บทที่ 20: สำรวจถ้ำ
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
บทที่ 20: สำรวจถ้ำ
หานหลิงเฟิงรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ นางไม่คิดเชื่อคำพูดที่ว่าอยากจะช่วยเหลือนั้นได้ แต่นางก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเหตุใด เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะดูดทรัพย์สมบัติของเจ้าอ้วนเล็กน้อย เพราะความจริงที่ว่าเจ้าอ้วนนั้นใช้ประตูเคลื่อนย้ายนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนเสียแล้ว ชายผู้นี้เฝ้ารออยู่เพื่อที่จะรอว่าเจ้าอ้วนจะทิ้งสิ่งใดไว้บ้าง แม้ว่าจะเป็นเพียงซากศพสามร่างก็ตาม เจ้าศิษย์นอกผู้นี้ก็ยังได้รับประโยชน์มากมาย
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางรู้สึกว่าคงช่วยไม่ได้เสียแล้ว เพราะนางคิดว่าเจ้าผู้นี้กำลังดูแคลนนาง อย่างไรก็ตามหานหลิงเฟิงนั้นก็ได้แต่แบกรับความรู้สึกนี้ไว้พร้อมกับยกยิ้มขึ้นมาและกล่าวว่า “ขอบคุณในน้ำใจของเจ้า!”
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันงดงาม เขารู้สึกราวกับว่าถูกสะกดจิตให้ไร้สติไปชั่วขณะ พร้อมกล่าวสั้น ๆ ว่า “ไม่เป็นไร”
“อา เรื่องราววันนี้จะเป็นความลับ เจ้าต้องห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้กับผู้อื่น!” หานหลิงเฟิงถามต่อ “แล้วที่เจ้าแอบออกมาแบบนี้ เจ้าแน่ใจหรือว่าหาได้มีผู้ใดพบเห็น?”
“แน่นอน!” เขาตอบอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวต่อ “มั่นใจได้เลยศิษย์ป้า เมื่อตอนที่ข้าออกมานั้นแสร้งว่าปวดท้อง ผู้คนที่ใช้ห้องร่วมกับข้านั้นเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทั้งวัน จึงหลับไปทั้งหมด หาได้มีผู้ใดออกมาตามหาข้าอย่างแน่นอน!”
“ดียิ่งนัก!” ขณะที่หานหลิงเฟิงได้ยินดังนั้น นางก็รู้สึกปลอดโปร่ง จากนั้นนางจึงยื่นมือออกมาเพื่อเรียกดาบบินให้มาปรากฎต่อหน้า
เมื่อเห็นว่าหานหลิงเฟิงนั้นเก็บดาบบินไปทั้งหมด เจ้าศิษย์ผู้นั้นคิดว่านางต้องการจะบินหนีไปพร้อมกับดาบพวกนั้น เขาหาได้กลัวเกรงอันใด แต่แทนที่เขาจะขอโทษกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์ป้าท่านจะไปแล้วหรือ? งั้นข้าขอตัว”
หานหลิงเฟิงไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้เห็นความตายที่เกิดขึ้น นางส่ายหน้าพร้อมกับโบกมือของนางและพูดว่า “อย่าตำหนิว่าข้านั้นใจร้าย ข้าไม่มีทางเลือกอื่น!”
“เอ่อ?” เมื่อได้ยินดังนั้น เขาทราบได้ทันทีว่ามีบางอย่างที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีเล็กน้อยพร้อมกับอยากสอบถามเพิ่มเติม แต่หานหลิงเฟิงนั้นหาได้ให้โอกาสเขาได้ซักถามเสียแล้ว ปรากฎแสงที่นุ่มนวลขึ้นมาวูบหนึ่ง ดาบอันแหลมคมและเต็มไปด้วยพลังปราณได้แทงเข้ามาที่หน้าอกของเขา
เกิดประกายระยิบระยับพร้อมกับศพนั้นถูกเผากลายเป็นขี้เถ้าในทันที หานหลิงเฟิงปล่อยให้ลมกระโชกแรงนั้นพัดให้ขี้เถ้าลอยไปกับสายลม จากนั้นนางจึงขมวดคิ้วแน่นพร้อมพึมพำว่า “แปลกประหลาด เหตุใดถึงเผาไหม้เร็วเช่นนั้น ราวกับว่าความรุนแรงของการสะกดนั้นเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในสิบ เหตุใดกัน? ข้าควรกลับไปเสียที จะได้ตรวจสอบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!”
เพื่อหาความผิดปกติ หานหลิงเฟิงรีบยกตัวขึ้นพร้อมกับบินออกไปด้วยดาบบิน ชั่วพริบตานางก็ได้กลับมาอยู่ในห้องนั่งเล่นของนาง
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หานหลิงเฟิงกำลังลืมตาขึ้นเพื่อออกจากสมาธิด้วยความประหลาดใจ นางกล่าวกับตนเองว่า “แม้ว่าปราณจิตวิญญาณของข้านั้นจะลดลง แต่เหล่าสิ่งสกปรกกลับถูกชำระล้างแล้ว ตอนนี้มันมีความบริสุทธิ์สูงมาก นี่มันอาจจะเทียบเท่าความเหน็ดเหนื่อยในสองสามวัน?”
เมื่อผู้มีพลังเริ่มทำการฝึกตน แม้ว่าส่วนใหญ่คือกระบวนการดูดซับปราณจิตวิญญาณจากองค์ประกอบที่เข้ากันได้ แต่ก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงสิ่งสกปรกมาด้วย อย่างหานหลิงเฟิงนั้นเป็นผู้ฝึกตนพลังคู่ นั่นคืออัคคีและวารี ปราณจิตวิญญาณที่นางจะดูดซับนั้นก็จะเป็นอัคคีและวารี แต่กระนั้นก็จะมีเหล่าเศษไม้ โลหะที่ปะปนมาในขณะดูดซับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มแรก ความบริสุทธิ์ของปราณจิตวิญญาณกับความสำเร็จในการฝึกฝนนั้นเกี่ยวพันกัน ดังนั้นเจ้าสิ่งสกปรกเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ฝึกฝนทุกคนต้องพบเจออย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่หานหลิงเฟิงเริ่มทำสมาธิ นางประหลาดใจที่ปราณจิตวิญญาณในตัวของนางนั้นบริสุทธิ์มากขึ้นกว่าเดิมและสิ่งสกปรกส่วนใหญ่ยังหายไปเสียด้วย
แท้จริงนั้น สิ่งที่ได้เกิดขึ้นเป็นเพราะคาถาปฐมกาลแห่งความโกลาหลที่เจ้าอ้วนใช้ในการฝึกฝนนั้นมีความพิเศษอย่างมาก มันสามารถเปลี่ยนปราณขององค์ประกอบทั้งห้าให้เป็นปราณจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ได้ เงื่อนไขก็คือต้องมีองค์ประกอบทั้งห้าก่อนจึงจะทำการเปลี่ยนแปลงได้ กล่าวอีกอย่างก็คือองค์ประกอบทั้งห้านั้นจะเป็นตัวที่ใช้เปลี่ยนแปลงส่วนของปราณจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ แต่ถ้าหากว่ามีไม่เพียงพอก็ไม่มีหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเมื่อตอนที่เจ้าอ้วนและหานหลิงเฟิงนั้นได้ร่วมสัมพันธ์ต่อกัน สิ่งสกปรกภายในตัวของนางจึงได้ถูกดูดซับออกไปโดยเจ้าอ้วน
ดังนั้นจึงทำให้ปราณจิตวิญญาณของเจ้าอ้วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และส่วนปราณจิตวิญญาณของหานหลิงเฟิงก็ลดลงเช่นกัน แต่เนื่องจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นปราณจิตวิญญาณแรกเริ่ม ราวกับว่านางได้รับพรจากมหันตภัย ความบริสุทธิ์ที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะทำให้เวทมนตร์ของนางมีความรุนแรงมากขึ้น แต่ในอนาคตนางอาจจะใช้เวลาเพียงแค่ครั้งเดียวในการฝึกฝน เพราะความบริสุทธิ์ของปราณจิตวิญญาณทำให้การฝึกฝนง่ายดายมากขึ้น จากนั้นยังช่วยลดการควบแน่นของปราณจิตวิญญาณด้วย ซึ่งกล่าวได้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้รับกลับมาจากการกระทำนั้นเพียงคราเดียว
แม้ว่าหานหลิงเฟิงจะไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น แต่ก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ คาดเดาได้เพียงว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าอ้วน เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่นางได้กระทำลงไปในวันนี้คือการเสพสังวาสกับเจ้าอ้วน นอกจากนั้นไม่มีเหตุอันใดที่น่าจะเป็นต้นเหตุได้เลย
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว หานหลิงเฟิงนั้นไม่อาจทำอะไรได้นอกจากจมลงไปในความคิดของตน การเป็นผู้ฝึกตนนั้นไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าวิธีการฝึกฝนที่ดี ถ้าหากว่าการเสพสังวาสกับเจ้าอ้วนนั้นเป็นผลดีแก่การฝึกฝนของนาง นางก็จะไม่สนสิ่งใดอีกต่อไป ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนนั้นจะมักมากในกามและใช้นั่นเป็นข้ออ้างในการกระทำ แต่ว่าการทำสิ่งนั้นทำให้ประหยัดเวลาในการทำสมาธิไปถึงสิบวัน ความรวดเร็วในการฝึกของนาจะเพิ่มขึ้นไปตั้งเท่าใด? ก่อนอื่นเลยคือทุกคนนั้นรู้ดีว่าการฝึกฝนนั้นต้องแข่งขันกับเวลา ตราบใดที่วิธีนี้มันทำให้นางนั้นฝึกได้เร็วขึ้น นางก็ไม่ต้องสนใจอันใด
หลังจากที่หานหลิงเฟิงได้กลับออกไป เจ้าอ้วนหาได้นอนหลับอย่างสบายใจ เขาเฝ้าฝันถึงกลิ่นหอมจากความงดงามนั้นและมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด
วันถัดมาเจ้าอ้วนตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่พร้อมกับชำระล้างร่างกาย เขาไปที่ถ้ำเพื่อดูอาการของเจ้าลิง อาการบาดเจ็บของมันนั้นดีขึ้นมากโข หลังจากที่ได้ใช้ยาอายุวัฒนะระดับสูงที่เขาหามาให้ ไม่น่าแปลกถ้าหากว่ามันจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนกำลังเดินเข้ามา เจ้าลิงเดินเร่งเดินมาต้อนรับเขาพร้อมถามอย่างรวดเร็ว “พี่น้องอ้วน ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่? ข้างนอกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อา ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้คงจะไม่มีผู้ใดมามีปัญหากับเราอีก!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างมั่นใจ
“อา ทุกสิ่งอย่างเลย? ท่านจัดการมันทั้งหมดแล้วงั้นรึ?” เจ้าลิงถามออกมาด้วยอาการตกใจ จากความรู้ในหัวของเขา หวางซุงนั้นไม่ได้เป็นผู้ที่มีคุณธรรม โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ที่เขาได้สูญเสียไปในครั้งนี้ ลูกพี่ลูกน้องของเขานั้นถูกเจ้าอ้วนทำให้ตายทั้งเป็น แต่ว่าเขากลับไม่ทำอันตรายใด ๆ แก่เจ้าอ้วนเลย?
เจ้าอ้วนไม่ได้ต้องการเปิดเผยความลับของเขาแก่เจ้าลิงเท่าใดนัก หลังจากที่ทุกอย่างจบลง เรื่องบางเรื่องก็สมควรที่จะเป็นความลับตลอดไป เขาเผยยิ้มเพียงเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ใช่แล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี เจ้าไม่จำเป็นต้องถามอันใดข้าอีก ทุกอย่างได้ถูกตัดสินไปแล้ว!”
เจ้าอ้วนยังคงเห็นว่าเจ้าลิงนั้นยังไม่ยอมหยุดปาก ดังนั้นเขาจึงไม่รอให้เจ้าลิงได้กล่าวอันใดต่อ เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อา” เมื่อได้ยินเจ้าอ้วนถามเรื่องตนขึ้นมา เขารีบตอบออกไปอย่างตื่นเต้น “ข้าดีขึ้นมากโข! ต้องขอบคุณสำหรับยาของท่าน ยาที่ท่านนำมานั่นคือยาราคาถูกใช่หรือไม่?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจในเรื่องนั้น และต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องกลับไปเป็นคนรับใช้อีกแล้ว เพียงแค่อยู่ที่นี่และตั้งใจฝึกตน!” เจ้าอ้วนกล่าว “ข้าจะให้ยาอายุวัฒนะกับเจ้าเพื่อฝึกพลัง ด้วยพรสวรรค์ของเจ้านั้น ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องเข้าสู่ระดับเซียนเทียนในหนึ่งหรือสองปี!”
“อา เรื่องนั้น” เมื่อเจ้าลิงได้ยินมาว่าเจ้าอ้วนนั้นมียาอายุวัฒนะอยู่มากมาย เขาตกตะลึงไปชั่วครู่ น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลออกมา ความตื้นตันใจนี้ทำให้เขาไม่สามารถกล่าวอันใดต่อ
“ไม่เป็นไร เจ้าคือน้องชายของข้า ไม่ต้องมีพิธีรีตองอันใด!” เจ้าอ้วนหยิบขวดยาอายุวัฒนะพร้อมกับคู่มือที่แนบมายื่นให้กับเจ้าลิงพร้อมกล่าวว่า “นี่คือยาสำหรับฝึกตนของธาตุไม้ ข้าซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อเจ้า ใช้ประโยชน์จากมันซะ อย่าทำให้ข้าผิดหวังเด็ดขาด!”
“แน่นอน!” เจ้าลิงเช็ดน้ำตาบนหน้าของเขาพร้อมกับรับของ
เจ้าอ้วนเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมมองเข้าไปในถ้ำและถามอย่างสงสัย “ข้ายังไม่รู้เลยว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในนั้นหรือไม่”
“สวรรค์ที่ทราบ? แต่อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกได้ว่ามีอากาศที่หนาวเย็นออกมาจากในนั้น ถ้าหากร่างกายของข้านั้นไม่รู้สึกอันใด ข้าคิดว่าคงถูกแช่แข็งตายเสียแล้ว!” เจ้าลิงกล่าว
“เป็นเช่นนั้นรึ? ข้าขอเข้าไปดูสักหน่อย เจ้าจงอยู่ที่นี่เพื่อฝึกตน!” เจ้าอ้วนพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“ข้าจะไปกับท่าน!” เจ้าลิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“อา งั้นก็ดี ไปกันเถิด เราไม่ได้สำรวจสิ่งใดร่วมกันมาเป็นเวลานานมากแล้ว!” เจ้าอ้วนหัวเราะออกมาพร้อมกับดึงเจ้าลิงให้เดินทางเข้าไปสำรวจถ้ำทันที