บทที่ 22: อสนีวารีขั้วลบสำแดงเดช
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
บทที่ 22: อสนีวารีขั้วลบสำแดงเดช
“เอ่อ ข้าอยู่ตรงนี้” เจ้าอ้วนพึมพำออกมาอย่างอ่อนแรง
“อา พี่น้องอ้วน พี่น้องอ้วน” เจ้าลิงรีบตอบรับและเดินไปตามทิศทางของเสียง มันพบกับเจ้าอ้วนซึ่งนอนหมดแรงอยู่
เจ้าอ้วนนอนแผ่อยู่บนพื้นราวกับสุกรที่ใกล้ตาย เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยโคลนอีกทั้งเสื้อผ้ายังฉีกขาดคล้ายกับผ้าขี้ริ้ว แต่สิ่งที่น่าตกใจคือเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นรอยฟกช้ำหรือแม้แต่รอยขีดข่วน
หลังจากที่เจ้าลิงตรวจสอบอย่างละเอียด มันจึงค่อยเผยความโล่งใจออกมา เจ้าลิงเผยยิ้มพร้อมกล่าวว่า “พี่น้องอ้วน ท่านเลิกแสร้งว่าเจ็บปวดเถิดท่านไม่ได้บาดเจ็บใด ๆ เลย แต่ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรหรือ?”
เมื่อกล่าวจบ เจ้าลิงสังเกตเห็นกำแพงด้านหลังของเจ้าอ้วน มันตกใจจนนิ่งไป
“ไม่บาดเจ็บงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนตกตะลึงอีกครา พร้อมกล่าวว่า “ไม่น่าเป็นไปได้ ข้าโดนกระแทกจนปลิวออกมา?” เขายังคงจดจำสถานการณ์ในตอนนั้นได้ดี คลื่นพลังขนาดใหญ่กระแทกเข้ามาส่งผลให้เขาลอยมากระแทกกำแพงจนแทบจะสิ้นสติ การปะทะนั้นรุนแรงอย่างมาก แล้วเหตุผลใดที่เขายังสบายดีอยู่?
ขณะที่เจ้าอ้วนกำลังพูดนั้นเขาสังเกตได้ว่าเจ้าลิงดูแปลกไป เจ้าลิงกำลังจ้องไปยังกำแพงด้านหลังของเขาพร้อมนิ่งค้าง เขาจึงถามออกไปด้วยความสงสัย “นี่เจ้ากำลังมองอะไรอยู่หรือ?”
ขณะที่พูดกล่าว ขาจึงหันกลับหลังไปมองพร้อมกับตะลึงไปชั่วขณะ
กำแพงด้านหลังของเจ้าอ้วนนั้นมีรูปทรงที่คล้ายกับมนุษย์ ลักษณะของมันเห็นได้ชัดว่าเคยมีใครบางคนติดอยู่ตรงนั้น รูปร่างและขนาดที่ปรากฏนั้นพอดีกับเจ้าอ้วนอย่างไม่ผิดพลาด พร้อมกับมีรอยแตกหักที่ใต้ผนังเช่นกันซึ่งนั่นคือทางผ่านที่เจ้าอ้วนไหลลงมา
ทุกคนที่เห็นภาพตรงหน้านี้สามารถเดาได้ทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าอ้วนนั้นถูกแรงกระแทกส่งไปติดกับอยู่บนกำแพงแล้วค่อย ๆ ไหลลงมากองที่พื้น
มองจากรอยเท้าและใยแมงมุมที่ติดอยู่บนผนังถ้ำ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันรุนแรงมาก แต่ปัญหาของเรื่องนี้คือเขาไม่ได้มีอาการบาดเจ็บที่ใดเลย
เจ้าลิงตกตะลึงกับสถานการณ์นี้อย่างมาก แม้กระทั่งเจ้าอ้วนก็ยังรู้สึกตกใจพอสมควร เขาคิดในใจ ‘นั่นคือข้า? หลังของข้าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น? ข้าคิดว่าอย่างนั้นมันคงแข็งเทียบเท่ากับเต่าแล้ว? อา ข้ากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?’
เจ้าอ้วนค่อย ๆ พยายามนึกความรู้สึกว่าเหตุใดเขาจะต้องเปรียบเทียบตัวเองกับสัตว์ที่คลานอยู่บนพื้นกัน?
“พี่น้องอ้วน ร่างกายของท่านมีความผิดปกติหรือไม่? ความแข็งแกร่งนี้เปรียบได้กับผู้ที่ฝึกฝนร่างกาย! อา อย่าบอกข้านะว่าท่านนั้นกำลังฝึกฝนร่างกายแบบคนเหล่านั้นอยู่?” เจ้าลิงเริ่มสงสัย
ผู้ฝึกร่างกายหมายถึงผู้ที่ฝึกตนเองเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อของร่างกายโดยเฉพาะ พวกเขามักคิดว่าการปรับแต่งร่างกายของตนเองนั้นดีกว่าเหล่าสิ่งประดิษฐ์ใด ๆ พวกเขามีกระบวนการฝึกที่สุดโต่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย ผู้ที่ฝึกฝนในด้านนี้เกี่ยวข้องกับดาบบินและสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วความผิดปกติดังกล่าวมันจะทำให้ความแข็งแรงของกำแพงไม่สามารถทำอะไรร่างกายเขาได้
ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าไม่อ้วนทราบว่าการฝึกตนโดยใช้ปฐมบทแห่งความโกลาหลนั้นแสดงผลอย่างไร กล่าวคือทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าหนทางแห่งการฝึกตนนั้นมีมากมายหลายแขนงบนโลกนี้ โดยทั่วไปจำแนกได้เป็นผู้ฝึกฝนเวทมนตร์ ผู้ฝึกร่างกาย นักประดิษฐ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเวทสายฟ้า นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญสัตว์ร้าย และคนเลี้ยงภูติผีปีศาจ และอีกมากมาย
สำนักเสวียนเทียนที่เจ้าอ้วนอาศัยอยู่บนวิถีแห่งอารยธรรม วิชาที่เก่าแก่ที่สุดของสำนักคือ ‘บันทึกแห่งฟ้า’ มันถูกสร้างจากนักบวชที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ยังมีเคล็ดวิชาสำหรับฝึกฝนที่แข็งแกร่งอีกมากมาย ทั้งเคล็ดวิชาการใช้ดาบบิน เคล็ดวิชาการกลั่นอาวุธ เคล็ดวิชาพยากรณ์ และเคล็ดวิชาเกี่ยวกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย กล่าวอีกอย่างคือสำนักเสวียนเทียนนั้นสามารถผลิตนักดาบ ผู้ฝึกตนด้านคาถา ผู้ฝึกตนด้านอาวุธและผู้ฝึกเวทสายฟ้า มันคือจุดเด่นที่สำนักเสวียนเทียนไม่สามารถถูกโค่นล้มลงได้ เหล่าคนธรรมดาไม่สามารถฝึกตนได้ เฉพาะบุคคลที่มีพรสวรรค์และโชคดีพอที่ได้รับการดูแลจากอาวุโสจะเข้าเป็นศิษย์ในสำนักได้ นั่นคือสามารถเรียนรู้เคล็ดการฝึกตนได้อย่างมากมาย เหล่าศิษย์ทั่วไปนั้นสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่สาวกคนอื่น ๆ ได้บันทึกไว้ แบ่งออกเป็นเก้าระดับแต่คุณภาพของมันนั้นไม่อาจเทียบเท่ากับบันทึกแห่งฟ้าได้ แต่เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับความต้องการของเหล่าศิษย์ในและนอกแล้ว
