เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 180 พิธีเผยลิขิตสวรรค์อีกครั้ง
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 180 พิธีเผยลิขิตสวรรค์อีกครั้ง
"มันใกล้ถึงเวลาแล้ว ข้าไม่สามารถรอได้อีก"
กลางดึก ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นในห้องที่มืดมิด
เขาถอดชุดผู้ใช้วิญญาณออกและเปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีดำที่ทำให้เขากลืนไปกับค่ำคืน
เขาเคยชินกับการไว้ผมยาวในชีวิตก่อนหน้าเพราะวิญญาณบางดวงต้องการผมยาวเช่น วิญญาณผมดำ วิญญาณผมเหล็ก เป็นต้น
การมีผมยาวเป็นเรื่องค่อนข้างสะดวกเช่นกัน เพราะเขาสามารถตัดมันให้สั้นเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนหากต้องกระทำการบางอย่าง หากเป็นผมสั้น เขาจะต้องใช้วิญญาณเพื่อให้ผมยาวขึ้นเท่านั้น
ไม่นานมานี้เขาได้ทำข้อตกลงกับโม่เฉิน ตอนนี้เขาได้รับวิญญาณหมูเหล็กกับหินวิญญาณสี่หมื่นก้อนมาแล้ว สิ่งเดียวที่เขายังขาดมีเพียงวิญญาณสายรักษา
"ข้าต้องลืมเรื่องวิญญาณสายรักษาไปก่อน ทุกสิ่งจะเป็นไปตามความคาดหวังของคนผู้หนึ่งทั้งหมดได้อย่างไร? โลกแห่งความจริง มันเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่สามารถช่วยได้..."
ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณเกล็ดลี้ลับและเปิดประตูออกไป
เขาถูกสถานการณ์บังคับให้เคลื่อนไหว
พ่อลูกแซ่ไท่กำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น แผนการของเขาที่จะเป็นทูตไปยังหมู่บ้านตระกูลซ่งถูกหยุดยั้ง
หมู่บ้านตระกูลซ่งยังเหลือแข็งแกร่งอยู่มาก ดังนั้นการขอสิ่งชดเชยจากพวกเขาจึงล้มเหลว สุดท้ายทั้งสามตระกูลจึงตกลงใช้การต่อสู้แข่งขันเป็นสิ่งตัดสิน
สกุลโม่ดึงฟางหยวนให้เข้าร่วม แต่การกระทำนี้จะทำให้ฟางหยวนอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองและกลายเป็นปฏิปักษ์กับผู้อาวุโสทั้งหมด
นอกจากนี้ไป่หนิงปิงก็กำลังเติบโตขึ้น สถานการณ์ทั้งหมดไม่เป็นผลดีต่อฟางหยวน ทุกสิ่งบีบบังคับให้เขามาถึงทางตัน
แม้ฟางหยวนจะเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ แต่เขาก็ยังต้องการพลังอำนาจเพื่อสนับสนุนแผนการของเขา เผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว กระทั่งความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะเหนือกว่าชีวิตก่อนหน้าเป็นอย่างมาก แต่พลังอำนาจของผู้ใช้วิญญาณระดับสามขั้นต้นก็ยังไม่เพียงพอให้เขาสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์
'สถานการณ์ของข้าแย่มาก ข้าต้องเสี่ยงและเดิมพันกับวิธีนี้เท่านั้น' ฟางหยวนคิดหนักและหวังว่าจะได้รับบัวสมบัติสวรรค์มาครอง
ตราบเท่าที่เขาดึงบัวสมบัติสวรรค์ออกมา น้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติจะสูญเสียคุณสมบัติทันที เวลานั้นตระกูลจะต้องทำการตรวจสอบอย่างบ้าคลั่ง แต่พวกเขาจะได้รับสิ่งใดกับการตรวจสอบ?
เมื่อน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติสูญเสียคุณสมบัติ มันก็ไม่สามารถฟื้นตัวหรือหวนกลับ แล้วตระกูลจะทำอย่างไรเพื่อให้พวกเขาสามารถอยู่รอด?
มีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือ ยึดครองน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติบ่ออื่น
อย่างไรก็ตามมีน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติเพียงสามบ่อบนภูเขาชิงเหมา แต่ละตระกูลครอบครองหนึ่งในสาม หากหนึ่งถูกทำลายโดยฟางหยวน ตระกูลแสงจันทร์มีเพียงต้องเลือกหนึ่งในสองบ่อที่เหลือเท่านั้น
นี่หมายความว่าสงครามครั้งใหญ่จะปะทุขึ้นทันที
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของฟางหยวนถือว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง แต่ฟางหยวนไม่มีทางเลือก เนื่องจากวิญญาณกาลเวลากำลังฟื้นตัวและกดดันเขาอย่างหนักหน่วง ดังนั้นเขาจึงต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อแสวงหาโอกาสรอดชีวิต...
ห้องโถงส่องสว่างไปด้วยแสงจากโคมไฟ
วิญญาณความทรงจำอยู่ในมือของอวี๋โป้เรียบร้อยแล้ว "ท่านเทพนักสืบ ท่านคิดเห็นอย่างไรกับคำร้องขอของข้า?" อวี๋โป้กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่ไท่รั่วหนานเย้ยหยันเบาๆ
ไท่เซี่ยเล้งครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะเริ่มเปิดปาก "เอาล่ะ หากฟางหยวนเป็นฆาตกรจริง ข้าจะให้เวลาเขาได้ลงแข่งขันให้เรียบร้อยเสียก่อน"
"ท่านพ่อ!" ดวงตาของไท่รั่วหนานเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่พอใจ
"ฮ่าฮ่า ขอบคุณท่านเทพนักสืบที่เข้าใจและข้าก็เชื่อว่าท่านเทพนักสืบย่อมไม่ผิดคำสัญญา" อวี๋โป้เผยรอยยิ้มบาง
สำหรับเรื่องที่เหยาจี้ลอบนำคู่พ่อลูกเข้าไปในห้องลับเพื่อตรวจสอบบันทึกประวัติศาสตร์ของตระกูล แน่นอนว่าอวี๋โป้รู้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเขาทำได้เพียงเก็บงำความโกรธเอาไว้ในหัวใจ เนื่องจากการแข่งขันของสามตระกูลกำลังใกล้เข้ามา หากเกิดการต่อสู้ทางการเมืองภายในตระกูล มันย่อมไม่เป็นผลดี
'โชคดีที่เนื้อหาที่แท้จริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตระกูลถูกเก็บรักษาไว้กับผู้นำตระกูลโดยตรง สิ่งที่พวกเขารับรู้เป็นประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการสำหรับคนนอกเท่านั้น' อวี๋โป้ลอบถอนหายใจ
บันทึกประวัติศาสตร์ของตระกูลถูกแยกออกเป็นสองคือบันทึกอย่างเป็นทางการกับบันทึกลับ
แน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ในบันทึกลับไม่อาจเปิดเผย ตัวอย่างเช่น วิธีให้อาหารวิญญาณมัจจุราชสีเลือดที่เหี้ยมโหด
"ท่านผู้นำ ตอนนี้ท่านพ่อของข้าได้รับปากกแล้ว เช่นนั้นก็เปิดภาพเหตุการณ์ให้พวกเราดู" ไท่รั่วหนานกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"แม้ท่านเทพนักสืบไท่จะไม่รับปาก ข้าก็ยังต้องให้ความร่วมมือกับพวกท่านอย่างเต็มที่เช่นกัน" อวี๋โป้เน้นย้ำก่อนจะกระตุ้นการทำงานของวิญญาณความทรงจำ
ควันเจ็ดสีลอยออกมาจากวิญญาณความทรงจำ ด้วยการสะบัดมือ กลุ่มควันลอยไปที่ผนังห้อง จากนั้นภาพเหตุการณ์ในพิธีเผยลิขิตสวรรค์จึงปรากฏขึ้น
ในภาพความทรงจำ ฟางเจิ้งได้เห็นตัวเขาเองและใบหน้าที่คุ้นเคยมากมาย
พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่กวาดตามองไปรอบๆราวกับลูกไก่ตัวเมียที่พึ่งรู้จักวิธีกระพือปีก
"นั่นฟางหยวน..." ไท่รั่วหนานค้นพบฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนเดินอยู่ในกลุ่มคน แม้เขาจะมองไปรอบๆ แต่การแสดงออกของเขายังสงบนิ่ง หากผู้ใดไม่ให้ความสนใจกับเขามากพอ มันเป็นเรื่องยากที่จะพบความแตกต่างระหว่างเขากับเด็กคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามทุกคนในห้องโถงกำลังเฝ้ามองเขาอยู่
"เอ่อ...ฟางหยวนผู้นี้แปลกมากจริงๆ" กระทั่งอวี๋โป้ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
ฉากบนผนังเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเดินมาถึงทุ่งกล้วยไม้จันทรา
พิธีเผยลิขิตสวรรค์เริ่มขึ้น เด็กๆเริ่มก้าวข้ามแม่น้ำไปยังทุ่งกล้วยไม้
แสงแห่งความหวังสว่างไสว แต่บางครั้งก็ริบหรี่
เสียงของผู้อาวุโสดังขึ้นเป็นครั้งคราว
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคนเป็นสิ่งที่ไม่ต่างจากการเฝ้ามองอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ
เริ่มแรก โม่เป่ย ถูกเปิดเผยว่ามีพรสวรรค์นภาที่สองทำให้เกิดความโกลาหล ต่อมาก็เป็น ซื่อเฉิน ที่มีพรสวรรค์นภาที่สองเช่นเดียวกัน
"มันค่อนข้างแปลก ซื่อเฉินมีความประหม่ามากเกินไป การเคลื่อนไหวร่างกายของเขาไม่เป็นธรรมชาติ แม้แต่สีหน้ายังดูผิดปกติ มันเป็นเพียงเพราะในถ้ำค่อนข้างมืด หากคนผู้หนึ่งไม่ได้สังเกตอย่างพิถีพิถัน พวกเขาจะไม่พบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาซึ่งเป็นบางสิ่งที่ดึงดูดวิญญาณแห่งความหวัง ฮ่าฮ่า เขาโกงอย่างแน่นอน" ไท่รั่วหนานกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
แต่ในวินาทีต่อมา อารมณ์ของเธอกลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกขุ่นเคือง
นั่นเป็นเพราะมันเป็นฟางหยวนที่เดินเข้าไปในทุ่งกล้วยไม้จันทราเป็นคนต่อไป
ยิ่งคาดหวังสูง ก็ยิ่งผิดหวังมาก กลุ่มผู้อาวุโสถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเมื่อตระหนักถึงพรสวรรค์ของฟางหยวน
ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่คิ้วของไท่รั่วหนานกลับขมวดแน่น เพราะการแสดงออกของฟางหยวนกลับสงบนิ่งตลอดกระบวนการ
ในเวลานั้นฟางหยวนหันหลังให้กับกลุ่มผู้อาวุโส ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดเห็นสีหน้าของเขา อย่างไรก็ตามไท่รั่วหนานยังสามารถบอกได้ว่าการแสดงออกของฟางหยวนไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
มันราวกับว่า...เขารู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว!
"นี่เป็นไปไม่ได้เลย หากเป็นข้าที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา เป็นความหวังของตระกูล แต่กลับถูกเปิดเผยว่ามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม ข้าย่อมต้องผิดหวังและเสียใจมาก แล้วมันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาทำได้อย่างไร?" คิ้วของไท่รั่วหนานขมวดแน่นจนไม่สามารถที่จะแน่นได้มากไปกว่านี้
ความสงสัยครอบงำจิตใจของเธอจนทำให้เธอรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก
หัวใจของเธอเต้นอย่างรุนแรง ขณะที่ความคิดของเธอโลดแล่นไปไกล
เกิดสิ่งใดขึ้น?
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
"เดี๋ยว! พรสวรรค์...เป็นไปได้หรือไม่ว่า..." ไท่รั่วหนานยกศีรษะขึ้น วินาทีนี้วิญญาณสัญชาตญาณของเธอคาดเดาอย่างบ้าคลั่ง
แสงและเงาสะท้อนอยู่บนใบหน้าของฟางเจิ้ง
พิธีเผยลิขิตสวรรค์เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
ก่อนพิธีเผยลิขิตสวรรค์ เขาเป็นบุคคลที่ไม่สำคัญและมีชีวิตอยู่ในเงามืด อย่างไรก็ตามหลังพิธีเผยลิขิตสวรรค์ ชีวิตของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์ แสงไฟสาดส่องลงมาที่ตัวเขาพร้อมกับความมั่นใจที่ปะทุขึ้น
ในความทรงจำของเขา พิธีเผยลิขิตสวรรค์เป็นเพียงภาพที่เลือนลาง เขาไม่เคยหวนคิดถึงมัน
แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นภาพเหตุการณ์อีกครั้ง อารมณ์ของเขากลับเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด
ฟางเจิ้งมองตัวเองที่ทั้งประหม่าและรู้สึกอ่อนแอ
ในไม่ช้าเขาก็เห็นตนเองล้มลงไปในแม่น้ำก่อนจะพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก สุดท้ายเป็นฟางหยวนที่ดึงเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็เห็นตัวเองเดินเข้าไปในทุ่งกล้วยไม้จันทรา ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยแสงสว่างจากวิญญาณแห่งความหวังพร้อมกับเสียงสรรเสริญที่ดังขึ้น
นี่เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของเขา ด้วยพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
"ฟางเจิ้ง ข้ามีคำถาม?" ไท่รั่วหนานส่งเสียงดังทำลายการระลึกความหลังของฟางเจิ้ง
"เชิญถาม ข้าจะตอบทุกสิ่งที่ข้ารู้" ฟางเจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"มันเกี่ยวกับพี่ชายของเข้า เขาพูดสิ่งใดในเวลาที่เขาดึงเจ้าขึ้นมาจากแม่น้ำ มันมีเสียงรบกวนมากเกินไปทำให้ไม่สามารถได้ยินเสียงของเขา เขากล่าวว่าอย่างไรในช่วงเวลานั้น?" ไท่รั่วหนานหรี่ตามอง
"คำพูดของเขา?" ฟางเจิ้งพยายามคิด "ดูเหมือนเขาจะพูดเกี่ยวกับ...อนาคต?"
"ถูกต้อง มันเป็นอนาคต..." ดวงตาของฟางเจิ้งส่องประกายขึ้น "ข้าจำได้แล้ว เขากล่าวว่า...ไปเถอะ...มุ่งสู่อนาคตที่สดใส...อา? แปลกมาก เวลานั้นข้าไม่ได้คิดสิ่งใด แต่ตอนนี้เมื่อหวนคิดถึงมัน คำพูดของพี่ใหญ่กลับมีความหมายลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง มันราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าข้ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง!"
"ไม่ เขาไม่ได้หมายถึงพรสวรรค์นภาที่หนึ่งของเจ้า แต่เป็นสิ่งอื่น!" เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างกายของไท่รั่วหนานสั่นสะท้านขึ้นอย่างกะทันหัน