TXV – 163 อายุน้อย ?
TXV – 163 อายุน้อย ?
เฉินตูเทียนหยินชื่นชมเซี่ยเหล่ยแล้วกู๋เค่อหวู่ก็ยื่นนามบัตรให้กับเซี่ยเหล่ยอีก เขาพูดว่า “คุณเซี่ย นี่คือนามบัตรของผมซึ่งมีเบอร์โทรศัพท์อยู่ด้วย ไว้ไปดื่มชากันหากมีเรื่องธุรกิจสามารถติดต่อผมได้เลย ผมยินดีอย่างมากที่จะร่วมงานกับบริษัทยิ่งใหญ่เช่นนี้”
“ขอบคุณครับ” เซี่ยเหล่ยรับนามบัตรด้วยมือทั้งสองข้างเขาก็รู้ว่ากู๋เค่อหวู่พยายามแสดงทีท่าเป็นมิตรต่อหน้าเฉินตูเทียนหยิน
กู๋เค่อหวู่นั้นไม่มีทางเป็นเพื่อนกับเซี่ยเหล่ยแน่นอนเพราะเขาซื่อสัตย์ต่อตระกูลและทุ่มเทให้กับฮวงยี่หู่ประหนึ่งสุนัขประจำตัว เซี่ยเหล่ยคิดต่อว่าหากไม่ได้มีการประชุมครั้งนี้ กู๋เค่อหวู่คงไม่มีทางให้นามบัตรกับเขาแน่นอน
เขาพลิกนามบัตรดูมันเขียนว่ากู๋เค่อหวู่ทำงานอยู่ในบอร์ดของบริษัทนอส์ซ
“คุณเซี่ย ผมเคยได้ยินมาว่าคุณเคยเป็นคนสนิทของหนิงเหยี่ยซาน ?” เฉินตูเทียนหยินพูดเสียงเบาต่อว่า “สาเหตุจริงๆที่ฉันชวนคุณมาคุยคือฉันอยากคุยเรื่องหนิงเหยี่ยซานกับคุณ” เมื่อเซี่ยเหล่ยได้ยินชื่อนี้ทำให้เขาอึ้งไปสักครู่หนึ่ง......
“คุณก็รู้ว่าบริษัทเหวี้ยนเทียนและบูรพาอุตสาหกรรมร่วมกันลงนามโรงงานไฟฟ้าพลังลมโดยบูรพาอุตสาหกรรมจะจัดหาอุปกรณ์ให้กับเราแต่ว่าหนิงเหยี่ยซานถูกจับกุมอยู่ทำให้ทางบูรพาอุตสาหกรรมขาดผู้นำที่สำคัญในตอนนี้ เรากำลังรออุปกรณ์ล็อตสุดท้ายอจากพวกเขาแล้วบูรพาอุตสาหกรรมไม่น่าจะส่งของพวกนี้ให้เราทันเวลา ฉันกังวลใจเรื่องนี้มาก คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ซะด้วยพอให้คำแนะนำได้ไหม ?” เฉินตูเทียนหยินมองเซี่ยเหล่ยด้วยความคาดหวัง
เซี่ยเหล่ยอยู่ในสถานการณ์ที่หนิงเหยี่ยซานโดนจับแล้วเขายังต่อยเหยี่ยนเหวินเฉียนล้มคว่ำอีก เฉินตูเทียนหยินจะไม่รู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไงถึงแม้ว่าเธอไม่ได้พูดว่าเซี่ยเหล่ยเกี่ยวข้องกับการจับกุมหนิงเหยี่ยซาน คิดว่าเธอที่เฉลียวฉลาดขนาดนี้จะไม่รู้ ? เธอเลือกที่จะไม่พูดต่างหาก
เซี่ยเหล่ยพูดไปว่า “คุณเฉินตู ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ ผมเลยไม่กล้าแนะนำคุณเครับ หากเป็นไปได้คุณช่วยเล่าแบบลงรายละเอียดให้ผมฟังได้ไหมถึงตอนนั้นผมอาจจะช่วยแนะนำคุณได้”
เฉินตูเทียนหยินพยักหน้าเงียบๆ แล้วเธอปริปากว่า “ไว้คุยกันต่อพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ จะคุยที่นี่ก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่” เซี่ยเหล่ยยิ้มพอใจในคำตอบของเธอ
กู๋เค่อหวู่ถอนหายใจเสียงดังเขาพูดเยาะเย้ยว่า “เทียนหยิน บริษัทเหวี้ยนเทียนมีคนเก่งตั้งเยอะตั้งแยะ ยังต้องมาขอคำแนะนำจากคุณเซี่ยอีกหรอ ?”
เฉินตูเทียนหยินตอกกลับว่า “คุณพูดแบบนี้ เพราะว่าคุณไม่รู้จักคุณเซี่ยล่ะสิ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นที่สุดถึงทางบริษัทเหวี้ยนเทียนจะมีคนเก่งหลายคน แต่คนที่เก่งที่สุดก็ไม่อาจเทียบกับคุณเซี่ยได้มันก็ไม่ผิดที่ฉันอยากปรึกษาคุณเซี่ย !”
กู๋เค่อหวู่พูดโจมตีเฉินตูเทียนหยินหลายรอบแล้วทำให้เธอพูดตอบด้วย้ำเสียงไม่พอใจ.......
เขายิ้มแล้วพูดต่อว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติแทนคุณเซ่ยที่ได้ยินเช่นนี้ หวังว่าเราจะได้ดื่มชารสดีๆกันอีกหลายๆโอกาสนะครับ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มตอบกลับไปว่า “คุณกู๋ ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันครับ”
เฉินตูเทียนหยินพูดเช่นกันว่า “อย่าเสียมารยาทละกัน”
ทันใดนั้นมีชายตัวเตี้ยพาชาวต่างชาติผมบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้า เดินมาที่โต๊ะเขาเป็นชายอายุประมาณ 50 ปีใส่เสื้อผ้าสไตล์ตะวันตกที่หลวมๆสบายๆมีสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณลุง เชิญนั่งค่ะ” เฉินตูเทียนหยินพูดเชิญตามมารยาท
“ลุงหยี่ เชิญนั่งเลยครับ” กู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวินรีบพูดทักทาย
“เค่อหวูและเค่อเหวินเราคนกันเอง ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมายหรอก” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเหล่ยเพิ่งเจอชายคนนี้ครั้งแรกเขาจึงไม่กล้าทักก่อนเซี่ยเหล่ยเลยฟังเฉินตูเทียนหยินเรียกชื่อเซี่ยเหล่ยเลยรู้ว่าเขาชื่อ ‘เฉินตูหยี่’
เฉินตูเทียนหยินแนะนำเซี่ยเหล่ยให้เขารู้จัก “คุณเซี่ย นี่คือคุณลุงคนที่สองของฉัน ชื่อว่าเฉินตูหยี่ค่ะ”
เซี่ยเหล่ยยืนมือไปทักทายพร้อมรอยยิ้ม “คุณเฉินตูหยี่ ยินดีที่รู้จักครับผมชื่อว่าเซี่ยเหล่ย”
“เซี่ยเหล่ย?” เฉินตูหยี่พูดแค่สองคำโดยรอดูท่าทีตอบกลับของเซี่ยเหล่ย.....
เซี่ยเหล่ยนั่งลงอย่างประหม่าเขาเห็นกู๋เค่อเหวินแอบยิ้มที่มุมปากเธอดูพอมีความสุขที่เขาอารมณ์เสียแบบนี้ส่วนกู๋เค่อหวู่อยู่นิ่งๆ เขายิ้มอ่อนตามปกติ
เซี่ยเหล่ยแอบคิดในใจว่า ‘หากเทียบกันแล้ว กู๋เค่อหวู่ดูสุภาพกว่ากู๋เค่อเหวินมาก’
เฉินตูหยี่พูดขึ้นว่า “เทียนหยิน ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับวิศกรไฟฟ้าที่เชิญมาจากประเทศเยอรมนี เขาชื่อว่า ‘มิสเตอร์คอนส์ราด’ เขาจะมาช่วยเราแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้”
“ยินดีที่ได้รู้จักกับพวกคุณทุกคนครับ” คอนส์ราดยื่นมือมาทักทายเฉินตูเทียนหยิน
เฉินตูเทียนหยินทำตัวไม่ถูกแต่ก็รีบลุกขึ้นยืนจับมือกับคอนส์ราด เธอพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณคอนส์ราด”
“เชิญนั่งครับ คุณคอนส์ราด” เฉินตูหยี่ขยับเก้าอี้ให้คอนส์ราด
“ครับ” คอนส์ราดตอบด้วยสำเนียงจีนแปลกๆ
เฉินตูหยี่และคอนส์ราดนั่งลง เซี่ยเหล่ยเพ่งมองสำรวจคอนส์ราดแล้วคิดในใจว่า ‘เฉินตูหยี่เรียกคอนส์ราดมาช่วยแก้ปัญหาอะไรกัน?ส่วนเฉินตูเทียนหยินก็นัดเราพรุ่งนี้อีก เธอยากปรึกษาบางอย่างกับเราหรือว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวกัน’
คอนส์ราดพูดว่า “หลานสาวคุณดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่เลยนะครับ !”
เฉินตูหยี่พยักหน้ากลับเซี่ยเหล่ยเหลือบไปมองเห็นว่าเฉินตูหยี่ใส่เครื่องรับฟังไว้ที่หู แล้วเขามีเครื่องอิเล็กคโทรนิคส์ขนาดเล็กอยู่ในกระเป๋าเสื้อเซี่ยเหล่ยคิดในใจว่า ‘เฉินตูหยี่’ น่าสงสัยเขาพาวิศกรเยอรมาที่งานเลี้ยงแล้วพกอุปกรณ์ที่พวกสายลับใช้กันมาด้วย เขามีแผนการไม่ดีหรือเปล่านะ ?’
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” เฉินตูเทียนหยินเพิ่งรู้ตัวว่าคอนส์ราดพูดถึงเธอ เธอกำลังกังเวลกับเรื่องหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังคุยกับเธอ
เฉินตูหยี่ส่ายหัวแล้วตอบว่า “เทียนหยิน ผมไม่เข้าใจวัฒนธรรมเยอรมันแล้วก็ไม่รู้ภาษาด้วย”
กู๋เค่อหวู่พูดเสริม “ผมก็ไม่เข้าใจภาษาเยอรมัน บังเอิญว่าไม่ได้เรียนตั้งแต่เด็กๆ”
เซี่ยเหล่ยได้ยินพวกนี้คุยกันแล้วเขารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ‘เห็นได้ชัดว่ามีคนช่วย เฉินตูหยี่แปลภาษาเยอรมันอยู่แต่เขาก็เข้าใจที่คอนส์ราดพูดทำไมเขาถึงบอกคนอื่นว่าไม่รู้สิ่งที่คอนส์ราดพูดล่ะ ?’
คอนส์ราดยิ้มเขาพูดเสียงกระท่อนกระแท่นว่า “คุณผู้หญิงสวยงามจริงๆ”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มตอบแต่เธอส่งสายตามาทางเซี่ยเหล่ย เธอรู้ว่าเขาพูดเยอรมันได้งั้นหรอ? เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่าคอนส์ราดใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายมากแต่เขาขอเก็บไว้คนเดียวดีกว่าไม่อยากเปิดเผยความลับนี้ให้ใครรู้
เฉินตูเทียนหยินพูดขึ้นว่า “คุณลุงไม่ได้บอกฉันว่าวิศวกรไฟฟ้าจะเป็นคนเยอรมันหนิ”
เฉินตูหยี่ตอบกลับ “เทียนหยิน ผมเห็นว่าเธอยุ่งๆอยู่ ผมคงไม่ใจร้ายจนมองข้ามไปว่าเธอขยันมากก็เลยขอให้คอนส์ราดเข้ามาช่วยอีกแรงทุกอย่างเพื่อบริษัทเหวี้ยนเทียนของเรา คุณคงไม่ว่าอะไรผมนะ”
เฉินตูเทียนหยินพยักหน้ารับ “ไม่ค่ะ คราวหน้าก็บอกฉันก่อน !”
เฉินตูหยี่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจ “ตามนั้น”
กู๋เค่อเหวินฟังแล้วพูดเบาๆว่า ‘น้องเทียนหยิน ลุงหยี่เชิญวิศกรไฟฟ้าจากประเทศเยอรมนีให้มาแก้ไข้ปัญหาจนสำเร็จ ฉันว่าก็ไม่ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญในประเทศแล้วมั้ง’
เซี่ยเหล่ยรู้เต็มหัวใจว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญในประเทศ’ หมายถึงเขาแน่นอนดูเหมือนว่ากู๋เค่อเหวินจะจิกกัดเขาทุกครั้งที่มีโอกาส !
เฉินตูเทียนหยินไม่ได้พูดอะไรตอบแต่สิ่งที่กู๋เค่อเหวินพูดทำให้เฉินตูหยี่สนใจ เขาทำหน้าซึมแล้วหันไปพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า “แล้วคุณจะช่วยเราแก้ปัญหาด้วยใช่ไหม?”
เซี่ยเหล่ยตอบว่า “ผมไม่ทราบว่าคุณเจอปัญหาอะไรแต่ผมคุยกับเทียนหยินแล้ว เธอบอกว่าอยากได้คำแนะนำจากผม”
เฉินตูหยี่พูดว่า “คุณยังเด็ก จะไปเชี่ยวชาญอะไรได้”
เซี่ยเหล่ยคิ้วขวดด้วยความไม่พอใจ “แล้วอายุเกี่ยวด้วยหรอครับ ?”
เฉินตูหยี่พูดฉุนเฉียวว่า “ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีมีปัญหาให้สะสางเยอะแล้วเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงบางคนที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยจะกล้าบอกว่าตัวเองเชี่ยวชาญไม่กลัวขายหน้าตัวเองหรือยังไง ?”
“เรียนจบมหาลัย?” กู๋เค่อเหวินพูดพร้อมรอยยิ้ม “ลุงหยี่ รู้มั้ยว่าคุณเซี่ยเรียนจบแค่มัธยมปลายเองเขาเป็นคนเก่งนะ สามารถเทียบขั้นกับนักเรียนมหาวิทยาลัยได้เลย”
“มัธยมปลาย?” เฉินตูหยี่ยิ้มเยาะเย้ย “เทียนหยิน เธอกล้าจะให้นักเรียนมัธยมปลายมาช่วยเราแก้ปัญหาเนี่ยนะ !”
เซี่ยเหล่ยพูดโพล่งขึ้นว่า “คุณเทียนหยินขอโทษนะครับ ดูเหมือนว่าผมจะไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้แล้ว ขอบคุณที่เชิญมาร่วมโต๊ะครับแต่ผมคิดว่ากลับไปนั่งที่เดิม น่าจะสบายใจกว่า”
เฉินตูเทียนหยินรีบพูดว่า “นั่งก่อนเถอะ” แล้วเธอชี้ไปที่เฉินตูหยี่ “ส่วนคุณ ลุกไปซะ”
เฉินตูหยี่หุบยิ้มแล้วหน้าตึงทันทีส่วนกู๋เค่อหวู่และกู๋เค่อเหวินมีสีหน้าตกใจ พวกเขาสองไม่นึกว่าเฉินตูเทียนหยินจะกล้าไล่ลุงของตัวเองไป
“เทียนหยิน...” เฉินตูหยี่พยายามทำหน้าปกติแต่ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้
เฉินตูเทียนหยินพูดเสียงเย็นช้าว่า “อยากให้พูดอีกครั้ง ? กรุณาออกไป”
เฉินตูหยี่ยืนจ้องน้องเธอ เขาเหลือบมองเซี่ยเหล่ยอีกทีก่อนเดินออกไป
“รอผมด้วย” คอนส์ราดรีบลุกเดินตามเฉินตูหยี่ไป
เซี่ยเหล่ยรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่นึกว่าเธอจะให้เขาอยู่แล้วไล่ลุงตัวเองไป เซี่ยเหล่ยมองเธอด้วยความซาบซึ้งแต่พอหันไปเห็นกู๋เค่อเหวิน....... เขารู้สึกว่าอยากจะใบหน้าสวยๆของเธอมีเลือดออกสะหน่อยคงจะดีไม่ใช่น้อย !
“แขกผู้มีเกียรติทุกคนครับในฐานะของตัวแทนจัดงานนี้ ทางรัฐบาลขอขอบคุณที่ท่านที่มาร่วมงานหลังจากจบการกินเลี้ยงเราจะมีการสัมมนาประชุมกันซึ่งเราจะคุยอย่างเปิดเผยในเรื่อง ศรษฐกิจของเมืองห่ายจูของเรา...” หู่ฮั่วประกาศดังทั่วห้อง
งานกินเลี้ยงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแต่เซี่ยเหล่ยกลับไม่รู้สึกอยากอาหารเลย
ติดตามตอนต่อไป........