากลับมาแล้ว”ฉิงเทียนและชายชรากับยี่หลานก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่เมื่อเห็นหลงอู่ยืนอยู่พวกมันทั้งสามก็เต็มไปด้วยความสับสนและจ้องมองไปเห็นเทียนถางที่นั่งอยู่ในสวนฉิงเทียนจึงได้กล่าวออกมาอย่างมีความสุขนั้นทำให้เทียนถางยิ้มก่อนที่ประสานมือโค้งคำนับเล็กน้อยนั้นเพราะว่าเทียนถางได้ให้ความเคารพกับฉิงเทียนมากในตอนนี้
“นี้คือหลงอู่ข้ารับใช้ของข้า”เทียนถางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มนั้นทำให้ฉิงเทียนและกลุ่มนั้นเต็มไปด้วยความเข้าใจก่อนที่จะกล่าวคุยกันเล็กน้อยและง่ายเลี้ยงก็ถูกจัดขึ้นเมื่อฉิงเทียนได้ยินเรื่องต่างๆที่เทียนถางได้เล่าให้มันฟัง และฉิงเทียนได้เชิญให้กลุ่มจักรพรรดิฟ้ามาเข้าร่วมงานเลี้ยงซึ่งเมียงโจก็ได้นำกลุ่มมาเข้าร่วมงานเลี้ยงแน่นอน
“เจ้านี้มีความสามารถและพรสวรรค์ที่สูงเสียจริงเพียงแค่เวลามิถึงปีเจ้าก็เลื่อนจากระดับหกของระดับเดรัจฉานมาเป็นระดับมนุษย์ขึ้นที่หกแล้วเช่นนี้”เมื่อเมียงโจและกลุ่มมาถึงครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยความดุร้ายเมื่อเห็นเทียนถางและอีกครั้งที่เป็นฝั่งของเมียงโจนั้นกล่าวออกมาด้วยความยินดีนั้นทำให้กลุ่มที่อยู่ฝั่งของเมียงโจเต็มไปด้วยความตกตะลึงและยินดี
“เป็นไปมิได้ที่เจ้าจะแข็งแกร่งได้รวดเร็วเช่นนั้นแน่”ชายที่เคยทะเลาะกับเมียงโจมีนามว่า รินหมิง จากตระกูลริน มันกล่าวออกมาอย่างดุร้ายเมื่อได้ยินที่เมียงโจกล่าวพร้อมกับที่ชี้มาที่เทียนถาง นั้นทำให้ช่างเว่ย หมิงจู เนียจิงและเมียงโจเต็มไปด้วยความดุร้ายจิตสังหารของทั้งสี่คนถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงจนรินหมิงต้องตกตะลึงและถอยออกไปหลายก้าว มันไม่คิดว่าทั้งสี่จะโกรธเช่นนี้เป็นแน่ และที่เมียงโจโกรธเช่นนี้ก็เพราะว่ามันได้ยินเรื่องราวต่างๆจากช่างเว่ยแล้วนั้นจึงทำให้มันตัดสินใจที่จะให้เทียนถางเป็นน้องชายของมัน
“พวกเจ้า”รินหมิงพยายามที่จะกล่าวบางอย่างแต่แล้วพลังปราณอันรุนแรงของเมียงโจก็ระเบิดออกมานั้นพร้อมกับที่มันสะบัดมือเกิดกระแสลมที่รุนแรงพัดร่างของรินหมิงปลิวออกไปด้านนอกงานเลี้ยงกลุ่มที่มากับรินหมิงในตอนแรกที่พวกมันได้ยินว่าเทียนถางแข็งแกร่งได้รวดเร็วเช่นนี้พวกมันก็ตกตะลึงแล้วแต่เมื่อเห็นการกระทำของเมียงโจพวกมันยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึงเป้นอย่างมาก
“อย่าคิดที่จะกล่าวคำกล่าวไร้สาระเช่นนั้นกับน้องชายของข้า”เมียงโจกล่าวออกมาอย่างดุร้ายก่อนที่จะหันกลับมายิ้มกับเทียนถาง นั้นทำให้เทียนถางประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้าและงานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้น ฉิงเทียนเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในงานมันมิได้คิดจะทำสิ่งใดอยู่แล้วถึงในตอนแรกมันคิดที่จะพุ่งเข้าไปตบปากของรินหมิง จนเลือดกลบปากก็ตามแต่เมื่อได้เห็นเมียงโจทำเช่นนั้นก็ได้เข้าใจว่าเมียงโจหัวหน้ากลุ่มจักรพรรดิฟ้ายอมรับเทียนถางแล้ว