ด้วยวิธีการฝึกฝนที่มากในสำนักเสวียนเทียน โดยธรรมชาตินั้นมันจะเรียนรู้เคล็ดวิชากันด้วยตนเอง และบางครั้งก็ฝึกฝนอยู่ภายในสำนักเช่นกัน หลังจากที่ได้ชมการแสดงความสามารถของเจ้าอ้วนแล้วนั้น เจ้าลิงเลยคิดว่าเขานั้นจะเป็นผู้ฝึกร่างกายเสียมากกว่า
เจ้าอ้วนคิดว่าเขาสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาอสนีวารีได้ ในที่สุดเขาก็ก้าวผ่านความยากลำบากในการฝึกเวทสายฟ้าได้แล้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าร่างกายของเขาจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ แต่เขาก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ฝึกร่างกายนั่นทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี
“อา หรือบางทีข้าอาจ?” เจ้าอ้วนหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวต่อ “ข้าอาจจะถูกฝึกฝนโดยบังเอิญและข้าว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป ข้าทั้งไม่รู้ตัวและไม่คิดว่าในท้ายที่สุดแล้วจะกลายเป็นเคล็ดวิชาเต่าเทวะได้ เพราะถ้าหากข้ารู้คงไม่ฝึกฝนมันอย่างแน่นอน!”
ผู้ฝึกร่างกายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการฝึกฝน แม้ว่าการป้องกันของพวกเขาจะน่าทึ่งเพียงใด แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝน พวกเขาจะฝึกในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาวที่เย็นจัดหรือฤดูร้อนที่ไร้ความปราณี มีหลายคนที่รามือไปเพราะไม่สามารถทนการฝึกได้ไหว
เมื่อเห็นเจ้าอ้วนใจเย็นลง เจ้าลิงรีบถามออกไป “พี่น้องอ้วน ผู้ฝึกร่างกายนั้นแท้จริงแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายนัก! ทั้งความปลอดภัยและอัตราการรอดชีวิตสูงมาก! เว้นเสียแต่ว่าท่านไม่สามารถทำได้สำเร็จ ท่านก็สามารถเปลี่ยนการฝึกได้ตลอดเวลา!”
“โอ้ งั้นหรือ!” คำพูดของเจ้าลิงเตือนสติเจ้าอ้วนได้ดี เขาพึมพำกับตนเอง ‘แม้ว่าวิธีการฝึกนั้นจะทำให้ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องเดินบนเส้นทางของผู้ฝึกร่างกาย ดูจากสถาณการณ์ในตอนนี้แล้ว ข้าก็ยังสามารถฝึกฝนเวทมนตร์สายฟ้าได้ และด้วยเหตุนี้ทำไมข้าจะต้องอดทนต่อความขมขื่นกันล่ะ? คงไม่เป็นไรถ้าหากว่าข้าจะฝึกฝนเวทมนตร์สายฟ้าต่อไป’
เมื่อทำความเข้าใจกับประเด็นนี้ได้แล้ว เจ้าอ้วนรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที เขาร้องออกมาทันที “ลิงน้อย เจ้าพูดถูก! ข้าไม่จำเป็นต้องฝึกร่างกาย เพราะว่าตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ลุกขึ้นแล้วไปฝึกตนต่อเถิด ข้ากำลังรีบ!”
“อา ท่านยังจะฝึกต่อหรือ?” เจ้าลิงถามออกมาด้วยความห่วงใย “ท่านอยากให้ข้าอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลท่านหรือไม่?”
“ลิงน้อย ข้าเกรงว่าเจ้าจะโดนลูกหลงจากระเบิด นั่นคือเหตุผลที่ข้าให้เจ้าออกไป!” เจ้าอ้วนตอบกลับ
“โอ้ หากเป็นเช่นนั้น ท่านก็จงค่อย ๆ ระเบิดสิ่งต่าง ๆ แล้วกัน ข้าก็จะไปฝึกต่อแล้ว!” เมื่อเจ้าลิงเข้าใจแล้ว มันจึงเดินสะบัดออกไปอย่างขุ่นเคือง
เมื่อเห็นว่าเจ้าลิงออกไปแล้ว เจ้าอ้วนก็เริ่มฝึกเคล็ดวิชาอสนีวารีขั้วลบต่อ เมื่อเขารู้ว่าร่างกายนั้นผิดปกติไป แต่มันไม่มีข้อจำกัดในการฝึกตน เขาจึงก็มีความกล้าที่จะฝึกต่อ แต่น่าเศร้านักเมื่อหลายต่อหลายครั้งความหนาแน่นยังไม่เพียงพอ เขาล้มเหลวอีกแล้ว เมื่อลูกบอลได้หดลงครึ่งหนึ่งมันจึงระเบิดออกอีกครั้ง
“แค่กแค่กแค่ก” เจ้าอ้วนไอออกมาขณะที่เดินออกจากหมอกหนา ร่างกายเต็มไปด้วยดินโคลน สภาพของเขาน่าเวทนายิ่งนัก แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนมันปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเจ้าอ้วนขึ้นมา
“ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถควบคุมเจ้าได้!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับลงมืออีกครั้ง
เจ้าลิงที่กำลังทำสมาธิอยู่ภายนอกนั้นไม่สามารถสงบนิ่งได้เลย หลังจากนั่งลงได้เพียงครู่ก็จะมีเสียงระเบิดดังขึ้น จากนั้นต่อด้วยเสียงคำรามที่เจ้าอ้วนระบายออกมาเพราะความหงุดหงิด สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสักพักใหญ่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความน่ารำคาญของเจ้าอ้วน เจ้าลิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเคลื่อนตัวออกไปด้านนอกสุดของถ้ำ
เวลาผ่านไปสามเดือน หลังจากวันนั้นในถ้ำไม่มีเสียงกรีดร้องอีกต่อไป แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าอ้วนแทน ท้ายที่สุดแล้วในวันนี้ เขาได้ขัดเกลาอสนีวารีขั้วลบสำเร็จเป็นครั้งแรก รูปร่างของมันคล้ายกับมุกที่โปร่งใสมีขนาดเท่ากับผลลำใย มันดูคล้ายคริสตัลแต่บริสุทธิ์กว่ามาก น้ำหนักประมาณหนึ่งพันจิน หากถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปมันจะสว่างขึ้น มันสามารถระเบิดได้เพียงใช้นิ้วสะบัดมันออกไป
เป็นธรรมดาที่เขาจะมีความสุขเมื่อปรับแต่งมันเสร็จแล้ว อย่างที่ทราบดีว่าความสำเร็จในครั้งนี้ใช้เวลาไปอย่างมากและถูกความขมขื่นที่สาดซัดอย่างไม่หยุดหย่อน ที่ด้านในของถ้ำ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลซึ่งเป็นภาพที่น่าสังเวช
หลังจากที่ได้ผ่านความยากลำบากจนถึงที่สุดก็ได้พบกับความสำเร็จ และแม้ว่าเขาจะทำสำเร็จแล้ว เจ้าอ้วนก็ยังไม่รู้ถึงฤทธิ์เดชของมัน เพื่อทดสอบว่ามันแข็งแกร่งเพียงใดเขาตัดสินใจออกไปข้างนอกเพื่อหาที่ทดสอบ
เจ้าอ้วนเดินหลบเลี่ยงเจ้าลิงที่ทำสมาธิอยู่ภายนอก เขาเรียกดาบบินออกมาพร้อมบินห่างจากหุบเหวนภากว่าสิบลี้ เขาเลือกภูเขาหินความสูงหนึ่งร้อยฟุตตามที่ถูกบันทึกไว้ในแผ่นหยกเวทสายฟ้า เขาร่ายคาถาและสะบัดไข่มุกออกไป!