เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 182 สุสานเลือด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 182 สุสานเลือด
"ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่!" อวี๋โป้ไม่พบฟางหยวนในคฤหาสน์ของเขา นี่ทำให้หัวใจของอวี๋โป้ยิ่งหนักอึ้ง การหายตัวไปอย่างฉับพลันของไท่เซี่ยเล้งกับฟางหยวน อวี๋โป้รู้สึกว่ามันต้องมีความสัมพันธ์บางอย่าง
"บอกมา! ฟางหยวนอยู่ที่ใด?" อวี๋โป้เค้นถามไท่รั่วหนานที่พึ่งมาถึงด้วยใบหน้าที่น่ากลัว
"ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าฟางหยวนไปอยู่ที่ใด?" ทัศนคติของไท่รั่วหนานค่อนข้างแข็งกร้าว แม้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ เธอก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
"ฮืม แล้วเหตุใดไท่เซี่ยเล้งจึงได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน คุณหนูไท่ เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร?" อวี๋โป้กล่าวขณะที่เดินเข้าไปหาไท่รั่วหนาน
การแสดงออกของไท่รั่วหนานกลายเป็นโง่งมเล็กน้อย ในความเป็นจริงเธอไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เรื่องนี้มันแปลกประหลาดตั้งแต่เริ่มต้น
ตามแผนเดิม เธอกับบิดาจะเดินทางมาที่นี่ในปีหน้า ย้อนกลับไป ไท่เซี่ยเล้งกำลังแก้ปัญหาอีกคดีหนึ่ง แต่ในเวลานั้นกลับมีรถม้าลึกลับบินลงมาจากท้องฟ้าและส่งมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้กับไท่เซี่ยเล้งอย่างกะทันหันทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนและเดินทางมายังภูเขาชิงเหมาทันที
หากไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับนั้น เธอกับบิดาของเธอจะไม่มาที่นี่เวลานี้
ในฐานะบุตรสาว ไท่รั่วหนานรู้จักบิดาของเธอเป็นอย่างดี หากไม่ใช่กรณีพิเศษ ไท่เซี่ยเล้งจะไม่ตัดสินใจเช่นนี้
สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือ บนภูเขาชิงเหมามีเหตุฆาตกรรมเจียจินเฉิงเพียงคดีเดียว แม้การตายของเจียจินเฉิงจะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แย่งชิงมรดกของตระกูลเจีย ระดับความรุนแรงของมันยังค่อนข้างต่ำ แล้วเหตุใดเทพนักสืบไท่เซี่ยเล้งจึงให้ความสำคัญกับมันถึงเพียงนี้
นี่เป็นสิ่งที่ไท่รั่วหนานไม่สามารถคาดเดา
นอกจากนั้นตอนนี้ไท่เซี่ยเล้งยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่แม้แต่จะบอกบุตรสาวของเขา
แล้วเขาอยู่ที่ใด? เขากำลังทำสิ่งใดอยู่?
'ท่านพ่อ ท่านได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว โปรดระวังตัวด้วย' ไท่รั่วหนานรู้สึกกังวล
สถานการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งที่ไท่เซี่ยเล้งต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง เมื่อเขาไม่สามารถหันเหความสนใจของตนเองเพื่อปกป้องไท่รั่วหนาน เขาจึงเลือกที่จะออกไปต่อสู้เพียงลำพัง
อาการบาดเจ็บของเขาก็เกิดขึ้นจากการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งจากก่อนหน้าเช่นกัน
'แม้ท่านพ่อจะได้รับบาดเจ็บ แต่ท่านพ่อเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน ข้าต้องเชื่อมั่นในตัวท่านพ่อและรอท่านกลับมา" ดวงตาของไท่รั่วหนานส่องประกายขึ้นขณะที่เธอพยายามให้กำลังใจตนเอง
เมื่ออวี๋โป้เดินใกล้เข้ามา ไท่รั่วหนานจึงเงยศีรษะขึ้นก่อนกล่าว "เจ้าต้องการคำอธิบาย แต่ข้าต้องตอบเจ้างั้นหรือ?"
ใบหน้าของอวี๋โป้เผยให้เห็นความประหลาดใจก่อนกล่าว "สาวน้อย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่บอก ดูเหมือนข้าคงต้องจับตัวเจ้าไว้เป็นเชลยเพื่อแลกเปลี่ยนกับฟางหยวน"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" ไท่รั่วหนานหัวเราะเสียงดัง "ผู้นำตระกูลแสงจันทร์ เจ้ากล้างั้นหรือ? ท่านลุงของข้าเป็นผู้นำตระกูลไท่คนปัจจุบัน เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับตระกูลไท่เช่นนั้นหรือ?"
อวี๋โป้หยุดเท้าลงทันที
เขากังวลและเกือบลืมข้อเท็จจริงนี้
ครอบครัวตระกูลไท่!
มันเป็นตระกูลที่คงอยู่มานานกว่าหลายพันปี ตระกูลไท่ตั้งอยู่บนภูเขาตระกูลไท่และถูกเรียกว่า หอคอยปราบมาร พวกเขากักขังผู้ใช้วิญญาณปีศาจเอาไว้มากมายและเป็นตัวแทนของฝ่ายธรรมะ
ตระกูลแสงจันทร์ถือเป็นตระกูลขนาดกลางที่ค่อนมาทางขนาดเล็กและยังเล็กกว่าตระกูลเจีย แต่ตระกูลเจียก็เป็นเพียงตระกูลขนาดเล็กหากเปรียบเทียบกับตระกูลไท่
ทั้งหมดก็คือในอาณาเขตภาคใต้ทั้งหมด ตระกูลไท่ถือเป็นตระกูลใหญ่ระดับแนวหน้าที่มีรากฐานอันแข็งแกร่ง
ไท่รั่วหนาวกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ท่านผู้นำตระกูลแสงจันทร์ ข้าไม่คิดที่จะเป็นศัตรูกับท่าน แต่โปรดเชื่อในความจริงใจของข้า ข้าไม่ทราบว่าท่านพ่อไปที่ใด แต่ข้าจะไม่จากไปและไม่หลบหนี นอกจากนั้นไม่เพียงข้าจะไม่หลบหนี ข้ายังต้องจับตัวคนร้ายที่สังหารเจียจินเฉิงให้ได้อีกด้วย"
"ฟางหยวนอาจไม่ใช่คนร้าย!" อวี๋โป้ขมวดคิ้วจ้องมองไท่รั่วหนาน
"แต่เขาก็อาจเป็น!" ไท่รั่วหน้าจ้องตอบด้วยความกล้าหาญ เมื่อมาถึงจุดนี้ เธอจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
ทั้งสองจ้องมองกันอยู่เป็นเวลานาน
ไท่รั่วหนานกล่าวต่อ "ฟางหยวนหายตัวไป เป็นไปได้ว่าเขาต้องการหลบหนีจากความผิด ดังนั้นเขาจึงน่าสงสัยที่สุด แต่หากเขาไม่ใช่ ข้าก็จะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์"
"ฮืม ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น" อวี๋โป้สะบัดชายเสื้อและจากไป
สิบห้านาทีต่อมา...
"ครืน...ครืน..."
น้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อบัวสมบัติสวรรค์เริ่มฟื้นตัว
"ก่อนหน้านี้ข้าได้หินวิญญาณมาจากสหายร่วมชั้นเรียนประมาณหนึ่งหมื่นก้อน เพิ่มเติมด้วยหินวิญญาณจากโม่เฉินจำนวนสี่หมื่นก้อน แต่เหตุใดบัวสมบัติสวรรค์จึงยังไม่เผยร่างจริงของมันออกมา?"
ฟางหยวนมองผ่านกำแพงคริสตัลไปยังดอกบัวที่อยู่ท่ามกลางน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติด้วยความไม่แน่ใจ
บัวสมบัติสวรรค์เป็นวิญญาณที่มีคุณค่ามาก หากมันก้าวเข้าสู่ระดับหก คุณค่าของมันจะไม่ด้อยไปกว่าวิญญาณกาลเวลา
ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนไม่เคยพบมัน เขาเพียงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมันมาบ้างเท่านั้น
กล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบมัน ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรหรือมันจะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง
ฟางหยวนสงบจิตใจลงอย่างรวดเร็วก่อนจะหัวเราะออกมา "ห้าหมื่นก้อน นี่ย่อมเพียงพอแล้ว เหตุใดข้ายังต้องวุ่นวายอยู่ที่นี่? เรื่องการปรับแต่งงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า"
คิดได้เช่นนี้ ฟางหยวนไม่ลังเลอีกต่อไป เขาสูดหายใจลึกก่อนจะกระโดดผ่านกำแพงคริสตัลเข้าไปในบ่อน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติ
ท่ามกลางมวลน้ำ ฟางหยวนไม่สามารถมองเห็นบัวสมบัติสวรรค์ เพราะมีเพียงต้องมองผ่านกำแพงคริสตัลเท่านั้นจึงจะสามารถมองเห็นมันได้
ฟางหยวนไม่แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาคำนวณระยะทางกระทั่งความคลาดเคลื่อนจากการหักเหของแสง
ด้วยการเหวี่ยงมือออกไป ฟางหยวนสามารถคว้าจับดอกบัวสีฟ้าอ่อนเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตามบัวสมบัติสวรรค์มีจิตสำนึกเป็นของมันเอง ดังนั้นมันจึงเริ่มต่อต้านขัดขืน
แต่นั่นย่อมไม่ใช่สิ่งใดต่อหน้ากลิ่นอายของวิญญาณกาลเวลา ดังนั้นมันจึงถูกกำหราบและปรับแต่งทันที
ในน้ำ ฟางหยวนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อสามารถครอบครองบัวสมบัติสวรรค์
เพียงหนึ่งความคิด บัวสมบัติสวรรค์พุ่งเข้าสู่ทะเลวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว
หากไม่มีบัวสมบัติสวรรค์ น้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติจะกลายเป็นบ่อน้ำพุธรรมดาที่ไม่มีคุณค่าใด
'เมื่อไม่มีน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติ สถานที่แห่งนี้ก็ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว ข้าจะต้องจากไปอย่างรวดเร็วที่สุด' การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นจริงจัง แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะจากไป มันกลับเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ลึกลงไปในบ่อน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติ แสงสีแดงเลือดพลันส่องสว่าง
น้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติถูกเปลี่ยนย้อมให้เป็นสีแดง พลังอำนาจลึกลับดึงดูดฟางหยวนให้จมลงไป
วิญญาณเกราะนภา! วิญญาณปีกสายฟ้า!
ในช่วงเวลาวิกฤต ฟางหยวนกรีดร้องอยู่ภายในใจเพื่อสวมเกราะนภาให้กับตนเอง ในเวลาเดียวกันปีกสายฟ้าก็สะบัดตัวขึ้นบนแผ่นหลังของฟางหยวน
ปีกสายฟ้าทำให้ฟางหยวนสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้น แต่มวลน้ำสีเลือดยังดึงร่างของเขาให้จมลึกลงไปอย่างต่อเนื่อง
"ฮูม..."
ฟางหยวนถูกกระแสน้ำลากดึงลงไปในอุโมงค์ใต้พิภพอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่นานหลังจากนั้นฟางหยวนจึงร่วงหล่นออกมาจากปากทางออกอุโมงค์น้ำเข้าสู่พื้นที่ใต้พิภพแห่งหนึ่ง แม้มันจะเป็นโลกใต้พิภพ แต่ฟางหยวนพบว่าเขายังสามารถหายใจ มันไม่มืดแต่ปกคลุมไปด้วยแสงสีแดง
เวลานี้ปีกสายฟ้าของเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก แต่เขายังพยายามรักษาสมดุลเพื่อให้ตนเองสามารถบินอยู่ในอากาศ
ด้านล่างเป็นบ่อน้ำ แต่มันไม่ใช่น้ำธรรมดา มันเป็นน้ำสีแดงเลือด
บ่อเลือด!
กลิ่นคาวเลือดลอยเข้าจมูกของฟางหยวนขณะที่เขาค่อยๆบินต่ำลงไป
นี่เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างแปลก ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องระมัดระวังตัวและไม่คิดที่จะสัมผัสบ่อเลือดที่น่าสงสัยด้านล่าง
ตะขาบทองคำทำลายล้าง!
เขาเรียกตะขาบทองคำทำลายล้างออกมาและสะบัดมันออกไปราวกับแส้
ร่างของมันยึดยาวออกไปก่อนที่หางของมันจะเจาะทะลวงเข้าไปในกำแพงหินด้านข้าง
ด้วยการออกคำสั่งในใจ ตะขาบทองคำทำลายล้างจึงหดตัวลงและนำร่างของฟางหยวนเคลื่อนที่ไปยังกำแพงหินด้านข้างทันที
ผนังค่อนข้างลื่นและแทบไม่มีจุดพักเท้า แต่ด้วยความช่วยเหลือจากตะขาบทองคำทำลายล้าง สุดท้ายฟางหยวนจึงหาที่วางเท้าได้ในที่สุด
"ที่นี่คือที่ใด?" ฟางหยวนสังเกตรอบๆหลังจากยืนได้อย่างมั่นคง
ตามการประเมินของเขา ที่นี่อยู่ลึกลงไปในพิภพ มันกระทั่งลึกกว่าถ้ำใต้พิภพของหมู่บ้านอีกด้วย
“เหตุใดจึงมีสถานที่เช่นนี้อยู่ที่นี่?” ฟางหยวนประหลาดใจ ในชีวิตก่อนหน้า เขาไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอจึงไม่รู้ความลับต่างๆของตระกูล
ในความเป็นจริง ที่นี่คือสุสานโลหิต มันเป็นสุสานของผู้นำตระกูลรุ่นแรก กระทั่งในกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูล ยังมีเพียงหนึ่งหรือสองเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ฟางหยวนมองลงไปในบ่อเลือด มันเป็นบ่อเลือดที่ส่องประกายสีแดงสว่างไสว ขณะเดียวกันมันก็มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลและปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าขนลุกออกมา
ด้านบนสุสานยังเต็มไปด้วยรูพรุนนับร้อยที่มีกระแสน้ำพัดพาเอากุ้งหอยปูปลาและเต่าให้ร่วงหล่นลงมาในบ่อเลือด
“ซู่...ซู่...”
น้ำไหลลงสู่บ่อเลือดพร้อมกับสัตว์น้ำจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในไม่กี่ลมหายใจ เลือดในร่างของพวกมันกลับถูกดูดออกจนหมด พวกมันกลายเป็นศพแห้งเหี่ยวที่ลอยอยู่บนผิวน้ำขณะที่ถูกคลื่นน้ำพัดพาให้ลอยออกไปด้านข้าง
นี่ทำให้สีแดงเลือดยิ่งเข้มมากขึ้น
รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง หากเขาร่วงหล่นลงไป แม้จะได้รับการป้องกันจากเกราะนภา แต่สภาพของเขาก็คงไม่ดีนัก
เขายังสังเกตสิ่งต่างๆต่อไป นอกเหนือจากซากศพของสัตว์น้ำ มันยังมีโครงกระดูกของสิ่งมีชีวิต
มันมีทั้งโครงกระดูกของหมาป่า หมี หรือกระทั่งมนุษย์
คลื่นน้ำระเบิดจากศูนย์กลางออกไปปะทะกับกำแพงหินรอบข้าง เป็นเหตุให้กำแพงถูกเปลี่ยนย้อมเป็นสีแดงเลือด
สามารถกล่าวได้ว่าที่นี่เป็นสุสานเลือดขนาดใหญ่ที่น่าสยดสยองที่สุด