ตอนที่แล้วบทที่ 118 ระหว่างความสุขกับความเศร้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 120 ไม่สามารถต้านทานของล่อใจ!

บทที่ 119 ข่าวกรอง


 

จั่วม่อเปิดตา ถอยจิตออกจากฌาน แล้วส่ายศีรษะ พลังบำเพ็ญเพียรของมันยังคงไม่มีความคืบหน้า นี่ก็สิบห้าวันแล้วที่พลังบำเพ็ญเพียรนิ่งสนิท ผูเยายังคงอยู่ในฌานและไม่ทราบว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด

มันสะบัดศีรษะ กวาดความคิดทั้งหมดออกไปจากใจ สายตากลับมามองในลานบ้านอีกหน นี่เป็นลานบ้านด้านหลังร้านค้าของสำนัก ย่อมไม่อาจเทียบกับลานบ้านน้อยในหุบเขาลมตะวันตกของมันได้ ลานเล็กๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นหินหยก เส้นด้ายทองคำ ไม้ไผ่หยกและอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบระดับหนึ่งและระดับสองซึ่งมีราคาย่อมเยา แต่เมื่อดูจากจำนวนและปริมาณแล้ว ได้แต่กล่าวว่าน่าประทับใจอย่างมาก

จั่วม่อเริ่มพลิกดูวัตถุดิบทีละชิ้น บางคราวยังเรียกไฟหินงอกออกมาแปรสภาพวัตถุดิบบางชิ้น บางทีมันก็จะใช้มีดเล็กๆ ตัดแต่งวัตถุดิบให้ได้รูปทรงที่ต้องการ บางครั้งก็หยุดชะงัก จมลงไปในห้วงความคิด วัตถุดิบไหลผ่านมือของมันดุจสายน้ำ มันจัดแยกวัตถุดิบบางส่วนวางไว้ในมุมหนึ่งอย่างระมัดระวัง อีกบางส่วนโยนทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่แยแส

หลังจากง่วนอยู่เป็นเวลาสองชั่วยาม เมื่อเสียงออกอากาศในอินกุยประกาศโมงยาม มันก็ตื่นขึ้นจากสารพัดงานตรงหน้าในทันใด

นี่เป็นเวลาที่ต้องไปทำกำไรจิงสือ จั่วม่อลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ กาลก่อนมันไม่เคยสนใจไยดีวิชาค่ายกล รู้สึกยากที่จะเรียนรู้ ยามนี้กำลังจรดจดจ่อกับการทดลอง ค่อยพบว่ามีจุดที่น่าสนใจมากมาย

บางสิ่งบางอย่างเช่นเคล็ดวิชากระบี่และเวทวิชามักมีหลายจุดที่ยากจะเข้าใจ คำอธิบายไม่เพียงพอ เน้นไปทางการตีความด้วยการปฏิบัติจริง มีเพียงวิชาค่ายกลเท่านั้นที่มุ่งเน้นไปทางการเปลี่ยนแปลงของหยินหยางและห้าธาตุ แม้ว่าจะมีความซับซ้อนหาใดเปรียบ แต่เมื่อศึกษาอย่างถี่ถ้วนรอบรอบ จั่วม่อยังสามารถเข้าใจแนวคิดหลักได้

เฉพาะเวลาที่จั่วม่อออกไป หลี่อิงฟ่งจึงจะเข้ามาเก็บกวาดลานบ้าน

ขณะที่นางเก็บกวาด ก็อดทอดถอนออกมาไม่ได้ ไม่ต้องแปลกใจเลยที่ศิษย์น้องรู้สึกว่าจิงสือไม่เคยพอใช้ ในเมื่อใช้จ่ายเยี่ยงนี้จะเอาที่ไหนมาพอ? หลี่อิงฟ่งรับผิดชอบจัดหาวัตถุดิบทั้งหมดที่จั่วม่อต้องการ สำหรับค่าใช้จ่ายประจำวันของมันนางย่อมทราบกระจ่าง แต่ละวันศิษย์น้องใช้เงินอย่างน้อยที่สุดราวๆ สามสิบชิ้นจิงสือระดับสาม ไปจนถึงมากกว่าหนึ่งร้อยชิ้นจิงสือระดับสาม นี่ยังเป็นเพราะมันต้องการเพียงวัตถุดิบระดับต่ำเท่านั้น หากเลื่อนขึ้นมาใช้วัตถุดิบระดับกลางเมื่อใด ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปถึงจุดที่ขู่ขวัญผู้คนแล้ว

นางไม่เคยได้ยินได้ฟังว่ามีผู้ใดศึกษาร่ำเรียนวิชาค่ายกลด้วยวิธีการเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ศิษย์น้องเป็นบุคคลพิสดารผู้หนึ่ง มันย่อมไม่ร่ำเรียนเหมือนผู้คนทั่วไป ทั้งยังไม่ได้ทำกำไรจิงสือเฉกเช่นที่ผู้คนทั่วไปสามารถกระทำ หลายต่อหลายครั้งที่นางต้องการกระตุ้นเตือนให้ศิษย์น้องเพลามือลงบ้าง แต่เมื่อหวนนึกถึงจิงสือที่ศิษย์น้องสามารถหาได้ในแต่ละวัน วาจาที่ขึ้นมาถึงปากก็กลืนกลับลงไป

ศิษย์น้องระยะนี้ใช้เวลารับจ้างเพียงวันละสามชั่วยามเท่านั้น เวลาที่เหลือทั้งหมดใช้ไปกับกองภูเขาวัตถุดิบที่สุมซ้อนอยู่ในลานบ้าน

นางชะงักเท้า สายตามองไปยังแผ่นจานค่ายกลที่กลิ้งอยู่ข้างเท้า วันแรกๆ ศิษย์น้องสร้างแผ่นจานค่ายกลขึ้นมามากมาย แต่ต่อมาจำนวนการผลิตแผ่นจานค่ายกลก็ค่อยๆ ลดน้อยลง สุดท้ายเป็นเวลาหลายวันแล้วที่มันไม่ได้สร้างแผ่นจานค่ายกลอีกเลย

ไฉนมันเริ่มสร้างแผ่นจานค่ายกลอีกแล้ว? ใช่กำลังเตรียมตัวสำหรับการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่หรือไม่?

หลี่อิงฟ่งหยิบแผ่นจานค่ายกลนั้นขึ้นจากพื้น พิศดูอย่างใกล้ชิด นางพบว่านางไม่เข้าใจสิ่งที่สลักอยู่บนแผ่นจานเลยแม้แต่น้อย

นางหัวร่อ รู้สึกเหลวไหล ศิษย์พี่เหวยเสิ้งกับศิษย์น้องจั่วม่อล้วนเป็นอัจฉริยะ คนธรรมดาอย่างนางจะไปเข้าใจความคิดของอัจฉริยะได้อย่างไร ก่อนที่ศิษย์น้องจั่วม่อจะมาคราวนี้ นางไม่เคยพบเห็นแผ่นจานค่ายกลมาก่อนด้วยซ้ำ หลี่อิงฟ่งค่อยๆ จัดเรียงแผ่นจานค่ายกลไว้ที่มุมด้านหนึ่งอย่างระมัดระวัง นับตั้งแต่ช่วยจั่วม่อเก็บกวาดมาหลายวัน นางสามารถแยะแยะสิ่งที่ใช้การได้ กับสิ่งที่เป็นขยะออกจากกันอย่างง่ายดาย

วันนี้การค้าของจั่วม่อทำรายได้เพียงกลางๆ นับตั้งแต่สองสามวันที่ผ่านมา การค้าของมันก็เริ่มซบเซาลง มันรู้ดีว่านี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีซิวเจ่อจำนวนมากมาใช้บริการของมัน แต่นี่เป็นเพราะงานชุมนุมวิจารณ์กระบี่ ทำให้มันมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ผู้ที่สามารถแลกเปลี่ยนหรือจ่ายราคาสูงเช่นนี้ ส่วนใหญ่มาจากที่อื่น ไม่ใช่ชาวบ้านร้านถิ่นในตงฝู

มีคำกล่าวว่าพลังบำเพ็ญเพียรเพาะสร้างด้วยจิงสือ จั่วม่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้มานานแล้ว แต่เมื่อเริ่มศึกษาเรียนรู้วิชาค่ายกล ค่อยเข้าใจลึกซึ้งในประโยคนี้อย่างแท้จริง เพราะค่ายกลก็ก่อตั้งอย่างสมบูรณ์ได้ด้วยจิงสือ!

เห็นกระแสรายรับของมันไม่คงอยู่ยาวนาน เกรงว่าการร่ำเรียนของมันอาจต้องหยุดชะงักลงในอีกไม่ช้า

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาอันสั้น มันต้องหันเหความสนใจไปยังงานชุมนุมวิจารณ์กระบี่ ดังนั้นเวลานี้ คร้านจะกังวลสนใจเรื่องทำกำไรจิงสือ สมควรรอจนกว่างานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่จะสิ้นสุดลงค่อยว่ากันอีกที

รอจนจั่วม่อสะสางงานประจำวันเสร็จสิ้น หลี่อิงฟ่งยื่นม้วนหยกให้แก่มันม้วนหนึ่ง

“นี่คืออะไร?” จั่วม่อถามอย่างประหลาดใจ

“ข้อมูลของผู้เข้าร่วมประลองจำนวนหนึ่ง” หลี่อิงฟ่งเห็นจั่วม่อมองนางแปลกๆ จึงอธิบายว่า “ท่านเจ้าสำนักสั่งให้ข้าคอยสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้พวกเจ้า ข้าก็ต้องทำอะไรบางอย่างบ้าง อ้อ ข้าก็เลยลองรวบรวมข้อมูลของผู้เข้าร่วมที่โดดเด่นในงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่”

“อ้อ” จั่วม่อรับม้วนหยกพลางถามเรื่อยเปื่อยว่า “ท่านส่งให้แก่ศิษย์พี่ใหญ่กับหลัวหลีแล้วหรือ?”

หลี่อิงฟ่งใบหน้าเป็นเส้นสีดำ เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากเขียวปั้ด จั่วม่อไม่ถามยังพอทำเนา แต่พอถามเรื่องนี้ออกมา กลับกระตุ้นโทสะของนางให้ปะทุขึ้นมาทันที เมื่อท่านเจ้าสำนักสั่งการให้นางรับผิดชอบด้านพลาธิการ นางก็รีบรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ส่งให้แก่ศิษย์พี่เหวยเสิ้งกับศิษย์พี่หลัวหลีเป็นการเฉพาะ แต่ศิษย์พี่เหวยเสิ้งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนศิษย์พี่หลัวหลี มองนางอย่างมึนงงและถามว่า “สิ่งนี้ใช้การอะไรได้?”

นางโมโหแทบตาย

เมื่อมาเห็นจั่วม่อมีท่าทีไม่ค่อยสนใจนัก ความไม่พอใจของนางก็พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด  แค่นเสียงอย่างเย็นชา หมุนตัวเดินออกไป จั่วม่อเกาศีรษะอย่างงุนงง ไม่ทราบมันเผลอล่วงเกินศิษย์พี่หญิงที่ใด?

กลับไปยังห้องของมัน จั่วม่อหยิบม้วนหยกออกมา เริ่มเรียกดูข้อมูลภายใน

ภายในม้วนหยกบันทึกไว้ด้วยข้อมูลจำนวนมาก โดยเฉพาะยอดฝีมืออายุเยาว์เหล่านั้น ดูเหมือนศิษย์พี่หญิงจะใช้ความพยายามไปไม่น้อย อ่านไปอ่านไป จั่วม่อชักเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา

กู่หรงผิงแห่งทะเลสาบรุ่งอรุณ เรียกได้ว่ารั้งลำดับหนึ่งในหมู่ยอดยุทธ์อายุเยาว์แห่งทะเลสาบรุ่งอรุณอย่างไม่มีข้อกังขา อย่าได้เห็นว่ามันดูสุภาพอ่อนโยน แต่ฉายานาม ‘สุดแกร่งแห่งทะเลสาบรุ่งอรุณ’ ของมันไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย หากแต่ผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน นับตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน มันก็เที่ยวท้าประลองไปทั่ว ปราบพิชิตไปทีละสำนักๆ อย่างไม่มีผู้ใดต้านติด สร้างฉายานามสุดแกร่งแห่งทะเลสาบรุ่งอรุณของมันขึ้นมา

ทะเลสาบรุ่งอรุณมีทิวทัศน์งดงามตระการตา พลังปราณหนาแน่นเข้มข้น มั่งคั่งรุ่งเรืองกว่าตงฝู มีสำนักค่ายพรรคมากกว่าตงฝู ฉายานาม ‘สุดแกร่ง’ นี้ย่อมแฝงไว้ด้วยความหมายเหนือธรรมดาอย่างแท้จริง

อ่านข้อมูลของกู่หรงผิงจบ จั่วม่อสังหรณ์ใจว่ากู่หรงผิงผู้นี้สมควรเป็นคู่มืออันดับแรกของศิษย์พี่ใหญ่ ส่วนตัวมันไม่มีความคิดอันใด หากไม่ใช่คำสั่งของท่านเจ้าสำนัก มันไม่คิดเข้าร่วมงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่นี้เสียด้วยซ้ำ

เวลาเหล่านั้น เอามาหาจิงสือไม่ดีกว่าหรือ จั่วม่อรำพึงเศร้าๆ

จากนั้นอ่านไล่ลงมา หนานเหมินหยาง กุ่ยฟง และคนอื่นๆ ล้วนไม่มีผู้ใดเรียบง่ายธรรมดา จั่วม่อยังพบเห็นบุคคลที่ค่อนข้างคุ้นเคยอีกจำนวนหนึ่ง หวีป๋ายแห่งหอตงฝู ฉางเหิงแห่งพรรคอัจฉริยะปราณ จงหมิงเอี้ยนแห่งสำนักกระบี่ตงฉี ทั้งหมดล้วนเข้าร่วม ยังมีคนที่มันเคยพบพานเมื่อนานมาแล้ว เหลียงลั่วแห่งสำนักกระบี่สีชาด ผู้เคยกำนัลยันต์เทพสัญจรให้แก่มัน อย่างไรก็ตาม อีกผู้หนึ่งซึ่งเป็นศิษย์พี่ของเหลียงลั่ว นามว่าซือเสียง เจ้าของกระบี่ผลึกน้ำแข็งเล่มนั้น ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ

อืมห์

จั่วม่อทันใดนั้นจ้องมองไปยังรูปภาพของคนผู้หนึ่งในม้วนหยก คนผู้นี้สวมหมวกแพรสีดำ นี่ไม่ใช่คนที่มาจ้างวานให้มันตัดแบ่งแม่เหล็กเย็นระดับสี่หรอกหรือ? เจ้าผู้นี้ก็เข้าร่วมการประลองด้วย!

สำหรับรายชื่อที่เหลือ มันไม่ได้รู้จักผู้ใดอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อจั่วม่อเห็นระดับพลังบำเพ็ญเพียรของคนเหล่านั้น มันก็เงียบกริบอย่างฉับพลัน

หนิงม่าย หนิงม่าย หนิงม่าย ... ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในด่านหนิงม่าย! เหล่าซิวเจ่อที่ไม่ได้มาจากสำนักท้องถิ่น ทุกคนที่ผ่านขึ้นมาจากการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบคัดเลือก พวกมันไม่มีผู้ใดไม่ได้อยู่ในด่านหนิงม่าย จั่วม่อไม่มีความคิดจะดิ้นรนต่อสู้แม้แต่น้อย สิ่งที่มันกำลังขบคิดอยู่ตอนนี้ คือเมื่อถูกเรียกขึ้นประลอง มันจะยอมจำนนในทันทีดีหรือไม่ แต่เมื่อรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนของท่านเจ้าสำนักแวบเข้ามาในหัว มันก็พลันสะท้านขึ้นทั้งร่าง รีบสะบัดศีรษะ ขับไล่ความคิดนี้ออกไป

การได้รับบาดเจ็บถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากเกอถูกท่านเจ้าสำนักเพ่งเล็ง เกรงว่าในอนาคตคงไม่ได้อยู่สุขสบายแล้ว!

อ่านรายชื่ออันหรูหราอลังการนี้จบ มันรู้สึกว่าในหมู่พวกมันทั้งสามที่เข้าประลอง มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้นที่พอจะมีหวังได้ชัย กระทั่งศิษย์พี่หลัวหลี เกรงว่ายังไม่เพียงพอจะรับมือคนเหล่านี้

โชคยังดีที่ไม่มียอดฝีมือด่านจินตันลงแข่ง มิเช่นนั้น จั่วม่อรู้สึกว่าหัวใจมันคงไม่อาจทนรับไว้ได้

หลังจากรายชื่อ เป็นคำอธิบายกฏเกณฑ์ของงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ในปีนี้ ศิษย์พี่หญิงหลี่อิงฟ่งอาจคาดเดาว่าพวกมันทั้งสามจะต้องกังวลสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นนางระบุทุกสิ่งไว้อย่างครบถ้วน ในกฎข้อต่างๆ ไม่มีใดที่ไม่กระจ่าง หลังจากเสร็จสิ้นการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบคัดเลือก ก็จะเริ่มงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบจริง

การประลองสองรอบแรก จะสุ่มจับคู่ประลองแบบตัวต่อตัว ตามด้วยรอบที่สาม จะเป็นการประลองโดยไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆ! พอถึงเวลานั้น ผู้อาวุโสเทียนซงจื่อจะเปิดศาลาคลื่นสนแห่งหอตงฝู ให้ผู้เข้าร่วมประลองทั้งหมดเข้ามาพร้อมกัน ภายในศาลาคลื่นสนของหอตงฝู ผู้เข้าประลองสามารถโจมตีผู้ใดก็ได้ จนกว่าอีกฝ่ายจะหมดสภาพต่อสู้ ในท้ายที่สุด สิบคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่ได้จะเป็นผู้ชนะการประลอง และเพื่อรับประกันว่าในบรรดาผู้เข้าร่วมประลองจะไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ระหว่างการประลองจะมีผู้ตัดสินเป็นซิวเจ่อด่านจินตันจำนวนสิบคนหรืออาจจะมากกว่า คอยเฝ้าดูแลการประลองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ส่วนการจัดอันดับในหมู่สิบคนสุดท้าย จะถูกพิจารณาโดยเหล่ายอดฝีมือด่านจินตัน

จุ๊จุ๊ กระทั่งยอดฝีมือด่านจินตันยังออกมาเป็นผู้ตัดสิน สิบคนสุดท้ายนี้ จะต้องน่าประทับใจอย่างแท้จริง!

จั่วม่อไม่เข้าใจงานชุมนุมวิจารณ์กระบี่ครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย อุทิศตัวเพื่อระดมผู้คนมารับแจกรางวัลมหาศาล งานชุมนุมวิจารณ์กระบี่เช่นนี้ไม่เห็นจะมีประโยชน์อันใด

อ้อ บางทีผู้อาวุโสย่อมมีความคิดของพวกมันเอง เด็กน้อยอย่างมันจะทราบได้อย่างไร จั่วม่ออ่านต่อ จู่ๆ หัวใจก็เต้นกระหน่ำอย่างมีชีวิตชีวา

เนื้อหาข้อมูลส่วนต่อไป เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับของรางวัลของงานชุมนุมวิจารณ์กระบี่ครั้งนี้

จั่วม่อดวงตาเป็นประกาย มองไล่ลงไปตามแถวรายชื่อรางวัล น้ำลายไหลย้อย

กระบี่ยอดสนขจี ระดับสี่ ,เข็มขัดร้อยสัตว์มงคล ระดับสี่ , มงกุฎทองพลัดพราก ระดับสี่ , แขนเสื้อเมฆวารี ระดับสาม , เสื้อทอฟ้าสวรรค์ ระดับสาม , เกราะปราณอสรพิษเย็น ระดับสาม...

สิบยุทธภัณฑ์เวทชั้นยอด สิทธิ์ในการเลือกขึ้นอยู่กับลำดับในการประลอง ถึงตอนนี้จั่วม่อค่อยเข้าใจกระจ่าง ว่าไฉนซิวเจ่อมากมายแห่กันมายังตงฝูเพื่อเข้าร่วมประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ครั้งนี้

นกตายเพราะอาหาร คนตายเพราะความมั่งคั่ง! อ้า ไม่มีผิดไปเลย จั่วม่อขบกราม คิดอย่างขุ่นเคือง กวาดมองไล่ลงไปทีละรางวัล ในใจบังเกิดระลอกนับไม่ถ้วน ความโลภอัดแน่นอยู่ในอก เมื่อมาถึงจุดนี้มันได้แต่เคียดแค้นความด้อยฝีมือของตนเท่านั้น

โดยไม่มีข้อยกเว้น สิบยุทธภัณฑ์เวทที่เป็นรางวัลของสิบลำดับแรก ล้วนเป็นสินค้าชั้นยอดในชั้นยอด พวกมันแต่ละชิ้นเทียบกับยุทธภัณฑ์เวทที่จั่วม่อปล้นมาจากเหล่าผู้ผลาญจิงสือแห่งพรรคอัจฉริยะปราณแล้ว ล้วนเหนือกว่าหนึ่งหรือสองขั้นทั้งนั้น ของรางวัลหลายชิ้น จั่วม่อแทบอยากขายตัวเองทิ้ง เพื่อแลกกับยุทธภัณฑ์เวทเหล่านี้สักชิ้น

หลังจากใช้สายตาละโมบ อ่านข้อมูลสิบรางวัลแรกอย่างละเอียด จั่วม่อก็มองไล่ลงไปด้วยความตะกละตะกลาม

ในลำดับต่ำลงมาก็ยังคงมียุทธภัณฑ์เวทระดับสาม แต่เห็นได้ชัดว่าคุณภาพต่ำกว่าสิบรางวัลแรก จั่วม่ออ่านไล่ลงมาอย่างสนใจสนใจเป็นอย่างยิ่ง ประเสริฐ แม้ว่าเกอจะไม่ได้รับรางวัล จะอย่างไรก็ขอเพลิดเพลินกับการมองดูพวกมันแทน จั่วม่อปลอบใจตัวเอง ไม่กี่วันมานี้ มันเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับโลกแห่งค่ายกล ทุกวันใช้ความคิดเป็นอย่างมาก ได้ผ่อนคลายเสียบ้าง รู้สึกเบาสบายขึ้นไม่น้อย

ดังนั้นมันสุ่มเรียกดูของรางวัลไปเรื่อยๆ บางครั้งยังคำนวณราคาออกมา แล้วก็น้ำลายไหลยืด

ทันใดนั้น เมื่อมันจ้องมองไปยังหนึ่งในของรางวัล พลันนิ่งงันไปแวบหนึ่ง จากนั้นเผ่นผึงขึ้นในบัดดล!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด