TXV – 162 เฉินตูผู้ยิ่งใหญ่กับพี่น้องตระกูลกู๋
TXV – 162 เฉินตูผู้ยิ่งใหญ่กับพี่น้องตระกูลกู๋
ปาร์ตี้ถูกจัดขึ้นที่โรงแรม งานถูกแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนอาหารค่ำและปาร์ตี้ยามเย็น เดิมทีหู่ฮั่วตั้งใจจะจัดที่หอประชุมของรัฐบาลเขาไม่ต้องการให้ประชาชนเห็นภาพความฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองแต่เฉินตูเทียนหยินเสนอว่าบริษัทเหวี้ยนเทียนควรจ่ายค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดดังนั้นสถานที่ของงานเลี้ยงจึงเป็นโรงแรมคาร์ดิแกรนด์แทน โรงแรมแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเหวี้ยนเทียนซึ่งหมายความว่าเฉินตูเทียนหยินสามารถหาจัดงานเลี้ยงที่นี่ได้ตามใจชอบ
ปาร์ตี้นี้ใช้เงินจัดกว่า 1 ล้าน ถ้าเงินจำนวนนี้อยู่ในมือของเซี่ยเหล่ย เขาสามารถแบ่งเป็นโบนัสให้พนักงานหลายๆคน มื้ออาหารของเขาก็มี "แม่บ้าน" อย่างหลางซือเหยาทำให้กินแต่คนอื่นใช้เงิน 1 ล้านในการเชิญคนอื่นมาร่วมมื้ออาหารและพูดคุยกัน ซึ่งนับว่าเป็นความต่างที่ต่างแบบลิบลับ.............
หู่ฮั่วเล่าทั้งหมดให้เซี่ยเหล่ยฟังระหว่างทางไปยังงานของตัวเอง
เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหารเซี่ยเหล่ยกล่าว "ท่านนายกหู่ ผมต้องขอโทษจริงๆที่คุณต้องมารับผมเป็นการส่วนตัวแบบนี้ เย็นนี้คุณคงยุ่งมากจริงๆไม่จำเป็นต้องไปรับผมก็ได้ครับแค่นี้งานท่านก็เยอะพอแล้ว"
หู่ฮั่วกล่าวอย่างสุภาพ "ผมมีงานเยอะก็จริง งั้นเดี๋ยวผมไปจัดการอะไรก่อนแล้วจะกลับมาหาคุณอีกรอบ"
เมื่อหู่ฮั่วเดินไปเซี่ยเหล่ยก็นั่งลงที่มุมหนึ่ง มองรอบๆห้องอาหารเงียบๆที่นี่มีแขกเยอะพอสมควรแต่ละคนสวมเสื้อผ้าหรูหรา ดูอารมณ์ดี บางคนก็นั่งเงียบๆ บางคนก็คุยกันเบาๆที่นี่เป็นภัตตาคารที่มีแขกเป็นร้อยแต่ภาพรวมกลับค่อนข้างเงียบ.....
กวาดสายตามองรอบๆ เซี่ยเหล่ยก็ไปสะดุดกับทางเวทีชั่วคราว เขาเห็นเฉินตูเทียนหยินและข้างๆเป็นกู๋เค่อเหวิน เฉินตูเทียนหยินใส่ชุดเดรสสีมีสายคาด ผ้าไหมสีดำรวบผมขึ้นเป็นทรงบันและมีผ้าไหมสีม่วงสอดเอาไว้บรรยากาศเรียบง่ายมีเสน่ห์และสง่างาม ส่วนกู๋เค่อเหวินใส่ชุดเดรสสีแดงตัวสั้น ที่คอมีสร้อยเพชรล้ำค่านับสิบๆเม็ด เพชรเหล่านั้นประกายระยิบระยับใต้แสงไฟต่ำลงมาจากสร้อยคอ เป็นคอวีที่เผยให้เห็นผิวนุ่มขาวราวหิมะ เสน่ห์ของเธอกับเฉินตูเทียนหยินต่างกันอย่างสิ้นเชิง กู๋เค่อเหวินเหมือนดอกกุหลาบในสวนแต่เฉินตูเทียนหยินเหมือนกับดอกทิวลิปที่อยู่ติดกับปลายธารน้ำแข็ง
เฉินตูเทียนหยินและกู๋เค่อเหวินเป็นผู้หญิงในระดับเดียวกันแต่ทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าเป็นการแสดงออกเฉินตูเทียนหยินชนะอย่างขาดลอยแต่ถ้าเป็นเรื่องความเป็นผู้หญิง ความเซ็กซี่ ความมีเสน่ห์ เฉินตูเทียนหยินคงแพ้กู๋เค่อเหวินเธอก็สู้กู๋เค่อเหวินไม่ได้เช่นกัน
เมื่อได้เจอเฉินตูเทียนหยินอีกครั้ง เซี่ยเหล่ยก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อยบางครั้งเขาก็รู้สึกว่าอยากไล่ตามเธอหรืออยากอยู่กับเธออย่างช่วยไม่ได้แต่ครั้งนี้เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้น เซี่ยเหล่ยเพียงแต่ถอนหายใจกับความงามไร้ที่ติของเฉินตูเทียนหยิน ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงความเย็นชาและความสง่าหาที่ไม่มีใครเทียบได้ของเธอด้วย
ตอนนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทสีขาวก็เดินตรงเข้ามาหาเฉินตูเทียนหยินและกู๋เค่อเหวินแล้วนั่งลงข้างๆเฉินตูเทียนหยินแต่เธอไม่มีท่าทีไม่ชอบเขาเลย
ผู้ชายคนนั้นทั้งตัวสูงทั้งหล่อ หน้าตาดีแบบดาราเกาหลีใต้ระดับแถวหน้า คนหน้าตาดีเช่นเขา ต่อให้เป็นพ่อค้าแผงขายหมูในตลาดก็คงมีแฟนคลับเยอะแยะอยู่ดี
เขาเป็นใครกัน? เซี่ยเหล่ยคิดในใจ ตาซ้ายของเขาเริ่มทำงานโดยทันที สายตาโฟกัสไปที่คนทั้งสาม เป็นจังหวะเดียวกับที่กู๋เค่อเหวินเริ่มทักทายผู้ชายคนนั้น
"น้องชาย ทำไมเพิ่งมาล่ะ?" กู๋เค่อเหวินยิ้มหวาน
เซี่ยเหล่ยใช้วิธีอ่านปากทำความเข้าใจนั่นทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คือกู๋เค่อหวู่
กู๋เค่อหวู่พูดยิ้มๆ "ไม่คิดว่าผมยุ่งหน่อยหรอครับ? ที่บริษัทมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย ก็เลยมาสาย แต่ถ้าผมรู้ว่าคุณเทียนหยินอยู่ที่นี่ ผมคงเก็บงานไว้ทำพรุ่งนี้และรีบมาทันที"
ประโยคนี้ดูจะทำให้ใครหลายคนพอใจได้แต่ไม่ใช่สำหรับเฉินตูเทียนหยินเธอเพียงแค่ฟังมันผ่านๆไม่แม้แต่ยิ้มตอบกลับตามมารยาท
"จริงสิ คุณเทียนหยินตอนนี้ผมวางแผนจะก่อตั้งมูลนิธิรวบรวมเงินช่วยเหลือเด็กยากไร้น่ะครับ คุณสนใจอยากร่วมด้วยมั้ยครับ?" กู๋เค่อหวู่ไม่ได้สนใจความเย็นชาของเฉินตูเทียนหยินเขาดูเหมือนจะมีเรื่องหลายเรื่องมาคุยกับเธอด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าเหตุจะมาจากสีหน้าของกู๋เค่อหวู่ด้วยเช่นกันเฉินตูเทียนหยินพูดเสียงดัง "ขอบคุณค่ะ แต่เรามีมูลนิธิของตัวเองอยู่แล้วและเราก็ใส่ใจเรื่องปัญหาของเด็กยากไร้มาก่อนแล้วด้วย"
กู๋เค่อหวู่หน้าเจื่อนลงนิดหน่อยแม้เฉินตูเทียนหยินจะเย็นชามากแต่เขาก็ไม่ชอบคำพูดของเธอที่เพิ่งออกมาสักครู่นี้เท่าไหร่
"น้องชาย คุยเรื่องธุรกิจอีกทำไมน่ะ? วันนี้เทียนหยินยุ่งมาทั้งวันแล้วนะตอนนี้เธออยากพักผ่อนอยากให้เธอไม่พอใจงั้นเหรอ?" กู๋เค่อเหวินขยิบตาให้กู๋เค่อหวู่ราวกับว่าเธอกำลังสอนให้เขาเอาใจคนสวยเย็นชาอย่างเฉินตูเทียนหยินอยู่
กู๋เค่อหวู่เข้าใจได้ทันทีเขายิ้มออกมา "ผมขอโทษนะครับ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่แต่ผมเรียนรู้ได้นะครับ"
เซี่ยเหล่ยชาวาบที่หลังรู้สึกเหมือนเห็นอะไรน่าขนลุกถ้ามองเรื่องสถานะและลักษณะภายนอกเขาคงมีผู้หญิงรายล้อมอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังไม่เข้าใจความคิดผู้หญิง ? จริงๆถ้าทำแบบเขาการจะจีบเด็กสาวทั่วไปก็คงง่ายดายแต่ผู้หญิงเป็นผู้ใหญ่อย่างเฉินตูเทียนหยินนั้นไม่ง่ายแน่นอน
‘ตระกูลกู๋เกิดและเติบโตมากับสภาพแวดล้อมของอันธพาล กลุ่มแก๊งมาเฟียทำให้ร่ำรวยมากขึ้นเป็นไปเหรอว่าคนของตระกูลกู๋จะใสสะอาดประวัติไม่เปื้อนเลือดเลย? กู๋เค่อเหวินเป็นพวกหัวรุนแรง ไม่ต้องนึกภาพตระกูลกู๋ที่มีกู๋เค่อหวู่เป็นผู้นำตระกูลเลย เขาจะเป็นคนแบบไหน?’ ในหัวเซี่ยเหล่ยตอนนี้มีความคิดอยู่เยอะแยะไปหมด
เฉินตูเทียนหยินพูดเหมือนเดิม "เค่อเหวิน น้องชายคุณนี่เหมือนคุณเลยนะถ้าอยากจะสนิทกับฉัน เขาคงต้องเข้าคิวยาวเป็นกิโลเลยล่ะมั้ง? คุณควรเช็คเขาให้ดีกว่านี้นะไม่ก็หาพี่สะใภ้ที่ดีกับน้องคุณกว่านี้หน่อย"
กู๋เค่อเหวินพูดพร้อมรอยยิ้ม "พี่เทียนหยิน ฉันมีให้เลือกอีกหลายคนเลยล่ะแต่พี่ไม่รู้หรอก"
เฉินตูเทียนหยินเหมือนจะรู้ว่าคนที่พูดถึงเป็นใครเธอยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย......
ตอนนั้นเองชายชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องอาหารมองไปรอบๆแล้วเดินไปหาเฉินตูเทียนหยิน
เซี่ยเหล่ยจำเขาได้เพียงมองแวบแรกเขาคือพ่อบ้านตระกูลเฉินตู ‘ฟู่ฉวนฟู๋’ ตอนนั้นสายตาของเฉินตูเทียนหยินกวาดมาโดยไม่ได้ตั้งใจและสบตากับเซี่ยเหล่ยเข้าพอดี เธอกระพริบตามองเขาแต่ก็ไม่ได้ละสายตาไป
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างสุภาพแต่เขาอยู่ไกลเกินไปจึงไม่ได้ทักทาย
เฉินตูเทียนหยินไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย เพียงแต่จ้องเซี่ยเหล่ยอยู่อย่างนั้น
ฟู่ฉวนฟู๋เดินมายืนข้างๆเฉินตูเทียนหยินโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอ เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างแต่เซี่ยเหล่ยมองไม่เห็นปากเขาจึงไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร
เฉินตูเทียนหยินพยักหน้า แล้วยกนิ้วขึ้นชี้มาทางเซี่ยเหล่ย
ฟู่ฉวนฟู๋มองตามนิ้วมา แล้วเดินต่อมาตามนิ้วที่เธอชี้
ในใจเซี่ยเหล่ยตอนนี้แอบร้องออกมาเพราะคิดว่าต้องเจอปัญหาแล้วแน่ๆ แต่ใบหน้าเขายิ้มออกมารอจนฟู่ฉวนฟู๋เดินเข้ามาใกล้ แล้วจึงทักทายอย่างสุภาพ "คุณฟู่ ไม่ได้เจอกันเสียนาน ยังแข็งแรงนะครับ"
"ขอบคุณครับ" ฟู่ฉวนฟู๋ตอบรับอย่างสุภาพเช่นกัน "คุณผู้หญิงอยากให้คุณมานั่งด้วยกันน่ะครับ"
เซี่ยเหล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วปฏิเสธออกไป "ขอบคุณสำหรับคำชวนนะครับ แต่ไม่ดีกว่า ผมนั่งตรงนี้ดีแล้วครับ"
ฟู่ฉวนฟู๋ย่นคิ้ว "คุณเซี่ยครับ ปีนี้คุณผู้หญิงเพิ่งเชิญคุณเป็นคนที่ 5 จะปฏิเสธจริงๆเหรอครับ?"
เซี่ยเหล่ยเงียบไม่ได้ตอบอะไร
"ขอร้องล่ะครับ" ฟู่ฉวนฟู๋โค้งตัวลงเขาชิญอีกครั้งด้วยความสุภาพมากขึ้น
เซี่ยเหล่ยยิ้มเก้ๆกังๆก่อนลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปหาเฉินตูเทียนหยิน เขาไม่ได้อยากรักษาหน้าตาไว้แต่ก็ไม่อยากร่วมโต๊ะกับกู๋เค่อเหวินและกู๋เค่อหวู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเหตุผลที่เขายอมมาก็คือขี้เกียจอธิบายให้พ่อบ้านตระกูลเฉินตูฟังต่างหาก
กู๋เค่อเหวินเพิ่งเห็นเซี่ยเหล่ยตอนแรกเธอก็ยิ้มอยู่แต่เมื่อเห็นเขายิ้มก็หายไปทันทีสายตาคู่นั้นแสดงถึงความร้ายกาจออกมาเงียบๆ
กู๋เค่อหวู่เองก็มองมาที่เซี่ยเหล่ยเช่นกันแต่ท่าทีเขาต่างจากกู๋เค่อเหวินลิบลับ ใบหน้าเขายังคงรอยยิ้มเป็นมิตรเอาไว้ เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดทักทายเขาแต่เขาพยักหน้าทักทายเซี่ยเหล่ยก่อนนั่นทำให้เซี่ยเหล่ยต้องทักทายกลับตามมารยาท
เนื่องจากงานของไนท์มูฟสปอตอีควิชเมนต์ กู๋เค่อหวู่จึงไม่อาจทราบถึงสถานะของเซี่ยเหล่ยได้อีกทั้งเขายังไม่เคยเจอเซี่ยเหล่ยมาก่อน ความรู้สึกแรกของเขาคือไม่รู้จักคนแปลกหน้าอย่างเซี่ยเหล่ยแต่จริงๆเขาก็เหมือนจะมีความประทับใจในตัวเซี่ยเหล่ยเล็กๆเพราะเซี่ยเหล่ยดูไม่มีพิษมีภัยใดๆกับเขาเลย
อย่างไรก็ตามยิ่งกู๋เค่อหวู่เป็นแบบนี้ ในขณะที่เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่าเขาเก็บซ่อนอารมณ์มากเช่นกัน บุคคลิกพร้อมรอยยิ้มแบบนี้ฆ่าผู้คนมานับไม่ถ้วนแล้ว !
เฉินตูเทียนหยินกล่าว "คุณเซี่ย นั่งก่อนสิ"
"ขอบคุณครับ สวัสดีครับ" เซี่ยเหล่ยพยายามทักทายอย่างสุภาพแล้วนั่งฝั่งตรงข้ามกับทั้ง 3 คนแยกตัวเองออกมาด้วยระยะห่าง
"คุณเซี่ยเหรอ? โอ้!" กู๋เค่อหวู่พูดด้วยรอยยิ้ม "ผมว่าแล้ว เราเพิ่งมีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองในเมืองห่ายจูชื่อเซี่ยเหล่ย นั่นคงเป็นคุณใช่มั้ย?"
เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะรู้ถึงรากถึงโคนแล้วแต่กู๋เค่อหวู่ก็ยังมีท่าทีเหมือนเดิม เขาช่างคาดเดายากจริงๆ
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า "ก็แค่ธุรกิจเล็กๆน่ะครับ ฮ่าฮ่า"
"สวัสดีเพื่อน !" กู๋เค่อหวู่ยืนขึ้นแล้วยื่นมือมาหาเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยืนขึ้นตามจับมือกับเขา "สวัสดีครับ เป็นเกียรติมากที่ได้เจอคุณ...... คุณชื่ออะไรครับ?"
เซี่ยเหล่ยถามแม้จะรู้อยู่แล้ว
"ผมชื่อ ‘กู๋เค่อหวู่’ " กู๋เค่อหวู่ยิ้มแย้ม
ชายทั้งสองจับมือกันแล้วนั่งลงหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
ในที่สุดกู๋เค่อเหวินก็พูดแหวกความเงียบขึ้นมา "น้องชาย อย่าดูแคลนคุณเซี่ยเขาสิ เขาเป็นถึงคนสำคัญเชียวนะ 6 เดือนก่อนน่ะเขาเป็นคนเดียวที่ทำงานในไซต์ก่อสร้างแต่ผ่านไปไม่นาน เขาก็มีบริษัทเป็นของตัวเองแล้วนะครั้งล่าสุดฉันก็เกือบแพ้เขาแล้วด้วย"
ความร่ำรวยของเซี่ยเหล่ยอาจจะมองเป็นปาฏิหารย์ก็ได้ เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงและคุ้มค่ากับการพูดเกินจริงของทุกคนอย่างไรก็ตามแม้กู๋เค่อเหวินจะพูดเหมือนยกย่องเขาแต่จริงๆแล้วคำพูดเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยการดูถูกและถากถาง เจ้าของธุรกิจส่วนตัวเล็กๆจะมานั่งร่วมโต๊ะกับประธานบริษัทเหวี้ยนเทียนและผู้จัดการอีก 2 คนของบริษัทนอส์ซได้ยังไง?
การดูถูกแบบนี้ไม่ทำให้เซี่ยเหล่ยแสดงท่าทีใดๆออกมาเฉินตูเทียนหยินเลิกคิ้วเล็กน้อย "เค่อเหวิน ฉันไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นะ ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิหลิวปังแห่งราชวงศ์ฮั่นก็เป็นเพียงเกษตรกรหลังจากนั้นก็ได้เป็นจักรพรรดิ ตระกูลเฉินตูของฉันและตระกูลกู๋ของคุณเป็นแค่ครอบครัวธรรมดา ที่เรามีทุกวันนี้ได้เพราะการปฏิรูปและการเปิดเสรีนี่จริงมั้ย? ตอนนั้นคนรุ่นพ่อของเราทำได้แค่ธุรกิจเล็กๆแต่เราเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้นแค่ตอนนี้ต่างออกไป คุณเซี่ยเริ่มต้นจากการขัดเกลาในระยะเวลา 6 เดือนก็สามารถมาถึงตำแหน่งคนสำคัญได้แล้ว ฉันกล้าพูดเลยว่าไม่มีใครในประเทศเทียบเขาได้หรอก"
เพียงจบประโยคเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเขายิ้มออกมา "ชมเกินไปแล้วครับ แต่ก็ขอบคุณนะครับ"
กู๋เค่อเหวินพูดพร้อมริยยิ้ม "พี่เทียนหยิน ฉันแค่เล่นมุกน่าไม่ได้จริงจังขนาดนั้นสักหน่อย"
ติดตามตอนต่อไป...........