ตอนที่แล้วTWO Chapter 196 การขายคู่มื่อเทคนิคลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 198 การเลือกฝ่าย

TWO Chapter 197 การลุกไหม้ของทุ่งหญ้า


TWO Chapter 197 การลุกไหม้ของทุ่งหญ้า

หลังจากเสร็จสิ้นการขายคู่มือเทคนิคลับ 120 ฉบับ มันคิดเป็นเงินรวม 85,300 เหรียญทอง หลังจากหักภาษี 10% แล้ว เขาก็ยะงได้รับเงินมากกว่า 76,000 เหรียญทอง ขณะที่คู่มือเทคนิคลับทั้งหมดนี้ เขาซื้อมาด้วยราคาเพียง 6,000 เหรียญทองเท่านั้น

เขาได้กำไรมากกว่า 10 เท่าในการซื้อขายนี้

โอหยางโชวเคยคิดที่จะส่งเทคนิคลับเหล่านี้ให้กับน้าของเขา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าน้าของเขาจะต่อรองกับเขาดังนั้น เขาจึงไม่ได้ทำเช่นนั้น

ตามแผนของเขา เขาจะหาคู่มือเทคนิคลับระดับจักรพรรดิให้กับน้าของเขา สำหรับคู่มือเทคนิคลับระดับทอง แม้ว่าเขาจะขายให้กับกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ ก็จะมีเพียงสมาชิกหลักเท่านั้นที่ได้ใช้มัน

สำหรับพวกเขา โอหยางโชวไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกับสมาชิกเหล่านั้น

ตลอดการขายคู่มือเทคนิคลับทั้งหมดนี้ เขาทำเพียงเพื่อความสนุกสนาน และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากเหตุการณ์ ไม่ใช่ผู้เล่นที่ไม่ได้รับคู่มือเทคนิคลับใดๆ แต่เป็นเฟิงฉิงหยาง

…………………………………………………………………………..

ณ เมืองนักดาบ สำนักงานของลอร์ด

“น้องเล็ก เราจะไม่ขายจริงๆหรือ? ดูคนๆนั้นซิ เขาขายชุดคือมือเทคนิคลับล่าสุดในราคาถึงฉบับละ 750 เหรียญทอง ถ้าเรายังไม่ขายในตอนนี้ ข้าเกรงว่าตลาดจะเริ่มอิ่มตัว”

ผู้นั่งอยู่ด้านหน้าเฟิงฉิงหยางก็คือน้องสาวของเขา เฟิงฉิงเยว่

แตกต่างจากพี่ชายของเธอ เธอยังคงสงบอยู่ “พี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ตามการคาดเดาของข้า ราคาคู่มือเทคนิคลับ จะมีราคาเพิ่งขึ้นสูงสุดถึง 800 เหรียญทอง ส่วนเรื่องการอิ่มตัวของตลาดตามที่ท่านกล่าว ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน ท่านเห็นหรือไม่ว่า คู่มือเทคนิคลับระดับทอง 120 ฉบับ ถูกขายหมดภายใน 1 วัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ความต้องการคู่มือเทคนิคลับระดับทองนั้นมีสูงเพียงใด”

“นอกจากนี้ แม้ว่าตลาดจะอิ่มตัวจริงๆ มันก็จะเกิดจากเงินที่พวกเขามีอยู่ ถูกนำไปใช้ซื้อคู่มือเทคนิคลับ 120 ฉบับนี้ หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เมื่อผู้คนเริ่มมีเงินอีกครั้ง ราคาของคู่มือเทคนิคลับก็จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ท่านต้องเข้าใจว่าคู่มือเทคนิคลับระดับทองนั้นสำคัญ ระดับที่ต่ำกว่านี้ใช้งานได้ไม่ดีนัก ดังนั้น ผู้เล่นคงไม่พอใจกับมัน สำหรับระดับที่สูงกว่าระดับทอง ผู้เล่นยังคงไม่สามารถจ่ายเพื่อให้ได้มันมาได้ และพวกมันก็ยังมีจำนวนน้อยอย่างมาก ดังนั้น ข้าจึงมั่นใจว่าเราจะขายได้อย่างแน่นอน”

ถ้าโอหยางโชวอยู่ที่นี่ และได้ฟังการวิเคราะห์ของเธอ เขาคงพยายามทุกวิถีทาง เพื่อเชิญชวนเธอมาเป็นคนสนิทของเขา วิสัยทัศน์และความเข้าใจของเธอนั้น ช่างน่าประทับใจและไม่เหมือนใคร ห่างไกลจากผู้เล่นทั่วไปมาก

“เอาละ ข้าเชื่อเจ้า” เฟิงฉิงหยางเลือกที่จะยอมแพ้ เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อใจน้องสาวของเขามาก

……………………………………………………………………………

ในมือของโอหยางโชวตอนนี้ เขากำลังถือเงินก้อนใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัวมา แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เงินเหล่านี้สูญหาย เขาเก็บมันไว้ในถุงเก็บของของเขาอย่างทะนุทะนอม

เขาได้มอบเงิน 5,000 เหรียญทอง เป็นทุนสำรองให้กับธนาคาร 4 สมุทรสาขาเมืองซุ่นหลง จากนั้น เขาก็มอบเงิน 1,770 เหรียญทองเป็นทุนสำรองให้กับธนาคาร 4 สมุทรสาขาหลัก

นอกจากเก็บเงินไว้สำรอง 10,000 เหรียญทองแล้ว เขาใช้เงินที่เหลือทั้งหมด 60,000 เหรียญทอง เพื่อซื้อธัญพืช

คู่ค้าของเขาก็คือ หอการค้าขุ่ย ตัวแทนของพวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของขุ่ยหยิงหยู ชื่อของเขาคือ ขุ่ยโชวเหริน

แม้กระทั่งสำหรับหอการค้าขุ่ย การค้านี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ขุ่ยโชวเหรินไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ดินแดนเล็กๆเช่นเมืองซานไห่ มีทรัพยากรทางการเงินแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาเพิ่งจะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกันได้เพียง 1 เดือน แค่ยอดการซื้อขายก็ได้ทะลุ 70,000 เหรียญทองไปแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก

ในตอนแรก หอการค้าขุ่ยยินดีจะร่วมมมือกับเมืองซานไห่ก็เพราะขุ่ยหยิงหยู แต่ตอนนี้ หอการค้าขุ่ยได้มองไปที่พันธมิตรทางการค้าของเขาอย่างเท่าเทียมกันแล้ว

จากคำกล่าวของขุ่ยโชวเหริน แม้เขาจะไม่สามารถกล่าวออกมาได้อย่างมั่นใจ แต่เมืองซานไห่ที่เงียบสงบี้ ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้หอการค้าขุ่ยจะทะยานสูงขึ้นอีกครั้งในอนาคต

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับขุ่ยหยิงหยูมีผลกระทบต่อพวกเขามาก คาราวานของหอการค้าขุ่ยถูกปล้น สินค้าที่สูญหายไม่ได้มีค่ามากนัก แต่ประเด็นใหญ่ก็คือ ชื่อเสียงของหอการค้าขุ่ยเสียหายอย่างมาก

ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น หอการค้าขุ่ยได้สูญเสียสมาชิกหลักไปหลายร้อยคน ผู้บริหารระดับสูงหลายสิบคน และที่สำคัญที่สุด ท่านหญิงแห่งตระกูลขุ่ยหายสาบสูญไป

การปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งของเธอ ได้กลายมาเป็นจุดพลิกผันสำหรับหอการค้าขุ่ย

เพื่อที่จะตอบแทน หอการค้าขุ่ยได้เพิ่มความจริงใจมากยิ่งขึ้นในความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่าย และโอหยางโชวยังได้เปิดเผยการคาดการณ์ของเขา เกี่ยวกับตลาดธัญพืชในระยะ 3 เดือนข้างหน้าให้ขุ่ยโชวเหรินทราบ

สำหรับหอการค้าขุ่ย จำนานกำไรที่พวกเขาจะได้รับ จะมีมากน้อยเท่าใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวโอหยางโชวมากเพียงใด รวมไปถึงความกล้าและความเด็ดเดี่ยวของพวกเขา มันเป็นสิ่งที่โอหยางโชวไม่สามารถตัดสินใจแทนพวกเขาได้

ธัญพืช 60 ล้านหน่วย ด้วยปริมาณมหาศาลขนาดนี้ ฝ่ายทรัพยากรต้องใช้เวลาถึง 3 วัน ในการถ่ายโอนจากตลาดไปยังยุ้งฉางของขนาดใหญ่ที่อยู่ในเขตตะวันตก

การตัดสินใจดังกล่าวทำให้ผู้ที่อยู่ภายในดินแดนมึนงง ไม่มีใครเข้าใจว่าลอร์ดของพวกเขาซื้อธัญพืชมากมายเช่นนี้มาทำไม?

สำหรับเรื่องนี้ โอหยางโชวไม่ได้อธิบายมากนัก เนื่องจากเงินที่ใช้ซื้อธัญพืชเหล่านี้ไม่ได้มาจากรายได้ของดินแดน พวกเขาจึงไม่ได้พยายามที่จะขัดขวางเขา แม้ว่าการกระทำของเขาจะทำให้พวกเขามึนงงก็ตาม

สำหรับผู้เล่นเช่นเสี่ยวเยว่ พวกเขาเข้าใจเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการจัดการดินแดน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจว่าธัญพืชจำนวนมหาศาลนี้หมายถึงอะไร

ในขณะเดียวกัน โอหยางโชวก็นำดาบถัง 1,000 เล่ม และธนูประกอบที่ยึดได้จากปฏิบัติการไฟป่า 1,000 คัน ส่งให้กับเมืองซุ่นหลง ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังได้เข้าร่วมพิธีเปิดธนาคาร 4 สมุทรสาขาเมืองซุ่นหลงด้วยตัวเอง

ดัวยการสนับสนุนและความช่วยเหลือของโอหยางโชว ซุ่นหลงเตียนเซว่ได้ขยายกองทัพของเขาเพิ่มอีก 2,000 นาย ในทันที

วันรุ่งขึ้น เขาก็ได้ยื่นคำร้องขออัพเกรด เมื่อถึงวันที่ 10 เดือนที่ 8 เมืองซุ่นหลงก็จะเผชิญหน้ากับการบุกโจมตีของพวกผู้บุกรุก

ในช่วงระหว่างนี้ ซุ่นหลงเตียนเซวสั่งให้ ฉินฉีอ๋องนำกองกำลังไปกวาดล้างค่ายโจรที่อยู่ภายในดินแดน วัตถุประสงค์ของคำสั่งนี้ก็คือ เพิ่มความสามารถและประสบการณ์ให้กับทหารใหม่ ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็คงจะไม่มีประโยชน์ในการบุกโจมตีของพวกผู้บุกรุกที่กำลังจะมาถึง

แน่นอนว่า หวังหยวนเฟิงและเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศรของเขา จะถูกส่งไปให้ยืมแบบฟรีๆ นี่เป็นการสนับสนุนที่สมาชิกพันธมิตรซานไห่ทุกคนจะได้รับใน ขณะนี้ เมืองซานไห่มีเครื่องยิงหน้าไม้ 3 คันศรทั้งหมด 5 เครื่อง ดังนั้น เครื่องยิงหน้าไม้เหล่านี้ จึงช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับซุ่นหลงเตียนเซว่อย่างมาก

ในขณะที่รอการอัพเกรดของดินแดนของซุ่นหลงเตียนเซว่ โอหยางโชวก็คอยติดตามชนเผ่าเร่ร่อน และเหตุการณ์ใหญ่อื่นๆ

จากความทรงจำในชีวิตที่แล้วของเขา เมื่อมีผู้อัพเกรดดินแดนเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 ได้ครบ 10 ดินแดน มันจะทำให้สมรภูมิครั้งที่ 2 เริ่มขึ้น

สำหรับสมรภูมิ โอหยางโชวยังคงเตรียมพร้อมอยู่ ตอนนี้ เขาได้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมพร้อมแล้ว

เล่ยสุ่นได้ส่งจดหมายแจ้งการเคลื่อนไหวของชนเผ่าเร่ร่อนมาให้โอหยางโชวอย่างต่อเนื่อง

นับตั้งแต่ปฏิบัติการไฟป่าผ่านไปได้ 1 สัปดาห์ ข่าวการฆ่าล้างค่ายเจิ้นสีของเผ่าเทียนฉี ก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทุ่งหญ้า ราวกับเป็นพายุใต้ฝุ่นฤดูร้อน

เกี่ยวกับผู้ร้าย แต่ละเผ่ามีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

บางเผ่าก็คิดว่าเป็นฝีมือของพวกโจร เพราะไม่ว่านักรบเผ่าเทียนฉีที่รอดชีวิตหรือผู้ที่รอดชีวิตคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็เป็นพยานว่า เห็นพวกโจรเดินผ่านทุ่งหญ้า พวกเขากล่าวว่า ผู้ร้ายเหล่านั้นแต่งตัวแบบพวกโจร และยังออกอาละวาดไปทั่ว

บางเผ่าก็คิดว่าเป็นฝีมือของบางเผ่า และอ้างว่าชุดที่พวกเขาสวมเป็นเพียงการปลอมตัวแบบง่ายๆ แต่ละเผ่าได้สืบสวนอย่างรอบคอบ กลยุทธ์สงครามที่สามารถกวาดล้างนักรบชนเผ่าเร่ร่อนได้เช่นนี้ หัวหน้าเผ่าส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่า พวกโจรจะไม่มีกลยุทธ์หรือแผนการที่ดีเช่นนี้

นอกจากนี้ ยังมีชายคนหนึ่งกล่าวว่า มันเป็นดินแดนของลอร์ด เขาก็คือ ‘ธี’ หรืออดีตผู้บัญชาการค่ายเจิ้นสี หลาคเซิ่น ตอนนี้เขาเป็นนักโทษภายใต้คำสั่งของเมิ่งเค่อ เขาอาจจะถูกประหารเมื่อไหร่ก็ได้

วันที่หลาคเซิ่นกลับมาที่ค่ายหลักของเผ่าเทียนฉี เมิ่งเค่อได้ปลดเขาออกจากตำแหน่งทันที และโยนเขาเข้าไปในคุกประหาร ไม่ว่าเขาจะถูกปล่อยตัวหรือถูกประหาร ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข่าน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการพ่ายแพ้ที่น่าเศ้ราเช่นนี้ แม้ว่าศัตรูของเขาจะใช้กลยุทธ์ที่แปลกประหลาด แต่การกระทำของหลาคเซิ่นและการตัดสินใจที่แย่ของเขา ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้น เขาจึงยอมรับความผิดของเขา และเขาก็เต็มใจที่จะชดใช้ความผิดของเขาด้วยความตาย ในคืนนั้น ไม่มีใครอื่นนอกจากทั้งสอง รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเต็นท์ของข่าน

ผู้คนรู้เพียงว่า หลาคเซิ่นถูกโยนเข้าไปในคุกประหาร แต่เมิ่งเค่อยังไม่ได้กล่าวเกี่ยวกับเวลาที่แน่นอน ที่จะประหารหลาคเซิ่น ดังนั้น เรื่องนี้จึงหยุดลงและค้างอยู่ตรงนั้น

ปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเหมือนกับปฏิบัติการรุ่งอรุณที่มีผลเพียงเล็กน้อย การที่ค่ายเจิ้นสีถูกทำลาย มันค่อยๆส่งผลกระทบต่อทุ่งหญ้าช้าๆและรุนแรง

ผลกระทบโดยตรงคือ เผ่าขนาดกลางบางเผ่าทางตะวันตก หัวใจของพวกเขาเริ่มเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น หากไม่มีค่ายเจิ้นสีคอยควบคุมพวกเขา พวกเขาก็ไม่ต้องอยู่ภายใต้เผ่าเทียนฉีอีกต่อไป

เผ่าขนาดเล็กเริ่มหวาดกลัว เผ่าเทียนฉีเป็นผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา แต่ตอนนี้ เผ่าเทียนฉีได้สูญเสียแขนไปข้างหนึ่งแล้ว และก็ยังไม่รู้ตัวตนของศัตรูอีกด้วย

แล้วผู้สนับสนุนดังกล่าว จะยังคงปกป้องพวกเขาได้อยู่หรือไม่?

ถ้าเผ่าขนาดเล็กถูกมองเป็นแกะ เผ่าขนาดกลางก็ถูกมองเป็าหมาป่าที่หิวโหย สำหรับเผ่าเทียนฉี พวกเขาจะเป็นสิงโตแห่งทุ่งหญ้า ราชาสิงโตจะจำกัดฝูงหมาป่า และคุ้มครองฝูงแกะ

แต่ตอนนี้ราชาได้รับบาดเจ็บ และหมาปาก็เริ่มจ้องมาที่เหยื่อของพวกมัน แม้ว่าหมาป่าจะไม่กล้าต่อต้านและโจมตีสิงโต แต่พวกมันก็สามารถแสดงให้ฝูงแกะเห็นว่า ฟันและกงเล็บของพวกมันแหลมคมเพียงใด

แม้แต่ในเผ่าเทียนฉี ความกระตือรือร้นที่จะก่อสงครามก็เพิ่มสูงขึ้น

เผ่าเทียนฉีได้ทำหน้าที่เป็นสิงโตมาหลาย 10 ปี พวกเขาถือมงกุฎของราชาแห่งทุ่งหญ้าขนาดใหญ่นี้มานาน ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถหยุดการยั่วยุของคู่กรณีได้เสมอ

ความพ่ายแพ้ที่น่าเศร้าของค่ายเจิ้นสี ชี้ไปที่บางเผ่าทางตะวันตก พวกเขาเริ่มคิดว่า เผ่าขนาดกลางเหล่านั้นได้สมรู้ร่วมคิดกับพวกโจร และก่อให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าของค่ายเจิ้นสี

เหตุผลก็ง่ายๆ พวกโจรหนีไปทางด้านทิศตะวันตก

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมิ่งเค่อได้ส่งทหารองครักษ์ของข่านไปติดตามศัตรู

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการของทหารองครักษ์ โบรัคทีน่า รายงานว่า หลังจากไปถึงเขตทุรกันดารด้านทิศตะวันตก ร่องรอยของผู้บุกรุกก็หายไปในอากาศ

กองทัพขนาดใหญ่ของพวกโจรและม้านับหมื่นตัวจะหายไปได้อย่างไร? พวกเขาคิดว่า อาจจะต้องมีเผ่าขนาดกลางบางเผ่า ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น พยายามปกปิดล่องรอยให้กับพวกโจร

ความเกลี่ยดชังภายในชนเผ่าเริ่มเพิ่มสูงขึ้น แม้แต่ข่านอย่างเมิ่งเค่อ ก็คงจะไม่สามารถข่มมันไว้ได้นานนัก ในทางตรงกันข้าม เผ่าขนาดหลางในทางใต้, ตะวันออกและเหนือ ยังคงเก็บตัวเงียบทั้งหมด

เมิ่งเค่อรู้ว่าความเงียบดังกล่าว เป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมา

ดังนั้น เขาจึงสามารถทำได้เพียง ปรามพวกยั่วยุที่อยู่ในเผ่า และป้องกันไม่ให้เกิดสงครามระหว่างพวกเขากับเผ่าทางตะวันตก มิฉะนั้น ถ้าสงครามเกิดขึ้น มันอาจจะไปไกลเกินกว่าที่เขาจะหยุดได้

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด