สยบทุกสิ่งด้วยกำลัง
ตอนที่3 สยบทุกสิ่งด้วยกำลัง
“นั้นคงเป็นเทียนหยินและเทียนหยางสินะ”ฉิงเทียนนั้นกล่าวออกมาเมื่อเห็นสองหนุ่มที่ยื่นอยู่ด้านข้างของเทียนโจ เทียนหยินมีผมสีดำสนิทมีดวงตาสีเขียวมันเป็นคนผมสั่น ส่วนเทียนหยางนั้นมีหน้าตาที่เหมือนเทียนหยินแต่มีเส้นผมที่ยาวกว่า
“แล้วเทียนถางอยู่ที่ใด”ก่อนที่เทียนโจจะได้กล่าวสิ่งใดฉิงเทียนก็กล่าวออกมาก่อนนั้นทำให้ทุกคนในงานเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกันแต่เทียนโจ เทียนหยาง เทียนหยินเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและมินานก็มีรถเข็นถูกเข็นเข้ามาโดยที่คนที่นั่งมานั้นเต็มไปด้วยความอัปลักษณ์
“จะ...เจ้าคือหลานเทียนถางหรือ”ฉิงเทียนตกตะลึงมากเมื่อได้เห็นเพราะว่าตระกูลเทียนได้ปกปิดข่าวที่เทียนถางบาดเจ็บเอาไว้จึงมิมีผู้ใดรับรู้
“ใช้ขอรับท่านลุงฉิง”เทียนถางจ้องมองที่ด้านหน้าของมันก็พบชายวัยกลางมันจึงได้ค้นความทรงจำของมันแล้วได้รับรู้ว่านี้คือฉิงเทียน ผู้นำตระกูลฉิงและยังเป็นหนึ่งในคนที่เทียนทางคนก่อนรักเป็นอย่างมาก เทียนถางจึงได้ยิ้มและกล่าวตอบ
“เกิดเหตุใดขึ้นกับเจ้ากันผู้ใดมันทำเช่นนี้”ฉิงเทียนกล่าวออกมาอย่างดุร้ายพลังอำนาจระดับมังกรก็ระเบิดออกมามันรุนแรงจนสั่นสะเทือนทั่วทั้งพระราชวังเขี้ยวมังกร ผู้คนมากมายต่างตกตะลึงเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของฉิงเทียนเพราะฉิงเทียนนั้นมิได้อยู่ในเมืองเขี้ยวมังกรบ่อยนัก เมื่อเทียนถางได้ยินมันก็รับรู้ได้เลยว่าชายที่มีนามว่าฉิงเทียนนั้นรักมันมากเท่าใด
“มิใช้ฝีมือมนุษย์หรอกท่านลุงฉิงมันคือหมาป่าขนสีเงินอสูรระดับสี่”เทียนถางกล่าวออกมาโดยที่มิได้คิดสิ่งใดมากนะเพราะว่ามันมิได้สนใจอยู่แล้วว่าผู้ใดจะคิดเช่นใด
“แล้วเจ้าเป็นเช่นใดบาง มีสิ่งใดให้ลุงช่วยเหลือหรือไม่”ฉิงเทียนนั้นกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง เทียนถางนั้นมิได้กล่าวสิ่งใดมากมันทำเพียงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยเท่านั้นแต่นั้นยิ่งทำให้ฉิงเทียนเป็นห่วงเป็นอย่างมาก
“ข้ามิได้คิดมากแล้วท่านลุงมาเริ่มงานเลี้ยงเถอะข้าเริ่มหิวเลย”เทียนถางนั้นกล่าวออกมานั้นทำให้ทุกคนในงานเต็มไปด้วยความสับสน พร้อมกับงานเลี้ยงที่เริ่มขึ้นผู้คนในงานนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่เทียนถางนั้นมิได้สนใจมันนั่งทานอาหารที่เทียนหย่านำมาให้อย่างสงบ
“ท่านพี่มิควรที่จะมาที่นี้”เทียนหยินนั้นกล่าวออกมาเพราะมันมิอาจที่จะยอมรับเทียนถางในสภาพเช่นนี้ได้เลย
“ข้ามิได้อยากมาเจ้าก็รู้แต่ที่มาเพราะท่านพ่อขอ”เทียนถางค้นความทรงจำเรียกน้อยและพบว่านี้คือน้องสองของมันคือเทียนหยิน เทียนถางนั้นกล่าวออกมาโดยที่มิได้คิดสิ่งใดมากนักนั้นทำให้เทียนหยินเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อจ้องมองที่เทียนถางราวกับว่ามันมิได้รู้จักคนที่หน้าของมัน
“ทุกท่านข้ามีสิ่งที่จะต้องกล่าว”หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเทียนโจก็จ้องมองไปรอบๆก่อนที่จะกล่าวออกมา นั้นทำให้ผู้คนในงานต่างพากันจ้องมองมาที่เทียนโจ แม้แต่สามผู้นำตระกูลหลัก เทียนถาง เทียนหยิน เทียนหยางเต็มไปด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
“ข้าจะหมั้นเทียนหยางกับฉิงหลินแทนเทียนถาง”เทียนโจกล่าวออกมาอย่างจริงจัง นั้นทำให้ทุกผู้คนตกตะลึงมิมีผู้ใดคิดว่าเทียนโจจะทำเช่นนี้ ผู้คนจ้องมองไปที่เทียนถางด้วยความสงสารแต่เมื่อเห็นว่าเทียนถางมิได้สนใจมันกลับมาทานอาหารเช่นเดิมนั้นยิ่งทำให้ทุกผู้คนตกตะลึง
“ไม่”ฉิงเทียนนั้นปลดปล่อยเสียงคำรามออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับที่จ้องมองไปที่เทียนโจ เทียนโจที่อยู่ในระดับอสูรขั้นสิบนั้นมิอาจทนพลังอำนาจของฉิงเทียนที่อยู่ในระดับมังกรได้เลย เทียนถางประหลาดใจเล็กน้อยที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเพราะมันมิได้สนใจกับสิ่งที่เทียนโจตัดสินใจสักนิดแต่ฉิงเทียนกับสนใจและเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก
“ข้าตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นเทียนถางมิอาจเปลี่ยนได้ต่อให้เป็นเจ้าเทียนโจ”ฉิงเทียนนั้นกล่าวออกมาอย่างดุร้ายด้วยตาของมันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด นั้นทำให้ทุกคนในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เทียนโจนั้นพยายามที่จะกล่าวบางอย่างแต่ก็ถูกฉิงเทียนจ้องมองอย่างดุร้ายจนมันมิอาจกล่าวสิ่งใดได้อีก
“ท่านพ่อข้ามิอาจแต่งกับคนพิการเช่นนั้นได้”เสียงของบางคนดังขึ้นปรากฏหญิงสาวที่ด้านหน้าของประตูทางเข้าห้องโถงนางมีผิวสีขาวผมสีดำสนิทดวงตาสีฟ้า
“ฉิงหลินเจ้าจะต้องแต่งต่อให้เจ้ามิต้องการก็ตาม”ฉิงเทียนกล่าวออกมาอย่างดุร้ายพลังอำนาจของมันถูกปลดปล่อยออกมานั้นทำให้ฉิงหลินตกตะลึงแต่แล้วชายสองคนที่อยู่ด้านหลังของฉิงหลินก็เดินออกมา พวกมันเต็มไปด้วยสีหน้าดุร้ายจ้องมองมาที่เทียนถาง
“ผู้อาวุโสฉิงเทียนท่านมิความเอาสวะเช่นนั้นมาเป็นลูกเขย นายน้อยหลี่หมางจากนิกายกระจ่างฟ้าต้องการสู่ขอคุณหนูฉิงหลิน ลูกสาวของท่าน”หนึ่งในสองชายที่ผมสีดำยาวดวงตาสีดำสนิทกล่าวออกมาพร้อมกับประสานมือโค้งคำนับ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงหลี่หมางหนึ่งในสี่อัจฉริยะของนิกายฟ้ากระจ่างนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองปีกมังกร
“ข้าว่าเลิกทะเลาะกันเถอะ ที่จริงข้าก็มิได้สนใจนางแม้แต่น้อย จะกล่าวว่านางมิได้อยู่ในสายตาข้าก็ว่าได้”เทียนถางเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มแย่ลงมันก็กล่าวออกมาโดยที่ใช้มือท้าวคางที่รถเข็นนั้นทำให้ทุกผู้คนตกตะลึงเมื่อได้ยินโดยเฉาพะ ฉิงหลินและฉิงเทียน กับผู้ที่ตามสองคนจากนิกายฟ้ากระจ่าง มินานชายทั้งสองที่มาจากนิกายฟ้ากระจ่างก็เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
“สวะจงตาย”ชายทั้งสองคำพร้อมกับที่พุ่งเข้าหาเทียนถาง ฉิงเทียนและเทียนโจเตรียมที่จะพุ่งเข้ามาช่วยเหลือ
“ตึก ตูม”ร่างของพวกมันลอยเข้าหาเทียนถางอย่างรวดเร็วแต่เทียนถางมิได้สนใจมันเคาะที่รถเข็นด้วยนิ้วชี้มือขวาเบาๆ ร่างของผู้มาจากนิกายกระจายฟ้าตัวหนักขึ้นหล่นลงกับพื้นจนพื้นยุบนั้นทำให้ทุกผู้คนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เทียนถางมิได้สนใจนักมันเคาะคั้งที่สอง
“ตูม ตูม”เมื่อเคาะทั้งที่สองเสื้อผ้าที่โดยกดทับด้วยแรงหนึ่งตันทำให้เข่าของผู้ที่มากจากนิกายฟ้ากระจ่างกดลงไปที่พื้นจนพื้นระเบิดออก นั้นยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึงเทียนถางเคาะครั้งที่สามร่างของพวกมันทั้งสองถูกกดจนนอนกับพื้นตั้งแต่ที่เทียนถางเลื่อนเข้าสู่ระดับเดรัจฉานขั้นที่สี่พลังในการควบคุมวัตถุของมันก็เพิ่มเป็นสองตัน
“หยุดนะ เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับนิกายฟ้ากระจ่างหรือ”ฉิงหลินนั้นกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบเพราะนางรู้ว่าเทียนถางสามารถที่จะสังหารทั้งสองคนจากนิกายของนางได้ เทียนถางเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังก่อนที่จะจ้องมองไปที่ฉิงหลินดวงตาที่เหมือนกับเด็กหนุ่มอายุสิบหกปี แต่ตอนนี้กับเปลี่ยนเป็นดวงตาของความยิ่งใหญ่ดุร้ายองอาจและความบ้าคลั่งราวกับผู้ที่จ้องมองนั้นคือเทพเจ้าแห่งสงครามที่ผ่านสงครามมานับมิถ้วน
“ฟุม”ผู้คนต่างขนลุกเมื่อมองเห็นดวงตาขอเทียนถางแม้แต่ฉิงเทียนและเทียนโจ มิมีผู้ใดเคยคิดว่าเด็กน้อยเช่นเทียนถางจะมีดวงตาที่หน้าขนลุกและหน้าเกรงกลัวเช่นนี้ เทียนถางมิได้สนใจอีกมันเคาะลงครั้งที่สี่พลังที่กดร่างของศิษย์ทั้งสองของนิกายฟ้ากระจ่างออก พวกมันนั้นบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างมากแต่ก็สามารถที่จะลุกขึ้นได้
“เจ้าจะต้องเสียใจ”พวกมันทั้งสองคำรามใส่เทียนถางอย่างดุร้าย แต่เมื่อเห็นสายตาที่เทียนถางจ้องมองพวกมันจึงทำให้พวกมันตกตะลึงและรีบพาร่างที่เต็มไปด้วยเลือดเดินออกไปพร้อมกับที่ฉิงหลินเองก็ตามพวกมันไปเช่นกัน เทียนถางนั้นเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาอีกครั้ง
“กลับกันเถอะป้าหลินข้าเบื่อเต็มทีแล้ว”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้าย เทียนหย่าที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ได้สติจึงได้รับเข็นเทียนถางออกไปจากห้องโถงผู้คนเต็มไปด้วยความตกตะลึงในสิ่งที่พวกมันได้เห็นความแข็งแกร่งของเทียนถางมิอาจที่จะเชื่อได้
“ไปพักเถอะป้าหย่าข้าก็จะพักเช่นกัน”เมื่อกลับมาถึงที่พักเทียนถางก็กล่าวออกมาเทียนหย่ามิได้ตอบแต่ก็เดินจากไป เทียนถางนั้นมิได้นอนมันเริ่มโคจรพลังอำนาจเพื่อเพิ่มพลังปราณที่มันพึ่งใช้ไป ร่างกายของเทียนถางดูดซับพลังอำนาจจากผืนฟ้าและผืนโลกด้วยความเร็วสูง
ไม่นานก็เช้าเทียนหย่าก็นำอาหารมาให้เทียนถางเช่นเดิมเมื่อมันกินเสร็จมันก็เริ่มฝึกบทที่สามแห่งทักษะ ปราณจิตภูต อีกครั้ง หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก
สิบห้าวันต่อมา
“ฟุม”หลังจากที่ผ่านไปสิบห้าวันเทียนถางก็สามารถที่จะปลดปล่อยพลังปราณออกมาภายนอกร่างกายได้แต่มันกับมีความเย็นเป็นอย่างมาก นั้นคงเป็นเพราะตอนนี้ตันเถียนของเทียนถางนั้นมีเพียงแค่ธาตุน้ำแข็งเท่านั้นเป็นแน่ เทียนถางลองรวบรวมพลังปราณและสร้างเป็นรูปลักษณ์ตามบทที่สามแห่งทักษะ ปราณจิตภูต ดู มินานก็ปรากฏหอกน้ำแข็งขนาดเล็กในมือของมัน
“ฟุก”เทียนถางเห็นหอกน้ำแข็งขนานเล็กในมือของมัน เทียนถางยื่นมือออกมาด้านหน้าและควบคุมหอกน้ำแข็งในมือให้พุ่งออกไป หอกน้ำแข็งขนาดเล็กนั้นเจาะทะลุก้อนหินขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย เทียนถางประหลาดใจเล็กน้อยแต่มันก็เลิกสนใจในมิช้าเทียนถางนั้นหันกลับมาฝึกต่ออีกครั้งมันโดยที่มันเริ่มฝึกบทที่สามแห่งทักษะ ปราณจิตภูต ของมันอีกครั้ง
หลังจากฝึกผ่านไปได้สามชั่วโมงเทียนถางหมดขวดโอสถปราณเงินไปหลายสิบขวด ในที่สุดเทียนถางก็สามารถที่จะสร้าง หอกในแข็งขนาดสามนิ้วยาวสิบเซนติเมตรเทียนถางออกมานอกห้องนอน และโจมตีไปที่หินขนาดใหญ่อีกครั้ง จนหินขนาดใหญ่กลายเป็นรูแต่คราวนี้หอกน้ำแข็งมิได้ถูกทำลายเลยมันควบคุมได้ดั่งใจเลย
“น่าสนใจยิ่ง”เทียนถางนั้นกล่าวออกมาอย่างสงบพลังปราณในร่างกายถูกใช้ไปจำนวนมากมันจึงได้สลายหอกน้ำแข็งออกไปและกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อกินโอสถปราณเงินเพื่อเพิ่มพลังปราณของมัน ไม่นานพลังทั้งหมดที่มันใช้ไปก็กลับมาก็กลับมาเป็นเช่นเดิม
“คุณชายท่านตอบรีบหนีแล้ว”เสียงของบางคนดังขึ้นเทียนถางจึงได้จ้องมองไปดูปรากฏเป็นเทียนหย่านั้นเอง เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินประโยคที่นางกล่าว
“เกิดสิ่งใดขึ้นป้าหย่า”เทียนถางกล่าวถามด้วยความสนใจ
