GE10 ประมูลผลไม้แห่งเต๋า
Chapter 10 ประมูลผลไม้แห่งเต๋า
ปราณกระบี่ที่ผ่าแยกห้องปรุงโอสถเป็นสองส่วนได้ดึงเอาปราณของหนิงฝานไปจนหมด ทำให้หนิงฝานทรุดตัวลงภายในห้องโอสถ
ขณะกึ่งหลับกึ่งตื่น หนิงฝานก็ดำดิ่งสู่ความฝัน
ภายในความฝัน หนิงฝานอยู่ภายในม่านหมอกของสวรรค์และพิภพ ที่นั่นมี ‘แผ่นจารึกเพลิง’ สูงกว่า 1,000 จ้าง ดูเหมือนสถานที่แห่งนี้คือ ‘โลกหยินลึกลับ’
ที่เบื้องล่างแผ่นจารึกมีสตรีนางหนึ่ง ใบหน้าไม่ชัดเจน กำลังหลับไหลในนิทรา เบื้องหลังนางมีปราณจำนวนมหาศาล ทั้งยังปรากฏดวงตะวันสีขาวดำลอยอยู่บนท้องฟ้า
“เจ้ายังไม่บรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก...” หนิงฝานอยู่ในอาการมึนงง
สตรีนางนั้นยิ้มพลางกล่าวกับหนิงฝาน นางโบกมือส่งสายลมอันอบอุ่นที่แฝงด้วยกลิ่นหอมจาง พัดพาหนิงฝานให้พ้นจากดินแดนแห่งความฝัน
บนเตียง… หนิงฝานลืมตาช้าๆ สมองยังคงรู้สึกมึนงง ความฝันเหลือเพียงความทรงจำรางๆว่าภายในนั้นมีสตรีนางหนึ่งถูกขังอยู่
ขณะที่หนิงฝานยังคงสลึมสลือ จู่ๆกลับมีเสียงของสตรีลึกลับดังมาภายในหัว
“พี่สาวคิดว่า… อย่างน้อยอีก 10 ปีเจ้าจึงจะมาที่นี่ได้อีกครั้ง ระหว่างนั้น อย่าได้รบกวนพี่สาวผู้นี้อีก”
“เจ้าพักผ่อนเถอะ...”
เมื่อสตรีลึกลับหายไป หนิงฝานก็ค่อยๆฟื้นคืนสติกระทั่งพบว่าตนนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงนอน ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายที่เกิดจากกระถางปรุงโอสถระเบิด
ข้างๆเตียง จื่อเฮ่อผู้มีใบหน้าแดงก่ำกำลังเช็ดทำความสะอาดบาดแผลให้กับหนิงฝานอย่างระมัดระวัง
นอกจากจื่อเฮ่อแล้ว ยังมีปีศาจเฒ่าที่กำลังจ้องมองหนิงฝานด้วยความฉงนสงสัย
ส่วนที่ปีศาจเฒ่ามองคืออวัยวะส่วนล่างของหนิงฝาน แต่ชายชราจะมองทำไม?
“ฮ่าฮ่า หนิงน้อย ถือว่าเจ้ายังมีอนาคตอยู่...”
หนิงฝานแค่นเสียง มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทราบว่าอนาคตที่ปีศาจเฒ่ากล่าวหมายถึงอะไร
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หนิงฝานก็เบือนหน้าหนี แต่ชายชรายังคงจับจ้องหนิงฝานด้วยสีหน้าราวกับมีบางอย่างจะกล่าว
คงมีพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ว่าเหตุใดปีศาจเฒ่าผู้สังหารคนมามากมายนับไม่ถ้วนถึงได้มีสีหน้าเช่นนี้?
“อาจารย์ ท่านมีอะไรก็กล่าวมาเถอะ...”
“ด้วยทักษะปรุงโอสถที่ไม่ธรรมดาของเจ้า ยามนี้เจ้าปรุงโอสถผันแปรลำดับไหนได้แล้ว...”
