ตอนที่แล้วอาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปหลงอู่

ป่าศิลาเทาที่ไม่คาดฟัน


ตอนที่11 ป่าศิลาเทาที่ไม่คาดฟัน

 

“ดีเช่นนั้นพวกเราควรจะเดินทางต่อ”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทุกคนพยักหน้าก่อนที่ เทียนถางและกลุ่มจะเดินทางกลับไปที่หอสรเทาก่อนที่จะขึ้นรถม้าและออกเดินทางไปที่ป่าศิลาเทาเพื่อที่จะจัดการกับกลุ่มของโจรหมื่นซากศพกลุ่มสุดท้ายและยังเป็นสถานที่ตั้งหลักของกลุ่มโจรหมื่นซากศพอีกด้วย เทียนถางนั่งขมวดคิ้วเข้าหากันอยู่เพราะตอนนี้มันมิอาจที่จะฝึกทักษะ ดรรชนีอสนีเบิกฟ้า ได้เพราะว่าพลังที่อยู่ในก้อนพลังของโอดินนั้นมีน้อยเกินไป

 

“หรือข้าควรที่จะหาทักษะ ประเภทอสนีมาฝึก โอสถหรือสิ่งใดจะช่วยข้าได้”เทียนถางลืมตาขึ้นก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างจริงจังแววตาของมันเต็มไปด้วยความสับสนแต่แล้วมันก็จ้องมองออกไปด้านนอกทุกคนกำลังทานอาหารกันอยู่มันจึงได้ออกไปหาทั้งสามคนทันที เมื่อเห็นเทียนถางมาร่วมวงทานอาหารด้วยทั้งสามก็ประหลาดใจเล็กน้อย

 

“พวกเจ้ามีผู้ใดที่มีตำราทักษะธาตุอสนีหรือไม่”เทียนถางกล่าวถามด้วยสีหน้าเย็นชานั้นทำให้ทั้งสามตกตะลึงเล็กน้อยและช่างเว่ยก็ยื่นชามอาหารให้เทียนถาง ก่อนที่มันจะเริ่มค้นแหวนมิติของมันและก็ยิ้มออกมา

“ข้ามีนะ”ช่างเว่ย หมิงจูและเนียจิงกล่าวออกมาพร้อมกับและยื่นตำราทักษะธาตุอสนีให้เทียนถางคนละเล่มนั้นทำให้มันประหลาดใจก่อนที่จะหยิบทั้งสามเล่มมาอ่าน หนึ่งตำราทักษะกำลังภายใน ปราณหลั่งไหล หนึ่งตำราทักษะป้องกัน โล่อสนีพิทักษ์ หนึ่งตำราทักษะต่อสู้ อสนีฟาดพิภพ ทั้งหมดนี้ทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันและคิดได้ว่าทักษะที่มันควรจะฝึกก็คือทักษะประเภทต่อสู้ อสนีฟาดพิภพ

 

“เราต้องเดินทางกันอีกนานหรือไม่กว่าเราจะถึงป่าศิลาเทา”เทียนถางกล่าวถามออกมาด้วยสีหน้าดุร้าย นั้นทำให้ทั้งสามจ้องมองหน้ากันทันที

“ก็คงราวสิบวัน”ช่างเว่ยครุ่นคิดเร็วน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างจริงจัง นั้นทำให้เทียนถางพยักหน้าและกลับไปที่ที่รถม้านั้นทำให้ทั้งสามจ้องมองหน้ากันอย่างขบขันเพราะว่าพวกมันมิอาจที่จะเข้าใจความคิดของเทียนถางเลยแม้แต่นั้น เทียนถางเมื่อกลับมาที่รถม้ามันก็เริ่มทบทวนทักษะ อสนีฟาดภพ ถึงจะเป็นเพียงแค่ทักษะระดับสามเท่านั้น มีทั้งหมดสามบท บทที่หนึ่ง สร้างอสนีบาตขึ้นมาจากปราณ บทที่สอง รวบรวมอสนีบาตให้เป็นกลุ่มก้อน บทที่สาม ทำให้อสนีบาตที่สร้างฟาดลงสู่พิภพอย่างรุนแรง

 

เทียนถางเริ่มฝึกทักษะนี้อย่างช้าๆโดยที่ผมได้เข้าไปในตันเถียนและดูดซับพลังจากก้อนพลังแห่งโอดินและเริ่มโคจรพลังปราณในร่างกายอย่างรวดเร็ว พลังปราณของอสนีเข้าแทนที่พลังปราณของน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว เทียนถางเริ่มเรียกปราณอสนีออกมาจากร่างกายมันง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือเพราะว่าเทียนถางตอนที่ยังเป็นโอดินนั้นเข้าใจในอสนีบาตมากกว่าผู้ใดในจักรวาลแค่นี้มิใช้เรื่องอย่างเลย นั้นทำให้มันสามารถที่จะบรรลุบทที่หนึ่งแห่งทักษะ อสนีฟาดภพ แล้ว

 

ก้อนพลังแห่งโอดินเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันได้รับอาหารที่มันชื่นชอบปราณของธาตุอสนีในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เทียนถางจึงได้ยิ้มก่อนที่จะเริ่มฝึกบทที่สองแห่งทักษะ อสนีฟาดภพ ต่อทันทีมันเริ่มหลอมรวมปราณอสนีให้เป็นก้อนมินานมันก็หลวมรวมได้จนสำเร็จและพลังอำนาจก็เพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก้อนพลังของโอดินมีขนาดใหญ่ได้ครึ่งหนึ่งของเกาะตันเถียนของเทียนถางแล้ว

 

“ดะ...ดูนั้นสิที่ร่างกายของเทียนถางนะ”หลังจากออกเดินทางได้มินานเนียจิงที่นั่งอยู่ได้เห็นประกายแสงของบางอย่างมันจึงได้หันเข้าไปมองในรถม้าปรากฏประกายอสนีจำนวนมากไหลอยู่ล้อมรอบร่างกายของเทียนถางมันรีบกล่าวออกมาอย่างติดขัดนั้นทำให้ช่างเว่ยและหมิงจูที่กำลังชมวิวอยู่หันไปมองนั้นทำให้มันทั้งสองตกตะลึง

 

“เทียนถางเป็นผู้ครอบครองสองอำนาจปราณหรือ”ช่างเว่ยกล่าวออกมาอย่างจริงจังเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของมันนั้นทำให้หมิงจูและเนียจิงหันไปมองที่มันอย่างสนใจ ช่างเว่ยจึงได้เริ่มเล่าถึงสิ่งที่มันรู้มาจากบิดาของมันให้ฟังว่าผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่จะที่ครอบครองธาตุปราณเพียงหนึ่งเท่านั้นแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่มากมายมหาศาลเท่านั้นถึงจะได้ครอบครองธาตุปราณที่สอง แต่มันก็ยังมีหนทางที่จะมีธาตุปราณที่สองอีกเมื่อผู้ฝึกยุทธได้เข้าสู่ระดับ ราชันย์ ซึ่งตอนนี้มีผู้ที่อยู่ในระดับ ราชันย์ เพียงน้อยนิดเท่านั้น เมื่อได้ยินทั้งสองก็ตกตะลึง

 

“แสดงว่าเทียนถางต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่สูงอย่างมหาศาลเลยสินะ”เนียจิงกล่าวออกมาอย่างตกตะลึงก่อนที่จ้องมองไปที่เทียนถางที่กำลังนั่งฝึกอยู่สายตาของมันเต็มไปด้วยความเคารพ เทียนถางในตอนนี้ได้บรรลุทักษะ อสนีฟาดภพ บทที่สองแล้วและยังได้เข้าสู่ระดับมนุษย์ขั้นที่ห้าแล้วด้วยตอนนี้ขนาดของก้อนพลังแห่งโอดินได้มีขนาดได้สองในสามของเกาะตันเถียนของมันแล้ว

