เล่ม 2 ตอนที่ 3 : นครใต้สมุทรโนเดเลส (3)
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
เล่ม 2 ตอนที่ 3 : นครใต้สมุทรโนเดเลส (3)
การที่เขาตรวจสอบตำแหน่งจุดแดงด้วยสายตาก่อนที่จะโจมตีนั้นมันไม่ทันการแล้ว เขาโดนเจ้าปลาปีศาจสกัดการเคลื่อนไหวเอาไว้ก่อนที่จะได้แทงเข้าจุดสีแดงที่ปรากฏขึ้น อาร์คเพ่งสมาธิไปกับการป้องกันขณะที่สำรวจการเคลื่อนไหวของปลาปีศาจด้วยเนตรแห่งแมว จุดอ่อนที่มันเผยออกมาในขณะเคลื่อนไหวนั้น เขาเริ่มจดจำเอาไว้ภายในหัว
‘เอาล่ะ เราจำรูปแบบการเคลื่อนไหวของเจ้านี่ได้แล้ว ตอนนี้แหละ!’
อาร์คหลบเลี่ยงหนวดปลาหมึกที่พุ่งเข้ามาและเสียดแทงใส่ด้วยคมดาบ
=====
ท่านได้โจมตีคริติคอล!
=====
แม้ว่ามันจะยาก แต่เขาสามารถสร้างความเสียหายคริติคอล 100% จากการโจมตีได้เป็นผลสำเร็จ
‘ดีล่ะ เราชนะได้ตราบเท่าที่รู้การเคลื่อนไหวของมัน!’
อาร์คที่หลบเลี่ยงหนวดปลาหมึกได้สำเร็จจึงโจมตีสวนกลับไปราวสิบครั้ง เมื่อปลาปีศาจเข้าสภาวะวิกฤต สายตาของเขาพลันมืดมนลงขณะที่โดนความเสียหายเข้าใส่
มันเป็นเพราะปลาปีศาจปัดป้องการมองเห็นของเขาด้วยหมึกและเข้าโจมตี
มันเป็นการโจมตีที่คาดไม่ถึง อาร์คที่มีสภาวะมืดบอดเพราะความมืด เขาไม่อาจมองเห็นอะไรได้แม้สักนิด มันยากที่จะโจมตี นับอะไรกับการที่ต้องหลบหนวดปลาหมึกอีก
จากนั้น เขาพลันได้ยินเสียงเจ้าค้างคาวจากด้านหนึ่ง
“เจ้านาย ทางนี้ แทงเข้ามาทางนี้!”
อาร์คเหวี่ยงดาบตอบสนองและสร้างความเสียหายคริติคอลอีกครั้งเมื่อสายตากลับคืนกระจ่างชัด
ปลาปีศาจเริ่มถอยหายไป
‘นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย’
ใบหน้าของอาร์คเปี่ยมด้วยความตึงเครียด
เจ้าปลาหมึกนั่นเลเวลแค่ 40 หากเป็นข้างบนเขาสามาถจัดการมอนสเตอร์ที่เลเวลทัดเทียมกันนี้ได้เพียงแค่พริบตา แต่เจ้าปลาหมึกนี่ทำเอาเขาแทบตาย
สภาวะแวดล้อมพิเศษของใต้น้ำนั้นไม่ต่างอะไรกับการผนึกความสามารถของอาร์ค
ถ้าหากอาร์คไม่ได้ขัดเกลาสัมผัสด้วยการฝึกฝนมา เขาคงไม่มีทางชนะมันได้แน่แม้ว่าเขาจะมีเลเวลสูงกว่ามันถึง 10 ระดับก็ตาม
‘ไม่รู้เลยว่าจะมีมอนสเตอร์อะไรโผล่มาอีกบ้าง ตอนนี้อยู่ในน้ำนี่นะ มันย่อมต้องแตกต่างจากข้างบนอยู่แล้ว ด้วยสภาพตอนนี้เราจะเอาชนะมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าปลาปีศาจนั่นยังไงกัน?’
มันไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าปัญหาจะมีเพียงแค่นี้
เกราะหนักของเขาและหมวกที่สวมใส่อยู่ไม่น่าเป็นอะไร แต่ดาบเหล็กที่โดนน้ำอาจทำให้ค่าความคงทนลดลงเพียงแค่สวมใส่มัน
=====
กริชปะการัง
ประเภท : กริช
พลังโจมตี : 1~4
ความทนทาน : 15
น้ำหนัก : 15
ข้อจำกัดใช้งาน : ไม่มี
กริชที่สร้างขึ้นจากปะการังลับคม ส่วนคมนั้นมันวาวอย่างน่าประทับใจ มันเหมาะที่จะเป็นเครื่องประดับมากกว่า เพราะวัสดุที่ใช้ทำคือปะการัง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อมแซมด้วยวิธีการปกติได้
=====
ท้ายที่สุด อาร์คจึงสวมใส่กริชงี่เง่านี้ที่ได้รับมาจากมนุษย์ฉลาม
‘น่าสนุกดีเหมือนกัน’
สถานการณ์โดยรวมค่อนข้างแย่ แต่แรงใจของอาร์คกลับยิ่งสูงมากขึ้น
‘มอนสเตอร์ใต้ทะเลไม่อาจโค่นล้มได้เพียงเพราะมีค่าสถานะเหนือกว่า มันต้องใช้ความสามารถอย่างแท้จริง! นี่เป็นโอกาสที่จะเพิ่มระดับให้กับตัวเราเองไม่ใช่ตัวละคร’
ความสนใจของอาร์คตอนนี้พลันเปี่ยมล้น
เห็นได้ชัดว่า การที่เลเวลสูงกว่าจะทำให้สามารถโค่นล้มมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งได้ และจะทำให้มีโอกาสได้รับไอเทมชั้นดีและเงิน แต่การเพิ่มเลเวลของอาร์คนั้นไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การเพิ่มค่าสถานะและทักษะเท่านั้น
อย่างที่เคยพบเห็นว่าตัวละครที่อาศัยเชื่อถือเพียงแต่เลเวลกับตัวเลขอย่างอันเดลนั้นต้องประสบกับอะไร
ความสามารถของผู้เล่นที่จะสามารถควบคุมตัวละครได้นั้นสำคัญยิ่งกว่าทักษะของตัวละคร มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอาร์คถึงสามารถสู้กับมนุษย์ฉลามแบบตัวต่อตัวได้
ค่าสถานะของตัวละครจะไร้ซึ่งความหมายหากพวกเขาไม่สามารถดึงความสามารถของมันออกมาได้ มีเพียงแค่ต้องนำความสามารถ 100% มาใช้ร่วมกับเลเวลและค่าสถานะ! มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถกระทำสิ่งให้เป็นจริงได้
‘ไม่ว่าจะยังไง มันคงยากที่จะเลเวลอัพโดยล่ามอนสเตอร์เลเวล 40 แต่มันก็ไม่มีที่อื่นที่จะเพิ่มเลเวลได้ดีกว่านี้แล้ว อย่างน้อยก็ด้วยสภาพของเราในตอนนี้ นี่เป็นครั้งที่สองที่เราจะได้ยกระดับตัวเอง’
มันไม่มีความจำเป็นต้องเร่งร้อนแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเพราะอลันหรือผู้สมัครคนอื่น จะยังไงเขาก็เสียเวลาไปมากแล้ว
ก่อนหน้านี้อาร์คเพียงแต่สนใจเรื่องการเพิ่มเลเวลของตัวละคร แต่อาร์คในตอนนี้เข้าใจเสน่ห์ของนิวเวิร์ลด์แล้ว
‘ตอนนี้ออกไปจัดการไอ้พวกปลาหมึกก่อนแล้วกัน!’
อาร์คตัดสินใจและเริ่มออกฝึกในทันที
อย่างแรกคือต้องรับมือกับสภาวะในน้ำให้ได้ก่อน
อาร์คเริ่มจากการจับปลาที่ว่ายไปมา ปลาเหล่านี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดให้อาร์คได้ และเป็นเพราะพวกมันตัวเล็กและเคลื่อนที่ได้เร็ว พวกมันจึงเป็นเป้าหมายหลักที่จะใช้ฝึก
อาร์ค เจ้าค้างคาวและกะโหลกต่างเริ่มไล่ล่าฝูงปลา
การฝึกไม่ได้มีเพียงแค่ในเกม ภายนอกเกม อาร์คยังไปสระว่ายน้ำในช่วงที่มีเวลาว่าง เขาเดินในน้ำและเริ่มปล่อยหมัดและลูกเตะอยู่หลายชั่วโมง คนอื่นต่างซุบซิบกันราวมองเขาเป็นตัวประหลาด แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ เชื่อตนเองสำคัญกว่าสนใจผู้อื่นอยู่แล้ว
ผลลัพธ์เริ่มเผยขึ้นมาหลังการฝึกเป็นเวลาสามวัน
“อะฮ่า!”
เจ้าค้างคาวสามารถยื่นปีกออกไปเพื่อว่ายน้ำขณะไล่ล่าปลาน้อยได้ ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อาจเทียบกับเมื่อสามวันก่อนได้เลย ตอนนี้มันสามารถว่ายไปรอบพื้นที่ได้แล้ว
เจ้ากะโหลกที่ไม่มีปีกก็มีวิธีการของตัวเอง มันใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวที่เคยเป็นอย่างการม้วนตัวจนเริ่มประคองตัวได้
แต่ที่ยังไร้ประโยชน์เหมือนเดิมก็คงจะเป็นเจ้างูที่เอาแต่พันอยู่รอบเอวของอาร์ค เมื่ออาร์คกล่าวชมเจ้าค้างคาวกับกะโหลก เจ้างูเองก็คล้ายแค่นเสียงจนปล่อยฟองอากาศออกมา จากนั้นมันจึงกลับเข้าไปขดตัวราวกับถามหาคำชมด้วยเช่นเดียวกัน
เขาภูมิใจในตัวพวกมัน แต่ว่าความสามารถจะไร้ความหมายหากไม่สามารถนำไปใช้สู้จริงได้ แน่นอนว่าคนที่ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมที่สุดย่อมต้องเป็นอาร์ค
=====
ท่านโจมตีแบบคริติคอล!
=====
เขาสวนกลับหนวดปลาหมึกได้อย่างคล่องแคล่ว
ตอนนี้ไม่มีอะไรอาจขัดขวางการเคลื่อนไหวของอาร์ค การเคลื่อนไหวใต้น้ำของเขายังคงช้ากว่าบนบก แต่มันก็เป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่ใช้เฉพาะในน้ำ วิธีการเคลื่อนไหวของเขานั้นลดแรงต้านของน้ำได้ ไม่สิ นี่คือวิธีการต้านสภาวะใต้น้ำที่เขาคิดขึ้นมาได้
อาร์คตระหนักได้ถึงหนทางแก้ด้วยร่างกายไม่ใช่ปัญญา
น้ำไม่ได้นิ่งอยู่กับที่ มันมักจะมีทิศทางการไหลอยู่เสมอ
เขาอ่านกระแสน้ำและไม่คิดต่อต้านมัน กลับกัน เขาเคลื่อนไหวไปตามแรงของมัน
ผลลัพธ์ก็เป็นดังคาด!
‘ปลาปีศาจไม่น่าท้าทายอีกต่อไปแล้ว’
อาร์คเริ่มดิ่งลงส่วนลึกของห้วงน้ำ
ดังที่คาดไว้ มอนสเตอร์ประหลาดทั้งหน้าตาและความสามารถปรากฏขึ้น ปูที่ดูแล้วคล้ายกับมีกระดองเหล็ก เขาโจมตีมันด้วยดาบความทนทานต่ำของตน เขาทำได้เพียงแค่โจมตีมันบริเวณข้อต่อที่ซึ่งเป็นจุดอ่อนของกระดอง
อีกทั้งยังมีมอนสเตอร์หน้าตาคล้ายแมงกะพรุน หนวดของมันส่งผลให้เกิดอาการอัมพาตได้นับครั้งไม่ถ้วนหากไปต้องถูกมันเข้า
พวกมันแต่ละตัวต่างเป็นมอนสเตอร์ที่รับมือได้ยาก!
แต่ก็เพื่อการฝึกฝน อาร์คเริ่มล้มพวกมันไปทีละตัว
ในตอนแรก เขาเหวี่ยงดาบของตนออกไปสามถึงสี่ครั้งจึงจะโจมตีโดน แต่ยิ่งผ่านไป จำนวนที่ต้องเหวี่ยงก็ยิ่งน้อยลง หลังผ่านไปสัปดาห์ เขาสามารถโจมตีด้วยดาบของตนให้เข้าเป้าได้ทุกครั้งโดยสำเร็จ
หมึกของปลาปีศาจก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ในทีแรกเขาจำเป็นต้องอาศัยเสียงของเจ้าค้างคาวคอยบอกทิศทาง แต่เมื่อเขาเริ่มต่อสู้ใต้น้ำได้ เขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจากกระแสน้ำ
ศัตรูที่จัดการยากที่สุดคือแมงกะพรุน เขาสามารถจัดการมันได้ด้วยการแทงเพียงแค่สองหรือสามครั้ง แต่หนวดของมันขวางทาง ถ้าหากเขาไปโดนเข้าก็จะโดนสภาวะอัมพาตและทำได้รับการโจมตีจนกระทั่งพลังชีวิตเหลือเพียงแค่ 20%
แต่ในเมื่อเขารับมือกับการโจมตีของหนวดปลาหมึกจากปลาปีศาจได้ เขาจึงสามารถหลบเลี่ยงหนวดเหล่านี้ได้โดยไม่ยากลำบากอะไร
‘ดีล่ะ เริ่มจับทางได้แล้ว’
อาร์คในตอนนี้ไม่ได้ใช้ผลจากอาหาร อาหารที่ทำจากแมงกะพรุนสามารถให้ผลลดข้อจำกัดทางน้ำได้ 50% แต่เขาไม่แม้กระทั่งกินมัน
เขาชนะมาได้เพียงแค่ใช้ดาบของตนและทักษะ
ตราบเท่าที่เขามีความสามารถที่ใช้ต่อสู้ในน้ำได้คล่อง มอนสเตอร์ใต้น้ำก็หาได้ใช่คู่ต่อสู้ของอาร์คไม่ ยามที่เขากวัดแกว่งดาบ เพียงแค่สามถึงสี่ครั้งก็จะสังหารพวกมันได้
ในเมื่อเลเวลแท้จริงของอาร์คสูงกว่า เมื่อเขาจับทางได้ การต่อสู้กับศัตรูสามหรือสี่ตัวย่อมไม่ใช่ปัญหา สิบวันผ่านไป แม้ว่าเขาจะล่าสัตว์ใต้ทะเลไปจนแทบไม่อาจนับถ้วน แต่เลเวลของเขากลับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 2 ทว่าในเมื่อเขาต้องสู้ด้วยข้อจำกัดทางน้ำ ความเชี่ยวชาญดาบและมือของเขาจึงเพิ่มขึ้นอีก 100 หน่วยจนพุ่งไปเกินกว่า 230 หน่วยแล้ว
นอกจากนี้ ทักษะเยียวยาของเขายังได้ค่าประสบการณ์เพิ่มอีก 60 หน่วย เขามักใช้ทักษะนี้ยามที่สมุนปีศาจใกล้จะตาย
แต่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นย่อมต้องเป็นอาร์คและสมุนปีศาจของเขาที่ลับสัมผัสการต่อสู้ได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
‘ตอนนี้เราสามารถสู้กับมอนสเตอร์ได้แทบทุกชนิดราวกับอยู่บนบกแล้ว’
* * *
ไม่ว่าเขาจะชอบสภาพเช่นนี้มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจที่จะอยู่ไปได้ตลอด
อาร์คเริ่มติดตามเส้นทางของแสงที่ชี้นำ
เส้นทางของมหาสมุทรนั้นยุ่งเหยิงกว่าที่เขาคาดเอาไว้
บางที่ก็ดูเหมือนถูกปิดกั้นเอาไว้ แต่ในทางกลับกันนั้นแท้จริงแล้วมันกลับเปิดกว้างเมื่อเข้าไป นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกรากยากเข้าใกล้ ในเมื่อแสงจากคันฉ่องฉายชัดเส้นทางเป็นเส้นตรง มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะไปตามทางได้
ผ่านไปเพียงแค่สองวัน ในที่สุดอาร์คก็มาถึงจุดหมายปลายทาง หลังจากที่จัดการจนโผล่พ้นออกมาจากดงสาหร่ายทะเล ทุ่งกว้างขนาดใหญ่ใต้ห้วงน้ำพลันปรากฏขึ้นในสายตา ตรงกลางนั้นคือเมืองที่อาบไล้ไปด้วยแสงตั้งตระหง่านอยู่
“นั่นคือปลายทางสินะ!”
เสียงอุทานดังออกมาอย่างไม่อาจรั้งไว้
แสงสว่างเจิดจ้าสีสันสดใสสาดส่องออกมาจากอาคารที่สร้างขึ้นระหว่างแนวปะการังที่คล้ายกับเป็นกำแพงของปราสาท ขณะที่ตกตะลึงอยู่นั้น เหล่าคนที่กำลังไปมาและดูคล้ายยุ่งง่วนอยู่ระหว่างกำแพงนั้นต่างเป็นมนุษย์เงือก
มนุษย์เงือกมีร่างท่อนล่างเป็นปลา และที่ทั้งสองข้างของใบหน้าจะมีครีบอยู่ ภาพที่พวกเขาแหวกว่ายร่วมกับปลาสีสันสดใสเหล่านี้ทำเอาเขานึกว่าเข้ามาอยู่ในนิทานก็ไม่ปาน
“ปลา ปลาล่ะ!” เจ้าค้างคาวส่งเสียงร้องออกมา
ในช่วงที่ฝึกตกปลา เขารู้ว่าปลารสชาติเป็นเช่นไร
“ไม่ว่าจะเกิดอะไร อย่าพูดอะไรแบบนั้นกับพวกเขา”
“บ้าจริง แต่พวกเขาดูน่าอร่อยมากเลยนะ!”
“...หุบปากไปเหอะน่า”
หลังจ้องมองเจ้าค้างคาวสักพัก อาร์คเริ่มเข้าไปใกล้ประตูหลักของเมือง
“ขะ-ขอโทษนะครับ”
อาร์คพูดคุยกับทหารยามประตูหลัก
ทหารยามที่สวมใส่ชุดเกราะที่คล้ายกับเอาเปลือกหอยมาสานเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังถือง้าวที่ดูแล้วคล้ายกับทำมาจากเขาของตัวอะไรสักอย่าง พวกเขาเผยสีหน้าตื่นตกใจออกมา
“หา นี่เจ้าเป็นมนุษย์ใช่ไหม?”
“ครับ เป็นมนุษย์”
“เป็นครั้งแรกที่เห็นมนุษย์นะเนี่ย ข้านึกว่าหลังภัยพิบัตินั้นทุกเส้นทางถูกตัดขาดไปแล้วเสียอีก... เอาเถอะ เจ้าคงไม่รู้สินะ ด้วยขาที่ดูไม่น่าจะสบายนักหากต้องว่ายน้ำนั่น พวกนั้นข้าไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเจ้ามาถึงที่นี่ได้ยังไง อา แล้วนี่เจ้าหายใจได้ยังไงกัน? ได้ยินมาว่ามนุษย์หายใจใต้น้ำไม่ได้นี่?”
“บังเอิญได้รับเกล็ดของเงือกมานิดหน่อยน่ะครับ”
อาร์คเล่าให้ฟังว่าเขาได้รับเกล็ดเงือกมาจากมนุษย์ฉลาม
ทหารยามเงือกพยักหน้าด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความไมตรี
“ไอ้พวกมนุษย์ฉลามพวกนั้นเป็นศัตรูกับชาวเงือกของเรา เจ้าที่จัดการพวกมันได้ย่อมเป็นมิตรกับพวกเราชาวเงือก แน่นอนว่าคงต้องผจญภัยอะไรมาเยอะเลยทีเดียว พวกเราไม่เคยต้อนรับมนุษย์มาก่อน ในเมื่อเจ้าเป็นแขกที่พบพานได้ยาก เช่นนั้นข้าขอต้อนรับด้วยความยินดี”
“ขอบคุณครับ ว่าแต่เมืองนี้ชื่อว่าอะไรเหรอครับ?”
“นี่มาโดยไม่รู้อะไรเลยงั้นสิ?”
ทหารยามชาวเงือกตอบกลับด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ “นี่คือเมืองของพวกเราชาวเงือกและประชากรแห่งท้องทะเล โนเดเลส ที่แห่งนี้ได้รับพรจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและเป็นสถานที่เดียวที่เรียกได้ว่างดงามที่สุด หากเจ้าอยู่ที่นี่จะพบเห็นและเข้าใจเอง”
“ผมก็พอทราบบ้าง ที่จริงผมก็เคยไปมาหลายที่ แต่ที่นี่เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็บอกได้แล้วว่าเป็นเมืองที่งดงามยิ่ง เพียงแค่เห็นก็บ่งบอกได้แล้วถึงความงดงามที่ชาวเงือกมี”
“โอ้ เจ้านี่ฉลาดนัก”
ทหารยามชาวเงือกยิ้มสดใสพร้อมพยักหน้าให้
อาร์คที่มีค่าความสัมพันธ์สูงสุดกับเอ็นพีซีนับไม่ถ้วน การหยอดคำหวานกับปลาเหล่านี้จึงไม่นับเป็นอะไร อาร์คที่เพิ่มค่าความสัมพันธ์ได้จึงเม้มปากและเริ่มขุดจุดประสงค์หลักขึ้นมาพูด
“พวกท่านรู้จักคนที่ชื่อ คริสติน หรือเปล่าครับ?”
ชื่อของบุคคลที่เน้นย้ำและปรากฏขึ้นในคันฉ่องคือ คริสติน
ในตอนนี้มันเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่จะดำเนินภารกิจต่อไปได้
ทว่า การตอบสนองที่ได้รับนั้นกลับผิดแผก
ดวงตาที่เคยเป็นมิตรของเหล่าทหารยามกลับเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“เจ้าได้ยินชื่อนั้นมาจากที่ใดกัน?”
“ที่จริง ผมมาที่นี่ก็เพื่อพบคนที่ชื่อคริสติน”
“ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดชื่อคริสติน”
“ครับ ผมรู้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เคยอยู่ที่นี่เมื่อนานมาแล้ว...”
“ข้าบอกว่าไม่รู้ไง!”
ทหารยามชาวเงือกถึงกับโพล่งโทสะออกมาและหันศีรษะกลับ
อาร์ครู้สึกได้ถึงค่าความสัมพันธ์ที่มีเริ่มลดต่ำลง
“หากเจ้าไม่ได้จัดการมนุษย์ฉลามและมายังที่แห่งนี้แล้วล่ะก็ ข้าจะขับไล่เจ้าออกไปโดยทันที”
ทหารยามเหล่านี้แน่นอนว่าต้องรู้เรื่องคริสตินแน่ อาร์คเองก็ต้องการข้อมูลที่มากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่หากค่าความสัมพันธ์ลดลงอีก เขาอาจโดนขับไล่จากผู้คนทั่วทั้งเมือง
“ผมต้องขออภัย เป็นผมถามโดยไม่คิด”
อาร์คที่พลิกคำพูดจึงเข้าเมืองไป
เมื่อเขาเข้ามาในเมือง เจ้าค้างคาวจึงบ่นออกมาด้วยความโมโห
“อะไรกันเจ้าพวกนั้น? เป็นแค่ปลาแท้ ๆ!”
“เงียบเถอะน่า อย่าทำให้ฉันประสาทเสียเลย”
อาร์คส่ายหัวและหันกลับขณะมุ่งหน้าต่อไปด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง
ไม่ใช่เพียงแค่ทหารยามชาวเงือก เขาได้พูดคุยกับชาวเงือกหลายคนหลังจากที่เข้าเมืองมา ทว่าปฏิกิริยาตอบสนองล้วนเป็นเช่นเดียวกัน
เพียงแค่ได้ยินชื่อ คริสติน เอ่ยออกมา พวกเขาก็เผยท่าทีคล้ายกับไม่ต้องการพูดอะไรอีก
เขาคิดว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วภารกิจก็สมควรมีความคืบหน้า แต่นี่กลับเป็นเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ชาวเงือกที่เผยท่าทีอ่อนไหวหลังได้ยินชื่อนั้นต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ทว่า ในเมื่อพวกเขาต่างโมโหทันทีที่เอ่ยชื่อนั้นออกมา เขาจึงไม่มีทางพบเจอได้เลยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่