“โอสถผันแปรที่ 4...”
“หาา! เจ้าไปเรียนรู้ทักษะปรุงโอสถมาได้ยังไง?!” ชายชราสูดหายใจลึก สองมีสอดประสานไว้ในแขนเสื้อ ใบหน้าแดงก่ำเผยให้เห็นความคับข้องใจ
“ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่เมื่อยามที่ข้าอยู่ในนิกายเหอฮวน ข้าบังเอิญเห็นทักษะปรุงโอสที่แปลกประหลาดจากนักปรุงยาผู้หนึ่ง”
“เยี่ยม เยี่ยม… ในเมื่อเป็นผู้ฝึกตนฝ่ายปีศาจก็ต้องรู้จักโกหก ยิ่งมองเจ้าบิดาก็ยิ่งพึงพอใจ” แม้ชายชราได้ฟังหนิงฝานบอกเล่าเรื่องราวไร้สาระ แต่ชายชรากลับมีความสุข
ผู้ฝึกตนฝ่ายปีศาจช่างลึกลับ
“เขียนตำรับโอสถให้ข้า ข้าจะเก็บตัวปรุงโอสถ… ส่วน ‘งานประมูลผลไม้เต๋า’ ของเมืองฉีเหมย เดิมทีข้าเป็นผู้ดูแล แต่ยามนี้ข้ายกให้เจ้าดูแลแทน หากงานประมูลล่มเมื่อไหร่ บิดาจะฆ่าเจ้าซะ!”
“ท่านไม่ได้เกลียดขนาดจะฆ่าข้าได้หรอก...” หนิงฝานกล่าวในใจก่อนจะเขียนตำรับโอสถ ‘เจ็ดหยิงหยางลึกลับ’ ให้ชายชรา นอกจากนี้ยังเขียนสัดส่วนของสมุนไพรและเรื่องที่ควรระวังมากๆในการปรุงโอสถ หนิงฝานกลัวว่าชายชราจะไม่สามารถปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ได้เพราะชายชราเป็นเพียงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 เท่านั้น
“โอสถแห่งความเป็นและความตาย ผู้ที่ไม่เคยปรุงมันย่อมไม่เชื่อว่ามันมีอยู่ ส่วนนี่คือผงเหล็ก...” หลังจากอ่านตำรับโอสถ ชายชราก็กล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่หนิงฝานกลับดูออกว่า ชายชราไม่เคยปรุงโอสถชนิดนี้มาก่อน ที่ชายชรากล่าวออกมาแบบนั้นเป็นเพราะกลัวเสียหน้า
ศิษย์เป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แต่อาจารย์อย่างตนกลับเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3… คำกล่าวนี้อาจะฟังดูไร้สาระ แต่ยามนี้ นักปรุงโอสถหานผู้ทรงเกียรติกลับไม่มีหน้าไปพบผู้คน!
“ข้าต้องปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ให้ได้ ข้าต้องไม่ด้อยไปกว่าศิษย์!” ชายชราเป็นห่วงชื่อเสียงและหน้าตาเป็นอย่างมาก ดังนั้นชายชราจึงจะทำทุกวิถีทางเพื่อกู้หน้าของตนคืน
แต่เมื่อชายชราอ่านตำรับยาอีกครั้ง ชายชราถึงกับต้องหันมองหนิงฝาน แต่ละขั้นตอนการควบคุมเพลิง หนิงฝานเขียนไว้ในตำรับโอสถอย่างละเอียด แต่นั่นทำให้ชายชรารู้สึกไม่พอใจ
บิดาปรุงโอสถมาไม่ใช่วันสองวัน แต่นี่มันกลับเขียนตำรับโอสถอย่างละเอียด เดี๋ยว...ขั้นตอนนี้ ทักษะ ‘สองจุดของโอสถ’ มันคืออะไร? เหตุใดบิดาไม่เข้าใจ? แล้วขั้นตอนนี้...ต้องถ่ายเพลิงเข้าไปในโอสถ? ถ่ายเพลิง? เหตุใดบิดาถึงไม่เคยเห็นวิธีนี้มาก่อน?!
สีหน้าของชายชราเริ่มน่าเกลียด ไม่แปลกที่หนิงฝานเขียนตำรับโอสถละเอียดขนาดนั้น แต่เหตุที่ชายชราไม่เข้าใจก็โทษว่าได้เพียงหนิงฝานที่อธิบายน้อยเกินไป
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ทักษะปรุงโอสถของหนิงน้อยกลับเหนือกว่าบิดาผู้นี้! อีกอย่าง วิธีการปรุงโอสถเหล่านี้บิดาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน!
“คงต้องขอคำปรึกษาจากหนิงน้อย...” แม้เพียงคิดในใจแต่ชายชราพลันรู้สึกอายจึงได้แต่ส่ายหัว
“หากบิดาต้องขอคำปรึกษาจากหนิงน้อย… ชาตินี้บิดาคงไม่มีหน้าไปพบผู้ใด!”
ชายชรากำตำรับโอสถแน่น สีหน้าแสดงออกราวจ้องมองหนิงฝานอย่างชื่นชม
“อืม… ดีมาก ดีมาก ข้าเคยเห็นตำราโอสถชนิดมาแล้ว ไม่มีส่วนใดที่เจ้าเขียนผิด ข้ารู้จักมันจึงให้เจ้าเขียนเพื่อทดสอบเต๋าแห่งโอสถของเจ้า อืม...นับว่าเจ้าผ่าน”
แล้วชายชราก็เดินออกจากห้องไป จื่อเฮ่อที่ยืนเอามือกุมไว้ที่หน้าอกถอนหายใจ “พี่ฝาน… ข้าโล่งใจที่ตำรับโอสถของท่านไม่ผิดพลาด ไม่งั้นปีศาจเฒ่าได้สังหารท่านแน่...”
สาวน้อยนางนี้ทั้งบริสุทธิ์และไร้เดียงสา ดูเหมือนนางจะหวาดกลัวปีศาจเฒ่า
หนิงฝานหัวเราะพลางสัมผัสหัวเล็กๆของนาง หนิงฝานหันมองแผ่นหลังของชายชราพลางขบคิดบางอย่าง ปีศาจเฒ่าที่สังหารผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนกลับมีมุมที่น่ารักเหมือนกัน
“นั่นมันโอสถเจ็ดหยินหยางลี้ลับ จักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้เขียนตำรับขึ้นมาด้วยตนเอง ปีศาจเฒ่ากล่าวว่ารู้ตำรับโอสถ...ฮึ่ม! ไร้สาระ ถ้าได้ลองปรุงโอสถดู ปีศาจเฒ่าได้ขมวดคิ้วมุ่นแน่ ขั้นตอนในตำรับโอสถเมื่อครู่ อย่างน้อยๆก็มี 2 ส่วนที่ปีศาจเฒ่าไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นกลับแสร้งทำเหมือนเข้าใจ ฮ่าฮ่า ปีศาจเฒ่าช่างน่าสนใจจริงๆ...”
หนิงฝานแอบมีความสุขอยู่ในใจ เขาคาดไม่ถึงมาก่อนว่าหลังจากพบปีศาจเฒ่าแล้วจะได้ประสบกับเรื่องที่มีความสุขมากขนาดนี้
ดวงตากลมโตคู่งามของจื่อเฮ่อจับจ้องหนิงฝานราวกับลุ่มหลง
ยามพี่ฝานยิ้มช่างน่ารักนัก
...
แล้วปีศาจเฒ่าก็จากเมืองฉีเหมยไปอย่างไม่สนใจผู้ใด ทั้งยังทิ้งให้หนิงฝานดูแลงานประมูลผลไม้แห่งเต๋าที่กำลังจะมาถึง
คำกล่าวของปีศาจเฒ่าทำให้หนิงฝานหลงคิดว่างานประมูลผลไม้แห่งเต๋าเป็นงานเล็กๆทั่วไป แต่ภายหลังเขากลับพบว่าตนเองคิดผิด
แท้จริงแล้วงานประมูลผลไม้แห่งเต๋าจัดขึ้นที่ศาลาไร้ธรรม! ซึ่งเป็นถึงขุมกำลังที่ลึกลับและน่าเกรงขาม!
งานประมูลที่จัดขึ้นไม่ใช่เพื่อประมูลขายสินค้าธรรมดาทั่วไป ผลไม้แห่งเต๋าเทียบได้กับสมบัติที่ประเมิณค่าไม่ได้ ภายในวันงานจะมีผู้เข้าร่วมเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตประสานวิญญาณมากมาย กระทั่งขอบเขตแก่นทองคำก็มาเยือนเมืองฉีเหมยด้วยเช่นกัน
งานต้อนรับและรักษาความปลอดภัยที่เดิมเป็นของชายชรา แต่ยามนี้กลับกลายมาเป็นของหนิงฝานทั้งหมด เมื่อไม่มีปีศาจเฒ่าเป็นผู้รักษาความปลอดภัยในงาน หากเหล่าผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำลงมือสังหาร หนิงฝานก็ไม่รู้จะรับมือได้เช่นใด?
หากงานประมูลเกิดเรื่องไม่คาดฝันคิด หนิงฝานจะจัดการกับผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำได้อย่างไร?
หากหนิงฝานต้องการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในงาน เขาต้องติดต่อกับทุกขุมกำลังภายในเมืองฉีเหมย
ภายในเมือฉีเหมย นอกจาก ‘กองทัพสามเทพปีศาจ’ ‘สามองค์รักษ์ปีศาจ’ และผู้ฝึกตนที่ชั่วร้ายแล้ว ยังมีตระกูลใหญ่ทั้ง 4 แห่งเมืองฉีเหมย เพียงแต่ตระกูลใหญ่ทั้ง 4 นั้นดูแคลนหนิงฝาน สามองค์รักษ์ปีศาจหากไม่รวมยุ่ยฉี ที่เหลือก็ดูแคลนหนิงฝานเช่นเดียวกัน
หนิงฝานใช้ให้ยุ่ยฉีส่งคำเชิญไปยังสององค์รักษ์ปีศาจที่เหลือและสี่ตระกูลใหญ่ เพื่อให้ร่วมหารือเกี่ยวกับงานประมูลที่กำลังจะจัดขึ้น แต่ท้ายที่สุดกลับไม่มีผู้ใดรับคำเชิญสักราย
หรือคนเหล่านี้ต้องการแสดงอำนาจของตน? ช่างสมกับเป็นผู้ฝึกตนที่ชั่วร้าย หากต้องการจัดการเรื่องราวต่างๆ คงทำได้เพียงพึ่งพาพลังอำนาจของตน
“ยุ่ยฉี ข้าได้ยินมาว่าที่ตำหนักหัวหน้าองค์รักษ์ซื่อถูมีหญ้าทมิฬอยู่... ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ต่อต้านที่ข้าได้เป็นนายน้อยของเมืองฉีเหมยและได้เป็นผู้นำกององครักษ์ฉีเหมยมากที่สุดสินะ...” ภายในห้องโถงของตำหนักซื่อฟาน สีหน้าของหนิงฝานดูหม่นหมองเป็นอย่างมาก
“เรียนนายน้อย พี่สองของข้าเป็นคนหยาบกระด้าง ที่เขาทำแบบนั้นเพียงเพราะมีอคติกับนายน้อย...แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นใจดี...” หากเป็นผู้อื่นจะรู้จักหัวหน้าองค์รักษ์ยุ่ยฉีว่าเป็นผู้โหดเหี้ยมอัมหิต แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝานกลับกลายเป็นผู้ว่านอนสอนง่าย
ยุ่ยฉีในยามนี้นับถือหนิงฝานเป็นอย่างมาก หนิงฝานเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ที่สามารถปรุงโอสถของผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำได้! ด้วยนักปรุงโอสถระดับนี้ ภายในแคว้นแยว่นับว่าหายากอย่างที่สุด เพียงคำกล่าวไม่กี่คำของนักปรุงโอสถระดับนี้ย่อมทำให้ผู้คนเข่นฆ่ากันอย่างง่ายดาย หรือต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณของฝ่ายธรรมและฝ่ายปีศาจ บางทีพวกเขาอาจยอมทำตามคำสั่งของหนิงฝานก็ได้
ด้วยความที่โอสถคือสิ่งล้ำค่า แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำยังต้องเชื่อฟังหนิงฝาน
ในสมัยก่อน ปีศาจเฒ่าหานที่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 เคยออกคำสั่งให้จู่โจมฝ่ายธรรมะ เพียงคำสั่งเดียว ฝ่ายปีศาจมากมายกลับตอบสนองกระทั่งเกิดการเข่นฆ่าขึ้น
ยุ่ยฉีกำลังจิตนาการเห็นเป็นภาพหนิงฝานออกคำสั่งให้จู่โจมฝ่ายธรรมะ เมื่อหวนนึกถึงปราณสังหารที่น่าหวาดกลัวของหนิงฝานในวันนั้น ยุ่ยฉีจึงได้แต่ยอมรับนับถือ
“เมื่อใดถึงจะได้ออกไปเข่นฆ่าสังหารฝ่ายธรรมะพร้อมนายน้อย.. นั่นคงเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ นี่ก็หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้เข่นฆ่าสังหารผู้ใด!”
เมื่อยุ่ยฉีกำลังฟุ้งซ่านไปกับจินตนาการ เสียงหนิงฝานก็ดังขึ้น
“ยุ่ยฉี… ยุ่ยฉี ตื่นได้แล้ว เจ้าอย่าเหม่อสิ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ...”
“แฮ่ม… ขออภัยด้วยนายน้อย บ่าวผู้นี้เสียมารยาทแล้ว...” ยุ่ยฉีคืนสติจากจินตนาการก่อนจับจ้องหนิงฝาน “นายน้อยกล่าวสิ่งที่เพิ่งกล่าวเมื่อครู่อีกครั้งได้หรือไม่”
“ข้าบอกว่าให้เจ้านำทางข้าไปตำหนักซื่อถู ข้าจะไปพบเขาและขอหญ้าทมิฬมาจากเขา”
“ว่าไงนะนายน้อย! ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง พี่สองของข้าต่อต้านท่านมาก อีกอย่าง ปราณกระบี่ของเขาก็ไม่ธรรมดา มันผ่านการดื่มโลหิตมามากมาย หากเขาเห็นท่าน ผลที่ตามมาย่อมคาดไม่ถึง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ท่านเจ้าเมืองคงได้ตำหนิบ่าวแน่” ยุ่ยฉีกังวลว่าซื่อถูจะลงมือกับหนิงฝาน
“ก่อนหน้านี้ข้าปรุงยาโอสถตะวันจันทราไว้ 100 เม็ด โอสถจำนวนนี้สมควรทำให้องครักษ์เหมย 100 คนทะลวงขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5 ซึ่งเป็นขอขวดของพวกเขาได้” หนิงฝานยิ้มอย่างลึกลับ
“เมื่อทะลวงระดับเสร็จสิ้น ให้เจ้านำองครักษ์ทั้ง 100 นั้นไปพบซื่อถู ให้เขารู้ว่าข้าหนิงฝานเหมาะที่จะเป็นผู้นำกององครักษ์เหมย และเป็นนายน้อยของเมืองฉีเหมยแห่งนี้หรือไม่!”...