 

“นี้ก็สิบวันแล้วแต่เทียนถางยังมิหยุดฝึกเลย”เนียจิงจ้องมองเข้าไปที่ลดม้าด้วยสีหน้าเศร้าโศกนั้นเพราะว่ามันมินานทานอาหารกับเทียนถางมาสิบวันแล้ว ช่างเว่ยและหมิงจูเองก็เศร้าใจเช่นกันแต่แล้วพลังปราณที่รุนแรงก็ระเบิดออกมาจากรถม้านั้นทำให้ทั้งสามตกตะลึงก่อนที่จะมีประกายอสนีพุ่งไปทั่วทุกทิศม้าต่างตื่นตกตระหนกช่างเว่ยรีบไปคลุมม้าก่อนที่แสงทั้งหมดจะสลายหายไปและเทียนถางก็ลืมตาพลังปราณระดับมนุษย์ขั้นที่หกระเบิดออกมาจากร่างกายของมันทันทีนั้นทำให้ทั้งสามตกตะลึงอีกครั้ง

 

ตอนนี้เทียนถางได้เข้าสู่ระดับมนุษย์ขึ้นที่สามแล้วนั้นเพราะว่าตอนนี้เกาะตันเถียนของมันได้ขยายตันขึ้นเป็นสองเท่าเพียงให้ก้อนพลังแห่งโอดินได้ขยับมาอยู่ด้านข้างและพลังของเกาะตันเถียนและก้อนพลังแห่งโอดินก็ได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์พลังปราณในร่างกายของเทียนถางนั้นมีทั้งปราณธาตุน้ำแข็งและธาตุอสนีไหลไปพร้อมกับอย่างสงบ และตอนนี้มันยังได้บรรลุทักษะ อสนีฟาดภพ บทที่สามอย่างสมบูรณ์แล้วเช่นกัน

 

“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งเกินไปแล้วเทียนถาง”เนียจิงที่ยืนอยู่ด้านข้างของหมิงจูก็กล่าวออกมาอย่างเศร้าใจและขบขันไปในเวลาเดียวกันนั้นทำให้ช่างเว่ยและหมิงจูขบขันเช่นกัน

“ดูนั้นสิ”มินานก็เช้าทั้งสี่เดินทางตออย่างรวดเร็วเทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายเมื่อเห็นบางทั้งสามจึงได้หันไปจ้องมองปรากฏหัวมนุษย์เต็มไปด้วยหัวของมนุษย์ปักอยู่กับหอกตั้งไว้ตามทางนี้เป็นเพียงแค่ทางเข้าของป่าศิลาเทาเท่านั้นแต่กับมีสิ่งที่โหดร้ายเช่นนี้อยู่แล้วเทียนถางและกลุ่มปลดปล่อยประสาทสัมผัสและจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรงทันที

 

“เราควรจะทำเช่นใดต่อดี”เนียจิงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังและจ้องมองมาที่เทียนถาง ซึ่งช่างเว่ยและหมิงจูเองก็จ้องมองมาที่เทียนถางด้วยเช่นกัน

“พวกเราต้องไปดูที่ตั้งของค่ายโจรหมื่นซากศพก่อน แล้วข้าจะคิดแผนขึ้นมาจัดการพวกมันเอง”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายนั้นทำให้ทั้งสามพยักหน้าและทั้งกลุ่มก็มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่มินานเทียนถางก็สัมผัสได้ถึงจิตของบางคนที่ติดตามมันมา เทียนถางสะบัดมือปลดปล่อยกงจักรหยกสีรุ้งออกไปอย่างรวดเร็ว และด้วยความสามารถของกงจักรหยกสีรุ่งในตอนนี้ที่ได้เลื่อนระดับเข้าสู่ระดับอสูรอย่างแท้จริงมันจึงรวดเร็ว แหลมคมและแข็งแกร่งอย่างมหาศาล

 

“เจ้าคือผู้ใดจึงได้ติดตามเรามา”เทียนถางกล่าวถามออกมาอย่างดุร้าย มินานร่างของคนก็ตกลงมาที่พื้นนั้นทำให้ช่างเว่ยและอีกสองคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นดุร้ายอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่อยู่ที่ด้านหน้าของพวกมันมิเหมือนกับโจรเลยแต่มันราวกับผู้ฝึกยุทธจากตระกูลใหญ่เสียมากกว่าเสื้อผ้าและการแต่งตัวดูดีหรูหราเป็นอย่างมาก

 

“ข้า ชูหลิน จากตระกูลชู อาณาจักรเกร็ดมังกร”ชายคนนั้นลุกขึ้นจากพื้นก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเป็นมิตรนั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันและดึงถึงตำราภูมิประเทศที่เคยอ่านตระกูลชูจากอาณาจักรเกร็ดมังกรคือผู้นำเหล่าอาณาจักรและยังเป็นราชวงศ์อย่างแต่จริงแห่งอาณาจักรเกร็ดมังกร นั้นทำให้เทียนถางจ้องมองไปที่ชุดหรูหราและสังเกตเห็นสัญลักษณ์สีทองตามเสื้อผ้าของชูหลินนั้นทำให้เทียนถางมันใจว่าชายตรงหน้ามันคือราชวงศ์เป็นแน่

 

“เจ้าเป็นองค์ลำดับที่เท่าใด”เทียนถางกล่าวถามออกมาอีกครั้งนั้นทำให้ช่างเว่ยและอีกสองตกตะลึงแม้แต่ชูหลินยังตกตะลึงกับคำถามของเทียนถางก่อนที่จะยิ้มด้วยความประหลาดใจ

“ข้าชูหลินองค์ลำดับที่สองแห่งอาณาจักรเกร็ดมังกร”ชูหลินกล่าวตอบออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ช่างเว่ยอีกสองตกตะลึงมากเข้าไปอีกพวกมันทั้งสามอ้าปากค้างก่อนที่จะจ้องมองไปที่ชูหลินและจ้องมองกลับมาที่เทียนถางด้วยสีหน้าสับสน เทียนถางจึงได้ยิ้มก่อนที่จะเปลี่ยนสีเป็นเย็นชาของมันเช่นเดิม

 

“ข้า เทียนถาง จากตระกูเทียน องค์ชายลำดับที่หนึ่งแห่งอาณาจักรเขี้ยวมังกร”เทียนถางกล่าวแนะนำตัวเช่นกันนั้นทำให้ชูหลินและทั้งสามตกตะลึงมากเข้าไปอีก นี้เป็นครั้งแรกที่เทียนถางแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนั้นทำให้พวกมันรู้ตัวตนที่แท้จริงของเทียนถาง ช่างเว่ยนั้นเต็มไปด้วยความสับสนแต่มันก็ทำใจเชื่อได้อย่างง่ายดาย

 

“ถ้าให้ข้าเดาเจ้าต้องการที่จะกำจัดกลุ่มโจรหมื่นซากศพเช่นเดียวหับเราใช้หรือไม่ ทำให้มันง่ายขึ้นมากับเราสิมันจะได้ง่ายต่อการจัดการแต่หัวของพวกมันทั้งหมดต้องเป็นของเรา”ช่างเว่ยเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังก่อนที่จะกล่าวออกมานั้นทำให้หมิงจูและเนียจิงได้สติกลับมา ชูหลินนั้นครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้าตอบและได้ขึ้นรถม้ามานั่งด้านข้างของเทียนถางแต่ทั้งสองนั้นมิได้คุยกันแม้แต่คำเดียวนั้นทำให้หมิงจูและเนียจิงอึดอัดเป็นอย่างมาก

 

“นั้นคือที่ตั้งของค่ายโจรหมื่นซากศพหรือไม่”มินานกลุ่มของเทียนถางก็เดินทางอ้อมมาถึงด้านบนของยอดเขาและจ้องมองลงไปด้านล่างเนียจิงเห็นกลุ่มควันมันจึงกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งกลุ่มสนใจจ้องมองตามไป เทียนถางจ้องมองออกไปอย่างดุร้ายก่อนที่จะยกรถม้าที่ทุกคนนั่งอยู่ให้ลอยขึ้นและยกให้ลอยออกไปอย่างช้าๆ

