ตอนที่ 129 เสี่ยว โม่
ในคืนนั้น หลิน ฮวงถูกจัดให้พักในเกสต์เฮาส์ เขาพบว่าชื่อของผู้หลุดพ้นวัยกลางคนคือ ลู่ ซวน เขากำลังคิดที่จะหนี แต่เนื่องจากห้องที่เขากำลังพักนั้นอยู่ห่างจากห้องของลู่ ซวนเพียง500เมตร เขาก็ยอมแพ้ แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นวิญญาณและหลบไปใต้ดิน ลู่ ซวนก็จะรู้สึกได้ว่าเขาหายตัว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบหนีพ้น
แม้ว่าลู่ ซวนจะเป็นมิตร แต่เขาก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงความคิดของหลิน ฮวง ไม่เพียงแต่เขาจะถูกกักตัวให้อยู่แต่ในเขตบ้าน เขายังถูกห้ามไม่ให้ใช้เครือข่ายและอุปกรณ์สื่อสารเช่นกัน และสิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ในเมืองไหน
หลังจากมื้อเย็น เขาก็ตรงไปที่เตียง เช้าวันต่อมา ลู่ ซวนก็ส่งคไปยังห้องที่ทั้งคู่ได้พบกันวันแรก
“ค่ายฝึกอยู่ไหน?เราจะไปที่นั่นได้ยังไง?”หลิน ฮวงถาม เขาต้องการรับรู้ถึงตำแหน่งของพวกเขาเพื่อที่เขาจะได้วางแผนหลบหนีได้
“ไม่ต้องรีบร้อนไป ฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง”ลู่ ซวนกล่าวอย่างสงบขณะที่อัญเชิญประตูแดงมา มันคือสมบัติมิติ สมบัติที่หาได้ยากและมีราคามากกว่าสมบัติในระดับเดียวกัน10เท่า อย่างไรก็ตาม หลิน ฮวงได้ใช้สมบัติเช่นนี้อยู่หลายวัน เขาจึงไม่ได้ประทับใจกับพวกมันอีกต่อไป
ลู่ ซวนประทับมือเขาลงและประตูก็เปิดออก จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้หลิน ฮวง“ไปกันเถอะ”
พวกเขาก้าวไปในประตู พลาซ่าปรากฏตรงหน้าพวกเขาเมื่อพวกเขาก้าวผ่านประตู หลิน ฮวงมองไปรอบๆ สำหรับเขา สถานที่นี้ดูเหมือนเมืองเล็กๆ
“หยุดมองไปรอบๆได้แล้ว ตามฉันมา”ลู่ ซวนกล่าวขณะที่เก็บประตูสีแดงและโบกมือให้หลิน ฮวงเดินไป
หลิน ฮวงเดินตามเขาและพวกเขาก็เดินไปที่ใต้หอคอยยักษ์ในใจกลางของ’เมืองเล็ก’
พวกเขาเข้าไปในหอคอยยักษ์และขึ้นไปด้านบนโดยลิฟต์ มีห้องพักขนาดใหญ่ที่ชั้นบน ที่โต๊ะประชุมขนาดใหญ่ ชายที่มีรอยแผลเป็นกำลังพาดเท้าสองข้างของเขาไว้บนโต๊ะ เขากำลังสูบซิการ์อยู่
“ไง วันนี้นายว่างรึ?”ชายคนนั้นกล่าวทักทายลู่ ซวน
“มาส่งเด็กนะ”ลู่ ซวนตอบกลับและพยักหน้า
ชายคนนั้นมองมาที่หลิน ฮวงและยิ้ม“เด็กนี่คือใคร?”เขาถามลู่ ซวน
“ตามการรับรองของหัวหน้าหง เธอต้องการจะให้เขาเข้าร่วมกับกองกำลังสำรอง”ลู่ ซวนกล่าว
“เพียงแค่ระดับทองแดง?จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาตายที่นี่?”ชายคนนั้นถาม
“หัวหน้าบอกว่านายสามารถทำยังไงกับเขาก็ได้ตราบเท่าที่นายไม่ฆ่าเขา”ลู่ ซวนกล่าวและหัวเราะ
“เห้อ....”เขาส่ายหัว“นายควรจะรู้ว่ามีบางสิ่งที่ฉันไม่อาจควบคุมได้ เด็กนี่อ่อนแอเกินไป ฉันไม่อาจฆ่าเขาและฉันต้องคอยดูแลเขา นี่มันไม่ต่างอะไรกับพี่เลี้ยงเด็กเลยนะ”ชายคนนั้นกล่าวพลางตบหน้าผากเขา
เขาไม่พอใจกับข้อตกลงนี้
“ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ มันคือคำแนะนำจากหัวหน้าหง หากเธอกลับมาและพบว่าเด็กนี่ตาย นั่นจะแย่สำหรับเรา”ลู่ ซวนกล่าว เขาเองก็หมดหนทางเช่นกัน
“เอาละ งั้น ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด”ชายคนนั้นตอบ
“ฉันจะทิ้งเขาไว้กับนาย ไปละ”ลู่ ซวนกล่าวและตบไหล่หลิน ฮวง จากนั้นเขาก็เรียกประตูแดงออกมาและจากไป
เมื่อเห็นเขาจากไป ชายคนนั้นก็ดูดซิการ์และนำเท้าเขาลง เขาวางซิการ์ไว้ด้านข้างและวางมือลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็มองมาที่หลิน ฮวงและพูด
“ฟังให้ดี ไอหนู ฉันไม่สนใจใครคือคนหนุนหลังแก ที่นี่จะไม่มีการโอ๋ หัวหน้าหง บอกแค่ว่านายต้องมีชีวิต แต่หากแกฝ่าฝืนกฏที่นี่ ฉันก็มีหลายวิธีที่จะให้แกอยากจะตายเสียดีกว่า”เขาขู่
หลิน ฮวงพยักหน้าอย่างเฉยชา ชายคนนั้นมองมาที่เขาและโทรออก“มีเด็กอยู่ที่นี่ มาพาเขาไปที่ห้องพัก”เขาพูดกับคนในโทรศัพท์
หลังจากที่เขาวางสาย เขาก็มองมาที่หลิน ฮวงอีกครั้งจนกระทั่งชายในชุดดำมาพาตัวหลิน ฮวงไป เขาเดินตามชายในชุดดำไปที่ลิฟต์ พวกเขาเดินไปทางเหนือของหอคอยและเดินเข้าไปในลานด้านหลังประตูเหล็กขนาดใหญ่ หลังจากที่ลงทะเบียน พวกเขาก็เดินผ่านลานขนาดใหญ่และเข้าไปในตัวตึก
พวกเขาเดินมาถึงห้องเล็กๆบนชั้นหนึ่งและชายในชุดดำก็โยนเสื้อลายทหารสองตัวมาให้เขา
“เปลี่ยนชุดซะ”เขาสั่ง
เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และยืนจ้องมองหลิน ฮวง
หลิน ฮวงไม่ได้พูดบ่นอะไร เขาถอดเสื้อผ้าของเขาออกและสวมเสื้อลายทหาร มันพอดีแต่ก็น่าเกลียด
จากนั้นเขาก็เก็บชุดเขาไว้ในช่องเก็บของ ชายในชุดดำกล่าว“ที่นี่ เธอจะสามารถสวมได้แค่ชุดนี้เท่านั้น เธอไม่ได้รับอนุญาติให้สวมเสื้อผ้าอื่น นี่คือกฏและทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งขัด”
เขาพาหลิน ฮวงไปที่ชั้น11 หลิน ฮวงขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นห้องที่ถูกออกแบบคล้ายกับคุก ประตูห้องเป็นประตูกันระเบิด มีแถบโลหะอยู่ที่ประตูเพื่อให้สามารถมองเข้าไปในห้องได้ ห้องกว้าง10ตารางเมตรพร้อมกับเตียงคู่ อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ถูกตั้งวางไว้ในห้อง
เมื่อเห็นหลิน ฮวงมาถึง ชายหลายคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องของพวกเขาต่างก็มองมาที่เขา และชายในชุดดำก็หยุดเดิน“1121 นี่คือห้องของเธอ เราจะส่งกฏและระเบียบทั้งหมดไปที่แหวนหัวใจจักรพรรดิของเธอ จำพวกมันซะ”เขาตะโกน
มีเด็กหนุ่มกำลังนั่งอยู่บนเตียงและมองมาที่เขาอย่างกลัวๆ เด็กหนุ่มดูอายุ15หรือ16ปี เขาผอมและมีผิวสีดำ
“เข้าไป”ชายในชุดดำสั่งขณะที่เปิดประตู หลังจากที่หลิน ฮวงก้าวเข้าไป เขาก็ปิดประตูและจากไป หลิน ฮวงมองมาที่เพื่อนร่วมห้องเขาและยิ้ม“ไง ฉันชื่อหลินฮวง”เขาทักทาย
เด็กหนุ่มลังเลและพยักหน้าให้หลิน ฮวง“เสี่ยว โม่”
เพียงเมื่อหลิน ฮวงต้องการจะนั่งลง เสียงกริ่งก็ดังขึ้น มันราวกับเสียงกริ่งของโรงเรียนบนโลก แต่มันดังและชัดเจนกว่า
“เกิดอะไรขึ้น?”หลิน ฮวงคิด นี่ช่างไร้สาระ
“อาหารเช้า”เสี่ยว โม่ พึมพำและลุกจากเตียง
ในไม่ช้า ประตูก็เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เสี่ยว โม่โบกมือให้หลิน ฮวงและวิ่งออกไป หลิน ฮวงวิ่งตามเขาไป คนหลายคนกำลังวิ่งลงบันไดไป เมื่อพวกเขามาถึงโรงอาหาร มันก็เกือบจะเต็มแล้ว
จากนั้นเขาก็หยิบถาดโลหะและต่อคิว เมื่อมันถึงตาเขา มันก็เหลืออาหารไม่มากนัก เจ้าหน้าที่ตักของเหลวเหนียวราวกับโจ๊กลงบนถาดเหล็กของเขา สีและเนื้อสัมผัสของมันดูราวกับอ้วกมากกว่าโจ๊ก หลิน ฮวงสูญเสียความอยากอาหารไป เมื่อเขากำลังวางถาดเหล็กลงและจากไป เขาก็เห็น เสี่ยว โม่โบกมือให้เขา เขาเดินไปหาเสี่ยว โม่พร้อมกับถาดเหล็ก เมื่อเขานั่งลง ชายหนุ่มผมยุ่งเหยิงก็เดินมาทางพวกเขาพร้อมกับถาดเหล็ก
“ไอหนู วันนี้แกมาเร็วดีนี้ แถมยังได้เนื้อไปด้วย”ชายผมยุ่งแทงชิ้นเนื้อด้วยส้อมของเขาและกินมัน หลิน ฮวงขมวดคิ้วขณะที่เฝ้าดู
“เนื้อเพียงชิ้นเดียวจะทำให้ฉันพอใจได้ยังไง?”ชายผมยุ่งพูดต่ออย่างเยาะเย้ยและกลืนเนื้อไป“เนื่องจากฉันยังไม่พอใจ แกก็ไม่ควรจะกินของแก”เขากล่าวและพลิกคว่ำถาดอาหารของเสี่ยว โม่ ส่งผลให้อาหารเลอะไปทั่วตัวเขา
ผู้คนรอบๆพวกเขากำลังเพลิดเพลินกับการแสดงนี้ ไม่มีใครลุกขึ้นเพื่อเสี่ยว โม่เลย
“เห้ ไม่มากไปงั้นหรอ?”หลิน ฮวงวางถาดอาหารเขาลงและกล่าวขึ้น
“ว่าไงไอหนู....นี่ไม่ใช่เรื่องของแก”ชายผมยุ่งเมินเฉยหลิน ฮวง
“หยิบถาดอาหารขึ้นมาและขอโทษเขาซะ”หลิน ฮวงกล่าวอย่างขุ่นเคืองและจ้องมองอย่างดุร้าย
การที่หลิน ฮวงกำลังยืนขึ้นต่อหน้าเขาทำให้ผู้คนตื่นเต้น พวกเขายิ้มกว้างและรอให้ถึงจุดไคลแม็ก
“แกคิดว่าแกเป็นใครหะ!”ชายผมยุ่งตะโกนและจ้องมองหลิน ฮวงฃ
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ หยิบถาดอาหารขึ้นมาและขอโทษเขาซะ!”หลิน ฮวงกล่าวอย่างหนักแน่น เขาไม่ต้องการยอมแพ้
“ไม่เป็นไรหรอก...”เสี่ยว โม่กล่าวเสียงอ่อนขณะที่ยืนขึ้นและจับแขนของหลิน ฮวง
“ไอหนู ฉันขอเตือนแก ก่อนที่แกจะมายุ่งเรื่องของฉัน แกควรจะพิจารณาตัวแกเองเสียก่อน...”ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลิน ฮวงก็บีบคอเขาและจับหัวของเขาฟาดกับโต๊ะ พร้อมกับใช้ส้อมในมือซ้ายเขาจ่อลูกตาชายคนนั้น
“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษซะ!”หลิน ฮวงจ้องมองอย่างดุร้าย เขาจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะขอโทษ
“ฉัน...ขอโทษ...”ชายผมยุ่งร้องเสียงหลง เขากลัวและตกใจขณะที่กล่าวขอโทษ
เสียงกริ่งดังขึ้นและเวลาอาหารเช้าก็หมดลง คนที่เหลือยืนขึ้นและจากไปพร้อมกับถาดอาหาร หลิน ฮวงผละออกจากชายคนนั้นและตะโกนใส่เสี่ยว โม่ที่ร้องขอให้เขาไป
ชายผมยุ่งถูกทิ้งไว้เงียบๆ คนหลายคนกำลังทำให้เขาตลก หลังจากที่เก็บถาดอาหารของพวกเขากลับแล้ว เสี่ยว โม่ก็เดินตามหลินฮวงไป ขณะที่เขากำลังเดินออกจากโรงอาหาร เขาลังเลสักพักและกล่าว “ขอบคุณนะ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน ทำไมนายจึงโดนเขากลั่นแกล้ง?”หลิน ฮวงถาม
“เมื่อฉันกำลังเดินลงบันได ฉันเผลอไปเหยียบเท้าเขานะ.....”เสี่ยว โม่ บอกเขา“ฉันขอโทษเขาทันทีแต่เขาไม่ยอมล้มเลิกและคอยกลั่นแกล้งฉัน....”
“ยิ่งนายยอมเขามากเท่าไร คนประเภทนี้ก็จะยิ่งแกล้งนายมากเท่านั้น นายไม่ควรปล่อยให้เขาทำกับนายเช่นนี้!”หลิน ฮวงบอก เสี่ยว โม่
“แต่...ฉันไม่สามารถสู้กับเขาได้...”เสี่ยว โม่ พึมพำเบาๆ เขารู้สึกเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นก็พยายามทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นสิ วันหนึ่งนายจะสู้กับเขาได้”หลิน ฮวงกล่าว และจู่ๆเขาก็นึกได้ถึงผลไม้แห้งจากเจ้าอ้วนในช่องเก็บของเขา เขาตบไหล่เสี่ยว โม่และกล่าว“กลับไปที่ห้องกันเถอะ ฉันมีของดีอยู่ในช่องเก็บของฉัน....”