ที่ราบอสนีกู้ร้อง
ตอนที่9 ที่ราบอสนีกู้ร้อง
“พวกเจ้าตื่นได้หรือยัง”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ทั้งสามที่น้องหลับตื่นขึ้นอย่างช้าๆเทียนถางจ้องมองอย่างขบขันเล็กน้อยก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำและแต่งตัวก่อนที่ทั้งสี่จะไปทานอาหารเพื่อที่จะออกเดินทางต่อ
“พวกท่านจะออกเดินทางแล้วสินะ ข้าขอให้พวกท่านทั้งสี่โชคดี”เมื่อเทียนถางและกลุ่มทานอาหารเสร็จก็เดินออกมาจากหอการค้าตระกูลหวังแต่ก่อนออกไปก็พบกับหวังจิน หวังหลี่ หวังเจียน ยืนรออยู่ทั้งสามกล่าวออกมาพร้อมกัน
“ข้ามิต้องการโชคเพราะสิ่งที่ต้องมันมิใช้โชคแต่คือพลัง”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินที่หวังเจียนกล่าวนั้นทำให้ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินที่เทียนถางกล่าวแม้แต่ช่างเว่ยและอีกสองคนเองก็ตกตะลึงที่เด็กหนุ่มอายุเพียงแค่สิบหกปีจะมีอคติที่รุนแรงเช่นนี้ หลังจากนั้นทั้งสี่ก้ออกเดินทางกันต่ออย่างรวดเร็ว เมื่อรถมาขยับเทียนถางก็นั่งสมาธิต่อทันที
“ฟุมมมมม”ก้อนพลังสีฟ้าใจกลางอากาศเหนือเกาะตันเถียนเริ่มดูดซับพลังของผืนฟ้าและผืนโลกอีกครั้งและครั้งนี้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมมากนั้นทำให้ช่างเว่ยและอีกสองคนสัมผัสได้ทันที พวกมันทั้งสามจ้องมองมาที่เทียนถางด้วยสายตาที่กำลังจ้องมองสัตว์ประหลาด แต่พวกมันเองก็เต็มไปด้วยความยินดีเช่นกันที่เทียนถางมีความสามารถสูงเช่นนี้
สิบวันต่อมา
“ฟุมมมม”เทียนถางทำเช่นเดิมตลอดสิบวันของการเดินทางของมันคือนั่งดูดซับพลังของผืนฟ้าและโลกจนตอนนี้มันได้เลื่อนเข้าสู่ระดับมนุษย์ขั้นที่สามแล้วละพลังปราณในร่างกายของมันปะทุออกมาจำนวนมหาศาลส่งผลให้ทั่งสามคนที่กำลังนอนอยู่ตื่นขึ้นและรับรู้ถึงระดับของเทียนถางนี้ทำให้พวกมันตกตะลึงเพราะเพียงแค่ไม่ถึงปีเทียนถางสามารถที่จะเลื่อนจากระดับเดรัจฉานขั้นที่หกเป็นระดับมนุษย์ขั้นที่สามได้นั้นขึ้นพลังของสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง
“ยินดีด้วยเทียนถาง”ช่างเว่ยและกลุ่มกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“มิต้องมากพิธีจะเช้าแล้วเราออกเดินทางเถอะ”เทียนถางมีได้ดีใจมันกล่าวออกมาอย่างจริงจังทันทีนั้นทำให้ทั้งกลุ่มจ้องมองหน้ากันก่อนที่จะลุกและออกเดินทางต่อทันที เมื่อเดินทางได้มิถึงครึ่งวันก็มีคนหลายสิบคนปรากฏที่ด้านหน้าของรถม้าเทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันและสะบัดมือปรากฏไอความเย็นปะทะร่างของพวกมันก่อนที่พวกมันจะได้กล่าวสิ่งใดนั้นทำให้พวกมันทั้งสิบตกตะลึง แต่ก็มิอาจที่จะขยับไปไหนได้เมื่อด้านหลังและด้านข้างทั้งสองฝั่งมิช่างเว่ยหมิงจูและเนียจิง ยืนอยู่อย่างดุร้าย
“พวกเจ้าเป็นใครถึงกล้าโจมตีพวกเรากลุ่มโจรหมื่นซากศพ”หัวหน้าของกลุ่มคนทั้งสิบคำรามออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับกระโดดลงมาจากต้นไม้ได้หลังของช่างเว่ย
“เหอะ”ช่างเว่ยส่งเสียงออกมาอย่างดูถูกพร้อมกับที่พุ่งเข้าหาหัวหน้าโจรและปรากฏกระบี่ฉิงเหลี่ยนที่มือซ้ายของมันพร้อมกับฟันเข้าใส่หัวหน้าโจร หัวหน้าโจรเองก็เต็มไปด้วยความดูถูกปรากฏขวานใหญ่สีเงินในมือของมันพร้อมฟันเข้าปะทะกระบี่ของช่างเว่ยจนเกิดแรงระเบิดที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้ทั้งสองปลิวออกไป
“สมกับเพียงแค่สวะอายุของเจ้าคงจะสี่สิบถึงห้าสิบปีแต่อยู่เพียงแค่ระดับมนุษย์ขั้นสิบเท่านั้น”ช่างเว่ยที่กระเด็นออกมากล่าวออกมาอย่างดูถูกพร้อมกับที่จ้องมองไปที่หัวหน้าโจรอย่างดุร้ายเมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวหน้าโจรก็เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดปรากฏแสงห่อหุ้มร่างกายของมันและเปลี่ยนร่างกายของมันให้มีสีเงินราวกับเหล็กเทียนถาง เคยอ่านเจอในตำราทักษะเล่มหนึ่งทักษะที่หัวหน้าโจรใช้คือทักษะ กายาเล็กกล้า เป็นทักษะระดับสี่
“ช่างเว่ยมันคือทักษะ กายาเหล็กกล้า ทักษะระดับสี่เท่านั้นริบสังหารมันเรามิอาจเสียเวลากับสวะเช่นนี้ได้”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายนั้นทำให้หัวหน้าโจรตกตะลึง ช่างเว่ยพยักหน้าตอบเทียนถางก่อนที่จะยิ้มออกมาปรากฏเปลวเพลิงอันร้อนแรงบนกระบี่ฉิงเหลี่ยนของช่างเว่ยก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่หัวหน้าโจรด้วยความเร็วสูง เทียนถางรับรู้ว่าตอนที่ประลองกันระหว่างมันกับช่างเว่ยนั้น ช่างเว่ยยังมิได้เอาจริงและเพราะเช่นนั้นเทียนถางจึงชนะได้อย่างง่ายดายเพราะความประมาทของช่างเว่ยนั้นเอง
“ตูมมม”การปะทะของหมัดที่เต็มไปด้วยพลังปราณแห่งเหล็กกับกระบี่ฉิงเหลี่ยนที่เต็มไปด้วยปราณแห่งเพลิง เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะว่าคนที่ถูกผลักกระเด็นออกมาด้านหลังกับเป็นช่างเว่ยมิใช้แค่นั้นหัวหน้าโจรพุ่งเข้าโจมตีใส่ช่างเว่ยอย่างรวดเร็วทันที เทียนถางจ้องมองลงไปในกระบวนทางการต่อสู้ที่หัวหน้าโจรใช้นั้นก็คือทักษะ กระบวนท่าหมีเหล็กกล้า มันคือทักษะการต่อสู้รูปแบบต่อเนื่องแต่ต่างจากทักษะของช่างเว่ยที่รวบรวมปราณเข้าไปเพื่อโจมตีออกไปในครั้งเดียวนั้นเอง
“ช่วงเว่ย ทักษะที่มันใช้มิได้แข็งแกร่งเล็กที่ขามันมีจุดอ่อนที่นั้น”เทียนถางยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าวออกไปนั้นทำให้หัวหน้าโจรตกตะลึง ช่างเว่ยมิลังเลที่จะฟันคลื่นกระบี่เพลิงที่รุนแรงเข้าใส่ขาทั้งสองขาของหัวหน้าโจรทันทีแต่กับมีพลังปราณที่รุนแรงพุ่งเข้าปะทะกับคลื่นกระบี่เพลิงของช่างเว่ยทันทีปรากฏร่างของชายชราเส้นผมสีขาวมีดวงตาสีแดงฉานและเต้มไปด้วยความโกรธที่มากมายแสดงออกมาทางดวงตาของมัน
“ช่างเว่ยรีบจัดการมัน เนียจิง หมิงจูสังหารกลุ่มของทั้งหมดข้าจะจัดการชายชรานั้นเอง”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างดุร้ายถึงเมื่อครู่มันจะสัมผัสได้ว่าชายชรานั้นมีระดับพลังอยู่ในระดับอสูรขั้นที่หนึ่งก็ตาม เนียจิงและหมิงจูพุ่งเข้าใส่กลุ่มโจรทันทีเพื่อที่จะสังหารพวกมันทำตามคำสั่งของเทียนถางทันทีโดยมิมีการลังเลใดๆเลย ชายชราพยายามที่จะพุ่งเข้าใส่เนียจิงและหมิงจูแต่ก็ถูกมังกรน้ำแข้งขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่มันอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเด็กนรกเจ้ากล้าขวางทางข้าหรือทั้งที่มีระดับพลังเพียงแค่ระดับมนุษย์ขั้นที่สามเท่านั้น”ชายชราคำรามออกมาด้วยเกรี้ยวกราดและดูถูกอย่างรุนแรง
“เจ้าเองก็อย่าอวดดีเกินไป ข้าทั้งสี่เคยสังหารกลุ่มของผู้ฝึกยุทธระดับอสูรมามากมายแล้ว”เทียนถางกล่าวตอบไป เมื่อชายชราได้ยินมันก็ต้องการที่จะหัวเราะอย่างขบขันแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เย็นชาของกลุ่มเทียนถางทั้งสี่คนมันก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังปรากฏกระบี่สีเงินในมือของมันพร้อมกับพลังปราณจำนวนมหาศาลระเบิดออกมาจากร่างกายของมันอย่างรุนแรง
“ตูม”ปรากฏกรงจักรหยกสีรุ้งในมือของเทียนถาง มันสะบัดมือส่งกงจักรพุ่งเข้าปะทะกับกระบี่สีเงินในมือของชายชราจนเกิดระเบิดที่รุนแรงขึ้นมิใช้แค่นั้นกงจักรพุ่งไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว เทียนถางเรียกกระบี่จักรพรรดิเยือกแข็งออกมาอีกสี่เล่ม พร้อมกับสะบัดมือส่งกระบี่ทั้งสี่พุ่งตามชายชราไปอย่างรวดเร็วเทียนถางจ้องมองไปก่อนที่จะลอยขึ้นจากรถม้าและจ้องมองไปที่กลุ่มของโจรที่กำลังตายเพราะถูกเนียจิงกับหมิงจูสังหาร
“อ้ากกกกก”เสียงที่เจ็บปวดของบางคนดังขึ้นเทียนถางจึงได้หันไปมองปรากฏว่าหัวหน้าโจรนั้นถูกฟันขาขาดไปข้างหนึ่ง เทียนถางจึงได้พยักหน้าด้วยความยินดีช่างเว่ยจ้องมองไปที่หัวหน้าโจรด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนทีจะฟันออกไปตัดคอหัวหน้าโจรออกมาอย่างดุร้าย เทียนถางพยักหน้าเพราะนี้คือสิ่งที่ต้องทำตีงูต้องตีให้ตายมิเช่นนั้นมันจะกลับมาสังหารเราในอนาคตเป็นแน่
“กังบุตรแห่งข้า เจ้าพวกสวะข้าจะสังหารพวกเจ้าทุกคน”ชายชราคำรามออกมาอย่าดุร้ายเมื่อเห็นช่างเว่ยสังหารบุตรของมัน มันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดและระเบิดพลังปราณอันบ้าคลั่งของธาตุเหล็กออกมาจากร่างกายของมันพุ่งเข้าใส่ช่างเว่ย เทียนถางเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาก่อนที่จะสะบัดมือเรียกกระบี่จักรพรรดิเยือกแข็งและกงจักรหยกสีรุ้งเข้ามาหมุนวนล้อมรอบร่างกายมันก่อนที่จะสะบัดมือส่งมังกรน้ำแข็งขนาดใหญ่เข้าใส่ชายชรา
“จงตาย กระบี่เหล็กผ่าสายลม”ชายชราคำรามออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับที่มันฟันกระบี่สีเงินในมือเข้าใส่มังกรน้ำแข็งจนร่างของมังกรน้ำแข็งขาดสะบัดออกเป็นสองส่วน ปรากฏกระบี่น้ำแข็งสี่เล่มพุ่งเข้าใส่ชายชราอย่างต่อเนื่องชายชรานั้นมิได้เกรงกลัวเลยมันสะบัดมือปรากฏโล่สีดำในมือและมันก็ส่งพลังปราณเข้าไปโล่นั้นก็ส่องแสงสีดำออกมา
โล่สีดำนั้นสามารถที่จะรับการโจมตีของกระบี่ทั้งสี่เล่มของเทียนถางได้อย่างง่ายดายนั้นทำให้เทียนถางขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะสะบัดมือส่งกงจักรเข้าไปปะทะกับโล่สีดำจนชายชราปลิวออกไปหลายสิบก้าวสีหน้าชายชราเปลี่ยนเป็นเย็นชามิคิดว่าพลังอำนาจของกงจักรจนรุนแรงกว่ากระบี่น้ำแข็งเช่นนี้เลย
“เจ้าเด็กอวดดี”ชายชราคำรมออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เทียนถางมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มากล้น ช่างเว่ยพุ่งเข้ามาจากด้านหน้าของชายชราและแทงกระบี่ที่เต็มไปด้วยเพลิงเข้าใส่ชายชรานั้นทำให้ชายชรายิ่งเต็มไปด้วยความโกรธมันสะบัดโล่สีดำเข้าใส่ก่อนที่หมิงจูและเนียจิงพุ่งออกมาจากสองฝั่งด้านข้างและโจมตีเข้าใส่จากทั้งสองฝั่ง
“หอกปราณเหล็กทะลวงฟ้า”ชายชราคำรามออกมาและกระทืบเท้าลงไปที่พื้นก่อนที่จะมีหอกปราณสีเทาพุ่งออกมาจากพื้นและแทงออกไปทั่วทุกทิศนั้นทำให้ช่างเว่ยกับทั้งสองพุ่งออกไปด้านหลังเทียนถางสะบัดมือออกไปด้วยความเร็วสูงปรากฏมังกรน้ำแข็งหลายตัวพุ่งเข้าใส่ชายชรานั้นทำให้ชายชรารีบเอาโล่สี่ดำต่อยเข้าใส่มังกรน้ำแข็งเกิดระเบิดที่รุนแรงขึ้นเศษน้ำแข็งทั้งหมดเปลี่ยนเป็นหอกแหลมแทงเข้าใส่แขนขวาของชายชราที่ถือโล่สีดำอยู่
“อ้ากกกก เจ้าตัวเดรัจฉาน”ชายชรากรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและจ้องมองไปที่เทียนถางก่อนที่จะคำรามออกมาอย่างดุร้าย แต่นั้นมิได้ทำให้เทียนถางหยุดมันสะบัดมืออีกครั้งปลดปล่อยกระบี่จักรพรรดิเยือกแข็งและกงจักรหยกสีรุ้งออกไปอย่างรวดเร็ว ชายชราฟันกระบี่เข้าใส่กระบี่ทั้งสี่ของเทียนถางก่อนที่กงจักรหยกสีรุ้งจะพุ่งทะลุอกของมันทันทีนั้นทำให้มันเบิกตากว้างก่อนที่จะล้มลงไปที่พื้นและทุกอย่างจะมืดดับลงก่อนที่มันจะสิ้นชีพ
