ป่าหยกเย็น
ตอนที่8 ป่าหยกเย็น
“เราควรจะเดินทางต่อเลย”ช่างเว่ยขมวดคิ้วออกมาก่อนที่จะกล่าวออกมา
“ได้ไปเถอะข้าเองก็ต้องการศึกษาตำราทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์”เทียนถางกล่าวตอบโดยมิลังเลพร้อมกับที่ทุกคนพยักหน้าและออกเดินทางทันที เทียนถางที่ดังอยู่ด้านหลังรถม้าเริ่มอ่านคำรา อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ทันที ด้วยความเร็วในการอ่านของมันพริบตาก็จบทักษะนี้มีทั้งหมดสามบท บทที่หนึ่ง ทำให้พื้นที่ล้อมรอบเย็นชื้นขึ้น บทที่สอง ทำให้พื้นที่ล้อมรอบเย็นขึ้นฉับพัน บทที่สาม แช่แข็งพื้นที่ล้อมรอบร่างกายในรัศมีห้าสิบเมตรจนกลายเป็นน้ำแข็ง
“ฟุม ฟุม”หลังจากทบทวนบทที่หนึ่งแห่งทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ ไปหลายรอบ เทียนถางหลับตาลงก่อนที่จะรอบฝึกมันทันที การฝึกเป็นไปด้วยความเร็วสูงพลังล้อมรอบร่างกายของเทียนถางถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงนั้นทำให้อีกสามคนสังเกตได้ด้วยความเร็วสูง ช่างเว่ยยิ้มออกมาด้วยความสุขที่มันได้มีความที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่ในกลุ่ม จักรพรรดิฟ้า
สิบวันต่อมา
“พวกเราถึงป่าหยกเย็นแล้ว”เนียจิงที่เป็นคนขับรถม้าก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกเราไม่ต้องหยุดก็ได้เพราะยังไงก็ต้องผ่านไปอยู่แล้ว”ช่างเว่ยยิ้มก่อนที่จะกล่าวตอบนั้นทำให้ทุกคนพยักหน้าตอบมีเพียงเทียนถางเท่านั้นที่ยังลืมตานั่งสมาธิอยู่ แต่มินานก็ปรากฏระเบิดไอน้ำพุ่งออกมาจากร่างกายของมันนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง ก่อนที่เทียนถางจะลืมตาขึ้นและสะบัดมือไล่กลุ่มไอน้ำทั้งหมดออกไป ตอนนี้มันบรรลุบทหนึ่งแห่งทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ แล้ว ด้วยความเร็วขนาดนี้ทำให้ทั้งสามตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เจ้านี้ประหลาดจริงๆเทียนถางเพียงแค่สิบวันเจ้าก็บรรลุบทแรกของทักษะระดับห้าได้แล้วหรือ”หมิงจูกล่าวออกมาอย่างขบขันนั้นทำให้ทั้งสี่คนขบขันและหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
“ช่างเว่ยมีบางอย่างกำลังตรงมาที่เราและยังจำนวนหลายร้อยเลยด้วย”เทียนถางเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างดุร้าย นั้นทำให้ทั้งสามเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุร้ายก่อนที่จะจ้องมองออกไปด้านนอกทันทีปรากฏสัตว์อสูรหมาป่าหยกเงินวิ่งไล่ตามชายหญิงคู่หนึ่งมาด้านความเร็วสูงทั้งสองเต็มไปด้วยความบาดแผลมากมาย
