GOR บทที่1 ก้าวไปข้างหน้าและรับความตาย
GOR บทที่1 ก้าวไปข้างหน้าและรับความตาย
ผู้แปล : ราตรีสีเทา
ปรับสำนวน : ราตรีสีเทา
ตรวจคำผิด : ราตรีสีเทา
“ก้าวไปข้างหน้าและรับความตาย!”
“ฉันไม่ได้มีเพื่อนเยอะแยะอะไร มีแค่นายคนเดียว ถ้านายตายไป ฉันคงไม่มีความสุขนัก”
…
หลังจากปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอน ในขั้นสุดท้ายด้วยแป้นพิมพ์แล้ว เฉินเซียวเหลียน ยกหัวของเขาขึ้นและนวดขมับด้วยความอ่อนล้า
ภายในห้องรอเครื่องบินสำหรับ VIP พนักงานบริการซึ่งสวมเครื่องแบบที่สวยงาม เทกาแฟอย่างเบามือ ให้กับแขกเหรื่อที่นั่งรอ
นี่เป็นสนามบินภายในเมืองท่องเที่ยวของประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เฉินเซียวเหลียนบิดขี้เกียจ หลังจากที่เพิ่งพิมพ์นิยายเสร็จไป1ตอน เขาคิดอยู่ครู่นึง และพิมพ์อย่างรวดเร็วในส่วนของความคิดเห็น ที่โหยหาตั๋วรายเดือน*
(*การขอรับตั๋วแบบรายเดือนเป็นระบบส่วนหนึ่งของเว็บโนเวลในประเทศจีน ซึ่งเป็นข้อมูลรายเดือนที่ทำเป็นรูปแบบของการเปิดรับเป็นสมาชิก)
เหลือบมองไปที่ส่วนบทวิจารณ์หนังสือ เขาพบกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการบทต่อไปเร็ว ในขณะอีกส่วนนึง รุ่มสาปแช่งต่างๆนาๆ แต่เขาไม่ได้อัปเดชมันอย่างสม่ำเมออยู่แล้ว ยังจะมีหน้ามาถามหาถึงตั๋วรายเดือน นี้อะไร ผู้เขียนกระเจี๊ยวเล็ก... อ่า...
เขารีบออกจากเว็บไซต์ ปิดแล็ปท๊อปและยัดมันลงกระเป๋า ในขณะนั้นเองเขาได้รับการเร่งเร้าให้ไปปลดทุกข์อย่างเร่งรีบ เขามองไปที่โทรศัพท์และเห็นว่ายังทัน เฉินเซียวเหลียนลุกขึ้น และในเวลาเดียวกันก็ถือกระเป๋าขึ้นมาด้วย เขามุ่งตรงสู่ห้องน้ำโดยการไป
เฉินเซียวเหลียน เพศชาย
สำหรับอาชีพของเขา... นักเขียนนิยายลงเว็บไซต์ ผู้เขียน นวนิยายแฟนตาซี ตัวเขามีชื่อเสียงในแวดวงนวนิยายในเว็บไซต์ออนไลน์ ในขณะที่เขาเขียนนิยายลงบนเว็บนั้น มันมีนิยายที่ได้รับความนิยมอย่างน้อยหนึ่งหรือสองเล่ม
เขาเองก็ได้รับค่าลิขสิทธิ์มาบางส่วนเช่นกัน
ฮึ่มม เมื่อพิจารณาจากอายุปัจจุบันของเขา มันไม่จำเป็นต้องใช้เงินอะไรมากมายเลย เช่นการคิดว่าชอบอะไรในตอนที่จะแต่งงาน มีลูก หรือซื้อบ้าน เรื่องเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างไกลออกไปในอนาคตสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม ในโปรไฟล์ออนไลน์ของเขา เขาได้อัปรูปที่ค่อนข้างตลกขึ้นไป มันเป็นเรื่องตลกสำหรับผู้อ่านที่ติดตามดู เขาเอาภาพของเพื่อนที่ตลกๆของเขาคนนึงมา ซึ่งตัวมันนั้นได้ส่งมาให้เขาเอง และทำให้มันกลายเป็นภาพประจำตัวของเขาไปโดยปริยาย มันเป็นภาพของชายวัยสามสิบปีที่หน้าขาวมีไขมันเป็นชั้นๆ รอบใบหน้าของเขา มันจึงทำให้หน้าเขาดูกลมๆ
ด้วยเหตุนี้ผู้อ่านและกลุ่มแฟนคลับของเขาทุกคน จึงคิดว่า เฉินเซียวเหลียนเป็นคนน่ารักในวัยสามสิบปี แฟนๆที่ใกล้ชิดกับเขา จะเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่า “ไขมันในเลือด” “ลุงไขมัน”
อย่างไรก็ตามในความจริงนั้น ...
…
ฮ๊า!
เฉินเซียวเหลียนพรมน้ำเย็นเข้าหน้า ก่อนจะเช็ดทำความสะอาด จากนั้นเขาจึงสังเกตเห็นภาพที่ปรากฏบนกระจก ใบหน้าที่เห็นได้ชัดว่ายังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ใบหน้าของเขาปรากฏความลึกลับออกมา เฉินเซียวเหลียนแสดงออกแปลกๆ บนใบหน้าของเขา
โดยมาตรฐานปกติของมังงะ เมื่อมองย้อนผ่านไปในกระจก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็น ‘วัยรุ่นสีดำขลิบ* ที่น่าสนใจในวัย16ปี’
(*สีดำขลิบหมายความว่าใครบางคนที่ดูดีและมีเมตตาภายนอก แต่ก็สามารถวางแผนอะไรบางอย่างที่มีความร้ายกาจภายในได้)
ความจริงเขาจะบอกว่าอายุของเฉินเซียวเหลียนนั้นไม่ไกลจากสิบหกปีมากนัก เขาอายุเพียงแค่สิบแปดปี ยังอยู่อีกห่างไกลที่จะรียกเขาว่า “ลุง”
ดังนั้น ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเหล่าแฟนๆหญิงสาวของเขา ในหมู่เธอผู้อ่านเหล่านั้นจะเรียกเขาว่า “ลุง” เฉินเซียวเหลียน รู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จที่ต้มตุ๋นคนอื่นๆ ได้
ใบหน้าของเขาอาจจะไม่ได้ดีนัก หากพิจารณามาตรฐานจากคำว่า ‘หล่อเหลา’ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการคำปลอบโยน ก็ยังสามารถพิจารณาได้จากคำว่า ‘สง่างาม’
ความสูงของเขาอาจถูกมองว่าเป็นข้อด้วย เมื่ออายุสิบแปดปีใหม่ๆ ความสูงเขาอยู่ที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ในระหว่างการแข่งขันบาสเกตบอลในโรงเรียน เขาสามารถทำได้แค่นั่งอยู่บนม้านั่ง เพื่อเป็นตัวสำรองได้เพียงแค่นั้น
หลังจากเช็ดน้ำออกจากใบหน้า เฉินเซียวเหลียน ขยับร่างกายของเขาในท่าทางการโยนบาสเกตบอล เขาโยนก้อนกระดาษทิชชูลงในถังขยะ
การเคลื่อนไหวของเขาตรงตามมาตรฐาน มันเป็นผลลัพธ์มาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักด้วยตนเอง แต่ช่างน่าเสียดาย มันได้มีปัญหาที่ความสูงของเขา ไม่งั้นเขาอาจจะไม่มีโอกาสเป็นนักบาสเกตบอลตัวจริง
อืมม หลังจากจบทริปนี้แล้ว มันคงแทบจะถึงเวลาที่โรงเรียนเปิดอีกครั้ง ถ้าเขาล้มเหลวในการคัดเลือกลงทีมบาสเกตบอล เขาก็ควรจะยอมแพ้ได้แล้ว นอกจากนี้ เขาเพียงแค่อยากจะถูกรายล้อมไปด้วยเชียร์ลีดเดอร์แค่นั้นเอง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นแค่นักบาสเกตบอลตลอดไป
มองดูเวลาอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่บ้างก่อนที่เครื่องบินจะขึ้น
ภายในห้องเก็บสัมภาระของสนามบินที่มีป้ายภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า ห้ามสูบบุหรี่ เฉินเซียวเหลียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และตรวจสอบWeChatของเขา ขณะที่กำลังจะเดินออกไป เขาก็ได้ยินเสียงของบทสนทนาที่มาจากทางเข้าห้องพักของนักบิน
“ฉันได้ยินมาว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงโค้ดเบต้าหรือ?”
“มันเป็นเรื่องจริง ดูเหมือนว่ามีการตั้งค่าใหม่ๆมากมาย เช่นตัวอย่างดันเจี้ยนที่เสร็จสมบรูณ์ ช่วงเวลาโค้ดเบต้าครั้งนี้ คงจะสนุกสนานน่าดู ผู้เล่นที่แข็งแกร่งมากๆ ถึงจะได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้”
“เฮ้อ มันดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก...”
เฉินเซียวเหลียนเดินออกจากห้องฝากสัมภาระ และเหลือบไปเห็นคนสวมเครื่องแบบกัปตันนักบินกำลังคุยกัน
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือความจริงที่ว่าทั้งสองคนกำลังพูดภาษาจีน ในประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ขนาดเล็กนี้ เกือบร้อยละ90 ของนักท่องเที่ยวเป็นชาวจีน อย่างไรก็ตามการหานักบินที่พูดภาษาจีนได้เป็นเรื่องยาก…
นอกจากนี้หัวข้อการสนทนาของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวกับเกมออนไลน์ มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเฉินเซียวเหลียน
โค้ดเบต้า... ตัวอย่างดันเจี้ยน... ผู้เล่น...
“ขอโทษครับ ขอทางหน่อย” เฉินเซียวเหยียนยิ้มแบบสุภาพ และแสดงความอายนิดๆ ในเวลาเดียวกัน
พวกเขาทั้งสองคนหลบทางให้เฉินเซียวเหลียน และในทันทีเขาตรงไปยังประตูทางเข้า
เฉินเซียวเหลียนที่เดินได้เดินไปเพียงสองก้าว เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนไล่เรียกจากด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อน คุณทำบางสิ่งตกไว้”
เขาหันศีรษะกลับไป เฉินเซียวเหลียนเห็นนักบินที่ดูบอบบางที่สุดกำลังก้มเก็บอะไรบางอย่างจากพื้น จากนั้นเขาก็ส่งให้เฉินเซียวเหลียน “บัตรขึ้นเครื่องของคุณ?”
เฉินเซียวเหลียนชำเลืองมองมันและเห็นว่ามันเป็นของเขาจริงๆ มันต้องหลุดออกไปเมื่อตอนที่เขาหยิบกระดาษทิชชู ออกจากกระเป๋าของเขาแน่ๆ
เขาพูดขอบคุณสองคำ แต่ขณะนั้นเองนักบินค่อยๆหรี่ตาแคบลง และจองไปที่เฉินเซียวเหลียน “เที่ยวบิน XX3307? ช่างน่าสนใจ...”
ถ้อยคำแบบนั้นคืออะไร?
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเซียวเหลียนบอกได้จากสัญชาติญาณความรู้สึกของเขาเลยว่า คนอื่นๆ กำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาที่แปลกๆ
“ผมสามารถพูดได้อย่างเดียวเท่านั้น... ขอให้คุณโชคดี”
นี่เป็นคำพูดคำสุดท้ายที่นักบินพูด หลังจากนั้นเขาก็บอกลาก่อนด้วยมือ และออกไปกับเพื่อนของเขาในทิศทางอื่น
น่าหงุดหงิดชะมัด!
เฉินเซียวเหลียนถลึงตามองไปยังหลังนักบิน
บริษัทสายการบิน จ้างนักบินของตัวเอง ในลักษณะที่ไม่ค่อยสนใจอะไรแบบวันนี้?
คนๆนั้นต้องมีปัญหากับสมองบางอย่าง ใช่ไหม? ฉันสงสัยว่าใครจะเป็นคนโชคร้ายที่ได้นั่งเครื่องบินที่นักบินคนนั้นขับ!
…
เหตุการณ์เล็กๆ แบบนี้ไม่ได้อยู่ในใจของเฉินเซียวเหลียนนานไปนัก เขาเดินกลับไปที่ห้องรอขึ้นเครื่อง เขาสั่งกาแฟมาอีกรอบ และเล่นเกมในมือถืออยู่สักพักนึง หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เฉินเซียวเหลียนเริ่มเดินไปยังห้องผู้โดยสารเพื่อขึ้นเครื่องบิน
ขณะที่เขาขึ้นเครื่องบิน เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่าในหมู่ลูกเรือที่ทักทายผู้โดยสารที่ปากทางเข้าเครื่องบิน ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก “ขอให้คุณโชคดี” ไอ้เกลอนั้น!
เฉินเซียวเหลียนรู้สึกตกใจแทบสิ้นสติ แต่ทว่าอีกฝ่ายเพียงยิ้มเท่านั้นและพยักหน้าต่อเขา หลังจากนั้น นักบินหันหน้าออกไปและมุ่งหน้าไปที่ห้องนักบิน
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้ให้คำแนะนำอย่างสุภาพกับเฉินเซียวเหลียน พาไปทางที่นั่งของเขา พื้นที่ในชั้นเฟิสร์คลาสกว้างมาก เขานั่งลงก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าเตะของเขา เฉินเซียวเหลียนหันไปหาพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและขอเบียร์แก้วนึง
เขามีอาการไม่สบายเล็กน้อยต่อเที่ยวบินในแต่ละครั้ง หรือที่เรียกว่าอาการเมาเครื่อง ด้วยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เขาหวังว่าจะสามารถทำให้หลับไปได้ หลังจากเครื่องขึ้น นั้นจะดีที่สุด
หลังจากที่เขาดื่มเบียร์ มีคนนั่งลงบนที่นั่งผู้โดยสารข้างๆเขา หลังจากที่เขยิบให้ผ่านไปเขาชำเลืองมองบุคคลนี้ เขาได้เห็นโลลิน้อยกับผมบ๊อบที่ถูกตัดสั้น... เธอดูประณีตและบริสุทธิ์ เธอมาพร้อมกับดวงตาเธอสีดำกลมโต เธอสวมกระโปรงสั้นสีฟ้าอ่อนขณะที่เธอนั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสาร ขาทั้งสองข้างของเธอแกว่งไปมาอยู่บนอากาศ อืมม สิ่งนี้มันบ่งบอกถึงความสูงของเธอ เมื่อเธอนั่ง ขาของเธอไม่สามารถถึงพื้นได้อีกแล้ว
โดยคำนึงถึงอายุของเฉินเซียวเหลียน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ใช่โลลิค่อน (นั้นสำหรับลุงใช่ไหม ฮี่ ฮี่)
เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าทำไมเด็กอายุดังกล่าว ถึงขึ้นเครื่องบินได้เพียงลำพัง นอกจากนี้ยังเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ
ตระหนักได้ว่าเฉินเซียวเหลียนมองมายังเธอ เด็กหญิงตัวน้อยหันมองเฉินเซียวเหลียน จากนั้นเธอก็พยักหน้าอย่างสุภาพในลักษณะที่ทำไปตามสัญชาติญาณ อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเธอก็ยังดูเย็นชา ราวกับว่าพยักหน้าเป็นเพียงมารยาทตามสัญชาตญาณเพียงเท่านั้น
หลังจากนั้นเธอดูเหมือนจะได้รับโทรศัพท์ เธอดึงโทรศัพท์ของเธอออกมาและพูดโทรศัพท์ด้วยเสียงเด็กๆ ของเธอ
“Unnie… Omo… Imnida…”[เป็นภาษาเกาหลีนะครับ ในส่วนนี้ผู้แปลไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่พอเข้าใจเป็นบางคำ “พี่สาว... โอ้คุณพระ... Imnida...” ใครรู้สามารถคอมเม้นได้นะครับ ]
เฉินเซียวเหลียน หัวเราะให้กับตัวเอง โลลิเกาหลี ...
ราวกับว่ารู้สึกตัวได้ ที่เฉินเซียวเหลียนมองมายังเธอ ดวงตาของเธอได้แสดงประกายแห่งความหนาวเหน็บออกมา เมื่อเธอเห็นใบหน้าสุดวัยรุ่นของเฉินเซียวเหยียนและระบุได้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนแก่ แต่ทว่ากำลังถือเบียร์อยู่หนึ่งแก้วแทน... ตาของเธอดูเหมือนจะแสดงร่องรอยของความดูถูกออกมา
โอ้ ฉันถูกดูหมิ่น
เฉินเซียวเหลียนหัวเราะเบาๆ เบนตาออกมา วางเบียร์ลงก่อนจะค่อยๆ พักผ่อน
เวลาต่อมาพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแจ้งบางอย่าง และเครื่องบินก็เริ่มค่อยๆ เคลื่อนไปตามทางวิ่ง หลังจากการสั่นสะเทือนรุนแรง เครื่องบินเริ่มขึ้นสู่ท้องฟ้า...
…
2ชั่วโมงต่อมา เฉินเซียวเหลียนตื่นขึ้นด้วยแรงสั่นสะเทือน ยื่นมือไปเลิกผ้าม่านออก เขามองไปรอบๆ ด้วยความสับสน และเห็นว่าดวงไฟเตือนเหนือศีรษะของเขาสว่างขึ้น
เกาหลีโลลิที่นั่งข้างๆเขาค่อนข้างสงบ เธอถือแก้วน้ำส้ม และดื่มมันหลังจากนั้น เธอสวมหูฟังรูปกระต่ายและกำลังฟังเพลง
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินใช้เสียงอบอุ่น และกลมกลืน เพื่อประกาศกับทุกคน ระบุว่าเครื่องบินอาจวิ่งเข้าไปในกระแสลมปั่นป่วนโปรดให้ทุกคนเข้าใจ และไม่อยู่ในสภาพตื่นตระตกใจ
ไม่น่าจะเป็นอะไรมั้ง เครื่องบินที่เข้าไปในสถานการณ์แบบนี้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่กี่นาที ความถี่ของการสั่นสะเทือนจากเครื่องบินดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น และขอบเขตของการสั่นสะเทือนก็ได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ผู้โดยสารกลายเป็นตื่นตระหนก
มองไปรอบๆ เฉินเซียวเหลียนพบว่าพนักงานตอนรับบนเครื่องบินในชั้นเฟิสร์คลาสคนนึง ได้นั่งประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว รัดเข็มขัดนิรภัยอย่างแน่นหนา...
เฉินเซียวเหลียนไม่สามารถทำอะไรได้ เขาเริ่มรู้สึกวิตก
จากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในชั้นเฟิสร์คลาสสองคน ในคนที่อายุเยอะกว่า และสันนิษฐานว่าอีกคนที่น่าจะเป็นหัวหน้า ยังคงใช้เสียงเกรี่ยกล่อม บรรเทาอาการหวาดกลัวผู้โดยสาร
สำหรับพนักงานที่มีอายุน้อยกว่านั้น... เขาเคยเห็นเธอเมื่อตอนที่เฉินเซียวเหลียนขึ้นเครื่องบิน เขาสังเกตเธออีกครั้ง เธอมีขาที่เพรียวบาง และตำแหน่งที่นั่งของเธอในปัจจุบัน เธอนั่งตรงข้ามกับเฉินเซียวเหลียน
เฉินเซียวเหลียนสามารถเห็นร่องรอยของความตื่นตระหนก และความหวาดกลัวได้จากดวงตาของพนักงานสาวอย่างเธอ
หัวหน้าพนักงานต้อนรับหญิงยังคงสงบ และใช้เสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบโยนผู้โดยสารต่อไป แล้วเธอพยายามแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรร้ายแรงที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เฉินเซียวเหลียนได้สังเกตเห็นขาของพนักงานที่กำลังพูดอยู่นั้น...
มันสั่น!
ถูกต้อง! พวกเธอสั่น!
บ้าที่สุด! แม้แต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็กลัวจนตัวสั่น!
แล้ว... แล้วปัญหาอะไรจะเกิดขึ้น!
เฉินเซียวเหลียนกำลังจะเป็นประสาท ในขณะนั้นเองมีเสียงดังเล็กๆออกมา แต่เขากลับไม่อยากรู้ว่ามันมาจากที่ไหน!
เครื่องบินสูญเสียพลังงาน และส่งเสียงกรีดร้องออกมาจากช่องระบายอากาศผู้โดยสาร
เห็นได้ชัดว่าเครื่องบินกำลังตกอย่างรวดเร็ว...
ถัดจากนั้นไม่นาน เสียงไม่น่าฟังมันก็ดังออกมาไม่หยุด ท่ามกลางเสียงรบกวนอันน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าของเฉินเซียวเหลียนได้ซีดขาวอย่างน่าหวาดกลัว ความแข็งแรงทั้งหมดภายในร่างกายของเขาดูเหมือนจะหายไป
เกาหลีโลลิที่อยู่ข้างๆ เขาเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว เธอกรีดร้องออกมาเป็นภาษาเกาหลี
ขณะที่เสียงดังลั่นกึงก้องดังขึ้นครั้งสุดท้าย เฉินเซียวเหลียนคิดครั้งสุดท้ายก่อนที่จะสูญเสียสติ ฉันไม่ต้องโชคร้ายจะได้ไหมห่ะ? ฉันอายุแค่สิบแปดปีเองนะเห้ย! ฉะ ฉันยังบริสุทธิ์อยู่นะโว้ย...ม่ายย! ฉันแค่เขียนนิยายเกี่ยวกับการสิงร่าง! นี่ฉันกำลังจะย้ายร่าง?!