บทที่ 120 ไม่สามารถต้านทานของล่อใจ!
จั่วม่อจ้องเขม็งไปยังม้วนหยก ไม่ได้ละสายตาแม้แต่แวบเดียว
‘พื้นฐานค่ายกล’ ในรายการของรางวัล อยู่ในลำดับที่ห้าสิบหก เป็นของรางวัลระดับสอง คำบรรยายของม้วนหยกนี้เรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง ‘ม้วนหยกเกี่ยวกับพื้นฐานวิชาค่ายกลเบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น’
แต่สิ่งที่ตรึงสายตาของจั่วม่อไว้ กลับเป็นสองตัวอักษรซึ่งระบุต้นกำเนิดของม้วนหยกนี้...คุนหลุน!
มันตื่นเต้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คุนหลุน! ม้วนหยกนี้มาจากคุนหลุน!
คำสองคำนี้ดุจดั่งมีมนตรา บันดาลให้หัวใจจั่วม่อเต้นกระหน่ำพลุ่งพล่าน กล่าวได้ว่า พื้นดินใต้ฝ่าเท้ามัน อาณาจักรนภาจันทร์ที่มันอาศัยอยู่ หรือแม้แต่อาณาจักรที่ใหญ่กว่าซึ่งเป็นที่มาของยอดฝีมือด่านจินตันเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้นามเดียว คุนหลุน!
ในหัวใจของบรรดาเซียนกระบี่ คุนหลุนคือการดำรงอยู่ขั้นสุดยอด มันหมายถึงความแข็งแกร่ง มันหมายถึงการปกครอง มันหมายถึงอำนาจสัมบูรณ์ มันหมายถึงเซียนกระบี่ที่ร้ายกาจที่สุด เป็นเจ้านายที่แท้จริงของแดนคุนหลุน ผู้นำแห่งโลกบำเพ็ญเพียร!
ไม่มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับตำนานของคุนหลุน สำหรับซิวเจ่อส่วนใหญ่ คุนหลุนทั้งอยู่ไกลเกินเอื้อมและลี้ลับถึงที่สุด
อันที่จริง เมื่อจั่วม่อเห็นสองคำนั้นแวบแรก มันถึงกับสมองว่างเปล่าไปอึดใจหนึ่ง สำหรับศิษย์ธรรมดาของสำนักเล็กๆ ในอาณาจักรนภาจันทร์เยี่ยงมัน คำสองคำนี้ทั้งห่างไกลเกินไปและแปลกหน้าเหลือเกิน แต่ยามนี้คล้ายมาอยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือคว้า จะให้มันควบคุมความตื่นเต้นในใจได้อย่างไร
ยิ่งสำนักใหญ่เท่าใด ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาเล่าเรียนของศิษย์ที่เข้ามาในสำนักมากเท่านั้น เพื่อสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้แก่ศิษย์ พวกมันจะสร้างม้วนหยกไว้สำหรับให้ศิษย์ใหม่ได้ร่ำเรียน ม้วนหยกพื้นฐานเหล่านี้มักจะครอบคลุมวิชาความรู้กว้างขวาง รวบรวมเวทวิชาพื้นฐานไว้ทุกประเภท
เนื่องจากม้วนหยกเริ่มต้นต้องใช้ผู้มีฝีมือเป็นผู้สร้างขึ้น จำนวนที่ผลิตได้ในแต่ละปีย่อมมีจำกัด จะไม่มีจำนวนมากเกินไป ที่แพร่กระจายออกไปมีน้อยยิ่งกว่าน้อย
ม้วนหยกเริ่มต้นของแต่ละสำนักยังแตกต่างกันไป พวกมันมักถูกเขียนขึ้นตามลักษณะพิเศษของสำนัก แม้กระทั่งในสำนักเดียวกัน เนื่องจากในแต่ละปี ซิวเจ่อผู้รับผิดชอบในการสร้างม้วนหยกแตกต่างกัน ก็ย่อมจะมีฉบับที่แตกต่างกันไปทุกปี
แน่นอน สำหรับสำนักเล็กๆ เช่นสำนักกระบี่สุญตา เป็นธรรมดาที่จะไม่มีม้วนหยกเริ่มต้นเหล่านี้ สำนักใหญ่รับศิษย์ใหม่มากมายเป็นประจำทุกปี มีความต้องการมากมาย สำนักพวกมันก็มียอดฝีมือมากมาย มีกำลังคนและกำลังทรัพย์ที่จะจัดทำม้วนหยกเริ่มต้นเหล่านี้ ส่วนในสำนักเล็กๆ ผู้อาวุโสจะใช้วิธีถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ศิษย์ผ่านทางวาจาโดยตรง
ม้วนหยกเริ่มต้นแห่งคุนหลุน เป็นสิ่งที่จั่วม่อไม่กล้าคิดฝันถึง
แม้ว่าของสิ่งนี้จะออกมาจากคุนหลุน แต่ยังคงเป็นเพียงม้วนหยกเริ่มต้นเท่านั้น ดังนั้นได้รับการจัดเป็นรางวัลลำดับที่ห้าสิบหก ผู้เข้าร่วมประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่แทบทั้งหมดอยู่ในด่านหนิงม่าย สำหรับพวกมัน ม้วนหยกเริ่มต้นไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอยมากนัก อย่าว่าแต่นี่ยังเป็นม้วนหยกวิชาค่ายกล หากเป็นม้วนหยกเริ่มต้นวิชากระบี่ เกรงว่าอาจมีคนมากมายต้องการ
ผู้ใดจะไม่ต้องการเคล็ดวิชากระบี่ของคุนหลุน...
แต่ม้วนหยกที่เป็นของรางวัลนี้เป็นวิชาค่ายกล ถึงกระนั้นยังมีแรงดึงดูดใจต่อจั่วม่ออย่างไม่มีที่เปรียบ สำนักกระบี่สุญตาไม่มีม้วนหยกวิชาค่ายกลแบบเป็นระบบ สิ่งที่มันเรียนรู้คือการปะติดปะต่อ ศึกษาจากเศษชิ้นส่วนที่รวบรวมมา ทำให้มันรู้สึกสิ้นท่า ขาดพร่องและติดขัดอยู่บ่อยครั้ง หากมันมีม้วนหยกเริ่มต้นนี้ อาจช่วยลดความยุ่งยากได้มากหลาย
ไม่ต้องคิดอื่นใดอีก จั่วม่อตัดสินใจเด็ดขาด มันต้องการม้วนหยกม้วนนี้!
แต่เมื่อมันค่อยๆ สงบลง จั่วม่อก็เริ่มขบคิดถึงความเป็นไปได้อย่างถี่ถ้วน ในหมู่ของรางวัลทั้งหมดของงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ครั้งนี้ ม้วนหยกม้วนนี้ไม่ได้เป็นที่น่าสนใจนัก ในบรรดาผู้เข้าร่วมประลองสมควรไม่มีผู้ใดใส่ใจม้วนหยกนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หากมันต้องการโอกาสเลือกม้วนหยก อย่างน้อยก็ต้องได้ชัยผ่านสองรอบแรก เข้าสู่ศึกตะลุมบอนในรอบที่สามให้จงได้
นึกถึงยอดฝีมือด่านหนิงม่ายมากมายมหาศาลในรายชื่อ จั่วม่อรู้สึกหนังศีรษะชาซ่าน แต่หากจะให้มันเบิ่งตามองม้วนหยกลอยผ่านไปเฉยๆ มันก็ไม่ยินยอม ไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นอย่างยิ่ง!
หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน จั่วม่อตั้งใจแน่วแน่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ต้องทดลองสู้ดูสักตั้ง!
ม้วนหยกเริ่มต้นม้วนหนึ่ง ปรับเปลี่ยนมุมมองของจั่วม่อที่มีต่องานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ไปอย่างสิ้นเชิง มันรู้สึกว่าจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พรักพร้อม
ประชากรซิวเจ่อในตงฝูเพิ่มจำนวนขึ้นไม่หยุดยั้ง การประลองรอบคัดเลือกเสร็จสิ้นลงไปตั้งแต่เมื่อวาน อีกห้าวันให้หลัง งานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่แห่งตงฝูในปีนี้ ในที่สุดก็จะมาถึงจุดเริ่มต้นของรอบจริง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตงฝูไม่ได้ถูกรบกวนเพราะการมาของอาคันตุกะจากต่างแดนเหล่านี้ ด้วยการคงอยู่ของยอดคนด่านจินตันสิบกว่าคนในปัจจุบัน แทบจะทำให้ตงฝูกลับกลายเป็นสถานที่ที่มีระเบียบเรียบร้อยที่สุดในอาณาจักรนภาจันทร์
“ต้องการสักม้วนหรือไม่? ใบรายการจับคู่ประลองสำหรับงานชุมนุมวิจารณ์กระบี่ที่เพิ่งออกมา ด้วยรายการนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดชมคู่ใด!”
“ราคาพิเศษ! ข้อมูลเชิงลึกของผู้เข้าร่วมประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ปีนี้ การจัดอันดับความแข็งแกร่งของยอดฝีมือที่มีอยู่นับไม่ถ้วน พิเศษ! พิเศษสุด! มันจะเป็นหุ้นส่วนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการเดิมพันของท่าน!”
จั่วม่อเดินเตร็ดเตร่อยู่ในเขตแท่นบูชาแจ้งเตือน ได้ยินคำป่าวร้องเหล่านี้ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย มันไม่สนใจรายการจับคู่ประลองที่ประกาศออกมาเมื่อสองวันก่อน แต่การจัดอันดับนี้น่าสนใจไม่เบา เดินต่อไปไม่กี่ก้าว มันก็ได้ยินเสียงป่าวร้องอีกครั้ง ยังคงเป็นรายการจัดอันดับความแข็งแกร่ง แต่เป็นคนละฉบับกับเมื่อครู่ ภายในระยะไม่กี่ก้าว จั่วม่อได้ยินรายการจัดอันดับอย่างน้อยสี่ฉบับ ราคาล้วนเท่าเทียมกัน หนึ่งชิ้นจิงสือระดับสาม
จนกระทั่งในภายหลัง มันก็ตระหนักว่าร้านรับพนันในตงฝูล้วนเปิดกิจการขึ้นอย่างคึกคัก ไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าผีพนัน กระทั่งผู้คนทั่วไปยังลงเดิมพันในรูปแบบง่ายๆ หลายแบบ หากมีคนต้องการ ย่อมมีคนสนองให้
จั่วม่อกำลังคิดจะศึกษาฝ่ายตรงข้ามของมันอยู่พอดี ดังนั้นมันซื้อสำเนารายการจัดอันดับแต่ละฉบับมาฉบับละใบ
จั่วม่อค่อยๆ ไล่ดูอย่างถี่ถ้วน การจัดอันดับเหล่านี้มีความนัยบางอย่างซ่อนอยู่
อันดับหนึ่งย่อมเป็นกู่หรงผิง ผู้เข้าประลองที่ไร้พ่ายตั้งแต่ต้นจนจบ ในการจัดอันดับเกือบทุกฉบับจัดให้กู่หรงผิงเป็นลำดับแรก อย่างไม่มีข้อกังขา ส่วนตั้งแต่ลำดับที่สองลงไป แต่ละฉบับก็มีตัวเลือกที่แตกต่างกันไป แต่ในสิบลำดับแรก คล้ายจะมีอยู่เพียงไม่กี่คนที่ปรากฏชื่อขึ้นมาบ่อยๆ
อย่างไรก็ตาม จั่วม่อรู้สึกประหลาดใจ ยอดฝีมือของตงฝูแทบไม่มีรายชื่ออยู่ในสิบลำดับแรกเลย มีเพียงชื่อหวีป๋ายปรากฏตัวอยู่ในหลายฉบับ ล้วนให้เหตุผลที่คล้ายคลึงกัน ศิษย์ของเทียนซงจื่อ ย่อมมีข้อได้เปรียบในสถานที่ของมันอย่างแน่นอน!
จั่วม่ออดเดือดดาลไม่ได้!
เจ้าปัญญาอ่อนประเภทใดเขียนรายการจัดอันดับชั้นสวะนี้ขึ้นมา! ไฉนจัดให้ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าอยู่ในลำดับยี่สิบสามสิบ! ในหัวใจมัน แม้ศิษย์พี่ใหญ่อาจไม่สามารถเป็นลำดับหนึ่ง แต่แน่นอนว่าต้องอยู่ในสิบลำดับแรก!
ทันใดนั้นมันพลันฉุกคิดถึงตัวเอง อ้อ แล้วข้าอยู่ลำดับที่เท่าใด?
สายตาของมันไล่ลงไปตามรายการจัดอันดับ ไม่มี ยังไม่มี ยังคงไม่มี...
จนกระทั่งไล่ลงไปถึงชื่อสุดท้ายในรายการจัดลำดับ มันค่อยพบเห็นชื่อของตน ด้านข้างยังเขียนเหตุผลกำกับไว้ ซิวเจ่อด่านจู้จีเพียงผู้เดียวในงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ปีนี้ จั่วม่ออ้าปากหวอ สมองขาวว่างเปล่า จากนั้นเดือดดาลทะยานฟ้า! มันค้นดูในรายการจัดลำดับฉบับอื่น ชื่อของมันยังคงอยู่ท้ายสุด ด้วยเหตุผลเดียวกัน ล้วนเห็นพ้องต้องกัน อย่างไม่มีข้อกังขาเสียยิ่งกว่าลำดับหนึ่งของกู่หรงผิงอีก!
จั่วม่อมือสั่นระริก นี่ไม่ถูกต้อง ศิษย์พี่หลัวหลีก็อยู่ในด่านจู้จี ไฉนมีแค่มันเป็นผู้เข้าร่วมประลองด่านจู้จีเพียงผู้เดียว? จั่วม่อรู้สึกนี่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง มันรีบกวาดตามองรายการจัดลำดับและค้นพบชื่อของศิษย์พี่หลัวหลีอย่างรวดเร็ว
หนิงม่าย!
จั่วม่ออึ้งงันในทันที
ศิษย์พี่หลัวหลีเข้าสู่ด่านหนิงม่ายตั้งแต่เมื่อใด? รายการขยะเหล่านี้มันอะไรกัน เหลวไหลทั้งเพ!
จั่วม่อตัดสินใจไม่ใส่ใจรายการจัดลำดับเหล่านี้ มันออกมาในวันนี้ย่อมมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ภายในตลาดเสรี ฟู่จินพอเห็นจั่วม่อก็ตะลึงไปอึดใจหนึ่ง จากนั้นกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ม่อเกอ ไฉนมีเวลามายังสถานที่ของข้า? เจ้าไม่ต้องไปเข้าร่วมการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่หรอกหรือ?” ในดวงตาสามเหลี่ยมคู่นั้น ไม่สามารถปิดบังร่องรอยสนุกสนานไว้ได้
จั่วม่อเห็นสีหน้าฟู่จิน ต้องกระชากเสียงอย่างขุ่นข้อง “เป็นไร? เจ้ามีความเห็นสูงส่งอันใด?”
“ไม่มี ไม่มี” ฟู่จินโบกมือเป็นพัลวัน รีบประจบประแจง “ม่อเกอ หากท่านลงมือ กระทั่งกู่หรงผิงยังต้องร้องขอชีวิต หากท่านต้องการหักขาขวาของมัน มันย่อมไม่กล้ายื่นขาซ้ายมาให้หัก...”
“เอาละ เอาละ” จั่วม่อรู้สึกวาจาของฟู่จินกล่าวเกินจริงจนมันขนพองสยองเกล้า กู่หรงผิงเพียงคนเดียวสามารถทุบตีสิบจั่วม่อพร้อมกัน มันแบมือยื่นไปข้างหน้า “สิ่งของตระเตรียมไว้แล้วหรือไม่?”
ฟู่จิรลอบหัวร่อ รีบนำม้วนหยกออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้ถึงมือจั่วม่อ “พอคู่ต่อสู้ของเจ้าถูกประกาศออกมา ข้าก็เริ่มมองหาทันที! นี่คือบันทึกการประลองทั้งหมดของเฉาอัน*ในการประลองรอบคัดเลือก นอกเหนือจากนั้นรวบรวมมาจากแหล่งอื่นๆ”
(เฉาอัน-สงบสุขแซ่เฉา)
จั่วม่อสะท้านใจ มันทราบว่าเพื่อให้ได้มาซึ่งม้วนหยกเล็กๆ นี้ ฟู่จินต้องทุ่มความพยายามไปไม่น้อย เฉาอันย่อมเป็นคู่ต่อสู้คนแรกของจั่วม่อ จั่วม่อร้องขอให้ฟู่จินช่วยรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของคู่ต่อสู้ของมัน ศิษย์พี่หญิงหลี่อิงฟ่งอาจพยายามเต็มที่ แต่นางมักบริหารร้านค้าเท่านั้น ในเรื่องนี้นางไม่ได้มีฝีมือเทียบเท่างูเจ้าถิ่นอย่างฟู่จิน
จั่วม่อผลักถุงเงินไปยังฟู่จิน
ชั่วขณะที่ฟู่จินรับถุงเงินไป มันก็ทราบว่าในถุงมีจิงสืออยู่มากมายเท่าใด มันไม่ได้มีสีหน้ายินดี แต่กลับจ้องมองจั่วม่อ พลางถามอย่างราบเรียบไร้อารมณ์ว่า “นี่หมายความว่าอย่างไร?”
จั่วม่อสั่นศีรษะ “ไม่ใช่ให้เจ้า แต่สำหรับให้เจ้าหว่านออกไป ข้ายังคาดหวังให้เจ้าเตรียมข้อมูลของคู่ต่อสู้ของข้าในรอบต่อไป!”
ฟู่จินใบหน้าเปลี่ยนจากมืดครึ้มเป็นสดใส หัวร่อฮิฮะพลางกล่าว “ประเสริฐยิ่ง! ข้าลงเดิมพันข้างเจ้าไม่น้อย อย่าปล่อยให้ข้าสูญเสียทุกอย่างเชียวล่ะ!”
“อ้อ เช่นนั้นก็อธิษฐานให้ข้าชนะเถอะ!” จั่วม่อแบมือยักไหล่
ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในด่านหนิงม่าย ระหว่างพวกมันมีช่องว่างมหึมา กระทั่งจั่วม่อยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองมากนัก มันแค่ต้องการลองสู้ให้สุดฝีมือ อันที่จริง มันแค่ไม่สามารถต่อต้านแรงดึงดูดใจของม้วนหยกเริ่มต้นวิชาค่ายกลจากคุนหลุนม้วนนั้นได้ ในฐานะบุคคลที่มีพลังบำเพ็ญเพียรต่ำที่สุดในหมู่ผู้เข้าร่วมการประลอง เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รับการยอมรับ นี่เป็นเหตุผลที่การประลองของมันถูกจัดไว้เป็นนัดแรกของการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบจริง
เปิดฉากการประลองนัดแรก ก็ลากมันออกมาอับอายขายหน้า ช่างประเสริฐแท้! มันแน่นอนว่าจะไม่เวลาที่ดีในการตอบโต้
จั่วม่อก่นด่าบรรพบุรุษผู้ที่จัดการจับคู่ประลองนับครั้งไม่ถ้วน
โถงสุญตา
หยานเล่อสีหน้าประหลาดอยู่บ้าง “เสี่ยวม่อถึงกับถูกจัดให้ลงประลองนัดแรกเชียวหรือ”
เผยเหยียนหรานหัวร่อ “อาจเป็นฝีมือของพรรคอัจฉริยะปราณ คราวก่อนเสี่ยวม่อทำให้พวกมันเสียหน้าไม่น้อย นี่ย่อมมีเหตุผล มีเหตุผล”
สือฟ่งหรงขุ่นเคืองยิ่ง “มีเหตุผลผายลมอันใด! กล้าข่มเหงรังแกศิษย์ของข้า พวกมันไม่ทราบคำว่าตายสะกดอย่างไร! ท่านย่าผู้นี้เพิ่งจะหลอมกลั่นพิษร้อยพิษพันบุปผาแล้วเสร็จ ยังไม่มีสถานที่จะทดสอบอยู่พอดี...”
อีกสามคนเบิกตาโพลง รู้สึกศีรษะพองโตอย่างฉับพลัน พวกมันรีบหยุดยั้งสือฟ่งหรงผู้แทบจะระเบิดออกมา ช่วยกันปลอบประโลมนาง
“มั่นใจได้ มั่นใจได้ เสี่ยวม่อกลอกกลิ้งยิ่ง มันต้องไม่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ” เผยเหยียนหรานค่อยๆ ปลอบโยน “ยิ่งกว่านั้น ปล่อยให้มันได้มีประสบการณ์บ้าง ต่อไปจะเป็นประโยชน์แก่มันอย่างยิ่ง สำหรับเรื่องหน้าตา พวกเราเหล่าเฒ่าชราหาได้สนใจไม่”
หยานเล่อแย้มยิ้มอยู่ด้านข้าง สือฟ่งหรงนั่งอย่างโกรธกริ้วอยู่บนเก้ากี้ ซินหยานดวงตาทอประกายเย็นเยียบแวบหนึ่ง
“นึกไม่ถึงว่าหลัวหลีจะเข้าสู่ด่านหนิงม่ายเร็วถึงเพียงนี้ ดูเหมือนการประลองกับเสี่ยวม่อคราวที่แล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อมันไม่น้อย” หยานเล่อเบี่ยงประเด็น
“หลัวหลีพรสวรรค์ไม่เลว ก่อนหน้านี้ติดขัดที่หัวใจของมันเอง จึงยากจะก้าวหน้า เวลานี้มันถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ สำนักเราจะมียอดยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง” เผยเหยียนหรานกล่าวพลางผงกศีรษะเห็นพ้อง ความปลาบปลื้มยินดีในน้ำเสียง สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
สือฟ่งหรงกวาดตามองไปรอบๆ หัวคิ้วขมวดมุ่น “เหวยเสิ้งไปยังที่ใดแล้ว?”