เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 176 เสียสละเพื่อครอบครัว
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 176 เสียสละเพื่อครอบครัว
"ผู้อาวุโสฟางหยวน เป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่ท่านสังหารครอบครัวสกุลหวัง?" อวี๋โป้ถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ทุกคู่สายตาจ้องมองมาที่ฟางหยวน แต่ผู้อาวุโสวัยเยาว์เพียงเผยรอยยิ้มเย็น "มันเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน"
ฟางเจิ้งปิดเปลือกตาลงด้วยความโศกเศร้า
เขาสังหารหมาป่าสายฟ้ามาแล้วหลายตัว แต่เขาไม่เคยสังหารมนุษย์ ดังนั้นเมื่อฟางหยวนยอมรับเรื่องนี้ มันจึงทำให้เขารู้สึกว่าพี่ใหญ่ของเขาได้กลายเป็นบางคนที่เขาไม่รู้จักและไม่คุ้นเคยไปแล้ว
ในความเหินห่างนี้ มันยังแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวต่อความเหี้ยมโหดของผู้เป็นพี่ชายอีกด้วย
"ฟางหยวน เจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างเลยงั้นหรือที่สังหารผู้บริสุทธิ์?" ไท่รั่วหนานกล่าวออกด้วยความขุ่นเคือง เธอมีนิสัยรักความยุติธรรม ดังนั้นเธอจึงเกลียดชังคนเช่นฟางหยวนมากที่สุด
"แล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากข้าฆ่าพวกเขา? ในความเป็นจริงข้าไม่จำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องราวของข้า อย่างไรก็ตามเวลานั้นข้าไม่รู้ว่าหวังอี้เป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจและไม่คิดว่ามันจะพัวพันถึงฟางเจิ้งอีกด้วย" ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
"พี่ใหญ่ ท่านจะไม่กล่าวสิ่งใดกับข้าเลยงั้นหรือ?" ฟางเจิ้งถลึงตาโต
"เจ้าต้องการให้ข้ากล่าวสิ่งใด? ปลอบใจหรือขอโทษ? น้องชายตัวน้อยผู้ไร้เดียงสานัก" ฟางหยวนเย้ยหยัน
"พี่ใหญ่!! อย่าคิดว่าท่านวิเศษเพียงเพราะท่านกลายเป็นผู้อาวุโส ข้าจะบอกท่าน ข้าก็มีคุณสมบัติที่จะก้าวเข้าสู่ระดับสามเช่นกัน!!" ฟางเจิ้งตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
"พอแล้ว!" อวี๋โป้ไม่สามารถต่อดูเหตุการณ์นี้ได้อีกต่อไป "ฟางเจิ้ง กลับไป! เจ้าสามารถแสดงกิริยาไร้มารยาทที่นี่งั้นหรือ?"
คำพูดและการแสดงออกของเขามีความนัย แม้ไท่รั่วหนานจะไม่ตระหนักถึง แต่ไท่เซี่ยเล้งย่อมเข้าใจและสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วโดยการก้าวเท้าออกไปข้างหน้าและป้องมือขึ้น "ท่านผู้นำ ท่านผู้อาวุโส มันเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่บุตรสาวของข้าเข้ามาสร้างความวุ่นวายในห้องประชุมแห่งนี้ ข้าต้องขออภัยที่ไม่ให้เกียรติทุกท่าน"
ผู้อาวุโสเร่งลุกขึ้นป้องมือตอบ
การแสดงออกของอวี๋โป้ผ่อนคลายลงเช่นกัน
ไท่เซี่ยเล้งกล่าวต่อ "แต่เนื่องจากน้องชายฟางหยวนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเจียจินเฉิงและยังเป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นข้าจึงหวังว่าเขาจะยังอยู่ในหมู่บ้านและไม่ออกไปที่ใดในช่วงเวลานี้"
อวี๋โป้ตอบ "ตระกูลแสงจันทร์ของเราหวังว่าท่านเทพนักสืบจะสามารถหาคำอธิบายที่เหมาะสมให้แก่ท่านเจียฟู่ หากท่านต้องการ ข้าจะขอให้ผู้อาวุโสฟางหยวนอยู่ที่นี่จนกว่าท่านจะพบร่องรอยบางอย่าง"
อวี๋โป้มองฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่จริงใจ อย่างไรก็ตามมันมีความหมายที่ลึกซึ้งแฝงอยู่
แม้ฟางหยวนจะสังหารครอบครัวสกุลหวังทั้งหมด แต่พวกเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา แล้วการสังหารคนธรรมดาของผู้ใช้วิญญาณจะถือเป็นอาชญากรรมได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ใช้วิญญาณผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของตระกูล เขาจึงไม่ต้องรับโทษใดๆทั้งสิ้น
"รับทราบ" ฟางหยวนชำเลืองมองอวี๋โป้และตอบกลับเสียงเรียบ...
"บัดซบ! มันเป็นเช่นนี้อีกครั้ง!" ไท่รั่วหนานชกต้นไม้จนใบไม้ร่วงหล่นลงมาจากต้น
เธอกัดฟันแน่นด้วยความไม่พอใจ "มันเป็นการฆาตกรรมชัดๆ แต่พวกเขากลับหลับหูหลับตาและไม่ทำสิ่งใด ท่านพ่อ มนุษย์ธรรมดาก็เป็นมนุษย์เช่นกันมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดผู้ใช้วิญญาณจึงสามารถสังหารมนุษย์ธรรมดาได้โดยไร้ความผิด?"
ไท่เซี่ยเล้งนิ่งเงียบราวกับรูปปั้นหิน
บรรยากาศค่อนข้างมืดมน สายลมหอบเอาใบไม้ปลิวขึ้นสู่อากาศ
ไท่รั่วหนานก้มศีรษะลงอย่างฉับพลัน "ข้าขอโทษ ท่านพ่อ"
เธอกล่าวขอโทษ "ข้าไม่ฟังคำแนะนำของท่านและใช้วิญญาณสัญชาตญาณ"
"เห้อ..." เทพนักสืบถอนหายใจและจ้องมองบุตรสาวอย่างลึกซึ้ง "เด็กน้อย เจ้าเกลียดชังความชั่วร้ายและมีคุณธรรมสูงไม่ต่างจากข้าในวัยเยาว์ ข้ามีความสุขที่เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้แต่ก็กังวลเช่นกัน"
"เหตุใดท่านจึงต้องกังวล?"
"เจ้ามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่กว่าข้าในยามนั้น เมื่อข้ายังเยาว์ ข้าต้องการจับตัวอาชญากรและปีศาจทั้งหมด แต่สำหรับเจ้า เจ้าต้องการมอบความเป็นธรรมให้แก่ทุกคนและปฏิบัติต่อผู้ใช้วิญญาณกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเท่าเทียม เจ้าต้องการสร้างกฎใหม่ให้กับโลกใบนี้ นี่เป็นความทะเยอทะยานที่หนักหนามากเกินไป" ไท่เซี่ยเล้งกล่าวออกมาจากประสบการณ์ของตน
"แต่ท่านพ่อ สิ่งที่เรียกว่ากฎคือความยุติธรรม หากพวกเราไม่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม แล้วมันจะมีความหมายใด? ข้าเชื่อว่าตราบเท่าที่เราพยายามทำอย่างเต็มที่ เราจะบรรลุเป้าหมายในที่สุด" ดวงตาของไท่รั่วหนานส่องประกายด้วยความคาดหวัง
ไท่เซี่ยเล้งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเปิดปากอีกครั้ง "แล้ววันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดี คนหนุ่มสาวจะต้องก้าวเดินไปด้วยตัวของตนเอง ความผิดพลาดจะทำให้เจ้าได้เรียนรู้และกลายเป็นผู้ใหญ่ พ่อจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก พ่อเพียงหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตเช่นที่เจ้าต้องการ"
จากนั้นเขาจึงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาให้เธอ
"นี่คือ..." ไท่รั่วหนานเปิดซองจดหมายด้วยความปลาบปลื้ม
จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนขึ้นโดยเจียฟู่ มันเป็นข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการตายของเจียจินเฉิง รวมถึงวิธีการที่ฟางหยวนได้รับหนอนสุราและการตรวจสอบความจริงโดยวิญญาณสุภาพบุรุษหน้าหยก มันมีกระทั่งราคาประมูลที่ฟางหยวนเสนอซื้อวิญญาณซึ่งเผยให้เห็นถึงความสามารถทางธุรกิจของเขา