“นิกายฟ้ากระจ่างได้บุกมาที่นี้เพื่อตามหาท่าน พวกมันส่งผู้อยู่ในระดับมังกรมาถึงสามคน”เทียนหย่ารีบกล่าวออกมาและรีบเข้ามาเข็นเทียนถางออกไปอย่างรวดเร็ว นั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันระหว่างที่ถูกเข็นไปตามทาง เทียนโจรออยู่ที่ด้านหน้าของเทียนถางมันเต็มไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“พ่อขอโทษที่มิแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเจ้าแต่มิต้องห่วง ลุงของเจ้าฉิงเทียนได้จัดที่พักให้เจ้าที่นิกายแสงตะวันให้เจ้าและที่เมืองหางมังกร”เทียนโจกล่าวออกมาอย่างโศกเศร้า เทียนถางทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยมันมิเคยคิดว่านิกายฟ้ากระจ่างจะส่งคนมาเช่นนี้เลย
“ท่านพ่อมิต้องกังวลเมื่อข้าแข็งแกร่งพ่อข้าจะกลับมาและจะกวาดล้างพวกมันให้หมดสิ้น”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังพร้อมกับที่จิตสังหารพุ่งออกมาจากดวงตาของมัน เทียนโจนั้นรับรู้ว่าสิ่งที่เทียนถางกล่าวนั้นมาจากใจจริงมันจึงได้หยิบแหวนออกมาให้เทียนถาง
“นี้คือแหวนมิติ มันมีขนาดเท่ากับห้องของเจ้าและด้านในมียาปราณเงินหนึ่งพันขวดและเงินหนึ่งแสนเหรียญ เก็บเอาไว้ใช้ในช่วงที่เจ้าอยู่ที่นั้น”เทียนโจกล่าวออกมาแววตาของมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเพราะเทียนถางคือบุตรที่มันรักมากที่สุด เทียนถางพยักหน้าตอบเทียนโจจึงได้พวกเทียนถางไปที่อินทรีย์ตะวันหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของตระกูลเทียน
“ขอให้เจ้าปลอดภัยลูกถาง”เทียนโจกล่าวออกมาอย่างจริงจัง เทียนถางพยักหน้าตอบอินทรีย์ตะวันก็บินออกไปอย่างรวดเร็วทันที หลังจากผ่านไปมินานก็ปรากฏร่างของชายชราสามคนบินตามมาด้านหลังเหล่าชายชราพุ่งตามอินทรีย์ด้วยความเร็วสูงเทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะสร้างหอกกน้ำแข็งขึ้นผมและยิงไปที่ชายชราทั้งสาม
“สวะ”ชายชราทั้งสามหลบได้อย่างง่ายดายหนึ่งในชายชราทั้งสามชายชราที่มีจมูกโตกล่าวออกมาอย่างดูถูกแต่และก็มีบางสีแทงไปที่กระดูกสันหลังของมันไอเย็นค่อยๆกลืนกินกระดูกและอวัยวะภายในของมันอย่างรวดเร็ว นี้คือสิ่งที่เรียกว่าความประมาทเป็นหนทางสู่ความหายนะ เทียนถางยิ้มออกมาก่อนที่จะกดหอกน้ำแข็งให้ลึกลงไปอีก
“ตูม”แต่ชายชราที่มีดวงตาเหมือนกันเหยี่ยวก็ซัดฝ่ามือปลดปล่อยพลังปราณทำลายหอกน้ำแข็งของเทียนถางก่อนที่ชายชราที่มีหูยาวจะเข้าไปพยุงร่างของชายชราจมูกโตเหล่าชายชราหยุดลงเพราะมันมิอาจที่จะตามความเร็วของอินทรีย์ตะวันได้ทันแน่ถ้ามีภาระเช่นนี้ ชายชราทั้งสองจึงได้มุ่งหน้ากลับไปที่นิกายของมันแทน
“เหอะ ข้าใช้พลังไปมากยิ่งนัก จู ข้าขอฝากเจ้าเรื่องการไปส่งข้าด้วย”เทียนถางถอนหายใจและกล่าวออกมา อินทรีย์ตะวันร้องออกมาเล็กน้อยเทียนถางค้นความทรงจำดูก็รู้ว่าอินทรีย์ตัวนี้คืออินทรีย์ที่มันเคยเล่นด้วยตอนที่ยังมิพิการเช่นนี้ อินทรีย์ตะวันมุ่งหน้าไปที่นิกายแสงตะวันด้วยความเร็วสูง เพราะว่านิกายแสงตะวันนั้นต้องใช้เวลาเดินทางด้วยม้าถึงสิบห้าวันแต่ด้วยความเร็วเต็มที่ของอินทรีย์ตะวันคงใช้เวลาราวสี่วัน
สี่วันต่อมา
“นี้หรือเมืองหางมังกรนั้นคือเป็นนิกายแสงตะวัน”เมื่อเทียนถางมาถึงเหนือท้องฟ้าของเมืองหางมังกรมันก็กล่าวออกมา ก่อนที่จ้องมองลงในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหนุ่มสาวที่ใส่ชุดคลุมเหมือนกันนั้นทำให้เทียนถางรับรู้ว่านั้นคือนิกายเป็นแน่มันจึงมุ่งหน้าลงไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านต้องการสิ่งใดจากนิกายของเรา”เมื่อเห็นชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหราและนั่งอยู่บนรถเข็นบนหลังของอินทรีย์ตะวันสัตว์อสูรระดับสี่ ทหารที่เฝ้าอยู่ที่ประตูนิกายก็กล่าวถาม
“ข้ามาหาลุงฉิงเทียน”เทียนถางกล่าวออกมาโดยมิได้สนใจทหารผู้นั้นเลย ทหารยามตกตะลึงมากมันรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นสุภาพและเรียกลูกน้องของมันมาพร้อมกับที่กระซิบเล็กน้อยนั้นทำให้ลูกน้อยมันตกตะลึงและรีบวิ่งออกไป
“ท่านเทียนถาง ผู้อาวุโสฉิงเทียนได้ให้ข้ามานำทันไปที่บ้านพักผู้อาวุโสขอรับ”ไม่นานก็มีคนกลุ่มเร่งเดินมาคนเหล่านั้นสวมชุดคลุมของนิกายแสงตะวันอยู่ มันเดินตรงเข้ามาหาเทียนถางเมื่อเห็นหน้าเทียนถางมันก็ตกตะลึงแต่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังและกล่าวออกมา
“ไปเถอะ”เทียนถางยกรถเข็นของมันให้ลอยขึ้นกลางอากาศลงมาที่พื้นก่อนที่จะกล่าวกับอินทรีย์ตะวันมันส่งเสียงตอบเล็กน้อยก่อนที่จะบินจากไป เทียนถางเข็นรถด้วยพลังปราณไปที่กลุ่มชายที่ฉิงเทียนส่งมาพวกมันเดินนำทางเทียนถางไปที่บ้านพักของฉิงเทียนอย่างรวดเร็ว
“หลานถางลุงต้องขอโทษที่มิได้ออกไปรับลุงติดการทดสอบตัวโอสถใหม่อยู่”เมื่อเทียนถางมาถึงบ้านพักของฉิงเทียน ฉิงเทียนก็เดินออกมารอมันและกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย เทียนถางทำเพียงยิ้มและพยักหน้าตอบเท่านั้น
“มาเถอะ หลานถางลุงจะไปเจ้าไปที่พักและเดียวพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปสมัครเพื่อเข้านิกาย”ฉิงเทียนนั้นกล่าวออกมาอีกครั้งพร้อมกับที่พาเทียนถางไปยังบ้านพักของมัน เมื่อมาถึงเทียนถางกล่าวขอบคุณ ฉิงเทียนเล็กน้อยก่อนที่ฉิงเทียนจะกลับไปปรุงโอสถต่อ เทียนถางกลับมาฝึกปราณอีกครั้งโดยที่ครั้งนี้มันสร้างหอกน้ำแข็งขึ้นมาสองอันพร้อมกับขนาดสี่นิ้วยาวถึงสองเมตร พลังปราณในตันเถียนของเทียนถางถูกสูบไปด้วยความเร็วสูงเทียนถาง