 

“เจ้ามีความสามารถสูงยิ่งองค์ชายเทียน”ชูหลินนั้นตกตะลึงมากแต่ทั้งสามที่อยู่กับเทียนถางจนสามารถที่จะจดจำความสามารถของเทียนถางได้แล้วก็มิได้กล่าวสิ่งใดมากนัก ชูหลินกล่าวออกมาอย่างจริงจังเทียนถางมิได้กล่าวตอบนั้นทำให้ชูหลินประหลาดใจก่อนที่จะจ้องไปที่ทั้งสาม ช่างเว่ยจึงได้กล่าวคุยกับชูหลินเกี่ยวกับเทียนถางที่เป็นคนมิค่อยกล่าวคุยกันนั้นทำให้ชูหลินเข้าใจทันทีและมันยังได้รู้ว่าเทียนถางเป็นคนเย็นชาเป็นอย่างมากอีกด้วย

 

“ชูหลินเจ้าอยู่ในระดับอสูรขั้นสี่ เจ้ารับมือกับหัวหน้าโจร ช่างเว่ย หมิงจู เนียจิง พวกจัดการจัดการกับเจ้าชายชราทั้งสามนั้น ชายจะกลาดล้างที่เหลือเอง”เมื่อมาถึงยังท้องฟ้าสูงออกมาจากค่ายของโจรเล็กน้อยเทียนถาง ก็สามารถมองเห็นล้อมรอบค่ายได้ มันสามารถที่จะจับสังเกตของคนได้อย่างง่ายดายมันจึงได้กล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งสี่หยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว

 

“หัวหน้าโจรน่าจะมีระดับตอนนี้อยู่ที่ระดับอสูรขั้นที่สี่เช่นเจ้านะชูหลินระวังตัวด้วย”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงเพราะว่าตอนที่เทียนถางและกลุ่มรับภารกิจในภารกิจเขียนว่าหัวหน้าโจรหมื่นซากศพนั้นอยู่ในระดับอสูรขั้นที่สองเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกมันไม่อาจที่จะทำสิ่งใดได้แล้ว เทียนถางเอารถม้าลงจอดใจกลางค่ายโจรทันที

 

“สังหารให้หมด”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายทันทีชูหลินและกลุ่มพุ่งเข้าใส่กลุ่มของหัวหน้าโจรที่นั่งทานอาหารกันอยู่ เทียนถางเรียกกระบี่จักรพรรดิเยือกแข็งออกมาหกเล่มและกงจักรหยกสีรุ่งก็ถูกเรียกออกมามันลอยขึ้นจากพื้นด้วยตัวคนเดียวก่อนที่จะสะบัดมือปลดปล่อยศาสตราวุธออกไปสังหารเหล่าโจรอย่างรวดเร็ว

 

“กำแพงเหล็กไร้ใจ”

“คลื่นพิภพเลื่อนลั่น”ในเวลาเดียวกันนั้นหัวหน้าโจรตกตะลึงมากแต่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนที่จะกล่าวอย่างดุร้ายก่อนที่จะต่อยลงไปที่พื้นปรากฏคลื่นปราณที่มีสีเทาพุ่งไปตามพื้นวิ่งเข้ามาชูหลิน เมื่อชูหลินเห็นมันนั้นกล่าวออกมาอย่างดุร้ายเช่นกันระหว่างที่มันวิ่งอยู่มันก็กระทืบพื้นลงไปอย่างรุนแรงก่อนที่พื้นดินกระสั่นสะเทือนจนเกิดคลื่นดินพุ่งออกไปล้อมรอบทิศนั้นทำให้

 

“พวกเจ้าเป็นผู้ใดจึงกล้าโจมตีพวกเรา”หัวหน้าโจรหมื่นซากศพคำรามออกมาอย่างดุร้าย ชูหลินนั้นมิได้ตอบมันพุ่งเข้าไปที่ด้านหน้าของหัวหน้าโจรที่มีร่างกายใหญ่โตหนวดเขลาลุงลังพร้อมกับปรากฏมีดสั้นเล่มหนึ่งในมือของมันและมันก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วฟันเข้าใส่หัวหน้าโจรด้วยความเร็วสูง หัวหน้าโจรเต็มไปด้วยความโกรธมันโค้งตัวไปด้านหลังก่อนที่จะมีแสงส่องสว่างที่มือทั้งสองข้างของมันก่อนที่จะพุ่งตัวมาด้านหน้าและต่อยไปที่ชูหลิน

 

“ตูมมม”ชูหลินพุ่งออกมาด้านหลังด้วยความเร็วสูงแต่พื้นที่มันเคยยืนอยู่นั้นแหลกมิมีชิ้นดีเลย หัวหน้าโจรยกหมัดขึ้นมีถุงมือสีดำห่อหุ้มมือของมันยังและยังมีพลังระดับอสูรพุ่งออกอย่างรุนแรง เทียนถางจ้องมองเหตุการณ์อย่างอย่างสงบแต่มิได้เข้าไปช่วยเพราะตอนนี้มันมีหน้าที่กำจัดเหล่าโจรที่เหลือทั้งหมดก่อน

 

“อ้ากกก”เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของบางคนดังขึ้นและมันเป็นเสียงที่ดังจนเทียนถางต้องหันไปจ้องมองปรากฏว่าช่างเว่ยสามารถที่จะตัดแขนของหนึ่งในชายชราได้แล้ว เพลิงสีแดงฉานเริ่มเผาไหม้ร่างของชายชราด้วยความเร็วที่สูงมากและในที่สุดเสียงก็เงียบลงนั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงชายชราอีกสองพุ่งเข้าหาช่างเว่ยด้วยความโกรธแค้นแต่ก็ถูกเนียจิงและหมิงจูหยุดเอาไว้

 

“อาณาเขตเยือกแข็งสวรรค์”เทียนถางนั้นเมื่อเห็นเช่นนั้นมันก็ยิ้มออกมาตอนนี้มิมีผู้ที่จะหยุดมันได้แล้วนอกจากหัวหน้าโจรแต่หัวหน้าโจรก็มิอาจที่จะเข้ามาหยุดมันในตอนนี้ได้มันลอยลงมาใช้เท้าแตะไปที่พื้นก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างดุร้ายมินานพลังปราณที่เย็นเฉียบก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเทียนถางและพุ่งออกมาเป็นคลื่นแช่แข็งทุกผู้คนที่อยู่ล้อมรอบแต่เทียนถางนั้นได้แช่แข็งแค่ร่างกายเท่านั้นเหลือไว้เพียงหัวมันสะบัดมือส่งกระบี่ไปตัดหัวของคนเหล่านั้นทันที

 

“เจ้าตัวเดรัจฉานข้าจะฉีกร่างและทรมานเจ้าจนตาย”หัวหน้าโจรเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่โหดเหี้ยมของการที่ลูกน้อยนับพันของมันถูกสังหารอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้มันก็คำรามออกมาอย่างดุร้ายและพุ่งเข้าหาเทียนถาง แต่ก็ถูกชูหลินแตะเข้าใส่ที่หลังจนกระเด็นออกไปก่อนที่จะถึงตัวเทียนถาง ชูหลินเองก็ตกตะลึงในความสามารถของเทียนถางเช่นกัน

 

“ชูหลิน ช่างเว่ย หมิงจู เนียจิงข้าฝากพวกเจ้าจัดการพื้นที่ล้อมรอบนี้ข้าจะเข้าไปดูที่บ้านหลังใหญ่นั้นก่อนเพื่อที่นั้นจะมีสมบัติให้พวกเรา”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังเมื่อเห็นว่าหัวหน้าโจรและชายชราอีกสองมิมีทางที่จะหยุดมันได้ นั้นทำให้หัวหน้าโจรยิ่งโกรธแค้นเข้าไปอีกชูหลินและอีกสามคนพยักหน้าตอบ เทียนถางพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงมุ่งไปที่บ้านหลังใหญ่ที่สุดในค่ายโจรแห่งนี้มินานมันก็เข้ามาด้านใน

 

“ประหลาดยิ่ง”เทียนถางจ้องมองไปล้อมรอบพื้นที่ของบ้านหลังใหญ่ที่ถูกสร้างจากไม้ทั้งหมด ด้านในเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายแต่มันกลับมิเจอสิ่งใดเลยจนมินานมันก็พบกับบางสิ่งนั้นทำให้เทียนถางอุทานออกมาก็พบว่าประตูขนาดใหญ่และได้พบว่าพื้นที่ของบ้านนี้ได้สร้างติดกับภูเขาโดยที่ประตูนี้ได้รวมเข้ากับภูเขานั้นทำให้เทียนถางประหลาดใจมากก่อนที่มันจะได้ลองใช้พลังปราณของจิตภูตเพื่อเปิดประตูมินานมันก็สำเร็จ

 

เทียนถางประตูออกได้อย่างง่ายดายพร้อมกับที่มีแสงสว่างออกมาอย่างรุนแรงเทียนถางจ้องมองเข้าไปก่อนที่และลอยเข้าไปปรากฏทองคำและเหรียญมากมาย นั้นทำให้เทียนถางยิ้มก่อนที่จะดูดกลืนสมบัติทั้งหมดของเหล่าโจรเข้ามาที่แหวนมิติทั้งสองวงของมัน แต่แล้วมันก็พบกับบางอย่างที่ใจกลางห้อง เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะลอยเขข้าไปใกล้ๆ

 

“นี้คือสิ่งใดกัน”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายเพราะสิ่งที่มันเห็นคือชายวัยกลางคนที่ถูกโซ่จำนวนมหาศาลหมัดเอาไว้โดนที่มีรูปแบบของพลังปราณจำนวนมากเขียนไว้ล้อมรอบผนึกชายวัยกลางคนเอาไว้ เทียนถางเต็มไปด้วยความสนใจมันจึงได้ลอยลงไปใกล้ๆ

 

“เจ้ายังมิตายสินะ”เทียนถางกล่าวถามอย่างดุร้ายนั้นทำให้ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองที่เทียนถางด้วยสายตาดุร้าย

“เจ้าเป็นผู้ใดแล้วต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”เทียนถางกล่าวถามออกมาอีกครั้งนั้นทำให้ชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความสับสนก่อนที่จะจ้องมองเข้ามาที่ดวงตาของเทียนถาง ซึ่งตอนนี้เทียนถางเริ่มเบื่อที่จะรอแล้วมันจึงได้หันหลังเพื่อที่จะจากไป เทียนถางก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณที่รุนแรงพุ่งเข้าใส่ด้านหลังของเทียนถาง

 

“ช่วยเหลือข้าจะสาบานว่าจะตอบแทนท่าน”ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะมันสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงพลังปราณประหลาดของชายวัยกลางคนนั้นทำให้เทียนถางรับรู้ได้ว่าพลังปราณของชายวัยกลางคนนั้นอยู่ในระดับผู้ยิ่งใหญ่ขั้นที่สิบนั้นทำให้เทียนถางจ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนอย่างจริงจัง

 

“ข้าอย่างรู้บางอย่างก่อนที่จะช่วยเหลือเจ้า ผู้ใดที่จับเจ้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ได้”เทียนถางกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังทันทีเพราะว่ามันต้องการที่จะรู้ว่าชายวัยกลางคนที่อยู่ในระดับผู้ยิ่งใหญ่ขั้นที่สิบ เหตุใดจึงได้ถูกจับมาอยู่เช่นนี้ได้เทียนถางเต็มไปด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก ชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความโกรธแค้นแววตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด