บทที่ 47 การมอบหมาย
บทที่ 47 การมอบหมาย
ชายชรามองไปที่สร้อยข้อมือด้วยความโศกเศร้าก่อนจะมอบสร้อยข้อมือให้กับหลินเฟิง
“นี่คือ…”
หลินเฟิงไม่รู้ความตั้งใจของชายชราที่มอบสร้อยข้อมือให้เขาดังนั้นเขาจึงถือมันอยู่ในมือ
หลังจากฟังชายแก่หลินเฟิงรู้สึกลำบากใจในสถานะปัจจุบันชายชราคนนี้ถึงเวลาที่ต้องตายก่อนหลานชายของเขาดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่สามารถดูแลตัวเองได้
“ฉันรู้ว่าฉันเหลือเวลาไม่มากร่างกายของฉันไม่ไหวแล้วสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดก็คืออนาคตของหลานชายของฉัน”
ชายแก่พูดอย่างอ่อนแรงเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ยอมรับสร้อยข้อมือ
“พ่อแม่ของเทียนน้อยเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุยังน้อยฉันดูแลเขามาตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยให้ความสนใจกับเทียนน้อยเลยจากนั้นเมื่อฉันเกษียณและพอมีเวลาที่จะดูแลเขาโลกก็เข้าสู่ยุคเลวร้ายแล้ว”
เมื่อมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนชายชราดูเหมือนมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะพูด
“ตั้งแต่โลกเข้าสู่ยุคเลวร้ายความคิดของผู้คนก็เปลี่ยนไปเทียนน้อยยังขาดประสบการณ์เขาสามารถไปได้ไกลกว่านี้ถ้าเขามีคนคอยชี้นำทางและคอยปกป้องเขาแม้ว่าเขาจะมีศักยภาพที่จะเป็นนักล่าแต่ว่าเขาก็ต้องการเวลาในการเติบโต”
เรื่องศักยภาพการเป็นนักล่านั้นหลินเฟิงยืนยันตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว
ในเวลานั้นเมื่อหลินเฟิงได้พบเด็กชายเขารู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานบางอย่างแต่เขาไม่คาดคิดว่าเด็กชายตัวเล็กๆนี้อาจจะเป็นนักล่า
“ฉันต้องการให้คุณดูแลเทียนน้อยเพราะคุณเป็นคนดีมันคือความจริง”
“โลกในยุคเลวร้ายนี้จะมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องยากแต่ถ้าเทียนน้อยได้อยู่กับคุณฉันสามารถไว้ใจได้”
ชายชราพูดด้วยความจริงใจ
หลินเฟิงลังเลเขาไม่ได้กลัวคนเพิ่มภาระทางการอยู่กินเพราะเขามีซุปเปอร์มาเก็ตเขาเพียงแต่กลัวความปลอดภัยของเด็กชายแม้กระทั่งนักล่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรับประกันความปลอดภัยของเขา
“ถ้าฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วแล้วเด็กน้อยจะอยู่ตามลำพังแล้วตกอยู่ในอันตราย...”
ชายชราพูดได้ครึ่งหนึ่งก่อนจะไอสองครั้งและมองไปที่เพดาน
“ตกลงก็คุณไว้ใจผมผมก็จะดูแลเขา”
เดิมหลินเฟิง ต้องการจะปฏิเสธแต่เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง
หลินเฟิง คิดย้อนไปในอดีตปู่ของเขาก็คล้ายกับชายชราคนนี้หลินเฟิงไม่สามารถปฏิเสธชายคนนี้ได้
ในกรณีนี้เรียกว่าโชคชะตาแน่นอน
ชายชราคนนี้ไม่เจอหลินเฟิงบางทีเด็กน้อยคนนี้จะอยู่รอดในโลกที่ไร้ความปราณีอย่างไรแต่เนื่องจากหลินเฟิงจะพาเด็กชายมาไว้ในการดูแลของเขาเขาจึงสามารถช่วยเหลือเด็กได้
“เทียนน้อยเป็นเด็กดีเขาเชื่อฟังมาก”
ชายชรากล่าวถึงหลานชายอย่างมีความสุข
“ในช่วงเวลาที่ฉันกำลังทำงานอยู่เขียนน้อยอายุได้ 5 ขวบแล้วเขาก็เริ่มทำอาหารด้วยตัวเอง…..”
