GE9 ตู่กู
Chapter 9 ตู่กู
ผ้าห่มหอม หมอนนอนอุ่น สองสิ่งช่วยให้เข้าสู่นิทราได้เป็นอย่างดี เมื่อถึงรุ่งสาง จื่อเฮ่อยังคงนอนหลับพร้อมด้วยสีหน้าเขินอายและพึงพอใจ
แม้ไม่เต็มใจ แต่หนิงฝานต้องหักใจไม่ปลุกนางจากนิทรา
เรื่องโอสถเปิดเส้นโลหิต คงต้องรอให้นางตื่นเสียก่อน
หลังจากที่ลูบไล้ใบหน้าเรียวบางและห่มคลุมนางด้วยผ้าห่ม หนิงฝานก็แต่งตันก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปอย่างแผ่วเบา ตรงไปยังลานน้ำแข็งและหยุดยืนอยู่ที่นั่นเงียบๆ
ด้วยการบ่มเพาะผสานกับจื่อเฮ่อเมื่อคืน พลังงานหยินของนางได้คลายออก ร่างทรงเสน่ห์ของนางได้รับการเติมเต็มทั้งยังทำให้หนิงฝานเปิดเส้นโลหิตได้อีก 2 เส้นในชั่วข้ามคืน
อีกเพียงเส้นโลหิตเดียวหนิงฝานจะบรรลุขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 2
ดูเหมือนร่างทรงเสน่ห์ของจื่อเฮ่อจะมีผลกับทักษะการแปลงหยินหยางเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่ยังคาดไม่ถึงคือจื่อเฮ่อก็สามารถเปิดเส้นโลหิตได้ 2 เส้นในชั่วข้ามคืนเช่นเดียวกัน การที่นางสามารถทะลวงจากคนธรรมดาไปเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 1 ทำให้หนิงฝานตกตะลึงอย่างที่สุด
เดิมทีการบ่มเพาะผสานคือการสละหยินเพื่อเติมหยาง ไม่ก็สละหยางเพื่อเติมหยิน พลังงานทั้งสองจะช่วงชิงแก่นพลังงานของกันและกัน แต่การแปลงหยินหยางคือการเพิ่มระดับพลังให้กับบุรุษและสตรีในเวลาเดียวกัน ดังนั้น ทักษะเช่นนี้จึงเป็นประโยชน์กับมนุษย์ทุกคน
ฝ่ายหนึ่งมีการแปลงหยินหยางและเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจ ส่วนอีกฝ่ายมีร่างทรงเสน่ห์แต่กำเนิดซึ่งเหมาะเป็นกระถาง คนทั้งสองนับว่าเหมาะสมกันอย่างที่สุด
“อีกเพียงเส้นโลหิตเดียวก็จะบรรลุขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 2 ข้าสงสัยนักว่าโอสถเปิดเส้นโลหิตจะช่วยให้ข้าไปได้ไกลถึงไหน?”
หนิงฝานนำขวดหยกที่ใส่ไว้บริเวณหน้าอกออกมา ภายในนั้นมีโอสถที่หนิงฝานปรุงด้วยตนเองบางส่วนอีกบางส่วนเป็นปีศาจเฒ่ามอบให้รวมทั้งหมด 70 เม็ด
หากเป็นคนทั่วไปย่อมใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนในการดูดซับโอสถ 1 เม็ด แต่หากมีโอสถมากกว่านั้น ระยะเวลาก็ยิ่งเพิ่มออกไป
แต่ด้วยเส้นโลหิตปีศาจโบราณของหนิงฝานจะช่วยในเขาสามารถดูดซับโอสถได้อย่างรวดเร็ว แต่หากอยากทราบผลคงพึ่งพาได้เพียงการทดลองด้วยตนเอง
หนิงฝานนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นก่อนทดลองกินโอสถเพื่อเฝ้าดูผลของมัน
เมื่อโอสถเข้าไปยังตันเถียน พวกมันก็แสดงผลในทันทีโดยการโคจรไปทั่วเส้นโลหิตก่อนถูกหนิงฝานดูดกลืนโดยสมบูรณ์ เพียงชั่วธูปไหม้หมดดอก หนิงฝานก็ดูดซับโอสถได้ถึง 1 เม็ด!
รวดเร็วมาก! เพียงชั่วธูปไหม้หมดดอกก็สามารถดูดซับโอสถเปิดเส้นโลหิตได้ทั้งหมด!
หนิงฝานตกตะลึง ตามตำรากุ่ยเชว่ ต่อให้เป็นผู้ครอบครองเส้นโลหิตปีศาจโบราณก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันในการดูดซับโอสถเปิดเส้นโลหิต แต่ด้วยเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจของหนิงฝานกลับดูดซับโอสถได้เพียงชั่วธูปไหม้หมดดอก นับว่ารวดเร็วกว่าผู้ครอบครองเส้นโลหิตปีศาจโบราณไม่รู้กี่เท่า
ช่างน่าเหลือเชื่อ!
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจของหนิงฝานทรงพลังยิ่งกว่าเส้นโลหิตปีศาจโบราณของคนทั่วไป?
แต่ความรู้สึกเช่นนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะถูกสกดด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆของหนิงฝาน
เส้นโลหิตปีศาจโบราณมักจะมีความสามารถพิเศษอยู่เสมอ
ผู้ฝึกตนที่ครอบครองเส้นโลหิตเพลิงโบราณจะมีความสามารถในการควบคุมเพลิงที่ทรงพลังและสามารถติดต่อกับเทพเพลิงเพื่อขอทักษะที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
ผู้ฝึกตนที่ครอบครองเส้นโลหิตสายฟ้าโบราณจะสามารถควบคุมสายฟ้าได้ ส่วนผู้ที่มีเส้นโลหิตปีศาจโบราณจะมีความสามารถที่น่าพิศวง
แต่ถึงอย่างนั้น เส้นโลหิตหยินหยางปีศาจของหนิงฝานกลับยังไม่แสดงความสามารถพิเศษใดๆออกมานอกเสียจากความเร็วในการบ่มเพาะ
อย่างน้อยที่สุดมันก็ช่วยให้ดูดซับโอสถได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย
หนิงฝานนำโอสถเปิดเส้นโลหิตออกมาอีกเม็ดแล้วเริ่มดูดซับ เพียงชั่วธูปไหม้หมดดอก เส้นโลหิตเส้นที่ 4 ก็เปิดออกสำเร็จ หมายความว่าหนิงฝานบรรลุขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 2 แล้ว!
โอสถ 1 เม็ดสามารถเปิดเส้นโลหิตได้ 1 เส้น! ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบว่าหนิงฝานบ่มเพาะได้รวดเร็วขนาดนี้
หลังจากใช้โอสถไป 7 เม็ด หนิงฝานสามารถเปิดเส้นโลหิตได้ทั้งหมด 9 เส้นและบรรลุไปยังขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 3!
หลังจากใช้โอสถไปจนครอบ 22 เม็ด หนิงฝานก็เปิดเส้นโลหิตได้ทั้งหมด 16 เส้นกระทั่งบรรลุขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 4!
เมื่อจำนวนเส้นโลหิตภายในร่างเพิ่มมากขึ้น โอสถเปิดเส้นก็จะมีผลกับร่างกายน้อยลง ซึ่งหมายความว่าต้องใช้โอสถมากขึ้นหากต้องการเปิดเส้นโลหิตใหม่
เมื่อใช้โอสถจนถึง 70 เม็ด หนิงฝานก็สามารถเปิดเส้นโลหิตได้ทั้งหมด 33 เส้นซึ่งเป็นจำนวนเส้นโลหิตที่เกินขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5!
ผู้ฝึกตนที่มีเส้นโลหิต 33 เส้นนับว่าบรรลุขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5!
หากเทียบกับขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 1 พลังของหนิงฝานนับว่าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ความแข็งแกร่งของหนิงฝานนับว่าเพิ่มพูนเป็นอย่างมาก
เวลาเคลื่อนคล้อยเกือบถึงยามบ่าย การบ่มเพาะของหนิงฝานสามารถบรรลุถึงขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5! ด้วยความเร็วระดับนี้เทียบกับเวลาที่ปีศาจเฒ่าให้ไว้ถึงครึ่งปี นับว่ารวดเร็วจนไม่อาจเทียบเคียงได้!
ความสามารถของเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจ แท้จริงแล้วคือความเร็วในการบ่มเพาะที่ท้าทายสวรรค์
หนิงฝานสูดหายใจลึก เขายกมือขึ้น เพลิงปีศาจลุกโชนที่นิ้วทั้ง 5 ราวกับบุบผา ยามนี้หนิงฝานสามารถใช้เพลิงปีศาจได้ตามใจปรารถนาแล้ว
เพียงมีโอสถเพียงพอให้เปิดเส้นโลหิตได้ทั้งหมด 100 เส้น หนิงฝานก็จะก้าวไปยังขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 10 ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ!
หากหนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณได้ เขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง ผู้สามารถเหยียบย่างอากาศและออกเดินทางไปทั่วโลกกระทั่งสวรรค์ได้!
“ถ้าข้าอยากช่วยหนิงกู่จากนิกายเทียนหลีโม่ อย่างน้อยข้าต้องบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ ขอบเขตที่ผู้ฝึกตนทั่วไปใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อไขว่คว้า แต่ข้านั้นต่างออกไป ข้ามีเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจทั้งยังครอบครองความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์… อีกไม่นานข้าจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ! หนิงกู่ รอข้าก่อน ข้าจะไปช่วยเจ้า เราจะกลับมาด้วยกัน!”
ขณะที่หนิงฝานคุยกับตนเอง ที่ด้านนอกกำแพงกลับปรากฏเสียงเย็นชาของสตรี
“นิกายเทียนหลีโม่ไม่ได้อ่อนด้อยขนาดนั้น ต่อให้เจ้าบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณแล้วจะเป็นอันใด? แม้เป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตประสานวิญญาณยังตกตายหากก้าวเท้าเข้าไปในนั้น… หรือต่อให้เป็นขอบเขตแก่นทองคำยังต้องเผชิญอันตราย แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้า ข้ากลัวว่าเจ้าคงจะช่วยน้องชายของเจ้าไม่ได้!”
แล้วเสียงฝีเท้าของสตรีนางนั้นก็ค่อยๆหายไป
นางเป็นใคร?!
หนิงฝานเร่งออกจากลานน้ำแข็งอย่างรวดเร็วก่อนเห็นเงาร่างสตรีที่อยู่ไกลออกไป
สตรีนางนั้นสวมใส่ชุดสีขาวเปลือยไหล่ที่งดงามได้รูป ผมดำขลับพริ้วไหวเมื่อต้องสายลม เอวคอดกิ่วเรียวบางราวกับโอบได้ด้วยแขนเดียว แต่หนิงฝานยังคงมองเห็นเพียงแผ่นหลังของนาง
เมื่อนางสัมผัสได้ว่าหนิงฝานไล่ตามหลังมา นางจึงชงักฝีเท้าก่อนหันมอง ผมทีี่มัดรวบของนางทิ้งตัวพริ้วไสวราวกับน้ำตก เรือนผมประดับด้วยดอกเหมยขับส่งให้มีกลิ่นหอมจาง แต่สีหน้าของนางกลับดูหยิ่งทะนงและเย็นชา
“ห้ามตามข้ามา!”
นางปฏิเสธหนิงฝาน สายตาที่เฉียบคมราวกับกระบี่ของนางจับจ้องหนิงฝานจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“แม่นางเป็นภูติผีหรือปีศาจ?”
สตรีนางนั้นเคลื่อนกายเข้าหาต้นท้อก่อนที่เงาร่างของนางจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หนิงฝานชงักฝีเท้าพลางจับจ้องต้นท้อ ขบคิดถึงตัวตนของสตรีนางนั้น
ที่ด้านล่างต้นท้อมีป้ายหลุมศพไม่ใหญ่นัก บนนั้นมีตัวอักษรที่งดงามสลักไว้พร้อมกับเจตจำนงค์กระบี่
‘ตู่กู’
ถัดจากป้ายหลุมศพไปมีศิลาสีฟ้าสูงสองจ้าง ที่ด้านบนของศิลาปรากฏรอยที่เกิดจากกระบี่ 3 รอย
รอยกระบี่ทั้ง 3 แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนิงฝานเดินไปยังศิลาก้อนนั้น หยุดยืน และครุ่นคิดอยู่นาน
แต่จู่ๆกลับปรากฏเสียงของสตรีดังมาจากป้ายหลุมศพ
“ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก! ศิษย์แห่งหานหยวนจี๋... เจ้ารู้มั้ยว่าการที่ยืนอยู่หน้าบ้านของข้ามันทำให้ข้ารำคาญเจ้ามาก?!”
“แม่นางเป็นคนทิ้งรอยกระบี่ทั้ง 3 ไว้หรอ?”
หนิงฝานยังไม่จากไป เขาหันมองรอยกระบี่อย่างสนใจก่อนกล่าวถาม
“เป็นข้าแล้วจะทำไม? เจ้าไม่มีวันเข้าใจมันหรอก… เจ้ามันศิษย์หานหยวนจี๋ เจ้ามัันเลวทรามต่ำช้า! รีบไสหัวไปได้แล้ว! ถ้าขืนเจ้ายังทำให้ข้าโกรธ ข้าจะตัดหัวของเจ้าซะ!”
ดูเหมือนนางไม่ชอบปีศาจเฒ่าเอามากๆ หนิงฝานส่ายหน้า สตรีนางนี้ดูราวกับภูติผีที่อาศัยอยู่ในป้ายหลุมศพ หรือนางอาจตกตายด้วยน้ำมือของปีศาจเฒ่า?
หนิงฝานไม่ทราบว่า นอกจากสตรีนางนี้จะมีอคติต่อปีศาจเฒ่าแล้ว นางยังพลอยเกลียดหนิงฝานไปด้วย
ป้ายหลุมศพของสตรีนางนี้อยู่ไม่ห่างจากห้องนอนของหนิงฝานมากนัก สองค่ำคืนที่ผ่านมา นางได้ยินเสียงร่วมรักของจื่อเฮ่อและหนิงฝานอย่างชัดเจน เสียงอันเร้าอารมณ์ของทั้งสองทำให้นางนอนไม่หลับทั้งคืนทั้งยังทำให้นางกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
ในความคิดของนาง หนิงฝานเป็นเพียงพวกบ้าตันหา ดังนั้นพวกบ้าตันหาเช่นหนิงฝานจึงไม่คู่ควรกับรอยกระบี่และไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ต่อหน้าป้ายหลุมศพ
“ฮึ่ม ที่มันยังอยู่ที่นี่ก็เพราะต้องตาความงดงามของข้า มันอยากครอบครองข้า แต่หากข้าไม่สนใจมัน อีกไม่นานมันก็เบื่อและจากไป”
เมื่อนางคิดได้เช่นนั้น นางก็ไม่กล่าวอะไรต่อจนทำให้ป้ายหลุมศพคืนสู่ความเงียบสงบ มีเพียงของเสียงของหิมะและสายลมเท่านั้นที่ยังได้ยิน
แต่ช่างโชคร้ายที่แม้นางจะไม่สนใจหนิงฝาน แต่หนิงฝานยังไม่จากไป
หนิงฝานยังคงยืนอยู่หน้าศิลาราวกับสมาธิทั้งหมดเพ่งอยู่กับรอยกระบี่ รอยกระบี่ทั้งสามดูราวกับมีพลังลึกลับที่ทำให้หนิงฝานไม่อาจคลาดสายตา
เมื่อจ้องมองรอยกระบี่ หนิงฝานรู้สึกราวกับได้เห็นสตรีผู้ห้าวหาญ เรือนผมประดับไว้ด้วยดอกท้อ นางกำลังร่ายรำกระบี่ท่ามกลางหิมะอย่างงดงาม
ท่วงท่าของนาง ยามแรกสดใสเกินพรรณนา แต่ต่อมากลับลึกล้ำเกินหยั่งถึง
ผ่านไปนาน จู่ๆหนิงฝานกลับยื่นมือไปสัมผัสรอยกระบี่ที่อยู่บนศิลาสีฟ้า
การกระทำของหนิงฝานอยู่เหนือความคาดหมายของสตรีนางนั้น ทำให้นางอุทานขึ้นในทันที
“เจ้าจะจับรอยกระบี่นั่นไม่ได้! หยุดมือของเจ้าเดี๋ยวนี้! ถ้าเจ้าแตะมันข้าจะฆ่าเจ้า!”
รอยกระบี่ทั้งสามนั่นเกี่ยวข้องกับคำสาบานของนาง ดังนั้นนางย่อมไม่อาจยอมให้บุรุษสัมผัสได้โดยง่าย!
“ก็ได้… ไม่แตะก็ได้!”
หนิงฝานขมวดคิ้วพลางถอนมือกลับก่อนจะหันกายจากไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างกับสตรีนางนั้น
แม้นางจะงดงามมาก แต่นิสัยของนางกลับพิศดาร ตู่กู...ตู่กู… หรือตัวอักษรทั้งสองคือชื่อของนาง? ชื่อของนางฟังดูโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง
หนิงฝานเพียงอยากสัมผัสรอยกระบี่เพื่อซึมซับเจตจำนงค์ของมัน แต่สตรีนางนั้นกลับขู่จะสังหารเขา
ช่างเป็นภูติผีที่พิศดารจริงๆ!
เมื่อหนิงฝานจากไป จู่ๆสตรีนางนั้นก็ปรากฏตัว ดวงตาทอประกายของนางจับจ้องรอยกระบี่และเงาร่างของหนิงฝานที่ไกลออกไปก่อนจะด่าทอ
โชคดีที่นางหยุดหนิงฝานไม่ให้สัมผัสเจตจำนงค์ของกระบี่ได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงได้เป็นปัญหาแน่
รอยกระบี่ทั้งสามเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของนาง นางไม่อาจยอมให้บุรุษได้สัมผัสง่ายๆ
แต่จู่ๆ รอยกระบี่แรกกลับหายไป!
นางจ้องมองศิลาฟ้าอย่างตื่นตระหนกเพราะรอยกระบี่แรกได้หายไปแล้ว!
หนิงฝานสัมผัสมันจริงๆ! หนิงฝานชิงรอยกระบี่ไปแล้ว!
นางอยากจะร้องไห้
หัวขโมยไร้ยางอาย! สมแล้วที่เป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋ เป็นมันที่ขโมยรอยกระบี่!
แต่โชคดีที่รอยกระบี่ยังเหลืออยู่อีก 2 นางจะเฝ้าดูมันเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้หนิงฝานขโมยมันไปอีก
‘หากผู้ใดก็ตามที่ช่วงชิงรอยกระบี่ไปได้ครบทั้ง 3 รอย นางสาบานว่าจะแต่งงานกับชายผู้นั้น’ นี่คือคำสัตย์สาบานที่ทำให้นางต้องติดอยู่ในป้ายหลุมศพเป็นเวลานาน นับว่าโชคยังดีที่หนิงฝานไม่ได้นำมันไปทั้งหมด
หลังจากกลับออกมาจากป้ายหลุมศพของสตรีนางนั้น หนิงฝานก็ตรงไปหาจื่อเฮ่อ แต่ยามนี้นางยังไม่ตื่น หนิงฝานจึงเดินไปยังห้องปรุงโอสถเพื่อเริ่มปรุงโอสถอีกครั้ง
หนิงฝานไม่ทราบว่าเจตจำนงค์กระบี่ของสตรีนางนั้นอยู่ภายในร่างของเขา รอยกระบี่นั่นถูกหนิงฝานชิงมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งยามนี้ หนิงฝานก็ค่อยๆซึมซับและเชี่ยวชาญมันอย่างช้าๆ
ยามนี้หนิงฝานกำลังปรุงโอสถนิรันดร์ผันแปรที่ 3 แต่ช่างโชคร้าย เพียงเริ่มปรุง กระถางปรุงยาก็ระเบิดเสียแล้ว
เหตุที่กระถางระเบิดไม่ใช่เพราะกระบวนการปรุงโอสถล้มเหลว แต่เป็นเพราะเจตจำนงค์กระบี่ที่อยู่ภายในร่างสัมผััสได้ถึงเพลิงและอุณหภูมิความร้อน มันจึงพุ่งออกมาจากร่างของหนิงฝาน ตัดทำลายกระถางปรุงโอสถของปีศาจเฒ่า!
