TWO Chapter 202 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 4
TWO Chapter 202 สงครามมู่เย่ ตอนที่ 4
หลังจากที่เขาได้รับการอนุมัติจากองค์ราชาแล้ว โอหยางโชวก็แจ้งรายละเอียดแผนการของเขา
“ในการเอาชนะสงคราม ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การเสริมความแข็งแกร่งใหักับพวกเรา ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ศัตรูอ่อนแอลง”
“เจ้ามีวิธีหรือ?”
“เช่นเดียวกับที่ขุนพลเอ้อหลายกล่าว ทาสส่วนใหญ่ไม่สามารถเชื่อถือได้ ดังนั้น ฝ่ายาทสามารถเลือกทาสที่ดีที่สุด 100,000 คน แล้วปลดปล่อยพวกเขาจากโซ่ตรวน ที่จำกัดพวกเขา ให้อาหารแก่พวกเขา และสัญญากับพวกเขาว่า ถ้าพวกเขาต่อสู้ พวกเขาจะได้รับรางวัล และพวกเขาสามารถได้รับอิสระได้ จากนั้น จัดเตรียมหน้าไม้และให้การฝึกอบรมพวกเขาซักเล็กน้อย พวกเขาก็จะกลายเป็นทหารมือใหม่ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะช่วยพระองค์สู้กับราชวงศ์โจว เรายังสามารถใช้ทาสอีก 600,000 คน ที่เหลือในการขุดสนามเพลาะ กระจายอยู่ทั่วสนามรบได้ เพื่อช่วยเป็นแนวป้องกันอีกทางหนึ่ง”
โอหยางโชวอธิบายกลยุทธิ์ที่ยอดเยี่ยม ที่ใช้ในสงครามสมัยใหม่ แทนที่จะส่งทาส 700,000 คน เข้าสู่สนามรบและเสี่ยงที่จะถูกทอดทิ้ง ทำไม่ไม่ส่งพวกเขาไปสนามรบเพียงบางส่วนล่ะ นอกจากนี้ หน้าไม้ยังเป็นอาวุธที่ใช้ง่าย ใช้เวลาในการฝึกฝนเพียง 2-3 วัน ก็สามารถใช้งานได้แล้ว
ตี้สินตัวสั่น ความตื่นเต้นปรากฎบนใบหน้าของเขาชั่วครู่ ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้ว แล้วกล่าวว่า “เป็นแผนการที่ดี แต่เมืองหลวงไม่มีหน้าไม้จำนวนมากขนาดนั้น”
โอหยางโชวยิ้ม “แต่พระองค์ก็ยังมีธนูแข็งจำนวนมากใช่หรือไม่?”
“แน่นอนว่ามี”
“ส่วนที่ยากที่สุดในการสร้างหน้าไม้ก็คือ ส่วนกลไก และข้าก็สามารถแก้ปัญหานี้ให้กับพระองค์ได้ พระองค์เพียงแค่ต้องรวบรวมช่างฝีมือในเมือง และทำตัวโครงหน้าไม้มาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อประกอบมันเข้ากับส่วนกลไกและธนูแข็ง เราก็จะสามารถสร้างหน้าไม้ถึง 100,000 อันได้”
“ยอดเยี่ยม! ถ้าเราชนะสงครามนี้ เจ้าจะเป็นวีรบุรุษของราชวงศ์ซาง และข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม”
โอหยางโชวมีความสุขในหัวใจของเขา เขารีบตอบว่า “ถ้าชนะสงครามครั้งนี้ ข้าขอเพียงคนหนึ่งคนเท่านั้น”
“โอ้? ใครล่ะ?” ตี้สินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
โอหยางโชวมองไปที่เอ้อหลาย เขายิ้มและกล่าวว่า “เขาก็คือ ขุนพลเอ้อหลาย”
ก่อนที่ตี้สินจะตอบ เอ้อหลายก็กล่าวออกมาว่า “ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะกองทัพราชวงศ์โจวได้ ข้าก็จะติดตามเจ้า”