“ช่วยพวกเราด้วย”ชายหนุ่มจ้องมองมาที่กลุ่มของเทียนถางก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“จะเอายังไงดีเราต้องช่วยพวกมันหรือไม่”เนียจิงที่ขันรถม้ากล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางเต็มไปด้วยดุร้ายก่อนที่จะเรียก กระบี่จักรพรรดิเยือกแข็งและกงจักรหยกสีรุ้ง ออกมาก่อนที่จะสะบัดมือส่งศาสตราวุธทั้งสองออกไปอย่างรวดเร็วพุ่งเข้าใส่ฝูงของหมาป่าหยกเงินถึงจะมีจำนวนมากแต่ก็โจมตีของเทียนถางนั้นรุนแรงและแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเพียงมินานหมาป่าหยกเงินก็ตายไปเกือบครึ่ง พวกมันจึงหอนออกมาและพุ่งหนีไป
“ข้าขอขอบใจพวกเจ้ามาที่ช่วยเราทั้งสองเอาไว้”ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างขอบคุณ
“มิมากว่าแต่พวกเจ้าเจอสิ่งใดมากันจึงได้ถูกหมาป่าหยกเงินไล่ตามเช่นนี้”ช่างเว่ยกล่าวถามด้วยสีหน้าจริงจังนั้นทำให้ทั้งสองจ้องมองที่หน้ากันก่อนที่ชายหนุ่มจะเล่าให้ฟังว่า มันทั้งสองถูกกลุ่มโจรหมื่นซากศพโจมตีโจรกลุ่มนั้นได้สังหารทุกคนและนำสมบัติของพวกมันทั้งสองไปทั้งหมดพวกมันเป็นคนจากสมาคมการค้าตระกูลหวังของหมู่บ้านจากหุบเขาอสูรแดงเหนือพวกมันทั้งสองเดินทางออกมาเพื่อไปขายหยกเพลิงของตระกูลมัน
“ถ้ามิรบกวนมากเกินไปช่วยพาเราไปส่งที่สมาคมการค้าตระกูหวังด้วยเถอะ”ชายหนุ่มมีนามว่าหวังจินกล่าวขอร้องด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก หญิงสาวที่มีนามว่าหวังหลี่ก็ขอร้องด้วยเช่นกัน
“เจ้าว่าเช่นใดเทียนถางเจ้าเป็นผู้ที่ช่วยเหลือทั้งสองคน”ช่างเว่ยหันมากล่าวกับเทียนถางด้วยน้ำเสียงจริงจัง เทียนถางสนใจในสมาคมการค้าตระกูลหวังอยู่แล้วมันจึงพยักหน้าตอบนั้นทำให้หวังจินและหวังหลี่เต็มไปด้วยความสุข หลังจากนั้นทั้งหกก็ออกเดินทางกันไปทันทีเพียงมินานกลุ่มของเทียนถางก็เดินมาถึงช่วงกลางของป่าหยกเย็น
“หวังจิน ซากขอหมาป่าหยกเงินพวกนี้ขายได้หรือไม่”เทียนถางที่เก็บซากศพของหมาป่าหยกเงินทั้งหมดเอาไว้เพราะว่ามันเป็นผู้ที่สังหารทั้งหมดเท่านั้น
“ได้แน่นอนสมาคมการค้าตระกูลหวังของเรารับซากของพวกมันตัวละ สามร้อยเหรียญ”หวังจินยิ้มก่อนที่จะกล่าวตอบนั้นทำให้เทียนถางพยักหน้าและเปลี่ยนสีหน้ากลับไปเป็นเย็นชาอีกครั้ง เมื่อดวงตะวันตก ความมืดมิดก็ปกคลุมท้องฟ้า เทียนถางเต็มไปด้วยความสงบขณะที่คนในกลุ่มทานอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นั้นทำให้เทียนถางยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อมีพลังปราณที่รุนแรงกำเนิดขึ้นภายในร่างกายของมันเทียนถางเพ่งสมาธิลงไปในตันเถียนทันที
“เกิดสิ่งใดขึ้นเหตุใดบรรยากาศถึงได้เย็นขึ้นรวดเร็วเช่นนี้”หวังหลี่กล่าวออกมาอย่างตกตะลึงที่จู่ๆบรรยากาศรอบๆเริ่มหนาวเย็นขึ้นอย่างรุนแรง แต่ช่างเว่ย หมิงจูและเนียจิงกับยิ้มออกมาก่อนที่จะจ้องมองไปที่เทียนถางด้วยสายตาชื่นชม เทียนถางปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของเทียนถางก่อนที่บรรยากาศล้อมรอบร่างกายของมันจะต่ำลงอย่างรวดเร็ว
“ข้าว่าข้าควรจะเพิ่มพลังไฟขึ้นสักหน่อย”ช่างเว่ยกล่าวออกมาอย่างขบขัน
“มิได้เทียนถางกำลังจะบรรลุบทที่สองและเขาต้องการความเย็นถ้าเจ้าใช้เพลิงที่ตรงข้ามกับเทียนถางมันจะส่งผลให้เทียนถางใช้เวลานานขึ้น”หมิงจูรีบจับมือของช่างเว่ยก่อนที่จะถึงกองไฟและกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางยิ้มเพราะว่ามันมิอาจที่จะกล่าวได้แต่หมิงจูได้กลล่าวแทนมันแล้ว ช่างเว่ยจึงได้พยักหน้าก่อนที่จะดึงมือกลับนั้นทำให้ทั้งกลุ่มหนาวสั่น
“ฟุม”เกิดพลังความเย็นที่รุนแรงระเบิดออกมาจากร่างกายของเทียนถางนั้นทำให้ทุกคนสั่นไปด้วยความเย็นที่พุ่งเข้าไปทิ่มแทงกระดูดของพวกมันมีเพียงแค่ช่างเว่ยที่มีพลังปราณธาตุไฟที่สามารถที่จะสยบพลังของเทียนถางได้ เทียนถางลืมตาขึ้นเพราะว่าตอนนี้มันได้บรรลุบทที่สองของทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ นั้นทำให้เทียนถางที่มีธาตุน้ำแข็งอยู่แล้วเป็นเรื่องง่ายมากที่จะสำเร็จบทที่สองนี้ภายในเวลามินานและมิใช้แค่นั้นเทียนถางได้เลื่อนเข้าสู่ระดับมนุษย์ขั้นที่สองแล้ว
“เช้าแล้วหรือ”เทียนถางลืมตาขึ้นปรากฏแสงสว่างของดวงตะวันส่งแสงออกมานั้นทำให้มันอุทานออกมาอย่างช่วยมิได้
“ใช้เราควรออกมาเดินทางได้แล้วมินานเกินสิบวันก็คงถึงสมาคมการค้าตระกูลหวังแล้ว”ช่างเว่ยกล่าวออกมาอย่างน้ำเสียงที่จริงจังนั้นทำให้เทียนถางพยักหน้าก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนรถม้าก่อนที่จะออกเดินทางต่อ หลังจากเดินทางมาได้ราวสิบวันก็ทะลุออกจากป่าหยกเย็นและตรงเข้าสู่หมู่บ้านอสูรแดงเหนือผู้คนเต็มไปด้วยความสุขสบาย
“นั้นหรือบ้านของพวกข้าเชิญเลยครับ”เมื่อหวังหลี่และหวังจินเข้ามาที่หมู่บ้านอสูรแดงเหนือและกล่าวออกมาอย่างมีความสุขก่อนที่จะชี้ไปที่หอการค้าขนาดใหญ่ที่มีสีแดงงดงาม
“ท่านพ่อท่านแม่”เมื่อกลุ่มของเทียนถางเข้าไปที่หอการค้าหวังจินและหวังหลี่ก็กล่าวออกมาเสียงดังนั้นทำให้ทุกคนหันมองก่อนที่ จะมีชายและหญิงวัยกลางคนพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะโอ้บกอดทั้งสองด้วยความรัก เทียนถางประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อยภาพเหตุการณ์ตรงหน้าของมันเหมือนกับตอนนี้มันได้โอบกอด โลกิและธอร์และฟริกกา คนที่มันรักทั้งสามคนแต่ตอนนี้มันได้สูญเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว
“พวกเจ้าเป็นเช่นใดบาง ข้าได้ยินว่ากลุ่มการเดินทางของเราถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรหมื่นซากศพ”ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างเป็นห่วงเมื่อกลุ่มของช่างเว่ยได้ยินก็เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดทันที แต่เทียนถางกับมีรอยยิ้มขึ้นมาเพียงคนเดียว
“ดีแล้วพวกข้าจะได้นำหยกเพลิงกับมาให้พวกเจ้าได้ด้วย พวกข้ากำลังตามล่าพวกมันอยู่”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างเย้นชานั้นทำให้ทุกคนจ้องมองมาที่มันแต่ช่างเว่ย หมิงจู และเนียจิงกับยิ้มออกมาเมื่อได้ยินนั้นทำให้หวังจินและหวังหลี่ยิ้มออกมาเช่นกัน ชายวัยกลางคนและหญิงสาววัยกลางคนจ้องมองหน้ากันอย่างสับสน
“พวกเจ้าทั้งสี่เป็นผู้ใดหรือ”ชายวัยกลางคนกล่าวถามออกมาอย่างระวังหวังจินจึงได้เล่าเรื่องที่ทั้งทั้งสี่คนได้ช่วยชีวิตของมันและน้องเอาไว้พร้อมกับที่พามาส่งด้วยเช่นนี้ เมื่อได้ยินมันจึงได้รีบกล่าวขอบคุณและแนะนำตัว มันมีนามว่าหวังเจียงและภรรยาของมันมีนามว่าหวังซู และเชิญกลุ่มของเทียนถางไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน
“ศิษย์ของนิกายแสงตะวันช่างเก่งกาจยิ่งมิหนึ่งมาจะสังหารสัตว์อสูรหมาป่าหยกเงินไปจำนวนมากเช่นนี้โดยใช้เพียงแค่คนเดียวและยังมีระดับพลังที่น้อยที่สุดด้วย”หวังเจียงกล่าวออกมาอย่างขบขันเมื่อมองไปยังแหวนมิติของเทียนถางที่อยู่ในมือของมัน หวังเจียงนั้นกล่าวออกมาอย่างสนุกสนานเป็นอย่างมากแต่ช่างเว่ยและอีกสองคนขบขันเป้นอย่างมากแต่เทียนถางก็ยังคงสงบและเยือกเย็นเหมือนเช่นเดิม
“นี้เงินหนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญสำหรับซากของหมาป่าหยกเงิน”หวังเจียงกล่าวออกมาอย่างสนุกสนานและมอบแหวนคืนให้เทียนถาง แต่เมื่อมันสังเกตเห็นแหวนมิติของเทียนถางมันก็ประหลาดใจเล็กน้อยที่แหวนของเทียนถางเป็นของราชวงศ์เป็นแน่ หวังเจียงมันจึงได้เปลี่ยนท่าทางเป็นคนละคนราวกับเคารพต่อเทียนถางนั้นทำให้เทียนถางประหลาดใจเล็กน้อย
“เอาเถอะข้าอย่างออกเดินทางต่อแล้วท่านรู้จักหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ของกลุ่มโจรหมื่นซากศพ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้หวังเจียงประหลาดใจก่อนที่จะครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มโจรหมื่นซากศพ
“ที่หนึ่งคือทางใต้ของหุบเขาอสูรแดงทางใต้ ที่หนึ่งคือใจกลางราบอสนีกู้ร้อง ที่หนึ่งคือยอดสุดของหุบเขาที่ป่าศิลาเทา”หวังเจียงกล่าวออกมาอย่างจริงจังเกี่ยวกับที่ตั้งของกลุ่มหมื่นซากศพทั้งสามที่ เทียนถางครุ่นคิดเกี่ยวกับที่อยู่ทั้งสามของพวกมันเทียนถางยิ้มออกมานั้นทำให้ช่างเว่ยและคนอื่นเต็มไปด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
“ข้าว่าเราควรไปทำลายล้างกลุ่มที่หุบเขาอสูรแดงใต้ให้สิ้นซากก่อน”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้าย นั้นทำให้หวังเจียงและตระกูลหวังคนอื่นตกตะลึงมาก
“งั้นไปกันเถอะ”ช่างเว่ยกล่าวออกมาทันทีและคนอื่นก็ลุกขึ้นยืนเดินออกมาทันที นั้นทำให้ตระกูลหวังตกตะลึงและมิคิดว่าเทียนถางจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเช่นนี้ หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็ออกเดินทางออกไปอย่างรวดเร็วมินานกลุ่มของเทียนถางก็มาถึงยังที่ตั้งของกลุ่มโจรหมื่นซากศพที่ทางใต้ของหุบเขาอสูรแดง เทียนถางจ้องมองออกไปอย่างเย็นชา
“มีราวสามร้อยคนและมีผู้ที่อยู่ในระดับอสูรสองคนเท่านั้น”เทียนถางกล่าวออกมาเมื่อปลดปล่อยประสาทสัมผัสออกไปจำนวนมหาศาลแต่เพียงแค่หายใจห้าถึงหกครึ่งปราณทั้งหมดก็กลับมาเต็มอีกครั้งเมื่อทั้งสามได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง เพราะประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของเทียนถางจึงทำให้พวกมันรอดมาได้แล้วครั้งหนึ่ง
“พวกเจ้าแยกกันออกไปรอสัญญาณจากข้าแล้วพวกเจ้าก็บุกเข้าไปเลย ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งสามพยักหน้าและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อรอสัญญาณของเทียนถาง หลังจากนั้นเทียนถางก็มุ่งหน้าออกไปอย่างรวดเร็วเทียนถางเก็บรถเข็นเข้าไปในแหวนมิติ ปรากฏเสาสี่เสาที่เต็มไปด้วยคนรวมสี่เสาอยู่ที่สามสิบคน
“ซวก ซวก ซวก”เทียนถางเรียกกระบี่จักรพรรดิเยือกแข็งสี่เล่มทั้งสี่เล่มอยู่ในระดับอสูร เทียนถางยิ้มก่อนที่จะสะบัดมือส่งกระบี่ทั้งสี่เล่มออกไปอย่างรวดเร็วและด้วยความเร็วกับพลังทำลายของมันมินานคนทั้งสามสิบคนก็ตายทั้งหมด เทียนถางนั้นยิ้มออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้ามายังใจกลางของกลุ่มโจรก่อนที่จะส่งกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วสังหารกลุ่มโจรทันที
“อาณาเขตเพลิงราชันย์”เสียงคำรามของบ้างคนดังขึ้นและเพลิงจำนวนมหาศาลก็เริ่มเผาผลาญทุกอย่างเทียนถางขยับร่างกายอย่างรวดเร็วหลบการเพลิงสีแดงฉานที่พุ่งเข้าใส่มัน มันสังเกตเห็นใช้ที่ส่งเสียงได้มิยากก่อนที่มันจะซัดฝ่ามือออกไปส่งมังกรน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่ชายผู้นั้น แต่ชายผู้นั้นกับทำเพียงสะบัดมือก็ทำลายมังกรน้ำแข็งของเทียนถางได้อย่างง่ายดาย
“จัดการใช้ผู้นั้นก่อน”เทียนถางคำรามออกมาอย่างดุร้าย ช่างเว่ยและคนอื่นต่างพุ่งเข้ามาและโจมตีใช้ชายที่ส่งเสียง ชายผู้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่มีหนวดเขลาลุงลังและมีรอยแผลขนาดใหญ่ที่กลางหน้าผากมันเรียกขวานขนาดใหญ่สองอันเข้ามาในมือก่อนที่จะโจมตีเข้าใส่พวกช่างเว่ย เทียนถางเลิกสนใจมันและมุ่งมั่นกับการสังหารกลุ่มโจรโดยมิได้สนใจสิ่งใดเอง
“ตูม ตูม ตูม”เทียนถางทำลายล้างทุกสังหารกดลุ่มโจมและเผาทำลายทุกสิ่งแต่การร่างใหญ่ก็มิสามารถที่จะทำหรือช่วยเหลือสิ่งใดได้ถึงมันจะอยู่ในระดับอสูรแต่มันคงเลื่อนระดับได้มินานพลังปราณของมันจึงยังมิสมบูรณ์จึงทำให้มันใช้พลังเต็มไปมิได้และยังถูกระดับมนุษย์ถึงสามคนโจมตีประสานกับเข้าใส่อย่างรวดเร็วและรุนแรงอีกด้วย
“ซวก”เทียนถางจ้องมองการต่อสู้อยู่บนฟ้าในมือของมันมีกงจักรหยกสีรุ้งที่เตรียมรอโจมตี การต่อสู้เป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ชายร่างใหญ่ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้มันโยนบางอย่างเข้าไปในปากก่อนที่พลังที่รุนแรงจะระเบิดออกมาจากร่างกายของมันอย่างบ้าคลั่ง ช่างเว่ยและคนอื่นรีบกระโดดถอยออกมา เทียนถางสบโอกาสสะบัดกงจักรออกไปด้านข้างก่อนที่จะส่งกระบี่ทั้งสี่พุ่งตรงเข้าหาชายร่างใหญ่ กระบี่ทั้งสี่ถูกหยุดได้อย่างง่ายได้แต่กงจักรพุ่งเข้าใส่คอของชายร่างใหญ่ด้วยความเร็วที่สูงมาก
“ราชสีห์คำราม”ช่างร่างใหญ่คำรามออกมาอย่างดุร้ายมันราวกับเสียงของราชสีห์ที่ดุร้ายทำให้เทียนถางเสียงสมาธิในการควบคุมกงจักรเล็กน้อยนั้นทำให้ชายร่างใหญ่หลบได้
“เอาเลย”เทียนถางคำรามออกมาอย่างจริงจังทั้งสามพุ่งเข้าใส่ชายร่างใหญ่อีกครั้งปรากฏเพลิงที่เท้าของชายร่างก่อนทีจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เทียนถางรีบสะบัดมือดึงทั้งสามหลบออกทันที เกิดกลุ่มควันมากมายขึ้นเทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่ชายร่างใหญ่จะพุ่งเข้ามาอยู่ด้านหน้ามันที่กลางอากาศเลย นั้นทำให้มันตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มและเพิ่มน้ำหนักของชายร่างใหญ่ขึ้นกดมันลงไปที่พื้นแม้แต่ชายร่างใหญ่เองก็ยังตกตะลึงในตอนนี้เทียนถางสามารถเพิ่มน้ำหนักได้สิบสามตันเลย
“เจ้าเป็นใครถึงกล้าโจมตีเรา หย่าเว่ยจากกลุ่มโจรหมื่นซากศพ”ชายร่างใหญ่กล่าวถามออกมาอย่างดุร้าย จิตสังหารที่รุนแรงพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
“เจ้ามิจำเป็นต้องรู้”เทียนถางกล่าวออกมาก่อนที่จะใช้กงจักรตัดคอของหย่าเว่ยออกและเก็บใส่ถุงก่อนที่จะเก็บหัวของคนอื่นๆเกิดสองร้อยหัวเข้าไปในถุงจำนวนมากและเผาฐานของกลุ่มโจรทิ้ง ช่างเยและอีกสองก็ประหลาดใจเช่นกันที่เทียนถางโหดเหี้ยมเช่นนี้ หลังจากนั้นกลุ่มของเทียนถางก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านอสูรแดงเหนือเพื่อหาที่พัก มันต้องเติมสำภาระให้เรียบร้อยก่อนที่จะมุ่งไหนไปที่ ที่ราบอสนีกู้ร้องในอีกมิช้านี้
“พวกท่านกลับมาแล้วเป็นเช่นใดบาง”เมื่อเทียนถางและกลุ่มกลับมาถึงหวังเจียงและตระกูลหวังกล่าวถามด้วยสีหน้าจริงจังแต่เมื่อเห็นร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเทียนถางและคนในกลุ่มพวกมันก็เข้าใจทันทีเพราะเลือดที่อยู่บนร่างของพวกมันมิใช้เลือดของพวกมันเอง เลือดมากมายที่เกิดจะการตัดหัวของคนนับร้อยนั้นเอง
“ท่านหวังโปรดหาที่พักให้พวกเราทั้งสี่ด้วย”ช่างเว่ยกล่าวออกมาอย่างจริงจังเพราะตอนนี้พวกมันทั้งสามเหนื่อยล้ามากมีเพียงเทียนถางเท่านั้นที่ยังคงสงบอยู่ หลังจากนั้นทั้งสามก็เข้าไปพักที่บ้านพักของตระกูลหวังทั้งสี่อาบน้ำในบ่อน้ำกลางแจ้งพร้อมกับเทียนถางมิได้อาบน้ำเป้นกลุ่มเช่นนี้มานานแสนนานแล้ว มันจ้องมองไปที่อีกสามที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสี่จะกลับไปทานอาหารที่บ้านพัก
“พวกท่านพบหยกเพลิงของเราหรือไม่”หวังเจียงและกลุ่มเดินเข้ามาที่บ้านพักของเทียนถางก่อนที่จะนั่งทานอาหารร่วมกันในระหว่างการทานอาหารหวังเจียงกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ช่างเว่ยและอีกสองจ้องมองไปที่เทียนถาง เทียนถางส่ายหัวเพราะว่าในค่ายของหย่าเว่ยนั้นมิมีสมบัติมากมายนักนั้นเอง
“ข้าคิดว่าพวกมันคงจะเป็นกลุ่มของที่ราบอสนีกู้ร้อง”เทียนถางจึงได้กล่าวออกมาแทนนั้นทำให้ทั้งสามพยักหน้าเห็นด้วย คนตระกูลหวังเองก็พยักหน้าเห็นด้วยหลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปเข้านอนแต่เทียนถางนั้นมิได้สนใจการนอนมันเพ่งสมาธิลงไปยังทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์บทสุดท้าย เพื่อจะได้ใช้ทักษะนี้ในการต่อสู้มันต้องรีบฝึกให้สำเร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฟุม ฟุม”กระแสของอำนาจแห่งผืนฟ้าและผืนโลกถูกดูดซับอย่างรวดเร็วจนสามารถที่จะเห็นได้ด้วยตา ก้อนพลังที่อยู่ใจกลางตันเถียนของเทียนถางขยายขึ้นอย่างรวดเร็วสีของมันจากสีขาวเปลี่ยนไปเป็นสีฟ้าและเข้มขึ้นเรื่อยๆ แต่เทียนถางเองก็มิรู้ว่ามันคือสิ่งใดแต่มันเติบโตขึ้นด้วยทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ เทียนถางประหลาดใจมากที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“นี้เช้าอีกแล้วหรือ”เทียนถางมิอาจที่จะรับรู้ถึงเวลาได้เลยหลังจากที่มันฝึกมาอย่างยาวนานมันก็ยังมิอาจที่จะสำเร็จทักษะ อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์ บทสุดท้ายได้เพราะก้อนสีน้ำเงินเข้มนั้นได้ดูดกลืนพลังที่จะใช้ฝึก เก้าในสิบส่วนไปเป็นของมันเอง เทียนถางรู้สึกหงุดหงิดมาแต่ก็มิอาจที่จะทำสิ่งใดได้เลยมันจึงได้ลืมตาขึ้นปรากฏว่าตอนนี้รุ่งเช้าอีกแล้วเทียนถางอุทานออกมาอย่างสิ้นหวังเพราะว่ามันมิอาจที่จะรับรู้ได้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแต่อีกสามคนก็ยังมิตื่น