เมื่อกระถางปรุงโอสถเสียหาย หนิงฝานก็ไม่สามารถปรุงโอสถได้ต่อ
แม้เพียงกระบี่เดียว แต่ปราณกระบี่ของมันกลับตัดผ่าทั้งห้องปรุงโอสถขนาดใหญ่จนขาดเป็นสองส่วน ซ้ำยังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจนเกิดเสียงดังกระหึ่มก้องไปทั่วทั้งเหมืองฉีเหมย!
“กระถางโอสถระเบิด?”
ปีศาจเฒ่าที่กำลังดื่มสุราภายในห้องตื่นตกใจ เขารีบเปิดประตูห้องก่อนมุ่งตรงไปยังห้องปรุงโอสถในทันที
ชายชรารู้ดีว่าหนิงฝานกำลังง่วนอยู่กับการปรุงโอสถ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะทำกระถางปรุงโอสถระเบิด
‘ปราณกระบี่ที่พุ่งเสียดฟ้าช่างดูคุ้นเคย… เดี๋ยวนะ! นั่นมันเพลงกระบี่ของสาวน้อยตู่กู!’
“นั่นมัน ‘เพลงกระบี่เพลิงผันแปร’! ซึ่งไม่ใช่ฝีมือของสาวน้อยตู่กู อา… เจ้าเด็กหนิงฝานนั่นทำได้ยังไง? มันคงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับสาวน้อยตู่กูหรอกใช่มั้ย?”
ปีศาจเฒ่ารู้สึกไม่ดี สีหน้าที่เบ่งบานราวกับบุบผาของปีศาจเฒ่ากลับเต็มไปด้วยรอยย่น
ตลอดทั้งชีวิต ชายชรารักสตรีเพียงนางเดียว และตู่กูก็เป็นน้องสาวของสตรีนางนั้น
“หนิงน้อยและตู่กูน้อยมีความสัมพันธ์ต่อกัน… ข้าจะไม่ยอมเสียศักดิ์อาจารย์โดยเด็ดขาด! หวังว่าหนิงน้อยคงไม่ได้ช่วงชิงรอยกระบี่ทั้งหมดหรอกนะ!”
ชายชรากังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
บุรุษใดที่ช่วงชิงรอยกระบี่ทั้งสามของตู่กูได้ ผู้นั้นก็คือสามีของนาง สัตย์สาบานนี้เป็นนางที่กล่าวต่อหน้าป้ายหลุมศพ!
หากหนิงฝานชิงรอยกระบี่ไปจนหมด เขาก็จะกลายเป็นสามีของนางซึ่งมีศักดิ์เป็นเขยของปีศาจเฒ่า บัดซบ! หากศิษย์กลายเป็นเขย งั้นอาจารย์อย่างปีศาจเฒ่าคงเสียหน้าแย่!
‘ไม่! ข้าจะให้มันเกิดขึ้นไม่ได้! เดี๋ยว! จากรัศมี...เด็กนั่นบรรลุขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5 แล้ว!’
ปีศาจเฒ่าไม่อาจปกปิดความสุขที่อยู่ภายในใจได้ ทำให้ชายชรายิ้มกว้างจนปากเกือบจะฉีกถึงหู!
เพียงแค่วันเดียว หนิงฝานสามารถทะลวงจากขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 1 ไปจนถึงขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 5 ความเร็วระดับนี้ ชายชราไม่เคยเห็นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราได้พบ!
ชายชราบังเอิญพบและรับหนิงฝานเป็นศิษย์ แต่ดูเหมือนศิษย์คนนี้จะมีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัว!...