เล่ม 2 ตอนที่ 1 : กองกำลังสมุนปีศาจ (2)
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
==========
เล่ม 2 ตอนที่ 1 : กองกำลังสมุนปีศาจ (2)
ในที่สุดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ผ่านพ้น
ขณะที่ถูกอัญเชิญออกมา เจ้าค้างคาวถึงกับพุ่งเข้ามาหาหน้าผากของเขา
“เห็นไหม? เห็นบ้างไหม? ข้าบอกแล้วว่าลูกธนูกำลังพุ่งมาแล้วมันก็ทะลวงไป! เจ้านายรู้ไหมมันเจ็บมากแค่ไหนกันน่ะ?”
อาร์คหาได้แปลกใจ
ในตอนที่ผู้เล่นได้รับความเสียหาย พวกเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด มีเพียงแค่ความรู้สึกที่คล้ายกับตกใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับเอ็นพีซีนั้นแตกต่างออกไป ถ้าหากพวกเขาโดนเฉือนด้วยมีด พวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดจากการโดนเฉือนด้วยมีดนั้น และถ้าหากโดนลูกธนูยิงเข้าใส่ พวกเขาก็จะเจ็บปวดเพราะการโดนลูกธนูยิง
มันเป็นการตั้งค่าที่กำหนดไว้ ว่าทุกสิ่งจะเป็นจริงสำหรับเอ็นพีซี
“ถ้าหากเป็นเจ้านาย อย่างน้อยก็น่าจะดูแลสมุนปีศาจให้สมกับเป็นเจ้านายหน่อยสิ? แต่นี่พวกเราต้องอดทนแม้กระทั่งความน่ากลัวของอาหารที่เจ้านายทำเลยนะ! แล้วสำหรับเจ้านายที่ใช้พวกเราต่างโล่เนี่ย! ถ้าหากไม่ใช่เจ้านายข้าก็ไม่คิดทนอีกต่อไป! เจ้ากะโหลก! เจ้าเองก็พูดอะไรบ้างสิ!”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก กรั่ก
เจ้ากะโหลกกระทบฟันของมันด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อย
“เห็นไหม! เจ้ากะโหลกยังมีท่าทีไม่ดีเลยเห็นไหมล่ะ?”
“ก็ได้ เข้าใจแล้วน่า ครั้งหน้าจะระวังนะ”
“ฮึ่ม คำพูดแบบนั้นน่ะ... หา? อะไร เมื่อกี้เจ้านายพูดว่าอะไรนะ?”
เจ้าค้างคาวที่แค่นเสียงพลันกระพือปีกถอยกลับ จากนั้นจึงเริ่มจ้องมองอาร์คด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง
“จะ-เจ้านายกินอะไรผิดสำแดงไปหรือเปล่า? ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมีท่าทีแบบนี้ล่ะ?”
“ก็เหมือนที่แกว่า ฉันคงโหดเกินไป ก็เลยอยากขอโทษน่ะ”
อาร์คยื่นอาหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมฉุยออกมา
จากนั้นเจ้าค้างคาวพลันซีดเผือดกับสิ่งที่เห็นพร้อมเสียงที่อ่อนลง
“จะ-เจ้านาย ข้า-ข้าผิดไปแล้ว ข้าก็แค่อยากให้เจ้านายใส่ใจพวกเราขึ้นอีกสักเล็กน้อย เช่นนั้น... แหะ แหะ เอาเถอะ ข้าไม่พูดอะไรต่อว่าเจ้านายแล้ว ตอนนี้ข้าไม่คิดกล่าวโทษแล้ว จริง ๆ นะ”
“ไม่ต้องห่วงน่า อาหารจานนี้ทดสอบเรียบร้อยแล้ว”
“หา? ฟุดฟิดฟุดฟิด นี่ไม่เหมือนที่เคยกินก่อนหน้านี้สินะ?”
เจ้าค้างคาวเงยหน้าขึ้นลงขณะที่สูดดมกลิ่น มันกำลังสงสัยว่าอาร์คคิดทดลองอาหารเพราะจู่ ๆ ก็ยื่นอาหารออกมาโดยไม่พูดไม่จา แต่ดูเหมือนกลิ่นนี้จะกลบทุกสิ่งได้ มันเป็นอาหารที่ยืนยันผลลัพธ์เมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งยังทำออกมาด้วยวัตถุดิบที่มีค่า ทำให้อาหารจานนี้สามารถเพิ่มพลังชีวิตและความคล่องตัวได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
สมุนปีศาจรู้สึกหิวเป็น พวกมันย่อมคิดกลืนกินอาหารที่โอชะ แต่ก็เพื่อป้องกันตัวเองจากอาหารตรงหน้า เจ้าค้างคาวจึงจ้องมองอาร์คด้วยสายตาต้องสงสัยขณะที่กินไป
“นะ-นี่ไม่เป็นพิษใช่ไหมเจ้านาย?”
“หรือจะให้ฉันทำอาหารมีพิษให้นายกินดี?”
“มะ-ไม่!”
เจ้าค้างคาวส่ายหัวอย่างรวดเร็วขณะที่เริ่มก้มหน้าลงไปยังหม้อ
ถัดมา อาร์คจึงทำอาหารแบบเดียวกันและเริ่มป้อนให้เจ้ากะโหลกกิน
ช่วงเวลาที่เขาอยู่โดดเดี่ยว ทำให้อาร์คตระหนักได้ถึงคุณค่าของสมุนปีศาจของตนเอง
แน่นอนว่าเขาคงไม่หยุดป้อนอาหารพวกมัน ในเมื่อเขาต้องการให้พวกมันเติบโตขึ้น แต่เขาก็คิดว่าสมควรมีท่าทีเป็นมิตรกับพวกมันให้ดียิ่งขึ้น
คุณธรรมที่ผุดขึ้นในใจของอาร์คทำให้เขาได้รับข้อมูลที่ไม่คาดคิด
=====
สมุนปีศาจที่รับรู้ได้ถึงความจริงใจของผู้อัญเชิญ ค่าความภักดีเพิ่มขึ้น 1 ค่าสถานะเสน่หาเพิ่มขึ้น 1
=====
‘ค่าความภักดีเองก็เพิ่มได้ด้วย!’
อาร์คได้รับการแจ้งถึงความเปลี่ยนแปลงค่าความภักดีของสมุนปีศาจ
เจ้ากะโหลกไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่เจ้าค้างคาว ถ้าหากเขาให้อาหารมันอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ค่าความภักดีจะลดลงไปทีละน้อย ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น มันจะทำให้เจ้าค้างคาวไม่ฟังที่เขาพูดและเริ่มต่อว่า จนกระทั่งถึงตอนนี้มันไม่เคยเพิ่มขึ้นเลยสักครั้ง
‘ดูเหมือนว่าจะเป็นอิทธิพลของค่าสถานะใหม่อย่างค่าความเสน่หาด้วยสินะ’
อาร์คกำลังทำความเข้าใจกับสถานการณ์
ค่าสถานะเสน่หาเป็นเขาได้รับจากใช้งานเยียวยาปาฏิหาริย์สำเร็จ!
จนกระทั่งถึงตอนนี้ อาร์คยังคิดไม่ออกว่าค่าสถานะนี้ใช้ทำอะไร มันไม่ได้ช่วยอะไรในด้านการตีสนิทกับเอ็นพีซีในหมู่บ้าน แต่เขากลับได้รู้ถึงจุดประสงค์ของค่าสถานะนี้อย่างไม่ทันคาดคิด
นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด ความชำนาญของทำอาหารเพื่ออยู่รอดยังเพิ่มขึ้นอีก 1 หน่วยเมื่อเมนูอาหารจานใหม่ถูกปรุงขึ้น ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นไปอีก 4
อาหารที่ทำให้ผู้อื่นนั้นมีความหมาย ในเมื่อเขาทำเพื่อแสดงความเสียใจต่อสมุนปีศาจของตน โบนัสความชำนาญจึงทำงานจนมีผลลัพธ์เช่นนี้
‘แนวความคิดก็มีผลโดยตรงต่อเกมด้วย’
มันเป็นข้อเท็จจริงที่ง่ายดายแต่เขากลับลืมเลือนมันไปนานแล้ว
“หึหึหึ ดูเหมือนในที่สุดเจ้านายก็เห็นค่าพวกเราแล้วสินะ”
หลังจากที่เป็นมิตรขึ้นมาบ้าง ในที่สุดเจ้าค้างคาวก็เริ่มเผยความโอหัง แต่อาร์คที่คิดถึงพวกมันมาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจึงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป
“แล้วก็นะ ฉันอยากจะบอกอะไรเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มออกไปสู้กันอีกครั้ง”
“อะไรกันละนั่น?”
“ฉันจะคิดให้รอบคอบขึ้น แต่ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้พวกเราสู้กันมักง่ายเกินไป จนกระทั่งครั้งที่ผ่านมามันเกิดปัญหาขึ้นเพราะสู้กับมนุษย์สุนัข นับตั้งแต่นี้ไป พวกเราต้องร่วมมือซึ่งกันและกัน มันจะช่วยให้พวกเรารอดชีวิตได้มากขึ้น”
“ร่วมมือซึ่งกันและกัน? เจ้านายหมายความว่ายังไง?”
“ที่จะพูดนี่เป็นแค่ข้อสมมติฐานการกระทำที่อาจเกิดขึ้นนะ ในการต่อสู้นั้นไม่มีเวลาให้ประเมินผลสถานการณ์มากนัก เพราะงั้นการออกคำสั่งกำกับทุกการกระทำนั้นมันไม่มีเวลาพอให้ทำหรอก”
นี่คือสิ่งที่อาร์คคิดขึ้นมาหลังจากที่เตร่อยู่กว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง
อาร์ควางแผนการอย่างเป็นรูปแบบเอาไว้สำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้า ในการต่อสู้ เขาไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งทุกการกระทำ เจ้าค้างคาวและกะโหลกจะสามารถตัดสินใจจากสถานการณ์ด้วยตัวของพวกมันและเคลื่อนไหวได้
นี่เป็นวิธีการที่นิยมใช้กันในเกมออนไลน์ประเภท FPS*
*ผู้แปล : เกมยิงในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง*
“ขอรับ ขอรับ เข้าใจแล้ว เจ้านายชาญฉลาดยิ่งนัก” เจ้าค้างคาวส่งเสียงดังออกมา
อาร์คคล้ายเมินเฉยและเริ่มพูดต่อ
“ถ้าหากมันมีอะไรผิดพลาดหรือยุ่งยากนับตั้งแต่เริ่ม ก็จะมีสี่วิธีสำหรับการรับมือ อย่างแรกคือเพ่งเล็งศัตรูที่ฉันกำลังพัวพันอยู่ นี่คือแผน A และหากฉันต่อสู้อยู่กับตัวนึง พวกนายก็ไปดึงความสนใจจากตัวอื่น นี่คือแผน B และถ้าเจ้ากะโหลกต่อสู้ร่วมกับฉัน เจ้าค้างคาวให้ไปล่อตัวอื่นออกไปให้ห่าง นี่คือแผน C และสุดท้าย แผน D คือสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้หยุดทุกการกระทำและหลบเลี่ยงการโจมตีของศัตรูพร้อมทั้งหาทางรอด ทั้งหมดนี่เข้าใจไหม?”
“รับทราบ ข้าชอบแผน D นะ”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก
ทั้งเจ้าค้างคาวและกะโหลกต่างเผยความสนใจขณะพยักหน้าออกมา
“เอาล่ะ มาลองฝึกด้วยการต่อสู้จริงเลยก็แล้วกัน!”
โดยทันที อาร์คออกนำสมุนปีศาจและเริ่มการออกล่า ในช่วงเริ่มต้น ศัตรูของพวกเขาเป็นพวกหมาป่ามากัลป์ที่รับมือได้ง่าย หรือไม่ก็เสือเบงกอล
“แผน B!”
ขณะที่อาร์คตะโกน ทั้งเจ้าค้างคาวและกะโหลกต่างพุ่งออกไปหลอกล่อความสนใจของมอนสเตอร์อีกตัว
ในขณะเดียวกัน อาร์คจะโจมตีมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่เพื่อลดจำนวนลง จากนั้นเมื่อมอนสเตอร์เหลือเพียงแค่ตัวเดียว เขาจะทำการปิดฉากมันเสีย
“แผน A!”
เจ้าค้างคาวและกะโหลกที่หนีไปมาอยู่นั้นฉับพลันเข้าโจมตีมอนสเตอร์อย่างกะทันหัน
วิธีการนี้จะทำให้เขาสามารถเปลี่ยนคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว และประสบกับผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แน่นอนว่ามันต้องมีข้อผิดพลาดบ้างในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่ลองใช้รูปแบบที่กำหนด เจ้าค้างคาวมีประสาทอันเฉียบคม แต่เจ้ากะโหลกนั้นมีความเข้าใจเพียงน้อยนิด ในบางครั้ง มันก็ทำให้จังหวะโดยรวมช้าลงไปบ้าง นอกจากนี้ ในเมื่อแผนการของพวกเขาเป็นไปอย่างเรียบง่าย บ่อยครั้งที่สถานการณ์มันจะยากเกินกว่าที่สมุนปีศาจจะสามารถรับมือ
แต่ละครั้งที่เกิดขึ้น เขาจะมอบบทลงโทษโดยการป้อนอาหารเข้าปากให้กับสมุนปีศาจ
“การทดลองอาหารเช่นนี้ไม่นับว่าถูกต้อง!”
“อั่ก! อุตส่าห์คิดว่าเจ้านายจะดีขึ้นบ้างแล้ว!”
กะ-กรั่ก กะ-กะ-กะ-กรั่ก!
สมุนปีศาจสีหน้าคล้ายซีดเผือดเพราะโดนสภาวะวิกฤตเข้าไปหลายครั้ง ทว่า ในเมื่อพลังชีวิตสูงสุดของพวกมันเริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อย พวกมันจึงยังคงมีชีวิตอยู่ และแม้ว่าจะมีโอกาสเพียงน้อยนิด หากเมื่อพบอาหารที่ทำให้สมุนปีศาจสามารถเพิ่มค่าสถานะได้ พวกมันก็จะยิ่งมั่นคงมากขึ้น
อาร์คยังคงขันแข็งที่จะสอนบทเรียนให้กับสมุนปีศาจ ด้วยการหาโอกาสเท่าที่เป็นไปได้สอนย้ำฝึกการต่อสู้ เมื่อถึงจุดหนึ่งพวกมันก็จะเริ่มดีขึ้นไปทีละเล็กละน้อย
ด้วยความหวาดกลัวต่ออาหารของพวกมัน สมุนปีศาจทำอย่างดีที่สุดเท่าที่ความทรงจำของมันจะช่วยได้และนำเอากลยุทธ์ที่ฝึกออกมาใช้ เนื่องจากเขาใช้ทักษะเยียวยาได้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ของมันจึงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ความจริงที่ว่าทักษะที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้สามารถใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดนั้นก็เพราะวิธีการใช้ของพวกมัน นับได้ว่าเป็นเสน่ห์ของนิวเวิร์ลด์
ขณะเดียวกัน ทักษะเรียกสมุนปีศาจของอาร์คก็พัฒนาขึ้นเช่นเดียวกัน
“แผน D!”
กระทั่งในการต่อสู้ การที่เขาออกคำสั่งได้อย่างรวดเร็วทำให้มีเวลาพอตรวจสอบพลังชีวิตของสมุนปีศาจ อีกทั้งเมื่อสมุนปีศาจหนีอย่างสุดตัวเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เสี่ยงชีวิต เขาจะยกเลิกการอัญเชิญเพื่อสร้างโอกาสขึ้นมา
ถ้าหากพวกมันโดนบังคับเรียกตัวกลับ อาร์คจะต้องรับความเสียหาย 50% ของพลังชีวิตทั้งหมดของสมุนปีศาจ อีกทั้งยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกพวกมันออกมาใหม่เป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ถ้าหากอาร์คยกเลิกการอัญเชิญนั่นก็หมายถึงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้
อีกทางหนึ่ง เมื่อเป้าหมายที่ไล่ล่าอย่างสมุนปีศาจหายตัวไป มอนสเตอร์นั้นจะมึนงงไปชั่วขณะ
เมื่อสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ดาบของอาร์คจะสามารถฟาดฟันการโจมตีคริติคอลเข้าใส่ได้
เมื่ออัตราการรอดของสมุนปีศาจเพิ่มมากขึ้น กำลังใจในการต่อสู้ของพวกมันก็มีมากขึ้น
“เจ้านาย ถ้าเป็นแบบนั้น หลังจากที่ข้าพุ่งตัวเข้าไปก็ยกเลิกการอัญเชิญเป็นยังไง? ไม่ใช่ว่าเจ้านายสามารถอัญเชิญอีกครั้งได้ทันทีเลยหรือไร? ถ้าเจ้านายจะโยนเจ้ากะโหลกไปก็ทำแบบเดียวกันได้ พลังจิตวิญญาณของเจ้านายยังไงมันก็เต็มหลอดอยู่แล้ว เพราะงั้นยังไงเจ้านายก็สามารถใช้มันครั้งหนึ่งในทุกการต่อสู้ได้”
ครั้งนี้ เจ้าค้างคาวเผยความฉลาดของมันที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเพราะอาหารที่กินไป มันกำลังแนะนำในสิ่งที่มองแล้วว่าคุ้มจะกระทำ
‘นี่มันจะน่ารักเกินไปแล้ว!’
กลยุทธ์ของเจ้าค้างคาวนับว่ามีประสิทธิภาพ ยามที่มอนสเตอร์โผล่ออกมา อาร์คจะคว้าและโยนเจ้ากะโหลกไปยังจุดอ่อนของศัตรูในช่วงเวลาที่ใช้เนตรแห่งแมว การโจมตีคริติคอลมันให้ผลลัพธ์อย่างดีเยี่ยม! ต่อมา อาร์คจะรีบยกเลิกการอัญเชิญก่อนที่มอนสเตอร์จะทันได้โจมตีเจ้ากะโหลก จากนั้นเขาก็จะอัญเชิญอีกครั้งและเจ้ากะโหลกก็จะกลับมาอยู่ข้างอาร์ค
มอนสเตอร์นั้นไม่อาจเข้าใจกับแผนการตามสถานการณ์จนเกิดความลังเล จากนั้น เมื่อใช้งานแผน C B และ A สลับกันไป มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แผน D
ต้องขอบคุณที่อาร์คและสมุนปีศาจพยายามกันอย่างหนัก พวกเขาร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์ หลังผ่านการออกล่าด้วยวิธีการนี้มาสองวัน อาร์คที่เลเวลเพิ่มขึ้นจึงเข้าไปยังพื้นที่ของพวกมนุษย์สุนัขอีกครั้ง
“อู๋ว เป็นมนุษย์”
“มนุษย์ช่างขวัญกล้า บังอาจเข้ามาถึงพื้นที่เรา”
“พวกเราเริ่มแผน C ได้!”
ทั้งเจ้ากะโหลกและค้างคาวต่างพุ่งออกไปตามคำสั่งของอาร์ค
ขณะที่สมุนปีศาจล้อมพื้นที่เอาไว้อย่างรวดเร็วและเริ่มเบี่ยงเบนความสนใจของมนุษย์สุนัขมือธนู อาร์คจึงสามารถใช้คมดาบแห่งความมืดจัดการมนุษย์สุนัขนักรบไปได้ จากนั้นเขาจึงยกเลิกอัญเชิญเจ้ากะโหลกที่ตกอยู่ในอันตราย และเริ่มพุ่งตัวเข้าหามนุษย์สุนัขมือธนูพร้อมทั้งเรียกเจ้ากะโหลกออกมาในคราวเดียว ระหว่างที่เขาโจมตีมนุษย์สุนัขมือธนูอยู่นั้น เจ้าค้างคาวกำลังบินต่ำท่ามกลางต้นไม้ขณะหลบเลี่ยงลูกธนู
อาร์คที่ต้องการกำจัดมนุษย์สุนัขมือธนูจึงโรมรันการโจมตีเข้าใส่ จากนั้นจึงอัญเชิญเจ้ากะโหลกออกมาอีกครั้งขณะเปลี่ยนแผนการ
“แผน A!”
อาร์คและสมุนปีศาจสองตัวพุ่งเข้าใส่มนุษย์สุนัขมือธนูพร้อมกัน
การต่อสู้กับมนุษย์สุนัขมือธนูนั้นให้ความรู้สึกว่ารับมือง่ายกว่าแต่ก่อนอยู่บ้าง ท้ายที่สุดแล้วมันก็ง่ายดายจนน่าเบื่อ การต่อสู้หลังจากนั้นล้วนเป็นเช่นเดียวกัน
ตามปกติแล้วมนุษย์สุนัขจะออกเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มสามถึงสี่ตัว และมนุษย์สุนัขบางตัวจะออกนำพวกหมาป่ามากัลป์ เช่นเดียวกัน พวกมันเองก็มีความฉลาดอยู่บ้าง บางครั้งพวกมันจะรอคอยก่อนจากนั้นจึงค่อยออกจู่โจม
ในบางครั้ง พวกมันที่บาดเจ็บจะเรียกพวกที่อยู่ใกล้เคียงมาร่วมสู้จนเพิ่มมอนสเตอร์เข้าไปถึงหกตัวด้วยกัน
ทว่า ด้วยกลยุทธ์ร่วมกับสมุนปีศาจที่เติบโตนั้นมีอัตราทัดเทียมได้กับกองกำลังรบพิเศษของเกาหลีเลยทีเดียว
แม้จะเรียกพวกมันว่ากองกำลังรบพิเศษสมุนปีศาจก็ไม่อาจพูดได้ว่าเกินเลย ต้องขอบคุณเรื่องนี้ พวกมันที่ได้ประสบกับสถานการณ์หลากหลายจะทำให้กลยุทธ์ที่พวกมันใช้พัฒนายิ่งขึ้น และจะสามารถได้รับชัยชนะโดยไม่ยากเย็นเกินไป
มันส่งผลให้กลยุทธ์มีการยืดหยุ่นเกิดขึ้น
หลังจากตระเวนออกไปกำจัดกลุ่มมอนสเตอร์ ค่าประสบการณ์ที่เขาได้รับก็เพิ่มขึ้นไปได้ด้วยดี ยามที่เขาได้มาอีกเลเวลหนึ่งนั้น อาร์คจึงตรวจสอบหน้าต่างข้อมูลของตนเอง
“หน้าต่างสถานะ!”
=====
ชื่อตัวละคร : อาร์ค
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
แนวโน้ม : ความดี +50
ชื่อเสียง : 480
เลเวล : 45
อาชีพ : ผู้เดินทางแห่งความมืด
ฉายา : อัศวินแห่งแมว, ผู้เยียวยา
พลังชีวิต : 905
พลังมานา : 480 (+110)
พลังจิตวิญญาณ : 100
พละกำลัง : 146
ความคล่องตัว : 186 (+17)
ความอดทน : 156
สติปัญญา : 25
ความฉลาด : 91
โชค : 36
ความยืดหยุ่น : 10
ศาสตร์แห่งการสื่อสาร : 5
เสน่หา : 11
ค่าสถานะพิเศษ ภูมิความรู้โบราณวัตถุ : 20
ผลจากอุปกรณ์สวมใส่
ดาบคมประกาย : ความเร็วโจมตี +5
ชุดเกราะหนังหนูหมีสีดำ : ความคล่องตัว +2, ภูมิต้านทานความหนาว +20
อุ้งตีนแมว : ความเร็วโจมตี +10%, ความคล่องตัว +15, อัตราการโจมตีคริติคอล +10%
หมวกคริสตัลโกเลม : พลังมานา +100
*ทุกความสามารถเพิ่มขึ้น 20% ในความมืด
*สามารถหลบซ่อนร่างกายในความมืด ระยะเวลาส่งผล 10 นาที ยกเลิกหากเข้าสภาวะต่อสู้
*ภูมิต้านทานความกลัว ความมืด ตาบอด และคาถาเสน่ห์เพิ่มขึ้น 50%
*ท่านสามารถนำความสามารถแท้จริงออกมาจากอุปกรณ์ทุกชนิดได้
=====
อาร์คลงแต้ม 30 จาก 50 ที่ได้รับมาจากเลเวลที่เพิ่มขึ้น 5 ระดับไปยังค่าความฉลาด ในช่วงแรกมันเป็นค่าสถานะที่เขาไม่คิดจะเพิ่มมันเลยแม้สักนิด เป็นเพราะตอนนั้นเขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังมานา แต่ในเมื่อเขาต้องใช้สมุนปีศาจ เขาจึงตระหนักได้ว่าตนขาดแคลนพลังมานาอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งว่าเขามีพลังมานาเพิ่มขึ้นมามากพอสมควรแล้ว มันก็ยังคงมีเพียงแค่ 480 กระทั่งว่าได้รับพลังมานา +100 มาจากหมวกคริสตัลโกเลม มันก็จะมีเพียงแค่ 580 หน่วยเท่านั้น
นอกจากนี้ ยามที่การต่อสู้ปะทุขึ้น หนึ่งสมุนปีศาจจำเป็นต้องใช้พลังมานา 1 หน่วยในทุกวินาที ดังนั้นแล้วสามร้อยวินาที หรือเท่ากับห้านาทีคือเวลาที่เขาจะใช้งานพวกมันได้เมื่อเริ่มการต่อสู้ โชคยังดีที่การต่อสู้ส่วนใหญ่จบลงภายใน 3 นาที
‘แต่นั่นก็ทำเอาเราใช้ทักษะอื่นไม่ได้เพราะสมุนปีศาจ’
สำหรับอาร์คแล้ว เนตรแห่งแมวและคมดาบแห่งความมืดเป็นทักษะที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ทว่าการใช้งานเนตรแห่งแมวต้องใช้พลังมานา 50 หน่วย และคมดาบแห่งความมืดต้องใช้พลังมานา 100 หน่วย
มันก็ยังถือว่าเยอะพอสมควรแม้ว่าจะใช้พวกมันในสภาพที่มีพลังมานาอยู่เต็มเปี่ยม ที่แย่ที่สุดคือ ในเมื่อเขาต้องคงสภาพการอัญเชิญสมุนปีศาจเอาไว้ หลายครั้งจะต้องพบกับสถานการณ์ยากลำบากที่ต้องใช้งานทักษะดังกล่าวแม้เพียงหนึ่งหรือสองครั้งก็ตาม เป็นเพราะทักษะของเขามีขีดจำกัดการใช้งาน ทำให้ความชำนาญในทักษะของเขาไม่อาจเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอาร์คถึงยอมลงทุนค่าสถานะ 30 หน่วยให้กับความฉลาด
อีกทั้งเขายังไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย
‘สมุนปีศาจคุ้มค่าที่จะใช้งาน’
ในสายตาของอาร์ค ขณะที่เขามองไปยังสมุนปีศาจ มันมีความรักเอ็นดูชนิดหนึ่งที่ไม่อาจเปรียบเปรยออกมาได้เกิดขึ้นต่อเขาเมื่อหลายวันก่อน
ความรู้สึกของเขาที่มีต่อสมุนปีศาจเริ่มดีมากขึ้น
‘แม้ว่าเจ้าพวกนี้จะทำงานได้ดี แต่ค่าสถานะของพวกมันไม่ง่ายเลยที่จะเอาไปใช้ต่อสู้ได้ ที่ต่อสู้ได้จนถึงตอนนี้เพราะประสบการณ์ของพวกมันที่เพิ่มขึ้นจนคล้ายกับผู้เล่น’
ในนิวเวิร์ลด์ การต่อสู้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ค่าสถานะ
ประสบการณ์ของผู้เล่นกับแนวคิดของพวกเขา พวกมันไม่อาจประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่พวกมันล้วนส่งผลต่อการต่อสู้
ถ้าหากมองเพียงแค่ค่าสถานะ เจ้ากะโหลกและค้างคาวยังไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ กระทั่งว่าให้ไปจัดการกับหมาป่าก็ยังไม่อาจรับรองผลได้ว่าจะสำเร็จ
แต่ประสบการณ์การต่อสู้ที่สั่งสมมาของพวกมันร่วมกับอาร์ค พวกมันจึงเริ่มเผยความสามารถออกมาจนเหนือกว่าตัวเลขเหล่านั้น
พวกมันกลายเป็นสหายที่เชื่อถือได้!
‘แต่ว่า ประสบการณ์การต่อสู้เป็นสิ่งที่คลุมเครือ มันจะผันแปรไปตามสถานการณ์หนักเบา และเพื่อรับรองว่าจะสำเร็จผล พวกมันยังไงก็ต้องมีค่าสถานะที่เพิ่มขึ้น’
ดังนั้นแล้ว อาร์คจึงเริ่มลงทุนลงแรงไปกับการรวบรวมวัตถุดิบมากเสียยิ่งกว่าการออกล่าเพื่อทำอาหาร มันคือวิธีการเดียวที่จะยกระดับความสามารถของสมุนปีศาจได้ แต่ว่า สมุนปีศาจต้องให้ความร่วมมือด้วย มันออกจะยากไปสักหน่อย
“คิคิคิ ว่าไงเจ้านาย? ที่รอดมาได้ก็เพราะข้าใช่ไหม?”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก กรั่ก
หลังจากเจ้าค้างคาวยกยอ เจ้ากะโหลกเองก็ไม่แพ้ที่จะส่งเสียงขอแบ่งปันความดีความชอบ
นี่ก็เป็นปัญหา เจ้าค้างคาวและกะโหลกต่างมีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด เช่นนั้นแล้วพวกมันย่อมต้องไม่ยินยอมที่จะกินอาหารเป็นแน่
มันคงไม่ดีแน่หากเขาจะฝืนให้อาหารพวกมันโดยไม่ตระหนักให้ดีจนไปลดค่าความภักดีเข้า หากเจ้าค้างคาวและกะโหลกไม่ช่วย อาร์คก็คงหมดท่า แต่ก็อีกนั่นแหละ พวกมันจะไม่เจริญเติบโตหากเขาไม่ให้อาหารพวกมันกิน
เทียบส่วนได้ส่วนเสียแล้วมันก็ยังทำเอาเขาปวดหัว
แต่ว่า เขาต้องให้รางวัลและลงโทษอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเจ้าค้างคาว หากค่าความภักดีของมันต่ำลงอาจส่งผลให้หนีจากการต่อสู้ ช่างเป็นระบบที่เรื่องมากนัก แต่ก็อีกนั่นแหละ มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอาร์คถึงยิ่งมายิ่งติดพันกับสมุนปีศาจเหล่านี้
“ฮึ่ม! เจ้านายไม่คิดพูดอะไรเลยหรือไง? หรือเจ้านายถึงกับพูดอะไรไม่ออก?” เจ้าค้างคาวบินสะบัดปีกของมันขณะที่กล่าวคำออกมา
“อย่าไร้สาระน่า ก็แค่ช่วยปัดป้องการมองเห็นเอง”
“แล้วที่รอดมาได้ต้องขอบคุณใครกัน?”
“ฉันหลบเองได้ต่อให้ไม่มีแกก็ตาม”
“มะ-ไม่ คงไม่ใช่ว่าเจ้านายคิดที่จะให้อาหารพวกนั้นกับเราอีกใช่ไหม”
“บางทีมันก็อร่อยนะ”
“หนึ่งในสิบล่ะไม่ว่า!” เจ้าค้างคาวร้องเสียงหลง
“หืม? คิดต่อต้านใช่ไหม? ว่ายังไงนะ?”
“มะ-ไม่ ข้าเป็นสมุนปีศาจที่ดีนะ!”
“เงียบแล้วเอาอาหารนี่ไปกิน”
นี่มันอะไรกัน เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกลบเกลื่อนไป
ไม่นาน เจ้าค้างคาวที่กินอาหารเข้าไปก็ร่างกลายเป็นอัมพาตจนแข็งทื่ออยู่กับพื้น
เจ้ากะโหลกที่หลบเลี่ยงการใช้ร่างกายพิสูจน์ไปได้ต้องขอบคุณความเสียสละของเจ้าค้างคาว มันลิงโลดกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น
“เจ้านาย... เป็น... คนไม่ดี...”
“ไม่ได้ทำเพราะชอบหรอกน่า ทั้งหมดนี่ก็เพื่อตัวแกนะ” อาร์คกล่าวโต้ขณะหลบเลี่ยงสายตา
ทุกสิ่งน่าพึงพอใจยกเว้นก็แต่สิ่งหนึ่ง ตอนนี้ไข่ใต้พิภพยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าหากจำนวนสมุนปีศาจของเขาเพิ่มขึ้นอีก มันก็ต้องมีประโยชน์มากขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ทุกครั้งที่เขาป้อนอาหารให้เจ้าไข่ หลายครั้งที่มันสั่นราวกับสะท้านจากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ
“หรือต้องลองแบบขั้นตอนการฟักไข่...” อาร์คกล่าวพึมพำขณะเลียริมฝีปาก
ทุกครั้งที่เขาให้อาหารมันจนถึงจุดหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันจะทำอะไรที่คล้ายกับจะฟักออกมา แต่กระทั่งว่าเจ้าค้างคาวและกะโหลกมีค่าสถานะเพิ่มขึ้นมาจำนวนหนึ่งแล้ว เจ้าไข่ก็ยังคงเป็นไข่ อีกทั้ง เขายังไม่อาจตรวจสอบได้ว่าอาหารที่ให้ไปมันส่งผลอะไรกับเจ้าไข่บ้าง ในเมื่อมันมีข้อจำกัดทางด้านวัตถุดิบการทำอาหาร เขารู้สึกเสียดายยามที่ต้องป้อนมันให้เจ้าไข่กิน
“เอาล่ะ หวังว่ามันจะฟักออกมาได้แหละนะ”
กล่าวตามตรง ครึ่งหนึ่งนั้นเขายอมท้อถอยไปแล้ว
“ที่สำคัญกว่านั้นคือ เราควรไปหาหมู่บ้านบ้างแล้ว”
อาร์คคว้าเจ้าค้างคาวที่โดนสถานะอัมพาตเอาไว้และลุกขึ้น
* * *