บทที่ 117 นี่มันเรื่องอันใด
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่จั่วม่อใช้จิตสำนึกตามแนวทางนี้ แต่ความสามารถในการควบคุมจิตสำนึกของมันสูงส่งกว่าภูตหยินมาก มันไม่ได้เล่นกับวัตถุดิบทุกประเภทอย่างเสียเปล่า พลังจิตสำนึกของมันกร้าวแกร่งกว่าภูตหยินอย่างเทียบกันไม่ติด ความสามารถในการควบคุมก็เช่นเดียวกัน มันเพียงแค่ไม่เคยเข้าใจวิธีใช้ เมื่อเห็นภูตหยินด้านหน้าสาธิตวิธีการใช้จิตสำนึก จั่วม่อรู้สึกคล้ายหน้าต่างกระดาษถูกเจาะขาดอย่างง่ายดาย
จิตสำนึกสายหนึ่ง ควบแน่นจนมีรูปร่างประดุจเข็ม เจาะเข้าไปในไข่มุกหยิน
แต่คาดไม่ถึงว่าปราณหยินด้านในไข่มุกจะเข้มแข็งถึงปานนั้น จิตสำนึกสายนั้นอ่อนแอเกินไป แต่จั่วม่อย่อมไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้กับเรื่องเพียงแค่นี้ มันรีบแบ่งแยกจิตสำนึกออกเป็นหลายสาย จากนั้นผสานรวมเป็นเส้นเดียว เจาะเข้าไปในไข่มุกหยินอีกครั้ง!
ทันทีที่จิตสำนึกผ่านเข้าสู่ภายในไข่มุกหยิน จั่วม่อทันใดนั้นก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นตาตื่นใจ!
มันคล้ายอยู่ในโลกสีเทาใบหนึ่ง ทั่วร่างกายรายล้อมไปด้วยปราณหยินเข้มข้น เย็นเยือกและแปลกพิสดาร
จั่วม่อจิตใจพร่ามัวเลื่อนลอย จนกระทั่งรู้สึกถึงพื้นแข็งที่ใต้ฝ่าเท้า พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมา!
จิตสำนึกที่เข้าสู่ไข่มุกหยินมาจากตัวมันเอง ความรู้สึกที่ย้อนทวนมาขัดแย้งกับจิตสำนึกของมัน นี่ทำให้เกิดความมึนงงอย่างฉับพลัน
กล่าวไปยากจะอธิบาย แต่ความจริงเป็นเวลาเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว
ตรงหน้าภูตหยินปรากฏหนามหยินสีน้ำหมึกแท่งหนึ่ง ด้วยรูปทรงและเฉดสีเช่นนี้ จั่วม่อรู้สึกถึงบรรยากาศชวนอกสั่นขวัญแขวนและไม่น่าไว้วางใจอย่างแรงกล้า โชคดีที่ ’หนามหยิน’ ของจั่วม่อก็ก่อรูปขึ้นมาในเวลาเดียวกัน กล่าวไปก็น่าประหลาด ไข่มุกหยินยังคงอยู่ในรูปร่างของไข่มุก แต่เปลี่ยนจากสีเทาเป็นผลึกใสกระจ่างที่ไม่มีริ้วรอยใด
แม้ว่าจั่วม่อจะลอกเลียนทุกขั้นตอนที่ภูตหยินทำ แต่ที่จริงก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าใด มันปลุกปลอบใจซัดไข่มุกผลึกใสออกไป
ภูตหยินก็ยิงหนามหยินของมันออกมาพร้อมกัน
หนามหยินสีน้ำหมึกพุ่งออกมารวดเร็วจนเห็นเพียงเงา เสียงแหวกอากาศหวีดแหลม ประหนึ่งเสียงทารกร่ำไห้หวนโหย ปราณหยินกระเพื่อมเป็นระลอก
เห็นพลังสภาวะอันดุดันของฝ่ายตรงข้าม จั่วม่อนึกหวั่นใจ มือขวากระชับกระบี่หยดน้ำไว้แน่น บังคับตัวเองให้เยือกเย็นลง ตั้งใจไว้ว่าหากเห็นผิดท่า จะใช้เพลิงธาราผลาญฟ้าออกไปอย่างไม่รีรอ ต่อให้ต้องทนรับอาการบาดเจ็บก็ตาม! ก่อนหน้านี้ที่มันโคจรปราณย้อนกลับ ก็ได้รับบาดเจ็บภายในไม่เบาแล้ว หากใช้เพลิงธาราผลาญฟ้าออกมาอีก อาการบาดเจ็บภายในจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม แต่มันไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
ชั่วขณะนี้เอง มันพลันค้นพบว่า สิ่งที่ในหัวใจมันไว้วางใจที่สุด คือกระบวนท่าเพลิงธาราผลาญฟ้า แม้ผูเยาจะเคยอวดโอ่ถึงพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของมุกหยินประลัยกัลป์ แต่มันไม่เคยใช้มาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็น มิหนำซ้ำในกระบวนการหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์เม็ดนี้ ก็เกือบจะล้มเหลวกลางครัน จั่วม่อไม่แน่ใจว่าพลังอำนาจของมันจะลดลงหรือไม่
ส่วนยันต์ทหาร มันเคยรับทราบพลังอันร้ายกาจมาด้วยตนเอง เป็นสิ่งของที่ดีจริงๆ แต่เจ้าสิ่งนี้ต้องใช้เวลาในการท่องมนตราและร่ายเวทวิชา หากเผชิญสถานการณ์คับขัน ไหนเลยจะมีเวลามากมายปานนั้น
มีเพียงเพลิงธาราผลาญฟ้าเท่านั้น ตราบใดที่กระบี่หยดน้ำยังอยู่ในมือ มันสามารถใช้ท่าไม้ตายนี้ได้ทุกเมื่อ
จั่วม่ออดฝืนยิ้มในใจไม่ได้ เพลิงธาราผลาญฟ้าการใช้ออกมาไม่ใช่เรื่องยากอันใด แต่จะอย่างไรมีข้อจำกัดที่ระดับพลังบำเพ็ญเพียรของมัน หากไม่ระมัดระวังสักหน่อย อาจได้รับบาดเจ็บได้ง่ายๆ มันตกลงใจว่าหลังจากรอดกลับไปคราวนี้ จะต้องลองศึกษาหาไม้ตายช่วยชีวิตให้มากกว่านี้อย่างแน่นอน
พริบตาดุจประกายไฟ จั่วม่อละทิ้งความคิดเหลวไหลทั้งหมดไว้ทางด้านหลัง สมาธิจิตใจจดจ้องอยู่กับหนามหยินสีน้ำหมึกแท่งนั้น
ไข่มุกผลึกใสลอยออกไปเงียบๆ กรีดวาดเป็นเส้นโค้งที่พบได้ดาษดื่น ไม่มีสุ้มเสียง ไม่มีพลังสภาวะ แตกต่างกันสุดขั้วกับหนามหยินทมิฬดำที่กอรปด้วยพลังสภาวะกร้าวแกร่งสะท้านใจ เมื่อมันพุ่งผ่าน ปราณหยินรอบบริเวณก็ฉีกขาดเป็นทาง ลมเย็นเยียบม้วนกระโชก หมุนคว้างกวาดไปทั่ว จั่วม่อมิเพียงเสื้อผ้าปลิวสะบัด ยังเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ เสียงสะอื้นโหยหวนกรีดแหลมมาจากทุกทิศทุกทาง ความมืดและหนาวเหน็บทะลวงเข้ามาจากทุกรูขุมขน หากเป็นคนอ่อนแอสักหน่อย ตกอยู่ในพลังสภาวะเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ความคิดต่อต้านสักเล็กน้อยยังไม่มี
ในมุมถ้ำด้านหนึ่ง ผูเยาเบิ่งตามองอย่างโง่งม ชมดูหนึ่งไข่มุกหนึ่งหนามหยินปะทะกันอย่างถนัดถนี่
ฟุ่บ!
ไม่มีการระเบิดอย่างรุนแรงเหมือนที่คาดไว้ ไม่มีแสงสว่างจ้าอย่างที่น่าจะเป็น มีเพียงเสียงดังสดใสประหนึ่งฟองอากาศแตกเบาๆ
แต่ภายใต้เสียงดังสดใสนี้เอง เสียงหอนโหยหวนก็หยุดลงในทันที ความมืดเย็นเสียดกระดูกหายวับไปอย่างฉับพลัน
จั่วม่อผู้ยืนกุมกระบี่ตระเตรียมสู้สุดชีวิต ได้แต่ยืนอึ้งงันอยู่กับที่
ชั่วพริบตาที่ปะทะกัน ไข่มุกผลึกใสแปรเปลี่ยนเป็นลูกแสงใสกระจ่างลูกหนึ่ง หนามหยินทมิฬดำที่น่าแตกตื่นสะท้านใจ กลับถูกลูกกลมแสงสดใสนี้ละลายหายไปในชั่วพริบตา ลูกแสงสว่างไสวพุ่งตรงเข้าหาภูตหยินเป็นลำดับถัดไป ภูตหยินตัวนั้นประหนึ่งกลายเป็นอัมพาต นิ่งสนิทไม่ไหวติง ปล่อยให้ลูกแสงซัดใส่ร่างมันอย่างง่ายดาย
ภูตหยินถูกทำร้าย กระทั่งร้องไม่ยังร้อง ร่างกายละลายอย่างรวดเร็วดั่งมนุษย์หิมะ แล้วสลายหายไปพร้อมๆ กับลูกแสง ไม่เหลือร่องรอยใดทิ้งไว้เบื้องหลัง
ขณะที่ลูกกลมแสงสลายไป จั่วม่อสมองขาวว่างเปล่า
หลังจากนั้นสักครู่ จั่วม่อจดจ้องไปบนพื้นที่ว่างๆ ตรงนั้นอย่างมึนงง
นี่...เกิดอันใดขึ้น?
พริบตาที่ลูกแสงกับภูตหยินตายตกตามกันไป เบื้องหลังจั่วม่อ ผูเยาม่านตาหดแคบลง แต่กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
“ผู นี่...มันอะไรกัน?” จั่วม่อหมุนตัวกลับ ตะกุกตะกักถาม มันคาดเดาผลลัพธ์ไว้หลากหลาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้ากลับไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น
ผูเยากล่าวอย่างดูหมิ่น “แมวตาบอดบังเอิญวิ่งชนหนูตาย”
จั่วม่อย่อมไม่ยอมรับคำอธิบายที่ไร้ความรับผิดชอบของผูเยา มันนำไข่มุกหยินออกมาอีกเม็ดหนึ่ง ประจุจิตสำนึกเข้าไปภายใน จนกระทั่งไข่มุกหยินกลับกลายเป็นไข่มุกผลึกใสอีกครั้ง ก็สุ่มซัดออกไป
ฟุ่บ! ไข่มุกผลึกใสกระทบใส่พื้น ลูกแสงสว่างวาบ จากนั้นหายวับไป ไม่มีแม้แต่หลุมเล็กๆ ทิ้งไว้บนพื้นถ้ำ
นอกจากความมึนงงสักหน่อย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก จั่วม่อได้แต่เหม่อมองอย่างโง่งม
“ฮ่าฮ่า!” ผูเยาแหกปากหัวร่อดังสนั่น
เป็นแค่โชคดีเหมือนแมวตาบอดวิ่งชนหนูตายจริงๆ หรือ? จั่วม่อไม่อยากจะเชื่อ หรือว่าเจ้าสิ่งนี้มีผลกระทบต่อภูตหยินเท่านั้น?
“ไม่ง่ายเลย ที่จะได้พบกับภูตหยินที่คุณภาพค่อนข้างดีเช่นนี้ แล้วเจ้าก็เป่ามันหายวับไป” ผูเยากล่าวคล้ายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พลางซัดจิงสือออก จั่วม่อรู้สึกฉากตรงหน้ากระพริบวาบ จากนั้นพวกมันกลับมายังห้องศิลา
ทันทีที่กลับมาถึง ผูเยากลับเข้าไปยังทะเลแห่งจิตสำนึก นั่งลงบนป้ายหินสุสานตามเดิม พริ้มตาหลับลง จั่วม่อเข้าใจว่าเจ้าผู้นี้อาจสวาปามมาจนอิ่มล้น เวลานี้จำต้องใช้เวลาย่อยสลาย
กลับมาถึงห้องหินที่คุ้นเคย จั่วม่อรู้สึกหนังตาหนักอึ้งขึ้นมา วันนี้ทั้งวันมันอยู่ในสภาพตื่นตัว ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประมือกับภูตหยินตัวสุดท้าย มันเกือบจะใช้เรี่ยวแรงไปจนหมด ไม่ใส่ใจว่าพื้นหินจะชื้นแฉะหรือเย็นเฉียบ มันนอนหลับไหลไปบนพื้นหินนั้นเอง
“อย่าได้ลืมเลือน!”
“ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่อาจลืม!”
ขณะที่จั่วม่อจมอยู่ในความฝัน แสงสีเขียวอบอุ่นอ่อนโยนส่องออกจากกลางอกของมัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นกระแสบางเบา แผ่ซ่านไปทั่วแขนขาและอวัยวะภายในร่าง
ผูเยานั่งอยู่บนป้ายหินสุสาน ทอดตามองไปยังความว่างเปล่าอันห่างไกลอย่างเย็นชา
งานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ ยอดฝีมืออายุเยาว์ที่ส่องประกายเตะตาผู้คนทยอยปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกมันแต่ละคนล้วนมีบุคลิกภาพพิเศษเฉพาะ ทำให้งานชุมนุมวิจารณ์กระบี่หนนี้เต็มไปด้วยสีสันอันน่าสนใจ ผู้ฝึกตนอายุเยาว์ชมชอบบุกโจมตี ไม่ค่อยเน้นไปทางป้องกัน ภาพที่พบเห็นได้ทั่วไปในรอบคัดเลือก คือเปลวไฟและลำแสงกระจัดกระจายไปทั่ว
นี่เป็นเพียงการประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่รอบคัดเลือกเท่านั้น เหล่าซิวเจ่ออายุเยาว์เร่งรุดมายังตงฝูมากขึ้น มากขึ้นทุกขณะ.
จากไร้ชื่อเสียงนาม กลับกลายเป็นโด่งดังชั่วข้ามคืนไปทีละคนๆ
จั่วม่อลืมตาตื่น ตะกายขึ้นจากพื้นหินแข็งเย็นชื้น มันยืดเส้นยืดสาย และรู้สึกว่าเรี่ยวแรงฟื้นกลับมาเต็มเปี่ยม กวาดตามองไปรอบๆ ห้องศิลาเงียบสงบและเย็นเยือก โดยไม่รู้ตัว มันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเส้นชีพจรปราณในห้องศิลาอีกต่อไป สถานที่แห่งนี้รวมทั้งเส้นชีพจรปราณกลายเป็นห้องหลอมกลั่นของมันไปเสียมากกว่า ประการแรกเพราะที่นี่เงียบสงบ ไม่มีใครรบกวนมัน ประการที่สองคือบ่อน้ำพุปราณเป็นสถานที่อันดีงามสำหรับวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ
มันกวาดตามองโอสถปราณในบ่อน้ำพุปราณรอบหนึ่ง พลางวางกระบี่หยดน้ำลงไปในบ่อน้ำพุ เพื่อหล่อเลี้ยงบำรุง แม้ว่าวิธีการนี้ไม่ใช่ว่าจะเห็นผลชัดเจนนัก แต่อาจเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของกระบี่หยดน้ำจากรากฐาน
จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น มันนั่งไขว้ขาท่าดอกบัว จมลงในห้วงความคิด
การท่องชมถ้ำกระบี่หนนี้ มันนับว่าได้รับประโยชน์มหาศาล
วิธีใช้แผ่นจานค่ายกล จุดเด่นจุดด้อยของแผ่นจานค่ายกลแต่ละชิ้น รวมถึงการขโมยวิธีสร้างหนามหยินจากภูตหยิน แม้ว่ามันไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงผลลัพธ์ของไข่มุกหยินที่สร้างขึ้นจากการลอกเลียน แต่ก็ทราบดีว่าของสิ่งนี้สามารถใช้การได้ดี เพียงแต่มันยังไม่เข้าใจเท่านั้น นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน คือการที่พบว่ามันยังไม่มีไพ่ตายสำหรับช่วยชีวิต การผสมผสานกระบวนท่า เวทวิชา และค่ายกลระดับต่ำอาจทรงพลานุภาพ แต่จำเป็นต้องอาศัยการจัดเตรียมสำหรับสถานการณ์ต่างๆ หากประสบอันตรายร้ายแรงอย่างกะทันหัน มันย่อมไม่มีเวลาพิจารณาจัดชุดเวทวิชาและค่ายกลที่เหมาะสมออกมาใช้ได้ทันการณ์
ยิ่งไปกว่านั้น ยันต์ทหารยังสามารถใช้ได้อีกเพียงครั้งเดียว อีกทั้งมีจุดอ่อนที่ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งกว่าจะสามารถสำแดงฤทธิ์ นั่นหมายความว่าในยามคับขันไม่สามารถพึ่งพาได้เลย
สิ่งเดียวที่มันสามารถพึ่งพาอาศัยอย่างแท้จริงคือกระบี่หยดน้ำ แต่จะอย่างไร เพียงแค่กระบี่หยดน้ำเล่มเดียว อาจไม่ปลอดภัยเพียงพอ
เซียนกระบี่ที่แท้จริงจะเชื่อมั่นในกระบี่บินและเพลงกระบี่ของมันอย่างสุดขั้ว ดังเช่นศิษย์พี่เหวยเสิ้ง แต่คนประเภทนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถนับจั่วม่อรวมเข้าไปได้ มันไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเซียนกระบี่แท้ ย่อมไม่มีที่ถือดีถึงเพียงนั้น
สายตาของมันตกลงบนมุกหยินประลัยกัลป์
มุกหยินประลัยกัลป์เม็ดนี้ กว่าจะหลอมสร้างขึ้นมาได้ ต้องยากลำบากและทนทุกข์ทรมานไม่น้อย ย่อมไม่อาจหักใจใช้งานมุกหยินประลัยกัลป์ที่สร้างมาอย่างเลือดตาแทบกระเด็นนี้ได้ ดังนั้นมันไม่เคยทราบชัดถึงพลังของมุกหยินประลัยกัลป์ หลังจากวันเวลาที่ใช้ไปกับวัตถุดิบหลากหลายในตงฝู ความสามารถในการควบคุมไฟหินงอกของมันก้าวหน้าไปอีกขั้น รวมกับการหนุนเสริมจากค่ายกลเพลิง มันมีความมั่นใจว่าสามารถหลอมสร้างมุกหยินประลัยกัลป์ที่สมบูรณ์มากขึ้นได้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน การท่องชมถ้ำกระบี่และประสบอันตรายในคราวนี้ ทำให้มันตระหนักถึงความสำคัญของไพ่ตายช่วยชีวิต ในช่วงเวลาวิกฤติ หากในแขนเสื้อมีไพ่ลับสักหนึ่งหรือสองใบ อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
จั่วม่อเดินทางไปยังหุบเขาที่ร้างไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง ห่างไกลจากภูเขาสุญตาร่วมสองร้อยลี้ ต้นไม้เก่าแก่โบราณในหุบเขาสูงเสียดฟ้า ปกคลุมทุกอย่างไว้ภายใต้ร่มเงาของมัน
ไข่มุกหยินเคยทำให้มันตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต มันเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าสิ่งของนี้ไม่สามารถให้ผู้ใดพบเห็น และยิ่งต้องระมัดระวังให้มากไว้
เมื่อได้ตำแหน่งยืนที่ดี จั่วม่อนำมุกหยินประลัยกัลป์สุดรักสุดหวงออกมา ลวดลายเมฆบนไข่มุกงดงามถึงที่สุด
ภายในตำรามุกหยินประลัยกัลป์ แสดงวิธีการใช้แปลกประหลาดหลายแบบในการใช้มุกหยินประลัยกัลป์ ที่ผ่านมา เนื่องเพราะมันไม่มีมุกหยินประลัยกัลป์ จั่วม่อจึงไม่เคยใส่ใจศึกษาอย่างจริงจังนัก แต่คราวนี้มันตั้งใจครุ่นคิดมากกว่าเดิม รีบเลือกกระบวนท่าลับที่เรียกว่า ‘ดรรชนีดีดซัด’ ออกมาท่าหนึ่ง กระบวนท่าลับนี้ตรงกับความต้องการของจั่วม่อพอดี นั่นคือกระบวนท่าดรรชนีเรียบง่ายและค่อนข้างทรงพลัง
มันฝังตัวอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ตามลำพัง ฝึกปรือดรรชนีดีดซัดอย่างคร่ำเคร่ง
ดรรชนีดีดซัดไม่ได้ซับซ้อน สร้างขึ้นจากท่วงท่าเคลื่อนไหวของนิ้วทั้งห้า แต่วิธีโคจรและควบคุมพลังปราณซับซ้อนอยู่บ้าง นับว่าโชคยังดี แม้ว่าจั่วม่อมีพลังบำเพ็ญเพียรจำกัด แต่ความสามารถในการควบคุมพลังปราณกลับเด่นล้ำ ระดับความยากลำบากเพียงเท่านี้ สำหรับมันถือว่าเป็นเพียงเป็นปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น
หนึ่งชั่วยามให้หลัง ฝีมือดรรชนีดีดซัดของมันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง พอผ่านไปอีกสองชั่วยาม ก็แตกฉานเป็นพิเศษ
มันรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ก็หยุดการฝึกฝน
จั่วม่อกระหายใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง รีบใช้ดรรชนีดีดซัด ซัดมุกหยินประลัยกัลป์ลูกนั้นออกไป... จะมีพลังอำนาจเช่นไรกันหนอ?