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ ในการได้รับภารกิจ กำราบบุคคลทางประวัติศาสตร์ระดับจักรพรรดิ เอ้อหลาย, งานของภารกิจ : ช่วยราชวงศ์ซางเอาชนะกองทัพราชวงศ์โจว, เส้นตายของภารกิจ : ก่อนสิ้นสุดสงครามมู่เย่”
โอหยางโชวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
……………………………………………………………………………
โอหยางโชวเดินตามเอ้อหลาย พวกเขาออกจากพระราชวัง ตรงไปยังโรงผลิตอาวุธในเมืองเจ้าเก่อ
หลังจากที่พวกเขามาถึง โอหยางโชวก็นำส่วนกลไกของหน้าไม้ 100,000 ชุด ที่ฝ่ายธนูและหน้าไม้ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ออกมา ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะนำพวกมันทั้งหมดมาใช้ประโยชน์แล้ว โอหยางโชวได้ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะชนะสงครามในครั้งนี้ให้ได้
โดยส่วนกลไกหน้าไม้เหล่านี้ เทียบเป็นเงินได้ถึง 10,000 เหรียญทอง โชคดีที่ดินแดนของเขามีแหล่งแร่เหล็กเป็นของตัวเอง และค่าแรงคนงานก็คงที่ ไม่อย่างนั้น โอหยางโชวคงสูญเงินมากกว่านี้
ราชวงศ์เริ่มประกอบหน้าไม้ ขณะที่เอ้อหลายจะเป็นผู้รับผิดชอบการคัดเลือกทหาร 100,000 นาย โอหยางโชวผ่อนคลายลง จากคำแนะนำทั้ง 2 ของเขาได้รับการปฏิบัติ
โอหยางโชวยังคงต้องรวบรวมกองกำลังของผู้เล่น และต้องทั้งหมด เข้าด้วยกัน ตอนนี้ เพียงแค่ทหารหน้าไม้ 100,000 นาย ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาชนะในสงครามครั้งนี้ มันจะต้องมีมากกว่านี้ การประสานงานของทหารแนวหน้าและปีกทั้ง 2 จะช่วยให้พวกเขาชนะสงครามครั้งนี้ได้
เมื่อโอหยางโชวกลับมาที่ค่าย ค่ายขนาดใหญ่ก็ดูเล็กไปขนัดตา มันอัดแน่นไปด้วยทหาร 42,000 นาย ที่เป็นกองกำลังของผู้เล่น
เมื่อเทียบกับสงครามโจวหลู่ มันง่ายกว่ามาก เมื่อไป๋ฮัวและเฟิงฉิวฮวงไปสรรหาผู้เล่นคนอื่นๆ เหล่าลอร์ดรู้ว่า มากกว่า 15% ของฝ่ายราชวงศ์ซาง เป็นกองกำลังของพันธมิตรซานไห่ และกองกำลังของพวกเขายังเป็นทหารชั้นสูง ดังนั้น หากพวกเขาต้องการที่จะได้รับคะแนนคณูปการสงครามมากที่สุดจากสงครามนี้ การเข้าร่วมกับพันธมิตรซานไห่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
นอกเหนือจากผู้เล่นที่ยังดื้อรั้นไม่กี่คน ส่วนใหญ่ยินดีที่จะยอมรับข้อตกลงของพันธมิตรซานไห่
ข้อตกลงของโอหยางโชวยังคงเหมือนเดิม จากเลี้ยวเป็นผู้บัญชาการทหารม้า ฉินฉีอ๋องและหลินยี่เป็นมือขวาของเขา, ขุนพลซีเป็นผู้บัญชาการทหารโล่ดาบ และมู่กุ้ยหยิงเป็นผู้บัญชาการทหารธนู
ขณะที่พวกเขาอยู่ภายใต้ ‘The World Online’ ผู้เล่นจะยังคงอยู่ในระบบ ดังนั้น เมื่อถึงตอนกลางคืน ทุกคนก็กลับไปที่เต็นท์ของพวกเขา
วันรุ่งขึ้น การจัดระเบียบกองทัพก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
หลังจากการวิเคราะห์สถิติ ไม่รวมกองกำลังของผู้เล่นที่ไม่เข้าร่วม 2,000 นาย กองทัพของพวกเขามีทหารทั้งสิ้น 40,000 นาย โดยเป็นทหารโล่ดาบ 25,000 นาย, ทหารม้า 10,000 นาย และทหารธนู 5,000 นาย
ใน 2-3 วันจากนี้ พวกเขาจะฝึกอบรมร่วมกัน เพื่อปรับปรุงการประสานงานของพวกเขา และเพื่อให้แน่ใจว่า ในระหว่างสงคราม พวกเขาจะรับคำสั่งอย่างมีประสิทธิภาพ ในสนามรบแบบดั้งเดิม ที่เกี่ยวพันถึงทหารนับหมื่น การบัญชาการมักจะมีปัญหาอยู่เสมอ ในทางกลับกัน มันก็เป็นการทดสอบความสามารถของขุนพลเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน ทาส 600,000 คน ที่ไม่ได้รับการคัดเลือก ก็ออกไปขุดสนามเพลาะที่นอกเมืองมู่เย่ ด้วยจำนวนคนที่มากเช่นนี้ แม้แต่ทุ่งหญ้าที่ใหญ่ที่สุด ก็สามารถถูกขุดกลายเป็นหลุมได้
ทางใต้ของเมืองเจ้าเก่อ ห่างออกไป 25 กิโลเมตร ก็คือที่ตั้งของเมืองมู่เย่ ต้องใช้เวลา 1-2 วันในการเคลื่อนย้ายเหล่าทาสไปยังสนามรบ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ทาสหลบหนี ราชาตี้สินจึงสั่งให้ทหารหลวง 500 นาย คอยเฝ้าระวังพวกเขา
กองทัพหลักของราชวงศ์ซางอยู่ทางตะวันออก ตอนนี้จึงเหลือเพียง ทหารหลวง 10,000 นาย, ทหารองครักษ์จักรพรรดิ 6,000 นาย และช้างศึกจำนวนหนึ่งเท่านั้น ในเวลาเช่นนี้ ตี้สินก็ยังคงส่งทหารหลวง 500 นาย ไปจัดการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับแผนการ เห็นได้ชัดว่า เขาให้ความสำคัญกับแผนการนี้มากเพียงใด เขาต้องทำให้แน่ใจว่า มันจะไม่ล้มเหลว
บนท้องฟ้าเหนือพวกเขา นกตัวเล็กๆบินอยู่เบื้องหลังเหล่าทาส คอยติดตามพวกเขาอยู่ตลอดทาง
……………………………………………………………………………
วันที่ 4 ณ ค่ายหลักของฝ่ายราชวงศ์โจว เมืองเมิ่งจิน
“รายงาน!” ทหารสอดแนมรีบวิ่งเข้าไปในเต็นท์ขององค์ราชา เขาคุกเข่าลง แล้วกล่าวว่า “รายงานด่วนถึงองค์ราชา ข่าวกรองจากแนวหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ที่อยู่ในเต็นท์ก็คือ ราชาหวู่แห่งราชวงศ์ซาง และเสนาบดีเจียงซาง
“บอกข้ามาเร็วๆเข้า” ราชาหวู่แห่งราชวงศ์โจว จี้ฟา เริ่มใจร้อน
“ราชวงศ์ซางเริ่มทำอะไรแปลกๆ พวกเขาบังคับให้พวกทาสนับแสนออกมาจากเมือง และสั่งให้พวกเขาขุดสนามเพลาะหน้าเมืองมู่เย่” ทหารสอดแนมรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว
จี้ฟาสับสน เขาหันกลับไปมองเสนาบดีของเขา แล้วถามว่า “ท่านเสนาบดี พวกเขาตั้งใจจะทำอะไรกัน?”
เจียงซางลูบเคราของเขา จากนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวว่า “ขุดสนามเพลาะหรือ พวกเขาคงพยายามที่จะหยุดรถศึกของเรา ดูเหมือนว่าจะมีผู้มีความสามารถคอยช่วยพวกเขาอยู่”
“อะไรนะ? แล้วเราควรจะทำการตอบโต้เช่นไรดี?” จี้ฟาตกใจ รถศึกเป็นหัวใจสำคัญยิ่งสำหรับพวกเขา และมันเป็นส่วนสำคัญในแผนการรบของพวกเขา ถ้ารถศึกไม่สามารถเข้าถึงศัตรูของพวกเขาได้ แผนการทั้งหมดก็อาจจะล้มเหลว
“สิ่งเดียวที่เราทำให้คือ ส่งทหารไปขับไล่พวกทาส เพื่อหยุดไม่ให้พวกเขาขุดสนามเพลาะ”
จี้ฟาพยักหน้า “ในความคิดเห็นของท่าน เราควรจะส่งใครไปดี?”
“นั่นคือปัญหา กองกำลังของเรามีจำกัด ดังนั้น เราจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยประมาทได้”
“แล้วเหตุใดเราไม่เริ่มการโจมตี เพื่อเป็นการเริ่มสงครามเลยล่ะ?” จี้ฟาแนะนำ
เจียงซางส่ายหัว แล้วกล่าวว่า “เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ กองกำลังอื่นๆยังมาไม่ถึง ดังนั้น จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะเริ่มสงคราม”
“แล้วเราควรจะทำเช่นไรล่ะ?”
ในขณะที่เจียงซางกำลังครุ่นคิด ทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกเต็นท์ก็รายงานว่า “ตัวแทนผู้เล่นชุนเซิ่นจุน ขอเข้าพบฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้เขาเข้ามา” ราชาหวู่อนุญาติ
ชุนเซิ่นจุนเข้ามาในเต็นท์ จากนั้น เขาก็คำนับและกล่าวว่า “ตัวแทนผู้เล่น ชุนเซิ่นจุน คำนับฝ่าบาทและท่านเสนาบดี”
“ไม่ต้องมากพิธี” ราชาหวู่กล่าว “เจ้ามีอะไรหรือ?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อบรรเทาความกังวลของฝ่าบาท” ชุนเซิ่นจุนตอบด้วยความมั่นใจอย่างมาก
“โอ้?” ราชาหวู่งงงวย
“ข้าได้ยินมาว่าศัตรูของเราเจ้าเล่ห์และเหลี่ยมจัด พวกเขากำลังขุดสนามเพลาะที่หน้าเมืองมู่เย่ เพื่อพยายามที่จะหยุดรถศึกอันยิ่งใหญ่ของเรา ในฐานะตัวแทนผู้เล่น ข้ามาที่นี่ เพื่อขออนุญาติฝ่าบาท ไปหยุดแผนการของพวกเขา”
ราชาหวู่มีความสุขเป็นอย่างมาก “ดี ข้ากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” หลังจากที่เขาได้รับอนุญาติแล้ว ชุนเซินจุนก็เตรียมจะออกไป
“รอก่อน” เจียงซางเปิดปาก และกล่าวด้วยความกังวล “เพียงขับไล่พวกเขาเท่านั้น พยายามอย่าทำร้ายพวกเขา”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” แม้ว่าเขาจะตอบเช่นนั้น แต่ชุนเซิ่นจุนไม่ได้ฟังคำกล่าวของเจียงซางเลย
จากที่หน่วยสอดแนมรายงานมา พวกเขาพบว่ามีทหารเพียง 500 นายเท่านั้น ที่คอยควบคุมเหล่าทาสอยู่ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะสังหารทาส และรับเอาคะแนนคณูปการสงคราม ดังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้ด้วยหรือ? นั่นเป็นเหตุผลที่ชุนเซิ่นจุนรีบไปที่เต็นท์ของราชา เพื่อขอทำภารกิจนี้
หลังจากชุนเซิ่นจุนออกไปแล้ว เจียงซางก็ยังคงนิ่งเงียบ เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ท่านเสนาบดี มีอะไรผิดพลาดหรือไม่?” ราชาหวู่ถาม
“เรียนฝ่าบาท ทาสพวกนั้นมาจากชนเผ่าและอาณาจักรต่างๆ ดังนั้น พวกเขาจึงมีค่าให้พวกเขาต่อสู้เพื่อพวกเขา ข้ากังวลว่า พวกผู้เล่นจะสังหารพวกเขา” เจียงซางอธิบาย
“ชุนเซิ่นจุนไม่ได้สัญญากับท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่สังหารเหล่าทาส? มีอะไรที่จะต้องกังวลอีก?” ราชาหวู่งงงวยมากขึ้น
เจียงซางส่ายหัว “ฝ่าบาท ที่มาของผู้เล่นนั้นแปลกประหลาด และพวกเขาก็แข็งแกร่ง พวกเขาอาจจะไม่ฟังพวกเรา”
“ท่านเสนาบดี ท่านคิดมากเกินไปหรือไม่?” ราชาหวู่เชื่อว่าเขามีอำนาจมาก ทุกคนจะต้องฟังคำสั่งของเขา
…………………………………………………………………………….
เมื่อชุนเซิ่นจุนกลับมาถึงเต็นท์ของเขา ตี่เฉิน, จานหลาง, เฟิงฉิงหยาง, ซีอ๋องป้า, ซาโพจุ่น และเพียวหลิงฮวน ทั้งหมดก็กำลังรอเขาอยู่
“เป็นเช่นไรบ้าง?” ซีอ๋องป้าถาม ตอนนี้ เขากับชุนเซิ่นจุนใกล้ชิดกันมากกว่าคนอื่นๆ
ชุนเซิ่นจุนแสดงความสุขบนใบหน้า “เราได้รับการอนุมัติแล้ว!”
“ดี มาดูกันซิว่า ฉีเยว่หวู่ยี่จะยังสามารถหัวเราะออกมาได้อีกหรือไม่?” ซาโพจุ่นกล่าว
“เราควรจะขอให้ลอร์ดคนอื่นๆเข้ามาร่วมสมทบกับพวกเราด้วยหรือไม่?” จานหลางถาม
เฟิงฉิงหยางเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย “มีทหารเพียง 500 นายเท่านั้น กองกำลังของเรามีถึง 4,000 นาย มากพอจะจัดการพวกเขาได้อย่าง่ายดาย แล้วเหตุใด เราจึงต้องแบ่งคะแนนคณูปการสงคราม ให้กับคนอื่นๆด้วยเล่า?”
จานหลางส่ายหัว “ทหารราบเดินช้าเกินไป ทหารม้าที่เคลื่อนที่เร็วจะมีความปลอดภัยมากกว่า”
“ถ้าเช่นนั้น เราสามารถเชิญพันธมิตรหลักมาได้ และเตรียมทหารม้า 3,000 นาย” เฟิงฉิงหยางยอมถอยและประนีประนอม
“พี่ชายตี่เฉิน เหตุใดท่านถึงไม่กล่าวอะไรเลยล่ะ?” ดูเหมือนว่าชุนเซิ่นจุนจะจงใจถามเขา
ตี่เฉินขมวดคิ้ว เข้าไม่สนใจความหยิ่งพยองของชุนเซิ่นจุน แล้วกล่าวว่า “ข้าคิดว่าฉีเยว่หวู่ยี่เป็นคนเสนอแผนการขุดสนามเพลาะ มันจะเป็นกลอุบาย หรือแผนสมรู้ร่วมคิดหรือไม่?”
“ฮ่าๆๆ พี่ชายตี่เฉิน ท่านกลัวฉีเยว่หวู่ยี่หรือ?” เฟิงฉิงหยางเปล่งเสียงออกมาด้วยความดูถูก เกี่ยวกับข้อสงสัยของตี่เฉิน
ชุนเซิ่นจุนมีใบหน้าที่ล้อเลียน และเขาไม่ตอบคำถามของตี่เฉิน
แม้ว่าพวกเขาจะถูกบังคับให้มาชุมนุมกัน ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้อาวุโสก็ตาม ชุนเซิ่นจุนยังคงไม่ยอมรับตี่เฉินเป็นผู้นำของพันธมิตร ไม่แปลกใจที่เขาจะกำราบตี่เฉินและชื่อเสียงของเขา
อย่างไรก็ตาม จานหลางไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กๆเหมือนพวกเขา “สิ่งที่พี่ชายตี่เฉินกล่าวมาก็เป็นไปได้ เราควรจะเตรียมตัวรับมือไว้”
ชุนเซิ่นจุนส่ายหัว “พี่ชายจานหลางคิดมากเกินไป ตามที่หน่วยสอดแนมรายงานมา ไม่มีร่องรอยของกองกำลังอื่นๆอยู่รอบๆเมืองมู่เย่ เราจะส่งทหารม้าออกไป และซุ่มโจมตี จนทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจ มันคงจะใช้เวลาราว 1 วัน กว่าฉีเยว่หวู่ยี่จะได้รับข่าวและส่งทหารมาที่นั่น ซึ่งเวลาเท่านั้นก็มากพอที่เราจะทำงานได้สำเร็จ และล่าถอยกลับมา”
“ถูกต้อง ข้าไม่เชื่อว่าฉีเยว่หวู่ยี่จะแข็งแกร่งและทรงอำนาจขนาดนั้น” เฟิงฉิงหยางเป็นพันธมิตรที่ไม่ยอมใครของชุนเซิ่นจุน จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะสนับสนุนชุนเซิ่นจุน
จานกลางเงียบไป และไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
แฟนเพจ : TWOแปลไทย