เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 179 บีบเค้นผลประโยชน์
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 179 บีบเค้นผลประโยชน์
"นักบวชปีศาจสุราดอกไม้คุกเข่าร้องขอชีวิต ผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่เป็นคนมีเมตตาจึงตัดสินใจปล่อยเขาไป แต่นักบวชปีศาจสุราดอกไม้กลับลอบโจมตีอย่างฉับพลัน เป็นเหตุให้ผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่โกรธและฆ่าเขาทันที อย่างไรก็ตามผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตไปหลังจากนั้นไม่นาน อนิจจา ผู้คนที่เดินบนเส้นทางสายปีศาจย่อมต้องทรยศ พวกเขาไม่ควรได้รับความเมตตาใดๆทั้งสิ้น..."
ไท่รั่วหนานอ่านเนื้อหาประวัติศาสตร์ของตระกูลแสงจันทร์ด้วยความเศร้าใจ
"น่าเสียงดาย นักบวชปีศาจสุราดอกไม้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง หากเขาทิ้งมรดกเอาไว้ มันจะสามารถอธิบายทุกสิ่งได้อย่างสมบูรณ์" หญิงสาวถอนหายใจ
แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้และยังอ่านบันทึกต่อไป กระทั่งถึงเวลาอันสมควร เหยาจี้จึงนำพวกเธอกลับออกมาจากห้องลับ
ฟางเจิ้งยืนต้อนรับพวกเธออยู่ที่ลานกว้างกลางหมู่บ้าน "ค้นพบสิ่งใดบ้างหรือไม่?"
ไท่เซี่ยเล้งเงียบขณะที่ไท่รั่วหนานเผยรอยยิ้มพร้อมส่ายศีรษะ
ฟางเจิ้งกล่าวต่อ "ข้าพึ่งคิดถึงบางสิ่งที่อาจช่วยได้ พี่ใหญ่กับฝ่ายสกุลซื่อร่วมมือกัน ผู้นำฝ่ายสกุลซื่อ ผู้อาวุโสซื่อเหลียงเคยปกป้องเขาต่อหน้าทุกคน คุณหนูไท่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสซื่อเหลียงจะมอบหนอนสุราให้กับพี่ใหญ่ของข้าอย่างลับๆ?"
"ฝ่ายสกุลซื่องั้นหรือ?" ไท่รั่วหนานขมวดคิ้ว
"ถูกต้อง ฝ่ายสกุลซื่อและฝ่ายสกุลโม่เป็นสองขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลแสงจันทร์ก่อนที่คลื่นหมาป่าจะมาถึง" ฟางเจิ้งอธิบาย
ฟางหยวนมีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายสกุลซื่อ? คิดถึงเรื่องนี้ ไท่รั่วหนานเริ่มรู้สึกปวดหัว นี่เป็นคดีแรกของเธอ เดิมทีเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อเธอเริ่มลงมือทำ มันกลับเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ในช่วงเวลาที่เธอมองพ่อของเธอไขคดี เธอรู้สึกว่าพ่อของเธอได้รับความสำเร็จอย่างง่ายดายเสมอ ทุกความลึกลับจะถูกเปิดเผยทั้งหมด อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอตระหนักแล้วว่าการไขคดีเป็นเรื่องยากเมื่อเธอได้ลงมือทำด้วยตัวเธอเอง
บางครั้งเธอก็รู้สึกราวกับว่าเบาะสมทุกชนิดปะทุขึ้นต่อหน้าเธอราวกับเมฆหมอกที่หนาทึบแต่เธอกลับไม่รู้ว่าควรมุ่งหน้าไปทางทิศไหนและไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นความจริงหรือสิ่งใดเป็นความลวง
เงื่อนงำเกี่ยวกับสกุลซื่อจะมีประโยชน์หรือไม่?
ไท่รั่วหนานรู้สึกสับสน มันจึงช่วยไม่ได้ที่เธอจะชำเลืองตามองไปยังบิดาของเธอ
'ท่านพ่อน่าจะค้นพบคำใบ้บางประการแล้วใช่หรือไม่?' ไท่รั่วหนานมองบิดาของเธอด้วยความเคารพนับถือ
'หากข้าเป็นท่านพ่อ คดีนี้อาจถูกแก้ไปแล้ว ข้ายังห่างไกลจากท่านพ่อมากนัก แต่แม้ข้าจะล้มเหลว ตราบเท่าที่มีท่านพ่ออยู่ที่นี่ ความจริงจะต้องปรากฏ ฆาตกรจะต้องถูกลงโทษ!' ไท่รั่วหนานรู้สึกละอายใจแต่ก็รู้สึกภูมิใจในเวลาเดียวกัน
มีไท่เซี่ยเล้งอยู่ที่นี่ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลว่าอาชญากรจะหลบหนีไปได้
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หญิงสาวกับส่ายศีรษะและรู้สึกโกรธตนเอง
'รั่วหนาน คนไร้ประโยชน์! คิดแต่จะพึ่งพาท่านพ่อ แล้วเจ้าจะสามารถก้าวข้ามเขาไปได้อย่างไร?'
'รั่วหนาน พยายามเข้า! เจ้าทำมันได้!'
หญิงสาวกัดริมฝีปากและพยายามให้กำลังใจตนเอง
จิตวิญญาณของเธอกลับมาเดือดพล่านอีกครั้ง
เธอตัดสินใจล้มล้างสมมติฐานก่อนหน้าและเริ่มต้นใหม่
'หากฟางหยวนไม่ได้รับหนอนสุรามาจากมรดกแต่ได้รับมันมาจากบางคน ฝ่ายสกุลซื่อจะเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด แต่เหตุใดฝ่ายสกุลซื่อจึงต้องมอบหนอนสุราให้กับฟางหยวนที่มีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม'
'สิ่งใดที่ทำให้ฝ่ายสกุลซื่อรู้สึกว่าฟางหยวนมีคุณค่าพอที่พวกเขาจะลงทุน? เพราะเขาเป็นพี่ชายของฟางเจิ้งงั้นหรือ? ไม่ มันมีน้ำหนักน้อยเกินไป เดี๋ยว! มันอาจไม่ใช่ว่าสกุลซื่อต้องการสนับสนุนเขา แต่อาจเป็นเพราะฟางหยวนข่มขู่ว่าจะเปิดโปงความลับบางอย่างของพวกเขา?'
'หากเป็นกรณีนี้ ฟางหยวนเก็บความลับใดเอาไว้ เหตุใดพวกเขาจึงยินดีประนีประนอมกับเด็กที่ยังไม่แม้แต่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ?'
ไท่รั่วหนานเค้นสมองของเธอ สุดท้ายคำตอบจึงค่อยๆปรากฏออกมา
แต่คำตอบนี้ค่อนข้างเลือนราง เธอยังไม่สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด
"ท่านพ่อ" เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังไท่เซี่ยเล้ง "ข้าอยากขอยืมกระบองเพชรชี้ทาง"
ไท่เซี่ยเล้งตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "การชี้นำของกระบองเพชรชี้ทางขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีอยู่ เพียงการคาดเดาของเจ้า คำตอบของมันอาจไม่ถูกต้อง เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าต้องการใช้งานมัน?"
หญิงสาวพยักหน้า
วิญญาณกระบองเพชรชี้ทางอยู่ในรูปลักษณ์ของเมล็ดพืช
ไท่รั่วหนานฝังเมล็ดพันธุ์ไว้ในพื้นดินจากนั้นจึงส่งพลังวิญญาณของเธอให้กับมัน
หลังจากไม่กี่ลมหายใจ หน่ออ่อนของมันก็เริ่มโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นจนกลายเป็นต้นกระบองเพชรสีเขียวไปในที่สุด
ภายในชั่วพริบตาดอกตูมสีขาวก็เริ่มชูช่อขึ้นด้านบนต้นกระบองเพชร
ไท่รั่วหนานเด็ดดอกสีขาวของมันออกมา จากนั้นต้นกระบองเพชรจึงเริ่มเหี่ยวแห้งและตายไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
วิญญาณกระบองเพชรชี้ทางเป็นวิญญาณระดับสามที่ใช้ได้ครั้งเดียว
ไท่รั่วหนานค่อยๆคลี่กลีบดอกออก สุดท้ายมันจึงดูเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งและมีตัวอักษรคำหนึ่งปรากฏอยู่ ซึ่งมันก็คือคำว่า พรสวรรค์
คำนี้อาจไร้ความหมายกับคนอื่น แต่สำหรับไท่รั่วหนาน มันเป็นความลับที่สำคัญอย่างยิ่ง
กระบองเพชรชี้ทางจะทำหน้าที่ดึงสิ่งสำคัญที่ถูกซ่อนอยู่ในสมองของผู้ใช้วิญญาณออกมา
"ถูกต้อง มันคือ พรสวรรค์!" ไท่รั่วหนานตะโกนเสียงดัง
เธอรีบหยิบจดหมายที่ถูกบันทึกโดยเจียฟู่ออกมา
มีบางอย่างเขียนเอาไว้เกี่ยวกับช่วงเวลาและราคาที่ซื่อเหลียงประมูลวิญญาณวารีพิสุทธิ์
"มันคือสิ่งนี้! ก่อนหน้าข้าละเลยมันไป แต่กระบองเพชรชี้ทางสามารถมองเห็นสิ่งนี้ วิญญาณวารีพิสุทธิ์มีประโยชน์เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือชำระล้างทะเลวิญญาณให้บริสุทธิ์"
"แล้วเหตุใดซื่อเหลียงจึงต้องใช้มัน? ฮ่าฮ่า สถานการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในตระกูลต่างๆ เมื่อผู้สืบทอดฝ่ายสกุลซื่อมีพรสวรรค์ไม่เพียงพอ ซื่อเหลียงจึงต้องถ่ายเทพลังวิญญาณของเขาเข้าไปเพื่อช่วยยกระดับการบ่มเพาะของผู้สืบทอด ดังนั้นวิญญาณวารีพิสุทธิ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการลบล้างผลกระทบ แต่ฟางหยวนกลับล้วงรู้ความลับนี้โดยบังเอิญ เขาจึงใช้เรื่องนี้ต่อรองกับฝ่ายสกุลซื่อและบีบบังคับให้ส่งหนอนสุราให้กับเขา" ไท่รั่วหนานพึมพำกับตนเอง
"คุณหนูไท่ ท่านช่างอัศจรรย์นักที่สามารถสรุปเรื่องราวได้มากมายจากคำเพียงคำเดียว แต่ซื่อเฉินมีพรสวรรค์นภาที่สองอย่างชัดเจน" ฟางเจิ้งกล่าว
"พรสวรรค์นภาที่สองงั้นหรือ? ฮ่าฮ่า มันไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถปลอมแปลง เรื่องนี้พิสูจน์ได้ง่ายมาก เราเพียงต้องตรวจสอบทะเลวิญญาณของซื่อเฉินแล้วความจริงก็จะปรากฏ" ไท่รั่วหนานยกมุมปากขึ้น
"นั่นไม่เหมาะสม" ไท่เซี่ยเล้งส่ายศีรษะด้วยความกระวนกระวายใจ
หากนี่เป็นเรื่องจริงและถูกเปิดเผยออกมา มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายและความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ขึ้นในตระกูลแสงจันทร์
ไท่เซี่ยเล้งกล่าวต่อ "เรามาที่นี่เพื่อไขคดี ไม่ได้มาทำลายล้างหากไม่ถึงที่สุดจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเราไม่ควรเข้าแทรกแซงการเมืองของตระกูลอื่น"
ไท่รั่วหนานพยักหน้า "ท่านพ่อกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ไม่เป็นไร ข้ายังมีวิธีอื่นที่สามารถพิสูจน์ ข้าจำได้ว่าตระกูลต่างๆมักใช้วิญญาณความทรงจำบันทึกพิธีเผยลิขิตสวรรค์ครั้งสำคัญของพวกเขาเอาไว้ นี่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ดังนั้นตระกูลแสงจันทร์ก็ไม่ควรเป็นข้อยกเว้น ข้าต้องการดูภาพเหตุการณ์พิธีเผยลิขิตสวรรค์ครั้งนั้น!"
"ท่านเทพนักสืบ ท่านสืบหาความจริงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา สำหรับภาพเหตุการณ์ที่ท่านต้องการตรวจสอบ มันอยู่ในเขตหวงห้ามของตระกูล พวกเราไม่สะดวกให้พวกท่านเข้าไป แต่โปรดดื่มชารออยู่ที่นี่ อีกไม่นานมันจะถูกนำออกมามอบให้กับท่าน" อวี๋โป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ข้าต้องขอรบกวนท่านผู้นำตระกูลแล้ว" ไท่เซี่ยเล้งกล่าวด้วยความสุภาพ
ไท่รั่วหนานกับฟางเจิ้งยืนอยู่ด้านข้าง
"ท่านเทพนักสืบ ข้ามีบางเรื่องที่อยากจะความช่วยเหลือ..." อวี๋โป้กล่าวออกมาอย่างกะทันหัน
ไท่เซี่ยเล้งประหลาดใจ "โอ้ ท่านผู้นำเชิญกล่าว"
"นี่เป็นเรื่องภายในของภูเขาชิงเหมา เวลานี้ตระกูลของข้า รวมถึงตระกูลไป่และตระกูลซ่ง พวกเราต่างอยู่ในภาวะถดถอย หลังจากภัยพิบัติคลื่นหมาป่า ตระกูลซ่งหลบหนีไปทำให้อีกสองตระกูลเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ แม้พวกเราจะเรียกร้องขอความเป็นธรรม แต่ในการประชุมสามตระกูล พวกเรากลับต้องใช้การต่อสู้แข่งขันเป็นสิ่งตัดสินและมีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่อายุต่ำกว่าสามสิบปีเท่านั้นจึงจะสามารถลงแข่งขันได้ นี่ืถือเป็นการตัดสินอนาคตของแต่ละตระกูลอย่างแท้จริง"
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ อวี๋โป้จึงต้องถอนหายใจออกมา "แท้จริงแล้ว ข้ารู้สึกถึงความผิดปกติของฟางหยวนมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบเพราะสถานการณ์ภัยพิบัติคลื่นหมาป่า หากเขาเป็นฆาตกรจริง ข้าเพียงหวังว่าท่านเทพนักสืบจะชะลอการจับตัวเขาออกไปไม่กี่วัน เนื่องจากตระกูลจำเป็นต้องให้เขาลงแข่งขันในครั้งนี้"
ฟางหยวนสังหารครอบครัวสกุลหวัง แต่พวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่
อย่างไรก็ตามหากเขาสังหารเจียจินเฉิง ทุกอย่างจะต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
หากตระกูลแสงจันทร์ยังปกป้องฟางหยวน นั่นหมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูของตระกูลเจีย นอกจากจะเสียโอกาสในการค้าขายกับขบวนสินค้า มันจะทำให้เกิดการตอบโต้ที่รุนแรงจากตระกูลเจียอีกด้วย
องค์กรจะปกป้องสมาชิกของตน แต่หากต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติร้ายแรงจากภายนอก พวกเขาก็พร้อมที่จะเสียสละสมาชิกบางคนเพื่อให้องค์กรสามารถยืนหยัดอยู่ต่อไป
การอยู่รวมกันทำให้ผู้คนได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
แต่หากสมาชิกบางคนขัดขวางเส้นทางสู่ผลประโยชน์ขององค์กร เป็นธรรมชาติที่พวกเขาต้องกำจัดคนผู้นั้นทิ้งไป
แม้ตอนนี้จะมีผู้อาวุโสเหลืออยู่ไม่กี่คน แต่หากจำเป็น พวกเขาก็ยินดีที่จะตัดฟางหยวนทิ้งไปโดยไม่ลังเล
อย่างไรก็ตามอีกไม่กี่วันหลังจากนี้การแข่งขันของสามตระกูลจะเกิดขึ้น ผลการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นสิ่งกำหนดอนาคตและผลประโยชน์บนภูเขาชิงเหมาของตระกูลในช่วงสองสามปีข้างหน้า ในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับสามที่อายุไม่ถึงสามสิบปี ฟางหยวนถือเป็นกำลังสำคัญของตระกูลในการแข่งขันครั้งนี้
เช่นเดียวกับผู้นำตระกูลไป่ อวี๋โป้ต้องการบีบเค้นผลประโยชน์จากฟางหยวนออกมาให้ได้มากที่สุด