ไท่รั่วหนานอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับการประมูลของฟางหยวนซ้ำไปมาหลายครั้งด้วยดวงตาที่ส่องประกายขึ้นเรื่อยๆ
"ฟางหยวนผู้นี้ไม่ได้รู้จักเพียงวิธีการใช้กำลัง แต่เขายังสามารถวางแผนการได้อย่างแยลยล สัญชาตญาณของข้าบอกว่าหากเขาเป็นฆาตกร เขาจะต้องน่ากลัวมาก แต่วิญญาณสุภาพบุรุษหน้าหยกบอกว่าเขาไม่ได้โกหก มันเป็นได้อย่างไร?" ไท่รั่วหนานพึมพำกับตนเอง
"เจ้าคิดจะทำสิ่งใดต่อไป?" ไท่เซี่ยเล้งถาม
"การตายของเจียจินเฉิงผ่านมานานแล้ว แต่ทุกสิ่งยังเต็มไปด้วยความลับ กระทั่งตอนนี้ ศพของเขาก็ยังไม่ถูกค้นพบ สถานที่ตายก็ยังเป็นปริศนา มันสะอาดหมดจดจนเกินไปทำให้ข้าไม่พบร่องรอยใดๆ เว้นเพียงฟางหยวน เขายังเป็นบุคคลที่น่าสงสัยที่สุด แม้คำบอกใบ้กรณีหวังอี้จะถูกหักล้างและไม่มีหลักฐานใดสามารถยืนยันว่าเขาเป็นฆาตกร แต่ข้าเชื่อสัญชาตญาณของข้า ข้าต้องตรวจสอบฟางหยวนผู้นี้!" ไท่รั่วหนานกล่าวออกมาด้วยความกระตือรือร้น
"เจ้ารู้สึกว่าฟางหยวนน่าสงสัยงั้นหรือ?" ไท่เซี่ยเล้งถาม
"น่าสงสัยอย่างมาก!" ไท่รั่วหนานตอบกลับอย่างรวดเร็ว "ฟางหยวนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่เหตุใดระดับการบ่มเพาะของเขาจึงเหนือกว่าฟางเจิ้ง? แม้ทุกคนจะบอกว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจากหนอนสุรากับรากพฤกษาทองแดงแต่มันก็ยังเร็วเกินไป ตระกูลแสงจันทร์อาจไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ แต่นี่เป็นกรณีที่ว่า บุคคลใกล้ชิดไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งต่างจากคนนอก นี่เป็นจุดแรกที่น่าสงสัย"
"นอกจากนั้นยังมีจุดที่น่าสงสัยอื่นๆคือ โชคของเขา ในการเล่นพนันครั้งแรก เขาซื้อผลึกสีทองม่วงหกก้อน แต่กลับได้รับวิญญาณถึงสองดวงคือ คางคกปฐพีและหนอนสุรา นี่มันโชคดีเกินไปหรือไม่?"
ไท่เซี่ยเล้งพยักหน้า "กล่าวต่อไป"
"แม้ภายนอกฟางหยวนผู้นี้จะดูธรรมดา แต่หากมองให้ดี เขากลับเต็มไปด้วยความลึกลับราวกับมีเมฆหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่รอบกายเขา หลายสิ่งหลายอย่างของเขาทำให้ผู้คนต้องประหลาดใจ ตัวอย่างเช่น ทักษะการตัดผลึกหินด้วยวิญญาณแสงจันทร์โดยไม่ทำลายสิ่งที่อยู่ภายใน มันเป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อนและไม่น่าเป็นไปได้สำหรับผู้ใช้วิญญาณฝึกหัด...เดี๋ยว!"
ไท่รั่วหนานหยุดชะงักอย่างกะทันหัน เธอค้นพบบางสิ่งที่ทำให้ดวงตาของเธอส่องประกายขึ้นทันที
"ข้าพบมันแล้ว! ฟางหยวนผู้นี้มีปัญหาใหญ่!" หลังจากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น...
กลิ่นหอมของใบชาลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง
ฟางหยวนจิบชาร้อนในมือและเผยการแสดงออกที่ผ่อนคลาย ขณะที่โม่เฉินพยายามรักษาความสงบแม้เส้นเลือดจะปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของเขา
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเรียกร้องค่าตอบแทนอย่างบ้าคลั่งทำให้เขาถูกไล่ออกจากคฤหาสน์สกุลโม่ แต่วันนี้โม่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเรียกตัวเขากลับมาอีกครั้ง
ทั้งหมดก็คือเขาถูกกดดันอย่างหนัก ระดับการบ่มเพาะของเขาจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า ฝ่ายสกุลโม่กำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาจึงต้องเร่งหาลูกเขยมาเพื่อสร้างเสถียรภาพของฝ่ายสกุลโม่
'คนชั่วผู้นี้น่ารังเกียจเกินไป เขาเรียกร้องอย่างบ้าคลั่ง เขาคิดว่าสกุลโม่อาบน้ำด้วยทองคำหรืออย่างไร?' โม่เฉินลอบสาปแช่งอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับยิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวด้วยวาจาสุภาพอ้อนน้อม "ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้อเรียกร้องของท่านสูงเกินกว่าที่สกุลโม่จะสามารถสนับสนุนได้"
ฟางหยวนชำเลืองมองโม่เฉิน ชายผู้นี้รู้ว่าเมื่อใดต้องอ่อนหรือเมื่อใดจะแข็ง นี่ถือเป็นบางสิ่งที่ฟางหยวนรู้สึกชื่นชม
ในความเป็นจริงสถานการณ์ของฟางหยวนก็ไม่ได้ดีนัก
พ่อลูกสกุลไท่กำลังบีบให้เขาจนมุม เมื่อใดที่ความจริงเปิดเผย ตระกูลแสงจันทร์จะส่งตัวเขาให้กับตระกูลฟู่เพื่อรักษาสายสัมพันธ์
ฟางหยวนใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง "ข้าจะลดให้สามสิบส่วน แต่ท่านต้องแสดงความจริงใจโดยการมอบหินวิญญาณให้ข้าสี่หมื่นก้อนล่วงหน้า รวมถึงวิญญาณหมูเหล็กและวิญญาณชีวิตหลังความตาย"
โม่เฉินยกมือขึ้นนวดหน้าผากอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "วิญญาณหมูเหล็กจะถูกส่งมอบให้ท่าน แต่ในคลังสมบัติของสกุลโม่ไม่มีวิญญาณชีวิตหลังความตายและเราไม่สามารถมอบหินวิญญาณจำนวนสี่หมื่นก้อนได้ในครั้งเดียว"
ฟางหยวนรู้ว่าจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ไม่ได้พูดความจริง แต่เห็นได้ชัดว่าการเอาแต่ใจเกินไปของเขาจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงข้าม
"ไม่เป็นไร หลังจากส่งมอบจนครบ เราค่อยมาคุยเรื่องงานแต่ง แต่ก่อนหน้านั้นข้ายังไม่รับประกันความภักดีของข้า" ฟางหยวนทิ้งถ้อยคำเหล่านี้เอาไว้ก่อนจะเดินจากไป
ห้องโถงเงียบลง
อีกนานหลังจากนั้น โม่เฉินจึงเริ่มเปิดปากอีกหน "ออกมาได้"
"ท่านปู่" เธอทำความเคารพชายชรา แน่นอนเธอไม่ใช่ผู้ใดนอกจาก โม่เยี่ยน
โม่เฉินถอนหายใจ "เจ้าเข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวอย่างชัดเจน โม่เยี่ยน ครอบครัวของเราต้องการการเสียสละของเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่?"
"ข้าเข้าใจ" หญิงสาวก้มศีรษะลงและเริ่มหลั่งน้ำตา
ไม่ว่าโลกใบใดก็ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาโดยปราศจากค่าตอบแทน กระทั่งฟางหยวนที่เป็นกำลังสำคัญของตระกูล เขายังต้องแลกเปลี่ยน ความแตกต่างเดียวมีเพียงสิ่งที่ได้รับและสิ่งที่ต้องสูญเสีย
แม้แต่เด็กน้อยที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาได้รับการเลี้ยงดูและปลูกฝังความภักดีจากครอบครัว พวกเขาก็ยินดีที่จะเสียสละตนเอง
โม่เยี่ยนเข้าใจเรื่องนี้ แม้เธอจะเกลียดชังฟางหยวน แต่เธอก็ต้องแต่งงานกับเขาเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว