เล่ม 2 ตอนที่ 4 : เอาชนะใจผู้คน (2)
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
เล่ม 2 ตอนที่ 4 : เอาชนะใจผู้คน (2)
ยิ่งเขาพูดอวยมากเท่าไหร่ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น ศาสตร์แห่งการสื่อสารของอาร์คก็เพิ่มขึ้น เมื่อเขาขายสิ่งของทั้งหมดที่มีออกไป ศาสตร์แห่งการสื่อสารของเขาถึงกับได้ค่าประสบการณ์มา 13 หน่วย อีกทั้งเขายังได้รับไข่มุกมาทั้งสิ้น 450 เม็ด แน่นอนว่าประชากรเงือกต่างซื้อหาสิ่งของที่เหลือด้วยใบหน้าพึงพอใจ ทำให้ค่าความสัมพันธ์ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่พวกเขาก็ยังไม่ปริปากบอกเรื่องคริสติน
อาร์คหาได้กังวลไม่ ‘สถานที่เช่นนี้กลับมีกลยุทธ์ทางการค้าอันน่าทึ่ง!’
หลังเสร็จการดำเนินธุรกิจ อาร์คยิ่งมั่นใจมากขึ้น
‘ความแตกต่างทางวัฒนธรรมคือเงิน!’
โนเดเลสนั้นเป็นอิสระจากบนบกอย่างสิ้นเชิง และมันเป็นสิ่งที่ทำให้ค่าความสัมพันธ์ของเขาเพิ่มสูงขึ้นได้ บางสิ่งนั้นไร้ค่าโดยสมบูรณ์เมื่ออยู่บนบก แต่ไม่ใช่กับที่นี่ ตราบเท่าที่เขาพบเจอความจริงข้อนี้ มันจึงไม่มีปัญหาอันใดเลยที่จะเพิ่มค่าความสัมพันธ์ที่มากขึ้น
อาร์คออกรวบรวมข้อมูลโดยทันทีขณะที่เดินเตร่ไปทั่วโนเดเลส
สิ่งถัดมาที่ดึงดูดความสนใจของอาร์คคือภัตตาคาร
ชาวเงือกไม่มีแนวคิดทางด้านทำอาหาร กระทั่งว่าสั่งอาหารที่ภัตตาคาร สิ่งที่ได้รับมาก็แค่พวกหอยและสาหร่ายดิบเพียงเท่านั้น
แน่นอนว่าใต้น้ำไม่อาจจุดไฟได้
แต่อาร์คนั้นไม่ใช่ การทำอาหารเพื่ออยู่รอดมีหม้อที่อาร์คสามารถต้มน้ำได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไฟ และสามารถย่างวัตถุดิบได้แม้จะอยู่ในสถานที่เช่นนี้! สมชื่อ ‘ทำอาหารเพื่ออยู่รอด’ ไม่มีผิด ตราบเท่าที่มีใจคิดจะทำ กระทั่งบะหมี่ก็สามารถทำได้ที่ใต้น้ำแห่งนี้
‘พวกเขาต้องกินสิ ไม่มีอะไรหรอก พวกเขาต้องกินแน่’
อาร์คได้เริ่มการทำอาหารที่จัตุรัสโดยทันที
เขามีวัตถุดิบเหลืออยู่มากถึงขนาดที่ว่าพวกมันเกือบจะเน่าหรือเสียอยู่แล้ว
ในหมู่เมนูอาหารที่อาร์คสามารถทำได้ด้วยวัตถุดิบที่มี อาร์คเลือกที่จะทำเมนูที่ค่อนข้างมีรสชาติที่ดีและมีกลิ่นหอม ผลลัพธ์ก็เป็นดังคาด
ชาวเงือกต่างไม่เคยเห็นการทำอาหารมาก่อน
พวกเขาไม่เคยกระทั่งจินตนาการถึงอาหารที่ทำจากวัตถุดิบบนบก ชาวเงือกต่างมารวมตัวกันและจ่ายเงินเป็นจำนวน 1P ต่อจานอาหาร และชาวเงือกแต่ละคนที่กินอาหารเข้าไปนั้นต่างส่ายหางเป็นการใหญ่ ในแต่ละวันซุ้มอาหารของอาร์คจะเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่อแถวจนยาวเหยียด
เมื่ออาร์คทำเมนูที่หลากหลายยิ่งขึ้น ยอดขายก็เพิ่มขึ้นตาม อาหารที่ทำให้ชุ่มชื้นจะมีผลช่วยอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต และอาหารที่มีโภชนาการมากจะเพิ่มพละกำลังหรือไม่ก็ความคล่องตัว อาหารพิเศษเหล่านี้สนนราคาอยู่ที่ 3P! มันเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการตั้งราคาขายและช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
“โอ้ นี่มันอะไรกัน?”
“โห รสชาตินี่อย่างงี้เลย”
“บนบกเรียกเนื้อนี่ว่าอะไร?”
“เพราะอะไรไม่รู้ ตอนกินอาหารจากที่นี่เข้าไปข้ารู้สึกราวกับพละกำลังเพิ่มมากขึ้น”
ในหนึ่งวัน วัตถุดิบอาหารจากบนบกจะพร่องไปมาก แต่ธุรกิจก็ยังดำเนินไปได้ด้วยดี
“นี่มันสาหร่ายทะเลที่เคยกินมาตลอดนี่ แต่รสชาติต่างกันลิบลับ!”
“ไม่อยากเชื่อเลย นี่เจ้าทำให้หอยพวกนี้มีรสชาติวิเศษเพียงนี้ได้ยังไงกัน!”
ทั้งเด็กทั้งชรา ทั้งทหารยามหรือเหล่าขุนนางของชาวเงือก พวกเขาล้วนชมกันไม่หยุดปาก
ชาวเงือกบางคนก็นำเอาคนรักเดินเข้ามาอย่างสง่าเพื่อสั่งอาหาร แน่นอนว่าอาร์คนั้นต้อนรับลูกค้าเป็นอย่างดี ชาวเงือกจึงพอใจกับการบริการที่ซึ่งเป็นรองแค่ภัตตาคารชั้นหนึ่ง
ต้องขอบคุณเรื่องที่เขาดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี ความนิยมของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้น ไม่ช้า แถวชาวเงือกที่มารอตั้งแต่เช้าก็ยาวพอที่จะปิดล้อมจัตุรัสแห่งนี้เอาไว้ได้
“ยินดีต้อนรับครับ!”
“ขอหอยอบเหมือนที่กินเมื่อวานหน่อย”
“รบกวนรอสักสิบนาทีนะครับ”
มันเป็นเรื่องยากที่จะรองรับลูกค้าที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสายโดยต้องทำอาหารไปด้วยจนแทบไม่ได้พักผ่อน เพียงไม่กี่วัน อาร์คกลับกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ไม่มีชาวเงือกแม้สักคนในโนเดเลสที่ไม่รู้จักอาร์ค
แต่นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
“อา เจ้านี่ใกล้จะพังแล้วเหรอเนี่ย ต้องไปซื้อใหม่อีกแล้ว?”
ทหารยามผู้ซึ่งอยู่นอกซุ้มร้านถอนหายใจออกมาขณะมองชุดเกราะที่ขาดวิ่น
อาร์คเร่งร้อนเข้าไปใกล้ขณะเผยรอยยิ้มเป็นมิตรให้
“ถ้าหากไม่ว่าอะไร ให้ผมช่วยซ่อมแซมให้ไหมครับ?”
“ซ่อมแซมหรือ หมายถึงอะไรกัน? เจ้าแน่ใจหรือที่บอกว่ามันซ่อมได้?”
“ครับ แม้มันจะเหมือนไม่เก่า แต่มันก็จะยังใช้งานได้อีกชั่วระยะหนึ่ง”
“แต่ข้าไม่เคยได้ยินเลยนะว่ามนุษย์สามารถซ่อมอุปกรณ์สวมใส่ของชาวเงือกได้?”
“ครับผม ลองมอบให้ผมจัดการดูเถอะครับ”
นายทหารถอดชุดออกและส่งเกราะเปลือกหอยมาให้เขาด้วยสีหน้าไม่อาจเชื่อ
ทฤษฎีเรื่องค่าความทนทานสูงสุดนั้นไม่มีผลกับอุปกรณ์สวมใส่ของชาวเงือก ในเมื่อวัสดุมันเป็นเปลือกหอย พวกเขาจึงไม่อาจซ่อมมันได้หากแตกหัก กระทั่งว่ามีคนที่เรียนเทคนิคการซ่อมแซมของช่างตีเหล็กก็ไม่อาจที่จะซ่อมเปลือกหอยด้วยค้อนได้ แต่เทคนิคที่อาร์คได้เรียนมานั้นคือเวทมนตร์ฟื้นคืน มันไม่ใช่การซ่อม แต่เป็นการฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิม
“เวทมนตร์ฟื้นคืน!”
เมื่อทักษะถูกใช้งาน ชุดเกราะหอยได้กลับคืนสู่สภาพดังเดิม
เหล่าชาวเงือกที่มองดูอยู่นั้นอดไม่ได้ที่จะเผยความตะลึงออกมา ในเมื่อมันยังเป็นทักษะขั้นต้น มันจึงไม่สามารถทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยสมบูรณ์ได้ ความทนทานที่หายไป 10% ยังคงมีผลทำให้ค่าความทนทานฟื้นคืนมาแค่ 90%
ผู้เล่นทั่วไปย่อมปฏิเสธบริการนี้แม้ว่าจะจ่ายน้อยกว่า แต่แค่นี้ก็เพียงพอทำให้ชาวเงือกตกตะลึงได้ ในเมื่ออุปกรณ์ชิ้นหนึ่งมูลค่าสูงเกินกว่า 1,000P การที่จะหามาใช้ทดแทนของเดิมย่อมเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต
“นี่มันน่าเหลือเชื่อ! กระทั่งนักเวทยังไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้!”
อาร์คแกล้งทำเป็นเหนื่อย “แฮ่ก แฮ่ก การใช้เทคนิคนี้มันยากพอสมควร”
“อย่าได้เหนื่อยไป ในเมื่อเจ้าทำสิ่งเช่นนี้ให้ข้า นี่อาจไม่มาก แต่โปรดรับเอาไว้”
ทหารยามยื่นมาให้ 50P
นี่มันราคาดีกว่าขายอาหารจานพิเศษนับสิบจานเสียอีก!
นัยน์ตาของอาร์คฉายแสงทองคำสว่างวาบ
‘วิเศษ กำลังกังวลอยู่เลยว่าวัตถุดิบจะไม่พอ’
“มันน่าเสียนักหากอุปกรณ์ชั้นเลิศของชาวเงือกจำเป็นต้องโยนทิ้งเมื่อมันไม่อาจใช้งาน แม้มันจะเป็นงานยาก แต่หากอุปกรณ์ของท่านพังล่ะก็ โปรดนำมาให้ผมได้ทุกเมื่อ หากเป็นไอเทมธรรมดาผมจะสามารถซ่อมมันได้ในราคาย่อมเยา”
เมื่อข่าวลือแพร่ออกไป เหล่าชาวเงือกต่างนำเอาอุปกรณ์สวมใส่เข้ามารุมล้อมอาร์คเป็นการใหญ่
‘ฮ่าฮ่าฮ่า ร่ำรวย ร่ำรวย’
เขากำลังเป็นสุขจนแทบเป็นบ้าได้
เขาใช้วัตถุดิบที่ไม่อาจขายในร้านเพื่อได้รับมาซึ่งไข่มุก แต่ยังมียิ่งกว่านั้น ทุกครั้งที่เขาทำอาหาร ทักษะทำอาหารเพื่ออยู่รอดจะยกระดับขึ้น ขณะที่เขาใช้เวทมนตร์ฟื้นคืนเพื่อได้รับมาซึ่งไข่มุก เขาก็ยังสามารถยกระดับทักษะให้เชี่ยวชาญมากขึ้น ผลลัพธ์ก็คือกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและเลเวลของเวทมนตร์ฟื้นคืนที่เพิ่มขึ้นภายในสามวัน
=====
เวทมนตร์ฟื้นคืนเลื่อนระดับขึ้นเป็นขั้นกลาง
ข้อจำกัดที่ท่านได้รับเมื่อซ่อมแซมไอเทมธรรมดาไม่มีอีกต่อไป ตอนนี้ท่านสามารถซ่อมแซมไอเทมวิเศษได้ ทว่า แต่ละครั้งที่ท่านซ่อมแซมไอเทมวิเศษ ค่าความทนทานสูงสุดจะลดลง 10%
พลังมานาเรียกใช้ : 20
*เมื่อทั้งการเยียวยาและเวทมนตร์ฟื้นคืนเพิ่มระดับขึ้นเป็นขั้นกลาง ท่านได้เรียนรู้การฟื้นคืนชำระจากผลของเซ็ตทักษะ ด้วยทักษะฟื้นคืนชำระ ท่านสามารถชำระคำสาปของไอเทมได้
=====
‘ผลจากเซ็ตทักษะ!”
ในอดีต เขาได้เรียนทักษะการต่อสู้ด้วยมือและดาบซึ่งเป็นผลจากเซ็ตทักษะของเชี่ยวชาญดาบและการต่อสู้มือเปล่า เมื่อทักษะทั้งสองที่เกี่ยวข้องกันเลื่อนระดับขึ้น ผลของเซ็ตทักษะจะถูกมอบออกมา แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ทักษะการถอนคำสาปที่ได้รับจากการเยียวยาและเวทมนตร์ฟื้นคืน มันไม่ใช่ทักษะธรรมดา นับได้ว่าเป็นเซ็ตทักษะระดับหายาก ตอนนี้เขาสามารถถอนคำสาปให้กับไอเทมได้โดยไม่ต้องไปจ่ายเงินเพื่อใช้บริการที่มหาวิหารอีกต่อไป
‘ดาบของแลนเซล!’
ดาบของแลนเซลผุดขึ้นในความคิดโดยทันที
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังคงสงสัยนักว่าดาบนี้มันคืออะไรกันแน่
“ดีล่ะ ฟื้นคืนชำระ!”
เมื่อดาบถูกถอนคำสาปออก หน้าต่างข้อความจึงเด้งขึ้นพร้อมเสียงประกอบ
=====
เมื่อคำสาปถูกเพิกถอน รูปลักษณ์ของดาบแท้จริงได้เผยออกมา
=====
ดาบของแลนเซล (ดาบวิเศษ)
ประเภท : ดาบมือเดียว
พลังโจมตี : 20~30
ความทนทาน : 50/50
น้ำหนัก : 25
ข้อจำกัดใช้งาน : ธาตุความมืด, เลเวล 50
ดาบที่เคยเป็นของทหารรับจ้างแลนเซลผู้ซึ่งมีชื่อเสียงเมื่อครั้งอดีต เหตุผลที่แลนเซลมีชื่อเสียงได้ต้องยกให้ดาบวิเศษนี้ได้เข้าครอบงำจิตใจของเขา แลนเซลตระหนักได้และหยุดการใช้งานดาบนี้ไปเป็นเวลานาน แต่เขาต้องจับดาบนี้อีกครั้งเพื่อกำจัดคุนดาลินี ในสถานที่แห่งนั้นเขาได้เสียลมหายใจสุดท้ายไปและตายลง
=====
‘นี่มัน... วิเศษ!’ ปากของอาร์คพลันอ้ากว้างด้วยความตกตะลึง
อาร์คยังคงใช้ดาบคมประกายที่ได้รับมาจากการจัดการหนูหมีสีดำ ดาบเล่มนั้นมีพลังโจมตีเพียง 8~12 แต่นี่ดาบของแลนเซลมีถึง 20~30
เพียงแค่มองพลังโจมตีของมันก็อาจกล่าวได้แล้วว่าเป็นดาบที่สมบูรณ์แบบสำหรับเลเวล 50 โชคร้ายที่มันติดข้อจำกัดเรื่องสังกัดความมืด
ผู้เล่นที่อาร์ครู้จักว่ามีธาตุความมืดนั้นมีเพียงน้อยนิดจนสามารถนับได้เพียงมือเดียว แม้ว่าจะเป็นไอเทมระดับวิเศษ แต่มันคงยากที่จะได้ราคาสูงจากการประมูล ทว่า มันก็ไม่มีเหตุผลใดให้ต้องผิดหวังไป
‘ดาบของแลนเซลจะเพิ่มพลังโจมตีโดยรวมให้อย่างน้อยก็ 30%’
ลำพังแค่สิ่งนี้ก็นับว่ามีค่าแล้ว
จากนั้น หน้าต่างข้อความอีกหนึ่งพลันเด้งขึ้นมา
=====
ความสามารถเครื่องมือวิเศษถูกนำออกมาโดยตัวตนของอาชีพผู้เดินทางแห่งความมืด
=====
ประชากรในโลกใต้พิภพในระดับชนชั้นกลางต่างมีสิ่งประดิษฐ์เป็นของตนเอง ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า เครื่องมือวิเศษ ผู้เล่นสามารถใช้งานเครื่องมือวิเศษได้หนึ่งครั้งต่อวัน ท่านสามารถอัญเชิญเจ้าของดาบวิเศษผู้ซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ในโลกใต้พิภพได้ ไม่มีข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมต่อการอัญเชิญเจ้าของดาบวิเศษ
ทว่า เจ้าของดาบวิเศษอาจไม่เป็นมิตรกับผู้เล่น
=====
ภารกิจพิเศษ : หากผู้เล่นซึ่งเป็นเจ้าของดาบได้ใช้ความสามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากโลกใต้พิภพ ท่านจะมีคุณสมบัติที่จะให้สมุนปีศาจทำการท้าประลองกับเจ้าของดาบวิเศษ ถ้าหากสมุนปีศาจชนะ ท่านสามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันและพัฒนาความแข็งแกร่งให้สมุนปีศาจได้
ถ้าหากผู้เล่นโจมตีและใช้เวทมนตร์กับศัตรูเพื่อฝั่งสมุนปีศาจระหว่างการต่อสู้ การต่อสู้จะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติด้วยผลพ่ายแพ้ ในกรณีที่สมุนปีศาจแพ้ มันจะถูกเรียกตัวกลับและข้อจำกัดหลังการเรียกกลับจะมีผลใช้งาน
=====
ดาบของแลนเซล (ดาบวิเศษ)
ผลพิเศษ : หนึ่งครั้งต่อวัน ท่านสามารถอัญเชิญ ดันพิล แวมไพร์ชั้นต่ำออกมาได้
=====
‘อะไรกัน?’ อาร์คเผยสีหน้าสับสนออกมาขณะที่จ้องมองข้อความเบื้องหน้า
หลังอ่านทวนไปสองรอบ ด้วยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาถึงกับอุทานออกมา
‘สมุนปีศาจเติบโตได้!’
คำเหล่านี้ทำให้ดวงตาของเขาแทบถลนออก ที่จริงแล้ว อาร์ครู้สึกสงสัยอยู่พอสมควรว่าจะพัฒนาสมุนปีศาจของตนยังไง ในเมื่อเงื่อนไขการพัฒนาสมุนปีศาจมันออกจะแปลกอยู่บ้าง
การทำอาหารจานใหม่ด้วยการทำอาหารเพื่ออยู่รอด กระทั่งว่าทำอาหารได้สำเร็จ หากผลลัพธ์ออกมาเป็นทางลบ สมุนปีศาจก็ไม่อาจเติบโต ดังนั้นแล้วแม้เขาจะทำอาหารใหม่ไปกว่าแปดสิบจาน ค่าสถานะของสมุนปีศาจของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเพียงแค่สามสิบครั้ง และในเมื่อเจ้ากะโหลกและค้างคาวต่างแยกกันกิน ความสำเร็จก็นับได้ว่ามีเพียงแค่สิบห้าครั้ง
ถ้าหากการเพิ่มค่าสถานะคือเลเวลที่เปลี่ยนไป พวกมันก็คงมีเลเวล 15 แล้ว แม้ว่าอาร์คจะทำได้จนเพิ่มเลเวลของพวกมันทั้งสองไปถึงสามสิบครั้งโดยการทำอาหารอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ไม่ว่าวัตถุดิบในนิวเวิร์ลด์จะมีมากมายขนาดไหน แต่มันก็ต้องมีขีดจำกัดอยู่
สรุปก็คือ จำนวนอาหารจานใหม่ที่อาร์คสามารถทำได้นั้นมีจำกัด และเมื่อถึงตอนนั้นการเติบโตของสมุนปีศาจก็จะหยุดชะงักลง
ตอนนี้พวกเขามีชัยเหนือความต่างเลเวลเมื่อสู้กับมอนสเตอร์ก็เพราะกลยุทธ์ แต่มันก็ต้องถึงขีดจำกัดเข้าในสักวัน
ถ้ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เขาก็ต้องยอมปล่อยสมุนปีศาจไป แต่ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เขาอยากที่จะพัฒนาพวกมันแม้เพียงนิด สมุนปีศาจเหล่านี้ต่างไม่เคยคิดที่จะเร่งร้อนเพิ่มเลเวล เป็นเพราะพวกมันไม่ชอบการโดนบังคับให้กินอาหารเสี่ยงตาย...
เรื่องนี้นับได้ว่าเป็นที่น่าเสียดายสำหรับอาร์คผู้ซึ่งมีความใส่ใจต่อสมุนปีศาจของตนเป็นพิเศษ
‘แต่ตอนนี้มีหนทางอื่นแล้ว!’
หลังขายของช่วงเย็นเสร็จสิ้น อาร์คจึงออกไปนอกเมืองโนเดเลส
เหตุผลก็คือ การต่อสู้ไม่อาจกระทำได้ภายในเมือง
“อัญเชิญดาบวิเศษ!”
เมื่ออาร์คปลดผนึกออก มอนสเตอร์จึงถูกอัญเชิญออกมาด้วยแสงสลัว รูปร่างของมันดูแล้วเป็นชายวัยกลางคนในชุดสูท
ดันพิลมองโดยรอบ มองอาร์ค และแสยะยิ้มออกมา “เจ้าอัญเชิญข้า? มีธุระอะไร?”
ทั้งสีหน้าและท่าทางรวมถึงคำพูดต่างโอหังเกินจะกล่าว
และขณะที่อาร์คจะพูดออกมานั้นเอง
“ดะ-ดันพิล!” ขณะที่เหม่อมองดันพิล เจ้าค้างคาวพลันร่ำร้องออกมา
ทว่าท่าทีตอบสนองของดันพิลกลับเฉยชา
“เจ้าคือ?”
“นะ-นี่แกไม่รู้จักข้า?”
“เจ้านี่แปลกนะ ข้าไม่ค่อยชอบค้างคาวก็เลยไม่คิดรู้จักคบหาสมาคมถามชื่อน่ะ”
“วะ-ว่าอะไรนะ? แก!”
โดยไม่รีรอ เจ้าค้างคาวพุ่งเข้าใส่ดันพิลโดยทันที
ตัดสินจากสถานการณ์ตรงหน้า ดันพิลสมควรเป็นคู่แค้นของเจ้าค้างคาว
เมื่อการต่อสู้ระหว่างสมุนปีศาจเกิดขึ้น หน้าต่างข้อความจึงเด้งขึ้นมาบอกต่ออาร์ค เขาไม่อาจใช้ทักษะเยียวยาหรือว่าอัญเชิญสมุนปีศาจกลับไปได้