หลินเฟิงฟังชายชราเล่า
ชายชราชื่อหลิงหนานซาน หลานชายของเขาชื่อว่าหลิงเทียนพ่อแม่ของหลิงเทียนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้หลิงเทียนต้องมาอยู่กับปู่ของเขา หลิงเทียนไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆเขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
หลังจากเข้าสู่ยุคที่เลวร้ายชายชราก็ตระหนักได้ว่าหลิงเทียนมีศักยภาพในการเป็นนักล่าอัตราการรอดชีวิตของนักล่ามีมากกว่าคนทั่วไป แต่โชคร้ายก็ยังไม่หยุดหย่อนเมื่อชายชราพบว่าตัวเขาเองป่วยหนักแต่เดิมชายชราคนนี้รวยมากแต่เนื่องจากเข้าสู่ยุคเลวร้ายค่าของเงินก็ลดลงอย่างรวดเร็วขณะที่คริสตัลขาวมีค่ามากขึ้นทำให้ความมั่งคั่งของชายชราไม่มีผล
ชายชราอ่อนแอเกินกว่าที่จะล่าซอมบี้เพื่อคริสตัลขาวดังนั้นเขาจึงอยู่ในฐานและเก็บอาหารปันส่วนที่ฐานมอบให้เพื่อใช้ประทังชีวิต
หลิงเทียนอายุ 12 ปีเมื่อเขารู้ว่าปู่ของเขาเจ็บป่วยจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลิงเทียนก็ออกไปล่าซอมบี้เพื่อหาคริสตัลขาวเนื่องจากที่เขาเป็นนักล่าเขาจึงแข็งแรงกว่าผู้ใหญ่ปกติทั่วไปทำให้เขาสามารถหาคริสตัลขาวได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงหนานซานรู้เขาก็ห้ามไม่ให้หลิงเทียนออกล่าซอมบี้อีกเขาไม่ต้องการให้หลานชายของเขาตกอยู่ในอันตรายใดๆหลิงเทียนเป็นคนดื้อรั้นเขาชอบแอบออกไปนอกฐานเพื่อล่าและนำมาแลกอาหารแต่หลิงเทียนยังขาดประสบการณ์ไม่สามารถหลอกปู่เขาได้ในที่สุดหลินเทียนก็สัญญากับปู่เขาว่าจะไม่ออกไปล่าอีก
เรื่องนี้เป็นเวลานานมาแล้วก่อนที่ หลิงหนานซานอาการโคม่าจนไม่สามารถทำอะไรได้หลิงเทียนจึงหันมาเป็นขอทานเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับหลิงเฟิงและมอบคริสตัลขาวจำนวนมากให้
เขาใช้เงินที่หลินเฟิงให้เรียกรถพยาบาลและส่งหลิงหนานซานไปโรงพยาบาลหลังจากนั้นสภาพของหลิงหนานซานก็ดีขึ้นเขาสามารถมีสติรับรู้
หลิงหนานซานถามเกี่ยวกับสถานการทั้งหมดและเขาต้องการพบหลินเฟิง
“ตั้งแต่ที่คุณตกลงว่าจะดูแลเทียนน้อย โปรดยิมรับสิ่งนี้”
หลิงหนานซานมอบสร้อยข้อมือให้หลินเฟิง
เมื่อรับสร้อยข้อมือมาหลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะเขาคิดว่านี่คงเป็นของขวัญที่ชายชรามอบให้ในการดูแลหลิงเทียนสร้อยข้อมือลูกปัดทำจากไม้ที่ไม่รู้จักเมื่อถือไว้ในมือของเขาความรู้สึกค่อนข้างหนาแน่นสีดำลึกของไม้ดูเหมือนจะแผ่รังสีสีดำออกมามันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เครื่องประดับมีค่าน้อยกว่าบะหมี่สำเร็จรูป
เขาสวมกำไลข้อมือไว้ที่มือซ้ายจากนั้นชายชราก็เรียกหาหลิงเทียนประตูห้องพักถูกเปิดออก หลิงเทียนเข้ามาอย่างเงียบๆ
“ปู่ได้มอบเจ้าให้พี่ใหญ่หลินเฟิงเป็นคนดูแลจำไว้ว่าเจ้าต้องฟังคำพูดของพี่ใหญ่ถ้าไม่เชื่อฟังปู่จะกลับมาจากหลุมศพเพื่อนมาเฆี่ยนตีเจ้า”
คำพูดของหลิงหนานซานหนักแน่น
“เข้าใจแล้วครับ”
ตาของหลิงเทียนชุ่มไปด้วยน้ำตาขณะที่เขาพยักหน้า
เมื่อหลิงหนานซานเห็นหลิงเทียนยอมรับเขาก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก
“หลิงเทียน จำเอาไว้ ข้อมือมังกรจะถูกเก็บเอาไว้ เฉพาะเรื่องเป็นตายเท่านั้นมันจะถูกใช้งาน”
สร้อยข้อมือถูกเรียกว่าข้อมือมังกร เขาเดาว่านี้อาจเป็นมรดกสืบทอดของครอบครัว
หลังจากกล่าวจบตาของหลิงหนานซานก็ปิดลง
“ปู่!”
เมื่อเห็นการจากไปของชายชราหลิงเทียนตะโกนออกมาด้วยความโศกเศร้าขณะที่น้ำตาไหลออกมาจากตาของเขา
“ฉันเสียใจด้วย กับการที่สูญเสียปู่ของเธอไป”
จากสิ่งที่เกิดขึ้นหลินเฟิงสามารถปลอบใจหลิงเทียนได้เท่านั้นเขาไม่คาดคิดว่าเขาจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เมื่อเขากลับมาที่นี่
ตามหลักเกณฑ์ของฐานจางหลางเมื่อใดก็ตามที่มีคนเสียชีวิตพวกเขาจะถูกเผาในทันทีไม่มีใครอยากถูกฆ่าโดยคนที่รักเมื่อเขากลายเป็นซอมบี้
ด้านหลังของโรงพยาบาลเป็นโรงเผาศพเมื่อโทรหาหมอเพื่อตรวจสอบช่วงเวลาการตายร่างกายก็ถูกนำวางไว้บนรถเข็นหลินเฟิงและหลิงเทียนเดินตามรถเข็นไฟที่เผาศพในฐานคนตายทุกวัน หลินเฟิง เห็นสองแถวด้านหน้าเต็มไปด้วยศพที่พร้อมจะถูกเผา
ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมาเมื่อนำขี้เถ้าของหลิงหนานซานออกมาหลินเฟิงใช้คริสตัลขาว 10 เม็ดเพื่อซื้อโกศใส่ให้เหมาะสมในยุคที่เลวร้ายเมื่อคุณตายแล้วมันจะจบลงในโกศที่เป็นขี้เถ้าซึ่งถือว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย หลิงเทียนเก็บโกศของหลิงหนานซานไว้ในนาฬิกาของเขา
“หวอ!”
ขณะที่หลินเฟิงและหลิงเทียนกำลังเตรียมตัวออกจากฐานก็ได้ยินเสียงไซเรนขึ้น
“ฐานดงซันบุกแล้ว!”
เช่นเดียวกับตอนเจอฝูงซอมบี้ เจ้าหน้าที่ที่มีสัญลักษณ์ของฐานจางหลางกำลังตะโกนและสั่งการ