เล่ม 2 ตอนที่ 4 : เอาชนะใจผู้คน (3)
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
เล่ม 2 ตอนที่ 4 : เอาชนะใจผู้คน (3)
อาร์คก้าวถอยหลังไปอยู่กับเจ้ากะโหลกและใช้เนตรแห่งแมวมองดูการต่อสู้ เลเวลของดันพิลคือ 25 อีกทางหนึ่ง เจ้าค้างคาวนั้นมีเลเวล 15 โดยค่าสถานะ ความต่างกันของเลเวลนี้ไม่คิดเลยว่าจะสู้กันได้
เมื่อดันพิลลั่นการโจมตี พลังชีวิตของเจ้าค้างคาวจึงลดลงไป 10% กระนั้น เจ้าค้างคาวก็ยังมัวเมาพุ่งเข้าใส่ต่อ
ราวกับเจ้าค้างคาวลืมประสบการณ์จากการต่อสู้ร่วมกับอาร์คไปสิ้น มันพุ่งเข้าใส่ดันพิลอย่างขาดสติ
“เจ้าค้างคาว ระวังการต่อสู้ยืดเยื้อ!”
พวกเขาอยู่ใต้น้ำ แต่ดันพิลดูนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อม อีกฝ่ายไม่เสียเปรียบเรื่องการหายใจใต้น้ำหรือประสบการณ์การเคลื่อนไหวด้วยสภาวะนี้ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติแม้ใต้น้ำ อีกทางหนึ่ง เจ้าค้างคาวมีข้อจำกัดเรื่องอยู่ใต้น้ำจนไม่อาจแสดงความได้เปรียบของสัตว์ปีกได้ ความแตกต่างนี้มันมหาศาลเกินไป
มันเป็นการต่อสู้ที่เสียเปรียบตั้งแต่เริ่มแล้ว
ถ้าหากเจ้าค้างคาวจะมีโอกาสน้อยนิดที่จะชนะ มันก็ต้องเป็นประสบการณ์การต่อสู้ใต้น้ำและลากถ่วงการต่อสู้ แต่ในเมื่อเจ้าค้างคาวคิดได้แค่พุ่งเข้าชนเพื่อสร้างความเสียหาย เขาจึงไม่คิดว่านี่เป็นการต่อสู้อย่างเหมาะสม
เจ้าค้างคาวกระทั่งว่าไม่ได้ยินคำแนะนำของอาร์คเลยด้วยซ้ำ
“ข้าจะฆ่าแก! ข้าจะฆ่าแก!”
“เหอะเหอะ กล้ามีตัวตนต่อหน้าข้าด้วยความต่ำต้อยนั้น น่าหัวเราะยิ่งนัก”
“ว๊าก!”
ท้ายที่สุด พลังชีวิตของเจ้าค้างคาวลดต่ำลงเกือบหมดหลอดหลังจากที่โดนกรงเล็บของดันพิลโจมตีใส่ เจ้าค้างคาวร่างเริ่มจางหายขณะแทะไหล่ของดันพิล
“ไร้สาระเสียจริง จบเรื่องแล้วใช่ไหม?”
“คงใช่มั้ง!”
“ถ้าอยากสู้ด้วย คราวหลังหาที่เหมาะมือกว่านี้หน่อยนะ”
ร่างของดันพิลหายไปขณะเผยสีหน้าโอหัง ท้ายที่สุด การต่อสู้ครั้งแรกก็จบลง
‘ไอ้ค้างคาวนี่!’
อาร์คโพล่งโทสะออกมา พฤติกรรมก้าวร้าวของดันพิลแย่ก็จริง แต่สิ่งที่ทำเขาโกรธคือเจ้าค้างคาว ไร้ซึ่งความคิดจนพุ่งเข้าใส่ศัตรู? การต่อสู้บ้าบอเช่นนี้ทำเอาอาร์คใบหน้าร้อนผ่าว เจ้าค้างคาวนี่มันได้เรียนรู้อะไรจากการต่อสู้ร่วมกับเขาจนกระทั่งถึงตอนนี้บ้าง?
อาร์คกลับเมืองและใช้เวลาเกือบทั้งวันดำเนินธุรกิจต่อ
“นี่เจ้าค้างคาว! แกทำบ้าอะไร?” หลังอัญเชิญออกมาอีกครั้ง อาร์คตวาดใส่เจ้าค้างคาวด้วยใบหน้ามืดมน
แต่เขาไม่ได้พูดต่อ
เมื่ออัญเชิญออกมา เจ้าค้างคาวตะโกนพร้อมกัดฟัน
“ฮึ่ย บ้าจริง บัดซบ!”
“หา? ว่าอะไร? นี่แกมีท่าทีแบบนี้เพราะฉันโกรธงั้นเหรอ?”
“เจ้านาย ข้าขอร้อง! เรียกไอ้บัดซบนั่นมาอีกที! ข้าต้องการสู้กับมัน!”
“พูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย? อธิบายมาให้รู้เรื่องหน่อย!”
“เจ้านั่น... ไอ้เจ้านั่นมันคือคนที่ตามราวีข้าในโลกใต้พิภพมากว่าสิบปี”
“ว่าอะไร?”
เจ้าค้างคาวกัดฟันขณะพูดออกมา
ดันพิลเป็นขุนนางชั้นต่ำในโลกใต้พิภพ ด้วยความโอหังของมัน ทำให้ยามโมโหจะลงกับมอนสเตอร์อ่อนแอราวงานอดิเรก และเป้าหมายหลักของมันก็คือเจ้าค้างคาว
ค้างคาวที่เกิดมาก็มีสายสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์แวมไพร์ มันถูกดันพิลรังแก นอกจากนี้ มันยังถูกข่มเหงโดยค้างคาวตัวอื่นเพราะดันพิลสั่ง จนที่สุดแล้วมันถึงกับโดนขับไล่ออกมาจากเผ่าพันธุ์
‘เพราะงี้สินะ เจ้านี่ถึง...’
ชื่อเดิมของเจ้าค้างคาวก็คือ ‘ค้างคาวผู้เกลียดชัง’
คำอธิบายบอกว่า เจ้าค้างคาวเกลียดชังและมีโทสะต่อโลกใบนี้ เป็นเพราะมันโดนข่มเหงรังแกในโลกใต้พิภพ นี่คือสิ่งที่คำอธิบายว่าเอาไว้
‘เรื่องนี้ เราไม่อาจช่วยเจ้านี่สู้ดันพิลได้’
หลังคิดอยู่สักพัก รอยยิ้มชั่วร้ายพลันปรากฏที่ริมฝีปากของอาร์ค
‘ยังมีโอกาส’
“เข้าใจแล้ว แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้แกสู้กับดันพิลตอนนี้”
“จะ-เจ้านาย!”
“หากแกยังสู้เหมือนเมื่อวาน ไม่ว่าจะสู้กี่ครั้งก็เอาชนะมันไม่ได้ แกจะแพ้ และถ้าแกไม่อยากแพ้อีกจงฟังไว้ อย่างแรกเลยคือแกต้องแข็งแกร่งขึ้น”
เจ้าค้างคาวแตกตื่น แข็งแกร่งขึ้น หรือก็คือมันต้องกินอาหารมากขึ้น
ทว่า เจ้าค้างคาวกลับกัดฟันพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว ถ้าจะทำให้ชนะมันได้ ไม่ว่าอะไรข้าก็จะทำ”
“ดีล่ะ มีอีกอย่าง อย่าได้สู้กับมันด้วยวิธีเมื่อวาน มันแข็งแกร่งยิ่งกว่า แต่ก็ไม่ได้มากเกินจะเอาชนะ นับตั้งแต่วันนี้ฉันจะฝึกให้แกเอง”
อาร์คดำเนินธุรกิจในช่วงกลางวัน และเริ่มฝึกฝนให้เจ้าค้างคาวช่วงกลางคืน และเมื่อมีสูตรอาหารใหม่ เขาจะรีบป้อนใส่ปากของเจ้าค้างคาวโดยทันที
อาหารที่ทำจากวัตถุดิบจากท้องทะเลนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะให้ผลลัพธ์ในทางที่ดี เมื่อใดที่สำเร็จ ค่าสถานะของเจ้าค้างคาวก็จะเพิ่มขึ้น
เจ้าค้างคาวทั้งฝึกซ้อมและซ้อมมือกับอาร์ค
“ทำให้ถูก! ถ้ายังจะสู้แบบนี้ก็เอาชนะดันพิลไม่ได้! แกอยากแพ้อีกรอบหรือไงกัน?”
“มะ-ไม่! ข้าไม่อยากแพ้!”
วันคืนแห่งการฝึกฝนอันทรหดยังดำเนินต่อไป
ไม่เหมือนตามปกติ แม้ว่าเจ้าค้างคาวจะแพ้ให้กับอาร์คนับครั้งไม่ถ้วน แต่แรงใจการต่อสู้ของมันราวกับเผาไหม้ หลังจากที่เสร็จสิ้นการฝึกเข้มข้นไปแล้ว อาร์คจึงเรียกดันพิลออกมาอีกครั้งและปล่อยให้ทั้งสองสู้กัน
ด้วยค่าสถานะของเจ้าค้างคาวที่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายครั้ง แต่เพียงแค่นั้นก็ยังไม่พอให้เป็นคู่ต่อสู้ของดันพิล แต่ในเมื่อทักษะของเจ้าค้างคาวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงไม่กี่วันมานี้ การต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นไปได้ด้วยดี
“ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ เหอะ เก่งขึ้นเหมือนกันนี่”
ท้ายที่สุดแล้วชัยชนะยังคงเป็นของดันพิล ทว่ามันไม่ได้มีความต่างกันมากมายดังเช่นครั้งก่อนหน้า อาร์คเผยรอยยิ้มเย็นเยือกให้ดันพิลที่เสื้อผ้ารุ่งริ่ง
“ครั้งหน้าจะยิ่งกว่านี้”
“เหอะ จะยังไงค้างคาวก็ยังเป็นค้างคาว”
ดันพิลหายวับกลับสู่โลกใต้พิภพราวกับหนีหาย
‘บ้าจริง ปัญหาคือต้องรออีก 24 ชั่วโมงทุกครั้งที่ตาย ครั้งหน้าต้องให้สู้หลังเรามั่นใจว่ามันต้องชนะ จนกว่าจะอัญเชิญมาใหม่ได้ เราต้องจัดตารางการฝึกเสียหน่อยแล้ว’
อาร์คต้องง่วนอยู่กับการทำธุรกิจ การเพิ่มศักยภาพให้สมุนปีศาจ และเรื่องราวจับฉ่ายอีกนับร้อยแปดอย่าง
* * *
อาร์ครวบรวมไข่มุกได้ขณะที่ธุรกิจยังคงเป็นไปอย่างราบลื่น
ทว่า มีน้ำขึ้นก็ย่อมต้องมีน้ำลง
เมื่อเวลาผ่านไป กระทั่งธุรกิจที่ร่ำรวยยังเริ่มตายลงได้ทีละน้อย วัตถุดิบบนบกของเขาเริ่มขาดแคลน ดังนั้นเขาจึงนำเสนอเมนูที่ทำจากสาหร่ายทะเลเป็นวัตถุดิบหลัก แต่ในเมื่อมันเป็นวัตถุดิบที่ชาวเงือกคุ้นเคย มันจึงไม่อาจเป็นที่สนใจได้นานนัก
ธุรกิจใช้เวทมนตร์ฟื้นคืนเองก็ไม่อาจหาลูกค้าได้ง่ายนักหลังจากที่เขาได้ซ่อมแซมอุปกรณ์ให้กับทหารยามทุกนาย ในเมื่อมันไม่มีสงครามใหญ่เกิดขึ้น มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ความทนทานของอุปกรณ์ลดลงอย่างรวดเร็ว
‘สำหรับธุรกิจแล้ว สำคัญคือต้องรู้ว่าควรหยุดเมื่อไหร่ตั้งแต่ที่เริ่มทำ เอาเถอะ มันก็ไม่ใช่อะไรที่เราคิดจะทำนานอยู่แล้วด้วย’
ท้ายที่สุดแล้ว ธุรกิจของอาร์คจึงจบกิจการในวันที่สิบ
มันเป็นธุรกิจที่ทำรายได้เป็นไข่มุกให้เขาโดยไม่มีทุนทรัพย์ มันไม่ใช่อะไรที่น่าเสียหาย เพราะยังไงเขาก็ไม่คิดปักหลักตั้งฐานอาศัยในโนเดเลส เช่นกัน ไม่ว่าจะมีไข่มุกมากเพียงใด ถ้าหากเขาไม่อาจเปลี่ยนมันเป็นทองคำได้ก็ไร้ซึ่งความหมาย ธุรกิจของเขาจึงจบลงเช่นนี้
อีกทั้งยังมีเหตุผลอื่นอีกที่อาร์คสามารถปล่อยมือจากธุรกิจได้โดยไม่เสียดาย ก็เพราะเขาเข้าถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้แล้ว อาร์คในตอนนี้ต่างเป็นคนดังในหมู่ชาวเงือก
ทุกที่ที่เขาไป ชาวเงือกมักจะจำอาร์คได้และเข้ามาทักทาย
ครั้งที่เขายังทำการค้าอยู่ มีผู้ชื่นชอบจำนวนมากที่มาภัตตาคารโดยไม่พลาดเลยแม้สักวัน การจะออกหาข้อมูลในตอนนี้คงไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนัก
“รู้จักคนที่ชื่อคริสตินไหมครับ?”
“เจ้าพูดว่าคริสตินหรือ...”
เมื่อครั้งอดีตเขาอาจโดนปฏิเสธมาทันควัน แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
ผู้อาวุโสชาวเงือกทำท่าครุ่นคิดและกล่าวออกมา “คงไม่เป็นไรถ้าหากคนที่ข้าบอกคือเจ้า แต่ว่านะ ข้าไม่ได้รู้เรื่องของคนที่ชื่อคริสตินมากนักหรอก ไม่เพียงแค่ข้า ไม่ใช่ว่าชาวเงือกทุกคนในโนเดเลสนั้นจะรู้เรื่องของเขา ชื่อนี้ทุกคนต่างรู้ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร”
“ผมไม่เข้าใจครับ อย่างนั้นแล้วทำไมทุกคนถึงโมโหตอนที่ผมกล่าวถามออกไป?”
“มันเป็นเพราะพวกเราถูกสอนมาแบบนั้น ข้าเพียงได้ยินมาจากชาวเงือกผู้หนึ่งว่า ตั้งแต่ครั้งสมัยปู่ของปู่ของข้านั้นถูกสอนให้เกลียดชังเขา แต่หลังจากที่ได้ยินคำของเจ้าแล้วนึกย้อนไป ข้าก็ไม่เคยได้ยินเลยว่าเหตุใดพวกเราถึงต้องเกลียดชังเขา”
เขาเข้าใจ คงเหมือนถามว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นปลา?
“ไม่มีทางที่จะรู้เลยเหรอครับ?”
“อืม...”
ชายชราชาวเงือกครุ่นคิดอยู่สักพักและตอบกลับมาในขณะที่คล้ายกับนึกบางสิ่งขึ้นมาได้
“พอมาคิดดูแล้ว ที่เสาคริสตัลมีบันทึกประวัติศาสตร์ของชาวเงือกเอาไว้ มันตั้งอยู่ที่หน้าพระราชวัง ข้าคิดว่าข้าได้ยินมาว่ามีเรื่องของเขาถูกบันทึกเอาไว้ที่นั่นด้วย แต่พวกเราไม่รู้ว่ามันมีความหมายเช่นไร เป็นเพราะภาษาที่เขียนเอาไว้ถูกลืมเลือนไปนานมากแล้ว เจ้ามีพรสวรรค์หลายอย่างอาจพบเบาะแสก็ได้ ลองไปดูเถอะ”
“ขอบคุณครับ”
“ว่าแต่ตอนนี้เจ้าเลิกกิจการภัตตาคารแล้วหรือ?”
“ครับ ผมไม่มีวัตถุดิบเหลือแล้วน่ะครับ”
“โชคร้ายนัก นั่นเป็นความสุขเพียงอย่างเดียวของข้าเลย...” ชายชราชาวเงือกพึมพำขณะที่ทำปากมุบมิบ
อาร์คกล่าวลาลูกค้าประจำและมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง
“ว่าไงอาร์ค มาทำอะไรที่นี่กัน?”
“ผมได้ยินมาว่าเสาคริสตัลหน้าพระราชวังมีเรื่องมหัศจรรย์บันทึกไว้น่ะครับ”
“มันอยู่ตรงนั้น ลวดลายของมันเป็นความมหัศจรรย์จริง ๆ”
“ขอผมเข้าไปดูได้ไหมครับ?”
“อืม นี่ออกจะยากอยู่...”
“ผมอยากเรียนรู้เรื่องของชาวเงือกที่นับถือให้มากกว่านี้น่ะครับ ขอแค่มองดูก็ได้แล้วผมจะรีบออกมานะครับ”
“ก็ได้ ในเมื่อเป็นเจ้าไม่ใช่คนอื่นคนไกล ช่วยไม่ได้นี่นะ เข้าใจล่ะ รีบออกมาด้วยล่ะ”
เมื่อค่าความสัมพันธ์ถึงขีดสูงสุด ทุกสิ่งอย่างถึงกับง่ายดายราวปลอกกล้วย
เมื่อเขาเข้ามาในพระราชวัง เขาได้เห็นเสาคริสตัลที่อยู่ไม่ไกลไปจากทางเข้า
ราวกับหยาดน้ำที่สลักเอาไว้เหนือพื้นผิวของเสาคริสตัลสูงนับสิบเมตร
‘เพื่อดำเนินภารกิจต่อ เราต้องถอดรหัสมันให้ได้?’
ขณะที่มือของอาร์คสัมผัสกับพื้นผิวของแท่นเสา แสงสว่างพลันสาดส่องออกมาจากตัวเสาและฉายภาพนับไม่ถ้วนวาบผ่านต่อหน้าต่อตา
* * *
เงือกผู้งดงามกำลังนั่งอยู่บนระเบียงที่สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งโนเดเลส เงือกผู้นี้ทั้งสดใส ไหล่กว้าง และมีผมสีบลอนด์กับดวงตาสีน้ำเงินแซฟไฟร์
เธอกำลังมองแผ่นหลังของชายคนหนึ่งด้วยดวงตาอันโศกเศร้า มันเป็นแผ่นหลังที่ทั้งใหญ่ แข็งแกร่ง และสมบูรณ์แบบ ทว่าเธอนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความโศกและสิ้นหวัง เป็นเพราะแผ่นหลังนั้นเธอไม่อาจครอบครอง
แผ่นหลังของชายหนุ่มค่อย ๆ ห่างไกลออกไป
นางเงือกผู้นี้ร้องออกและร่ำร้องขณะที่มองแผ่นหลังของชายหนุ่มห่างไกลออกไปจากระเบียง
หยาดน้ำตาปรากฏขึ้นในห้วงน้ำที่โปร่งแสง
จากนั้นภาพจึงเปลี่ยนไป
นางเงือกได้กำเอาไอเทมที่ชายหนุ่มหลงเหลือเอาไว้แนบกับอกและจากไปสถานที่ใดสักแห่ง ในตอนนี้หางที่งดงามของนางกำลังเผยความโศกเศร้าออกมา
“คริสติน คริสติน ข้ารักเจ้า
กระทั่งว่าน้ำทั้งสิ้นมหาสมุทรจะแห้งเหือด ข้าก็ยังรักเจ้า
กระทั่งว่าข้าต้องทนความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงอกนี้ ข้าก็ยังรักเจ้า
ข้าเชื่อมั่นต่อคำสัญญา
คำสัญญาที่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลับคืนสู่ข้า
จนกว่าจะถึงตอนนั้น ข้าจะรอคอยเจ้าที่สถานที่แห่งพันธสัญญา
โปรดอย่าได้ลืมคำที่ข้าเอื้อนเอ่ยต่อเจ้า
หากเจ้าต้องการพบข้า จงหลับตาทั้งสองนั้นลง
ในสถานที่นั้น ข้าจะรอคอยวันที่ข้าจะได้อยู่ในอ้อมแขนของเจ้า”
* * *
=====
ด้วยภูมิความรู้โบราณวัตถุ ท่านได้ค้นพบข้อมูลลับภายในเสาคริสตัล
นางเงือกผู้โหยหาคนรักของเธอได้จดบันทึกเอาไว้ภายในเสาคริสตัล
เพื่อคนรักที่จะกลับมาหาเธอในสักวัน เธอจึงทิ้งจดหมายจากครั้งอดีตนี้เอาไว้ ทว่า น่าเศร้านัก ดูเหมือนคนรักของเธอจะไม่ได้กลับมา
ภูมิความรู้โบราณวัตถุ +5, ความฉลาดเพิ่มขึ้น 5, โชคเพิ่มขึ้น 2, ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 10
=====
‘เป็นจดหมายรัก เธอเขียนขึ้นด้วยความรักอย่างลึกล้ำ’
แคร่ก!
จากนั้น ภาพที่ปรากฏขึ้นเหล่านี้ก็เริ่มเลือนลับหายไป