“นี้ของพวกเจ้า”เทียนถางจ้องมองไปที่ชายชราอย่างดูถูกก่อนที่จะสะบัดมือดึงแหวนมิติที่ล้อมรอบทั้งหมดเข้ามาในมือของมันก่อนที่ส่งแหวนมิติของเหล่าโจรให้เนียจิงและหมิงจูคนละครึ่งและส่งแหวนมิติของหัวหน้าโจรกังให้ช่างเว่ยและเทียนถางก็เก็บแหวนของชายชราเอาไว้ หลังจากนั้นทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไปที่ที่ราบอสนีกู้ร้อง
เทียนถางตรวจสอบแหวนมิติของชายชราทันที ด้านในมีโอสถและเหรียญอยู่หลายแสนเหรียญและยังมีตำราอยู่สองเล่มซึ่งมีทักษะธาตุเพลิงอยู่หนึ่งเล่มเทียนถางจึงเอาให้หมิงจูที่มีปราณธาตุเพลิงอยู่ ถึงมันจะมีธาตุเพลิงเช่นช่างเว่ยแต่ทั้งสองอยู่คนละตระกูลนั้นจึงทำให้ทักษะของทั้งสองมิอาจที่จะอยู่ในระดับเดียวกัน เมื่อเห็นผมให้ตำราทักษะง่ายๆเช่นนี้นั้นทำให้หมิงจูมีความสุขมันจึงได้นำเหรียญให้เทียนถางแต่เทียนถางมิได้ต้องการมันจึงได้โบกมือและกลับมานั่งที่เดิม
เทียนถางจ้องมองลงไปที่ตำราอีกเล่มมันคือตำราทักษะที่มีนามว่า ปราณเยือกเย็น เป็นทักษะฝึกยุทธกำลังภายซึ่งมันเป็นทักษะระดับห้าเหนือกว่าทักษะ ปราณจิตภูต ที่เป็นระดับสี่และยังเป็นทักษะที่ตรงกับพลังปราณของเทียนถางซึ่งเป็นธาตุน้ำเทียนถางจ้องมองลงไปที่ตำราทักษะด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเริ่มฝึกทันทีโดยที่ทักษะ ปราณเยือกเย็น นี้มีทั้งหมดสองบท บทที่หนึ่งเปลี่ยนแปลงปราณในร่างกายของตนเองให้บริสุทธิ์ บทที่สอง เปลี่ยนปราณในร่างกายทั้งหมดให้กลายเป็นธาตุน้ำแข็งโดยสมบูรณ์
“เขาคงได้ทักษะดีๆมาตอนนี้ปล่อยให้เขาฝึกไปเถอะ”เมื่อเห็นเทียนถางหลับตาลงและเริ่มเพ่งสมาธิลงไปยังบทแรกของทักษะ ปราณเยือกเย็น นั้นทำให้ช่างเว่ยกล่าวกับเนียจิงและหมิงจูที่กำลังจะเดินไปเรียกเทียนถางมาทานอาหารเย็น นั้นทำให้เนียจิงและหมิงจูพยักหน้าก่อนที่จะกลับมานั่งทานอาหารต่อ เทียนถางในตอนนี้ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงปราณในร่างกายอย่างรวดเร็ว
ที่เทียนถางเปลี่ยนแปลงพลังปราณภายในร่างกายได้รวดเร็วเช่นนี้ก็เพราะว่ามันได้ทำการบีบอัดพลังปราณในร่างของมันเข้าด้วยกันจนสมบูรณ์แล้วตอนนี้มันจึงได้เปลี่ยนแปลงจากปราณสีฟ้าอ่อนให้กลายเป็นสีฟ้าขาวจนสามารถที่จะเห็นได้ชันเจนว่าพลังปราณในร่างกายของมันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มินานพลังปราณในร่างกายของมันก็เปลี่ยนเป็นบริสุทธิ์สมบูรณ์
“ฟุม”เมื่อร่างกายของเทียนถางเปลี่ยนปราณในร่างกายจนบริสุทธิ์มันก็เริ่มฝึกบทที่สองของทักษะ ปราณเยือกเย็น ร่างกายของเทียนถางเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตอนนี้พลังปราณของเทียนถางที่มีสีขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าและเข้มขึ้นเรื่อยๆ เทียนถางเพ่งสมาธิลงปี่ตันเถียนปรากฏต้นใหม่โลกที่เปลี่ยนเป็นสีขาวและค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้าและเข้มขึ้นเรื่อยๆ เทียนถางจ้องมองไปรอบๆอีกครั้งบ่อน้ำแห่งราชาภูตนั้นกลายเป็นสีขาวก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าราวกับต้นไม้โลก
“นั้นคงเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของปราณสินะ”เทียนถางพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเฉยชา เทียนถางจ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาก่อนที่มันจะเริ่มเปลี่ยนแปลงปราณในร่างกายของตนเองให้เป็นธาตุน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว พลังของผืนฟ้าและผืนโลกถูกดูดซับโดยเทียนถางด้วยความเร็วที่สูงมากนั้นเพราะว่าพลังของบ่อราชาภูตเริ่มหมุนวนและดูดซับด้วยความเร็วสูงมาก
“เทียนถางช่างประหลาดยิ่งพลังของผืนฟ้าและผืนโลกปรากฏเป็นกระแสเช่นนี้เลย”เนียจิงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังและจ้องมองไปที่กระแสของพลังที่ไหลเข้าไปในร่างกายของเทียนถาง ช่างเว่ยและหมิงจูพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่พวกมันกำลังเจออยู่ตรงหน้าของพวกมัน ในตอนนี้พลังปราณในร่างกายของเทียนถางก็เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ในตอนนี้เทียนถางได้สำเร็จทักษะ ปราณเยือกแข็งบทที่สองแล้ว และมันยังได้เลื่อนเข้าสู่ระดับมนุษย์ขั้นที่สี่แล้วเช่นกัน
“นี้เราเดินทางมาได้นานเท่านใดแล้ว”เทียนถางลืมตาขึ้นก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างจริงจังนั้นทำให้ช่างเว่ยและหมิงจูกับเนียจิง จ้องมองหน้ากับอย่างขบขันก่อนที่ยิ้มและพยักหน้าให้กัน
“นี้ก็ห้าวันแล้วทั้งแต่ที่เจ้าเริ่มฝึกทักษะนั้น”ช่างเว่ยกล่าวตอบอย่างจริงจังนั้นทำให้เทียนถางประหลาดใจทั้งที่ราวกับมันได้หลับตาไปเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นแต่เวลากับผ่านไปถึงห้าวันแล้วนั้นคงเป็นผลจากทักษะ ปราณจิตภูตที่ทำให้ตันเถียนของมันแต่ต่างจากคนปกติจึงทำให้เกิดผลกระทบเช่นนี้กับมัน แต่มันก็เลิกสนใจทันทีเมืองจ้องมองออกไปที่ด้านหน้าของรถม้า
“นั้นใช้ที่ราบอสนีกู้ร้องหรือไม่”เทียนถางเข็นรถมาที่ด้านหน้าและเปิดผ้าที่บังออกมาก่อนที่จะถามด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่ด้านหน้าของมันเต็มไปด้วยพื้นที่ราบไร้ต้นไม้และหญ้าและยังมิมีสิ่งมีชีวิตเลย ซ้ำยังบนท้องฟ้ามีแต่เมฆสีดำที่เต็มไปด้วยอสนีสีขาววิ่งไปมาอย่างน่าหวั่นใจ นั้นทำให้เทียนถางและกลุ่มจ้องมองหน้ากัน
“ใช้แล้วเราควรจะไปที่หมู่บ้านกันก่อน”ช่างเว่ยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะชี้ไปที่หมู่บ้านขนาดใหญ่และมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านนั้นทันที มินานกลุ่มของเทียนถางก็มาถึงยังหมู่บ้านซึ่งหมู่บ้านนี้ต่างจากหมู่บ้านอสูรแดงเหนือมากที่นั้นทั้งมั่งคั่งและหรูหราแต่ที่นี้ราวกับหมู่บ้านร้างมีผู้คนมากมายนอนอยู่ที่พื้นและทั้งหมดเต็มไปด้วยความอดอยาก
“ได้โปรดช่วยมอบเงินให้ข้าด้วย”มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาที่รถม้าอย่างอ่อนแรงมันกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยล้านั้นทำให้เทียนถางจ้องมองออกไปอย่างจริงจัง
“หยุด เจ้าอยากให้ชายชราผู้นี้ตายเช่นนั้นหรือ”ช่างเว่ยนั้นหยิบเหรียญออกมาและจะยื่นให้ชายชราแต่เทียนถางจับมืออย่างรวดเร็วก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างดุร้ายนั้นจึงทำให้ช่างเว่ยตกตะลึงก่อนที่จะจ้องมองตามเทียนถางออกไปล้อมรอบปรากฏคนที่อดอยากและหิวโหยมากมายจ้องมองมาที่ชายชราอย่างดุร้ายนั้นทำให้ช่างเว่ยรีบเก็บเหรียญในมือทันที
“เราไปที่นั้นก่อนเถอะเดียวค่อยกลับมาที่นี้ที่หลัง”เทียนถางจ้องมองออกไปด้านหน้าปรากฏหอสีเทาที่เต็มไปด้วยการตกแต่งมากมายเทียนถางจึงได้กล่าวออกมาอย่างจริงจัง ช่างเว่ยและทั้งสองพยักหน้าก่อนที่จะเร่งรถม้าออกไปทันที มินานก็ถึงมีข้าใช้ผู้หนึ่งวิ่งออกมาเก็บรถม้าด้วยรอยยิ้ม นั้นทำให้เทียนถางและกลุ่มลงรถม้าก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าไปในหอสีเทาทันที
“ยินดีตอนรับแขกผู้มีเกียรติทั้งสี่ พวกท่านทั้งสี่ต้องการสิ่งใดหรือ ที่พัก อาหาร ข้อมูล ศาสตราวุธ หรือสตรี พวกเราสามารถที่จะจัดหาให้ได้ทันที”ปรากฏชายชราร่างอ้วนที่แต่งตัวหรูหราเดินเข้ามาหากลุ่มของเทียนถางด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างจริงจังแววตาของมันเต็มไปด้วยความสุขนั้นทำให้เทียนถางและกลุ่มประหลาดใจเล็กน้อย
“เราต้องการที่พักอาหารและข้อมูลแต่ตอนนี้จัดโต๊ะให้เราก่อนและเมื่อทานเสร็จเราจะพักก่อนเดียวเราจะไปหาท่านเอง”เทียนถางกล่าวออกมาอย่างจริงจังก่อนที่ช่างเว่ยและกลุ่มจะกล่าวสิ่งใดนั้นทำให้ทั้งสามแสดงออกมาทางสิ่งหน้าอย่างเบื่อหน่ายและเทียนถางรับรู้ว่าทั้งสามต้องการที่จะเอาสตรีไปที่ห้องด้วยซึ่งเทียนถางมิใดใส่ใจพวกมันเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินสีที่เทียนถางกล่าวชายชราร่างอ้วนก็ยิ้มก่อนที่จะโบกมือให้ข้ารับใช้ไปจัดการเมื่อโต๊ะอาหารถูกจัดการเสร็จ เทียนถางและกลุ่มก็ไปทานอาหารก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ห้องและพักผ่อน เทียนถางเริ่มเข้าสู่ห่วงสมาธิอีกครั้งเมื่อเห็นเทียนถางทำเช่นนั้น อีกสามคนก็เริ่มขยับร่างกายและออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเทียนถางบุรุษมิอาจที่จะขาดอิสตรีได้ฉันใด ก็เหมือนกับบุตรมิอาจที่จะขาดสุราได้ฉันนั้น