บทที่ 53 นายน้อยอันดับหนึ่งแห่งหลงเจียง (อ่านฟรี)
จีหลี่เหลียนเคอตกใจเมื่อรู้ว่าเฝิงหยู่ขายรถทั้งหมด 30 คันภายในเวลาไม่ถึงเดือน เขายังอยู่ระหว่างการหาซื้อรถยนต์ชุดที่สองอยู่ ด้วยเพราะที่กรุงมอสโกมีรถหรูของอังกฤษไม่มากนัก
ตามที่จีหลี่เหลียนเคอได้กล่าวเอาไว้ อย่างมากที่สุดที่เขาหาได้คือ 100 คัน นี่เป็นเพราะหาซื้อรถภายใต้ชื่อของกองทัพสหภาพโซเวียต มิฉะนั้น พวกเขาคงหาซื้อรถยนต์ได้ไม่มากขนาดนี้หรอก
เฝิงหยู่รู้สึกเสียดาย ด้วยคิดว่าจะพึ่งพาธุรกิจรถยนต์นี้หารายได้พันล้านหยวน ตอนนี้ หลังจากหักค่าใช้จ่าย ภาษี และอื่นๆแล้ว เงินที่ได้มาประมาณ 10 ล้านหยวนกว่าๆ
ถ้าคนอื่นรู้ถึงความคิดของเฝิงหยู่ พวกเขาจะต้องอาเจียนเป็นเลือด เงิน10 ล้านหยวนยังน้อยหรือ แม้แต่มหาเศรษฐีของประเทศจีนในตอนนี้ที่มีเงินถึงล้านหยวนยังมีไม่กี่คนเอง!
แต่ยังมีข่าวดีอยู่ ครั้งนี้จีหลี่เหลียนเคอและหุ้นส่วนของเขาคงทำเงินได้เป็นจำนวนมาก ในเดือนนี้พวกเขาจึงต้องการซื้อสินค้า 1 ล้านรูเบิ้ล เฝิงหยู่จึงให้หลี่ซื่อเฉียงติดต่อซัพพลายเออร์ มีหลี่ซื่อเฉียงอยู่ทั้งคน เฝิงหยู่จึงสามารถโยนงานทั้งหมดให้เขาเป็นผู้ดำเนินการ
แต่อารมณ์ดีได้ไม่กี่วัน ก็มีปัญหามาเยือน ไม่ใช่ปัญหาอื่นใด แต่เป็นเรื่องของรถมือสอง
ตอนแรก เฝิงหยู่คิดว่าเป็นคนของข้าราชการมา หรือรัฐบาลไม่อนุญาตให้เขาทำธุรกิจรถมือสองหรือ? แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกันจนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็ได้รู้ว่าพวกเขาต้องการมาซื้อรถ แต่รถของพวกเขาขายไปจนไม่เหลือแล้ว
แค่เรื่องเล็กๆแค่นี้ทำไมต้องมาก่อกวนด้วย? ก็บอกคนเหล่านี้ไปแล้วว่ารถถูกขายหมดไม่เหลือสักคัน รออีกแค่หนึ่งเดือนเอง จะเรียกตัวเขาไปทำไม?
แม้ว่าเฝิงหยู่จะแอบกร่นด่าในใจ แต่เขาก็ยังรีบขับรถไปที่บริษัท อยากรู้นักว่าใครกันที่ไม่ไว้หน้าขนาดนี้ เขาจะแสดงให้พนักงานได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ว่าจะจัดการกับลูกค้าที่จองหองเช่นนี้อย่างไร
เมื่อมาถึงบริษัท เขารู้สึกถึงความผิดปกติ ทำไมที่มีคนจำนวนมาก และทำไมท่าทางพนักงานของเขาจึงดูหวาดกลัว?
ต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ พนักงานของเขาเป็นล้วนเป็นบุตรของคนงานในโรงงานผลิตเครื่องยนต์ พวกเขาสร้างเรื่องและชกต่อยตั้งแต่ยังเด็ก อีกฝ่ายก็ไม่ได้มามากมายจนรับมือไม่ไหว แล้วพวกเขากลัวอะไร?
"อู๋จื้อกาง เกิดอะไรขึ้น?" เฝิงหยู่ถาม
"เอ็งคือเจ้านายของพวกเขา? ผู้จัดการเฝิง? " น้ำเสียงเย่อหยิ่งดังขึ้น
เฝิงหยู่หันไปมอง ก็เห็นว่าคนที่พูดออกมา กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้
โว๊ะ หยิ่งจองหองจริงๆ! คนของฉันยืนอยู่ทั้งหมด แต่มีนายคนเดียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ นายคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่หรือไง?
"คุณเป็นใคร?" เฝิงหยู่ถาม
"เธอไม่รู้จักแม้แต่นายน้อยซ่ง ยังกล้าทำธุรกิจในเมืองปิงอีก?" ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเก้าอี้พูดเสียงดังลั่น พอพูดถึงนายน้อยซ่ง สีหน้าก็ยิ่งเย่อหยิ่ง ฟังจากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนไม่มีใครในเมืองปิงที่ไม่รู้จักนายน้อยซ่ง
เฝิงหยู่ไม่รู้จริงๆว่านายน้อยซ่งคือใคร เขาเคยตรวจสอบข้อมูลผู้นำด้านต่างๆในเมืองปิงและในจังหวัด ก็ไม่เคยได้ยินใครที่มีนามสกุลซ่ง เจ้าหนุ่มนี่เป็นใครกัน?
อู๋จื้อกางจึงเดินไปข้างเฝิงหยู่แล้วกระซิบว่า: "ผู้จัดการเฝิง คนนี้คือ ซ่งเสี่ยวเฟิง เขาเป็นหลานชายของซ่งเหล่าซื่อ ผู้คนเรียกเขาว่านายน้อยอันดับแห่งหลงเจียง ผู้จัดการเฝิงคงเคยได้ยินเรื่องราวของซ่งเหล่าซื่อมาบ้างใช่ไหม? "
ซ่งเหล่าซื่อ?
เฝิงหยู่ตะลึงงัน!
ซ่งเหล่าซื่อเป็นบุคคลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง มีเส้นสายทั่วทั้งเมืองปิง ในประวัติศาสตร์หลังจากที่จีนเปิดประเทศ เขาได้กลายเป็นหนึ่งในสิบอันดับของผู้ทรงอิทธิพล แม้ผ่านไปหลายปี เรื่องราวเกี่ยวกับเขายังคงเป็นที่เล่าขาน
ซ่งเหล่าซื่อเป็นเพียงช่างก่ออิฐทั่วไป ต่อมาเขาได้ทำอาชีพรื้อถอนอาคาร เขาใช้วิธีรุนแรงในการขับไล่และรื้อถอนอาคาร ตอนนี้เขากำลังรวบรวมกลุ่มผู้ติดตาม เพื่อผูกขาดงานรื้อถอนอาคารทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว แม้กระทั่งโครงการก่อสร้างก็ต้องได้รับการอนุมัติของเขา ถ้าเขาไม่อนุมัติก็ไม่สามารถดำเนินการสร้างได้!
ข่าวลือที่โด่งดังที่สุดเกี่ยวกับซ่งเหล่าซื่อก็คือ เมื่อเขาเริ่มรื้อถอนอาคาร แล้วชาวบ้านไม่เต็มใจย้ายออกไป ซ่งเหล่าซื่อจะรวบรวมพลเมืองเหล่านั้นมาชุมนุมกัน แล้วใช้มีดสับนิ้วเล็กๆของเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย! จากนั้น เขาก็บอกกับชาวบ้านว่า ถ้าพวกเขาสามารถทำตามนี้ได้ก็ไม่จำเป็นต้องย้ายออกไป ชาวบ้านทั้งหลายแหล่ต่างตกใจกลัว ไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คำเดียว การโยกย้ายและการรื้อถอนงานจึงเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว
ชื่อเสียงของซ่งเหล่าซื่อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ใช้วิธีการเอาพรรคพวกมาขู่ ไร้ความปราณี ยกพวกไปทำร้ายจนบริษัทรื้อถอนอาคารจำนวนมากต้องจากไป ในระหว่างการต่อสู้ทุกครั้ง ซ่งเหล่าซื่อจะอยู่ที่ด้านหน้าเสมอ เป็นเพราะมีเรื่องวิวาทกับชาวบ้านไปทั่ว จึงถูกจับอยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ออกมาได้ เขาจะยิ่งวางก้ามใหญ่โตกว่าเดิม ต่อมาเขาได้รู้จักมักจี่กับเจ้าหน้าที่ระดับสุงของเมือง หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาอีกเลย
หลังจากที่ซ่งเหล่าซื่อร่ำรวย เขาก็มีอีกเรื่องเล่าหนึ่งที่เล่าขานกันไป
"วันวันรื้อถอนบ้าน ตกดึกโล้สำเภา!"
เล่าลือกันว่าซ่งเหล่าซื่อตันหากลับ เมื่อเขาเห็นผู้หญิงคนไหนที่เดินอยู่บนถนน เขาจะจอดรถแล้วฉุดกระชากลากถูผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในรถของเขาเพื่อเสพกามอารมณ์ หลังจากสำเสร็จความใคร่ เขาจะโยนเงินให้ผู้หญิงคนนั้นและไล่ออกจากรถของเขา
มีผู้หญิงจำนวนมากได้แต่คับแค้นในใจไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่กัดฟันข่มความโกรธ แต่มีผู้หญิงบางคนที่ไปแจ้งความกับตำรวจ หลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิด อีกทั้ง คนที่คิดจะเอาความซ่งเหล่าซื่อ คนในครอบครัวจะต้องถูกทำร้าย จบลงด้วยกระดูกหัก
ยังมีข่าวลือเรื่องอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับซ่งเหล่าซื่อ ตัวอย่างเช่น ลูกน้องบางคนของเขาเหี้ยมโหดมาก ไม่เพียงกล้าปาดคอคน ยังกล้ายิงผู้คน! ได้ยินมาว่าลูกน้องของซ่งเหล่าซื่อมีปืนไรเฟิลล่าสัตว์มากกว่า 100 ลำ ทั้งยังเคยสังหารคู่อริมาแล้ว
แม้ว่าข่าวลือเหล่านี้จะพูดเกินจริงอยู่บ้าง แต่ซ่งเหล่าซื่อคือผู้ทรงอิทธิพลในเมืองปิงอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลในมณฑลหลงเจียง หรือแม้กระทั่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด
ซ่งเสี่ยวเฟิงเป็นหลานชายคนเดียวของซ่งเหล่าซื่อ และซ่งเหล่าซื่อเองก็ไม่มีบุตรชายใด ๆ ในอนาคตทรัพย์สินของเขาคงต้องยกให้หลานชายคนนี้ทั้งหมด ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซ่งเสี่ยวเฟิงจะหยิ่งผยองได้ขนาดนี้!
เฝิงหยู่เผยรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วเดินไปด้านหน้าของซ่งเสี่ยวเฟิงอย่างกระตือรือร้น จับมือของซ่งเสี่ยวเฟิง แล้วกล่าวว่า "โอ๊ะโอ๋ ที่แท้นายน้อยซ่งมาเยือนนี่เอง ช่างเป็นบุญยิ่งนัก นายน้อยซ่งต้องการอะไร ก็แค่ส่งข่าวมา ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองเลย "
ไม่ใช่ว่าเฝิงหยู่จะอ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าเขาจำไม่ผิดละก็ ในอีกสองเดือนต่อมาจะมีการปะทะกันครั้งใหญ่ของพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งของเมืองปิงและซ่งเหล่าซื่อ แม้ซ่งเหล่าซื่อไม่ได้ตายจากการปะทะกันครั้งนั้น แต่หลานชายของเขาจะเสียชีวิต กับคนที่กำลังจะตาย เฝิงหยู่จึงโกรธไม่ลง
ซ่งเสี่ยวเฟิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ทุกคนในเมืองปิงต่างต้องศิโรราบเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา วันนี้เขามาที่บริษัทการค้าขนาดเล็กแห่งนี้ด้วยตัวเอง ถึงกับปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้ แต่เจ้าเด็กคนนี้ดูจะรู้ความหน่อย ไม่อย่างนั้นเขาคงทำให้บริษัทนี้เจ๊งไม่เป็นท่าไปแล้ว
"ข้าได้ยินมาว่าบริษัทของเอ็งกำลังขายรถสปอร์ต? รถที่มีโลโก้เสือดาวอะไรนั่น" ซ่งเสี่ยวเฟิงถาม
“จากัวส์ เรียกว่ารถจากัวร์ เป็นรถสัญชาติอังกฤษ และเป็นที่ชื่นชอบของราชวงค์อังกฤษ ทำไมหรือ หรือนายน้อยซ่งก็ชอบรถคันนั้น? แต่รถของผมทั้งหมดเป็นของมือสองนะครับ!” เฝิงหยู่ตอบ โดยจงใจเน้นย้ำคำว่ารถมือสอง ด้วยสถานะของซ่งเหล่าซื่อ ยังต้องปล่อยให้ซ่งเสี่ยวเฟิงมาซื้อรถยนต์มือสองอีกหรือ?
"รถมือหนึ่งมือสองอะไรกัน? คิดว่าข้าจะสนใจเรื่องหยุมหยิมนี้? รถใหม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า แล้วใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าที่รถจะถูกส่งมาถึง เอ็งเตรียมรถมือสองมาให้ข้าขับเล่นสักคัน ข้าจะจ่ายเงินให้อย่างงาม! " ซ่งเสี่ยวเฟิงกล่าว
"แต่นายน้อยซ่งรอไม่ได้ไม่ใช่หรือ? รถของผมก็ขายไปหมดแล้ว เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คงประมาณครึ่งเดือน นายน้อยซ่งจึงจะได้รถ " เฝิงหยู่กล่าว
เฝิงหยู่ไม่สนใจว่าจะขายรถให้ใครบ้าง ถ้าเขายังมีรถอยู่เขาก็จะรีบขายให้กับนายน้อยซ่งทันที ช่วงเวลาสั้นๆนี้เฝิงหยู่ไม่พร้อมที่จะผิดใจกับซ่งเหล่าซื่อ ปล่อยให้คนอื่นจัดการไปเถอะ เพราะอีกสองปีต่อมาซ่งเหล่าซื่อจะถูกจับและถูกตัดสินประหารชีวิตโดยยิงเป้า เฝิงหยู่ร่ำรวยมั่งคั่งอย่างเงียบๆจะดีกว่า
แต่ปัญหาที่เฝิงหยู่ประสบในตอนนี้คือ ไม่มีรถให้ขาย ถ้าซ่งเซี่ยวเฟิงพูดเร็วกว่านี้หน่อย เขาคงเก็บไว้ให้สักคัน