TWO Chapter 210 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 12
TWO Chapter 210 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 12
เมื่อโอหยางโชวเดินออกมาจากประตูเทเลพอร์ต เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้นที่หูของเขา
“แจ้งเตือนระบบ : สงครามมู่เย่ได้สิ้นสุดลงแล้ว บุคคลทางประวัติศาสตร์จากราชวงศ์โจวและราชวงศ์ซาง ได้เข้าสู่เกมส์แล้ว ผู้เล่นสามารถสืบค้นหาพวกเขาได้อย่างอิสระ”
หลังจากนั้น ก็มีเสียงประกาศระดับโลกดังขึ้น ทำให้ทุกคนทั่วโลกตกใจ
“ประกาศระดับโลก : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ สำหรับการเป็นมาควิสคนแรกของโลก ตำแหน่งมาควิสแห่งเหลียนโจว ได้ถูกมอบให้กับผู้เล่น ผู้เล่นจะได้รับคะแนนชื่อเสียง 20,000 แต้ม และเมืองหลวงที่มีอำนาจเหนือดินแดนของผู้เล่น จะมอบรางวัลของพวกเขาให้แก่คุณ”
โอหยางโชวรู้ว่า ไกอาจะมอบรางวัลแก่ผู้เล่นที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งมาควิส 10 อันดับแรกเท่านั้น โดยพวกเขาจะได้รับตำแหน่งพิเศษ นอกเหนือจาก 10 อันดับแล้ว คนที่เหลือจะได้รับเพียงตำแหน่งทั่วไปเท่านั้น แม้ว่าตำแหน่งพิเศษจากไกอา จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆ แต่มันก็ยังเป็นเกียรติที่ทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้
ในช่องพันธมิตร ไป๋ฮํวและคนอื่นๆกลับมาก่อนโอหยางโชว พวกเขาได้แสดงความยินดีต่อเขาทีละคนทีละคน
“โอ้พระเจ้า พี่ชายหวู่ยี่ ท่านเจ๋งมากเลย ท่านได้อันดับที่ 1 ของโลกอีกครั้งแล้ว!” กงเฉิงซีกล่าวอย่างชื่นชม
“พี่ชายหวู่ยี่, มาควิสแห่งเหลียนโจว! ท่านทำให้พวกเขาที่เป็นลอร์ดแห่งเหลียนโจวไม่มีค่าเลย หากปราศจากความเข้าใจก่อนหน้านี้ คนส่วนใหญ่คงจะคิดว่าพวกเราเป็นเพียงลูกน้องของท่านแน่ๆ” มู่หลานเยว่บ่นเรื่องความลำเอียงของไกอา
“หวู่ยี่ ท่านวางแผนจะอัพเกรดดินแดนเป็นเมืองขนาดใหญ่เมื่อใดกัน ช่วยอย่าเพิ่งรีบหนีพวกเราไปเลยนะ” ไป๋ฮัวและเฟิงฉิวฮวงกล่าวติดตลก
“พวกเจ้าเพียงแค่ต้องทำงานหนักอีกซักเล็กน้อย ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสองจะต้องตามข้ามาทันได้แน่” ทั้งไป๋ฮัวและเฟิงฉิวฮวงเป็นเอิร์ลขั้น 1 หากพวกเธอได้รับคะแนนการกุศลจำนวนมหาศาลอีกครั้งในสมรภูมิครั้งต่อไป พวกเธอก็มีโอกาสที่จะเลื่อนตำแหน่ง
“ขอบคุณ ข้ายังต้องขอบคุณท่านสำหรับความช่วยเหลือของท่าน ในสมรภูมิครั้งนี้” ไป๋ฮัวกล่าวพร้อมยิ้มออกมา เธอพอใจกับผลตอบแทนจากสมรภูมิในครั้งนี้อย่างมาก ไป๋ฮัวรู้ว่าแม้จางเลี้ยวจะดีกว่าหลินยี่ แต่เขาก็ไม่ใช่ขุนพลของโอหยางโชว แต่โอหยางโชวก็ยังช่วยเธอ ดังนั้น เธอจึงชื่นชมเขาสำหรับความช่วยเหลือของเขา
“ใช่ ถ้าเราปฏิบัติตามท่านลอร์ดของพันธมิตรเรา เราย่อมจะประสบความสำเร็จเสมอ!” ซุ่นหลงเตียนเซว่กล่าว
“ทั้งหมดคำนับท่านลอร์ดของพันธมิตรเรา!” กงเฉิงซีกล่าวอย่างสนุกสนาน
ในหมู่พวกเขา มีเพียงเฟิงฉิวฮวงเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงความสนใจมากนัก
ในระหว่างอยู่ในสมรภูมิ โอหยางโชวได้บอกเฟิงฉิวฮวงเกี่ยวกับข้อมูลที่หวู่ฟู่ได้เปิดเผยกับเขา เมื่อเฟิงฉิวฮวงได้ยินเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง และไร้ความรู้สึกอย่างช่วยไม่ได้
โชคดีที่โอหยางโชวอยู่ที่นั่น เพื่อให้เธอสงบลง เขาบอกเธอว่า ไม่ว่ายังไง เธอก็ยังเป็นลอร์ดแห่งเมืองหงส์สาบสูญ และมันก็เป็นความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าสมาชิกในตระกูลของเธอจะไม่ไว้ใจเธออีก แต่ถ้าจะมีคนต้องออกไป แน่นอนว่าจะต้องเป็นสมาชิกในตระกูลของเธอ ไม่ใช่ตัวเธอ
สำหรับเรื่องนี้ เฟิงฉิวฮวงจะไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เธอจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพันธมิตรซานไห่
ด้วยการปลอบประโลมของโอหยางโชว เฟิงฉิวฮวงสามารถสงบสติอารมณ์ของเธอได้อย่างรวดเร็ว เธอตัดสินใจแล้วว่า หลังจากจบสมรภูมินี้ เธอจะเผชิญหน้ากับสมาชิกในตระกูลของเธอ ถ้าพวกเขาไม่สามารถไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกันอีกต่อไป
หลังจากแสดงความยินดีกันเล็กน้อย โอหยางโชวก็ปิดช่องพันธมิตร เขาบอกว่าเขายุ่งอยู่กับเรื่องอื่นๆ
มีทหาร 3,000 นาย ที่ติดตามโอหยางโชวเข้าร่วมกับสมรภูมิในครั้งนี้ แต่มีเพียง 2,500 นายเท่านั้น ที่ได้กลับมา ที่สูญเสียมากที่สุดก็คือ นักรบคนเถื่อนภูเขาที่เป็นทหารราบเกราะหนัก พวกเขาเป็นกองกำลังหลักของแนวป้องกัน และต่อสู้กับศัตรูที่พุ่งเข้ามา แม้ว่าพวกเขาจะมีค่ามาก แต่เพื่อบรรลุบางสิ่งบางอย่าง ย่อมต้องยอมจ่ายด้วยราคาที่แสนแพง
สุดท้าย ทหารราบเกราะหนัก 1,000 นาย มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 300 นาย
เมื่อพิจารณาถึงลักษณะเฉพาะของคนเถื่อนภูเขาเหล่านี้ โอหยางโชวได้สั่งให้กรมกิจการทหาร รับสมัครคนเถื่อนภูเขาจากเมืองฉิวซุ่ยและเมืองมิตรภาพเข้าสู่กรมทหารผสม ในขณะที่กองพันป้องกันเมือง พวกเขาจะรับสมัครจากชาวเมือง
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของโอหยางโชว เพื่อเป็นการประกาศการจัดแบ่งชั้นของพวกเขา กองกำลังที่ปฏิบัติการภาคสนามอย่างกรมทหารผสม และกองพันแนวหน้า จะอยู่ในอันดับแรก และตำแหน่งของพวกเขาจะอยู่สูงกว่ากองพันป้องกันเมือง, อันดับที่ 2 คือ กองพันป้องกันเมืองต่างๆ และอันดับสุดท้าย คือ กองทหารสำรอง และกองพันป้องกันเหมืองแร่หลางซาน ซึ่งยังไม่มีการจัดการที่เหมาะสม
ในอนาคต เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เงินเดือนและอุปกรณ์ก็จะได้รับตามการจัดแบ่งชั้นของกองทัพ ผู้ที่อยู่ในอันดับแรกย่อมได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงได้ก่อน
จากนั้น โอหยางโชวก็สั่งให้กองกำลังทั้งหมดกลับไปยังค่ายของตนเอง ส่วนเขาได้นำเจียงซางและเอ้อหลายไปที่สำนักงานของลอร์ด
ระหว่างทาง โอหยางโชวชี้ไปที่มหาวิทยาลัยที่อยู่ในเมือง และอธิบายสถานการณ์กับเจียงซาง จากนั้น เขาก็พยายามถามเจียงซางว่า “เมื่อไท่กงต้องการอยู่อย่างสันโดษ ข้าก็จะไม่ว่าอะไร ถ้ายังไง ท่านไม่ไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยของเมืองเลยล่ะ? ที่นั่นมีสภาพแวดล้อมทางวิชาการที่เงียบสงบ มันเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับท่าน ไท่กงคิดเช่นไร?”
เหตุผลที่โอหยางโชวแนะนำมหาวิทยาลัยให้กับเขา ประการแรก เพราะเขาต้องการให้เจียงซางเป็นอาจารย์ผู้สอนในมหาวิทยาลัย และฝึกอบรมณ์นักเรียนนักศึกษาที่มีพรสววรค์, ประการที่สอง เขาไม่ต้องการให้เจียงซางตั้งถิ่นฐานในป่านอกเมือง มันจะเป็นการตัดโอกาสไม่ให้โอหยางโชวรับสมัครเขาได้โดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม เจียงซางก็ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ เขาเงียบ และไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับคำแนะนำของโอหยางโชว โชคดีที่เมื่อกลับมาแผนที่หลัก ระบบจะแก้ไขความเข้าใจของบุคคลทางประวัติศาสตร์โดยอัตโนมัติ ดังเช่น ฟ่านจงหยานและคนอื่นๆ เจียงซางมีความเข้าใจในเกมส์มากขึ้น เขาไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แต่ในยุคของเขาอีก ตอนนี้ เขามีมุมมองที่กว้างมากขึ้น การเกิดขึ้นและล่มสลายของอาณาจักร ก็ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อเขาแล้วเช่นกัน
โอหยางโชวไม่ได้รู้สึกหดหู่มากนัก เขานำทั้งคู่ไปที่สำนักงานของเขา และสั่งให้เสมียนไป๋หนานผู ไปเรียกเจ้ากรมทั้งหมดมาที่นี่ เพราะเขามีแขกคนสำคัญ
หลังจากทักทายกันเสร็จสิ้น โอหยางโชวก็บอกให้ฟ่านจงหยานพาเจียงซางไปเดินสำรวจมหาวิทยาลัย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเลือกที่ตั้งถิ่นฐานของเขา
“ขุนพลเอ้อหลาย ท่านชอบอาวุธประเภทใดมากที่สุด?” โอหยางโชวถามเขา
เอ้อหลายยิ้มอย่างมีความสุข แล้วกล่าวว่า “นอกเหนือจากเก่อ และหอกแล้ว ข้าไม่เคยใช้อาวุธประเภทอื่นมาก่อน”
คำกล่าวของเขาทำให้โอหยางโชวประหลาดใจ จากนั้น เขาก็จำได้ว่า ในประวัติศาสตร์ เตียนเว่ยได้ใช้ง้าวคู่เป็นอาวุธ ง้าวเป็นการผสมผสานระหว่างเก่อและหอก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ บางที เอ้อหลายอาจจะไม่มีปัญหากับการใช้ง้าวก็ได้
เขารีบหันไหหาเก่อหงเหลียง แล้วกล่าวว่า “เจ้ากรมเก่อ ไปที่ฝ่ายคลังอาวุธ และบอกให้พวกเขาสร้างง้าวให้ขุนพลเอ้อหลายคู่หนึ่ง และบอกให้พวกเขาสร้างชุดเกราะพิเศษสำหรับขุนพลเอ้อหลายด้วย ขอความเห็นจากเขาเกี่ยวกับอาวุธและชุดเกราะ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านขุนพลจะไม่มีปัญหาในการใช้พวกมัน”
“ขอรับนายท่าน!” เก่อหงเหลียงกล่าว
สำหรับเอ้อหลาย โอหยางโชวได้เตรียมสิ่งต่างๆไว้ให้เขาแล้ว อย่างไรก็ตาม มันต้องเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าจะมีการขยายกองทัพของดินแดนเพิ่มอีกครั้ง ดังนั้น ในขณะนี้ โอหยางโชวจึงจัดให้เอ้อหลายอยู่ที่ค่ายทหารในเมือง เพื่อที่เขาจะได้ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมในการปรับตัวได้
หลังจากที่จัดการเกี่ยวกับทั้งคู่แล้ว ในที่สุดโอหยางโชวก็มีเวลาตรวจสอบไอเท็มที่ตี้สินมอบให้เขา เขาหยิบถุงสีแดงเข้มออกมา และหยิบเม็ดเครื่องหอมออกมา เพื่อตรวจสอบสถานะของมัน
เม็ดเครื่องหอม : กลั่นจากการสวดภาวนาทุกวันแด่พระเจ้าและปีศาจ เมื่อเปิดใช้งาน สามารถเพิ่มพลังให้กับวัดได้
โอหยางโชวเชื่อมมันกับสิ่งก่อสร้างขั้นซ่อนเร้น วัดหม่าโจ้ว ที่ยังคงถูกปิดผนึกอยู่ เขาต้องการใช้เครื่องหอมนี้ทำลายผนึกของวัดหม่าโจ้ว
จากนั้น โอหยางโชวก็ลุกขึ้น และมุ่งหน้าออกมาด้านนอกสำนักงาน เขาดึงหม้อออกมาเพื่อตรวจสอบสถานะของมัน
ชื่อ : ซางติง(ระกับทองคำขาว)
ลักษณะพิเศษ : คุ้มครองศักดิ์สิทธิ์(การป้องกันของดินแดนเพิ่มขึ้น 20%), อำนาจสูงสุด(ความสง่าผ่าเผยของลอร์ด เพิ่มขึ้น 20%), กำราบรอบทิศ(ความสามารถในการต่อสู้ของกองทัพ เพิ่มขึ้น 20%)
คำอธิบาย : นี่คือสิ่งที่สูงส่งที่สุดของราชวงศ์ซาง ฟ่านติง, สัญลักษณ์ของอำนาจและความแข็งแกร่ง, มันสามารถใช้สำหรับพิธีกรรมได้
โอหยางโชวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อได้เห็นสถานะเช่นนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่า หม้อของราชวงศ์ซางนี้ จะเป็นไอเท็มระดับทองคำขาว ที่มีสถานะที่น่าทึ่งเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำราบรอบทิศ มันไม่ได้เพิ่มเพียงแค่พลังโจมตีและพลังป้องกัน แต่เพิ่มในทุกๆด้าน
จนถึงตอนนี้ ในทุกๆด้าน กองทัพซานไห่ได้นำหน้ากองทัพของดินแดนอื่นๆทั้งหมดแล้ว สิ่งนี้ทำให้โอหยางโชวตื่นเต้นและมีความสุข
ในหัวของเขา เขาเริ่มวางแผนว่าจะสร้างแท่นบูชาไว้ที่หน้าวัดจักรพรรดิเหลือง หวงตี้
ตอนนี้ สะพานยกของประตูเมืองด้านทิศเหนือถูกยกออกแล้ว และสพานหิน 3 แห่งก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อข้ามผ่านสะพานไปก็จะเข้าสู่เขตเหนือ เขาหรือเธอจะสามารถมองเห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของถนนพาณิชย์ได้
โรงละคร, โรงเตี๋ยม และภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่บนถนนพาณิชย์ที่มีการแข่งขันสูง สำหรับโรงไม้และร้านช่างตีเหล็ก พวกเขายังไม่ดีพอจะอยู่บนถนนพาณิชย์ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถนนวงแหวนภายในย่านการค้า
โรงละครมีบุคลากรเป็นของตัวเอง พวกเขาได้แสดงตามระบบของเกมส์ จากที่ปิงเอ๋อกล่าว ละครที่พวกเขาแสดงดูดีมาก อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ คนยากจนเช่นโอหยางโชวก็ยังคงไม่เคยได้ดูมัน
ถนนพาณิชย์ในปัจจุบันมีร้านค้าให้บริการอยู่ทุกประเภท และมันเป็นพื้นที่ที่มีการบริโภคมากที่สุด แม้แต่ในเวลากลางคืน ถนนก็ยังคงสว่างไสว และเนืองแน่นไปด้วยผู้คน
อย่างไรก็ตาม เป็นธรรมดาที่โอหยางโชวจะไม่เจตนาไปเดินหรือช็อปปิ้งที่นั่น เขาเดินตรงไปยังด้านซ้าย เข้าไปในพื้นที่ที่อยู่อาศัย
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้ว การก่อสร้างในพื้นที่ที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังคืบหน้าไม่ถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมด เส้นทางรอบๆพื้นที่ที่อยู่อาศัยจะประกอบด้วยหินสีฟ้า เพื่อสะดวกในการจัดการ กรมการบริหารได้เลือกตัวแทนของผู้อยู่อาศัยมาดูแลพื้นที่ละแวกนั้นๆ
วัดหม่าโจ้วตั้งอยู่ริมฝั่งคูเมือง
เมื่อเห็นโอหยางโชวต้องการจะเข้าไปในวัด ทหารองครักษ์ชั้นสูงก็เข้าไปปิดทางเข้าวัดทั้งหมดในทันที เพื่อจำกัดไม่ให้ผู้คนเข้าไป สำหรับผู้ที่อยู่ภายในวัด ทหารองครักษ์ก็ขอให้พวกเขาออกจากวัดไปก่อนเช่นกัน
นี่ไม่ใช่เพราะโอหยางโชวต้องการแสดงอำนาจของเขาในฐานะลอร์ด แต่เพื่อรักษาความลับของเม็ดเครื่องหอม เม็ดเครื่องหอมนี้ไม่เหมาะที่จะให้คนทั่วไปเห็น
โอหยางโชวบอกคนเฝ้าประตู ให้ป้องกันไม่ให้คนเข้ามาภายใน จากนั้น เขาก็เดินเข้าไป วัดหม่าโจ้วได้รับการขยายจากเดิมหลายครั้ง ตอนนี้ มันมีขนาด 5-6 เท่าจากขนาดดั้งเดิม โดยวัดยังคงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
โอหยางโชวเดินไปที่ด้านหน้ารูปปั้นเทพธิดาหม่าโจ้ว แล้วหยิบเม็ดเครื่องหอมออกมา ตามที่เขาคาดไว้ มีเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นที่หูของเขา
“แจ้งเตือนระบบ : เม็ดเครื่องหอมที่สามารถทำลายผนึกของวัดหม่าโจ้ว ได้ถูกตรวจพบ ผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ต้องการทำลายผนึกหรือไม่?, คำแนะนำ : สามารถใช้เม็ดเครื่องหอมได้เพียงครั้งเดียวเท่านัน้ หากใช้มากกว่านั้นจะไม่แสดงผลใดๆ”
“ใช้มัน!”
เม็ดเครื่องหอมบินออกมาจากมือของโอหยางโชว กลายเป็นแสงสีขาว จากนั้น ก็พุ่งเข้าไปในรูปปั้น
“แจ้งเตือนระบบ : หลังจากที่ใช้เม็ดเครื่องหอม พลังของวัดหม่าโจ้วเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจุบัน ความคืบหน้าของการทำลายผนึกคือ 60%”
โอหยางโชวถอนหายใจ สุดท้าย ผนึกก็ไม่ได้ถูกทำลาย
แฟนเพจ : TWOแปลไทย