Chapter 39: เรื่องที่พูดไปเมื่อกี้นี้นั้นไม่ได้เจาะจงไปถึงกิลด์ใดๆ
เมื่อรัศมีฤดูใบไม้ผลิออกจากเกม เขานั้นก็ไปยังเว็บบอร์ดในทันที เหมือนกับคนเล่าเรื่องที่ว่าเขานั้นตั้งชื่อโพสต์อย่างระมัดระวังก่อนที่จะโพสต์มันลงไป
“ประกาศ : แจ้งให้ไอ้พวกผู้เล่นไร้ประโยชน์ทั้งหลาย นิกายซวนเฉินปรารถนาที่จะประกาศว่าพวกเรานั้นจะทำเควสป้องกันสำนักงานใหญ่ในวันนี้ตอน 10โมง พวกเราจะพิสูจน์ให้ทุกคนใน {REBIRTH} ว่าใครเป็นคนที่ดีที่สุด คำแนะนำคำนี้นั้นไม่ได้พูดตรงถึงกิลด์ไหนก็ตาม แต่มันเป็นทุกกิลด์!”
รัศมีฤดูใบไม้ผลิเข้าใจเจตนาของไร้ความกลัวอย่างชัดเจน เขาจึงเขียนมันไว้อย่างหยิ่งยโส และก็ดูถูกแก่ทุกคน
ในช่วงวินาทีที่กระทู้นี่ได้ถูกสร้าง มันก็จุดไฟและกลายเป็นหัวข้อพูดคุยในเว็บบอร์ด
“เหี้....อะไรวะเนี่ย ไอ้พวกปัญญาอ่อนจากนิกายซวนเฉินกำลังทำอะไร...”
“เริ่มทำเควสป้องกันสำนักงานใหญ่อย่างงั้นเหรอ? ไอ้พวกโง่นี่ไม่รู้ขีดจำกัดจริงๆ…”
“ใครคือนิกายซวนเฉินกัน?”
“นายล้อฉันเล่นใช่ไหม? นายไม่รู้จักแม้กระทั่งนิกายซวนเฉิน? นายไม่เคยเล่นเกมอื่นมาก่อนเลยเหรอ?”
“ฉันเคยได้ยินกิลด์อะโพคาลิปส์ พันธมิตรอันนองเลือด ฮาเดส แต่ฉันไม่เคยได้ยินนิกายซวนเฉินมาก่อนเลย!”
“ไม่ต้องพูดถึงพันธมิตรอันนองเลือด ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเมืองรัตติกาลเมื่อวานก่อน? พันธมิตรอันนองเลือดนั้นได้ยั่วยุนิกายซวนเฉินและถูกตีจนยอมแพ้ พวกเขาถึงกับขอโทษเลยด้วย…”
“นายล้อเล่นหน่า! นิกายซวนเฉินนั้นระดมพลกันได้กี่คน?”
“นายจะเชื่อฉันไหม ถ้าฉันบอกว่าแค่คนเดียว?”
“ฮ่าๆ มันเหมือนผู้คนจากเมืองรัตติกาลนั้นเป็นพวกขี้อวดหน้าด้าน!”
ความวุ่นวายในเว็บบอร์ดนั้นก็ถึงหูคนที่กำลังเล่นเกมอยู่ แม้กระทั่งหัวหน้าของกิลด์ใหญ่ก็รวมไปด้วย
เมืองพายุ
หัวหน้ากิลด์ ร่มเงาทะเลทราย หนึ่งในสามกิลด์ที่มีอันดับสูงที่สุด “ทะเลทรายอันไร้สิ้นสุด” ได้รับข่าวใหม่นี้มา เขานั้นก็พึมพำกับตัวเอง “เชี่ยเอ้ย ทำไมไอ้พวกบ้านั่นยังคงมีชีวิตอยู่กัน?”
รองหัวหน้ากิลด์ พายุไร้สิ้นสุดก็พยักหน้าด้วยอย่างตกลงกับเรื่องนี้ “นั่นมันถูกแล้ว ฉันได้ยินมาว่าพวกเขานั้นก่อเรื่องวุ่นวายอันใหญ่หลวงในเมืองรัตติกาล พวกเขาก็พึ่งจะต่อสู้กับพันธมิตรอันนองเลือดเมื่อวานนี้ เรื่องอันเด่นชัด น้องชายของธงสงครามอันนองเลือดนั้นถูกฆ่าไปหกครั้งโดยนักต่อสู้ของนิกายซวนเฉิน”
“เหี้...อะไรวะนั่น! นายหมายถึงไอ้หื่นนั่นอะนะ?”ร่มเงาทะเลทรายเดา
“ใช่!”พายุไร้สิ้นสุดพยักหน้า
“หึ เขาสมควรโดนมันจริงๆ แม้กระทั่งฉันก็ต้องการที่จะฟันมันเหมือนกัน เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือใครเป็นนักต่อสู้? รัศมีฤดูใบไม้ผลิหรือโบซอน?”ร่มเงาทะเลทรายถาม
“ไม่ได้เป็นพวกเขาซักคน มันเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นสมาชิกใหม่…”
“ฮ่าๆ เหมือนกับว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะหาผู้เชี่ยวชาญได้จากที่ไหนก็ไม่รู้อีกครั้ง....พูดกันตามตรงพวกเขานั้นค่อนข้างมีความสามารถเลย ผู้เล่นที่สูงที่สุดในกิลด์ของเขาควรที่จะเป็นรัศมีฤดูใบไม้ผลิที่ระดับ 15!”ร่มเงาทะเลทรายถอนหายใจด้วยความชื่นชม
พายุไร้สิ้นสุดก็เปิดกระดานจัดอันดับก่อนที่จะตอบกลับ “อื้ม นั่นถูกต้องแล้ว สำหรับสมาชิกที่เหลือนั้นก็มีระดับที่ 14 ผู้เล่นระดับท็อปบางคนบนกระดานจัดอันดับก็เป็นสมาชิกของนิกายซวนเฉินกันทั้งหมด”
“นายคิดว่าพวกเขาจะทำสำเร็จไหม?”
พายุไร้สิ้นสุดส่ายหัว “ฉันว่าไม่! เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แม้กระทั่งกิลด์ของพวกเรานั้นก็มีโอกาสสำเร็จเพียงแค่ 30% ไม่ต้องพูดถึงกิลด์เล็กๆแบบพวกเขาเลย พวกเขาน่าจะไม่มีโอกาสแม้แต่หนึ่งในร้อยที่จะสำเร็จด้วยซ้ำ! ฉันไม่รู้จริงๆว่าพวกเขานั้นกำลังคิดอะไรกันอยู่….”
ร่มเงาทะเลทรายแสยะยิ้ม “ฮ่าๆ จำครั้งที่พวกเขานั้นท้าทายหลุมศพปีศาจทั้งสามได้ไหม? ไม่ใช่มีคำพูดที่ว่าพวกเขานั้นไม่มีโอกาสแม้แต่ 1ในล้านที่จะสำเร็จมัน! ฉันไม่รู้จริงๆว่าพวกเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่…”
“นั่นมันถูกต้องแล้ว โอกาสเพียงหนึ่งในร้อยก็เพียงพอสำหรับคนพวกนั้นแล้ว พวกเขาก็ยังคงต้องการที่จะทดลองมันจริงๆนั่นแหละ...”
“เป็นกลุ่มคนที่โง่เง่าจริงๆ..”
เมืองมังกรฟ้า
ในสาขาหลักของกิลด์อะโพคาลิปส์ หัวหน้ากิลด์ที่ชื่อ เก้าหอกอันโดดเดี่ยวก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา “ไอ้กลุ่มคนปัญญาอ่อนนี่มัน พวกมันจะเล่นเกมอะไรกันครั้งนี้?”
นักยุทธศาสตร์ของกองทัพ เจ้าอุบายวนิพก ตอบกลับ “ใครจะไปสนใจว่าพวกมันนั้นกำลังพยายามทำอะไรกันอยู่ การที่พยายามทำเควสป้องกันสำนักงานใหญ่มันก็เหมือนกับการถามหาความตาย!!”
“คนพวกนี้นั้นไม่มีความสามารถอื่นนอกจากการโม้จริงๆ!”
“ถูกแล้ว เมื่อพวกเรายังเล่นใน {Golden Colony} ไม่ใช่ว่าพวกมันนั้นพูดว่าพวกมันจะทำเควส”สี่เทพเจ้าของภูเขาหัว“ได้สำเร็จงั้นเหรอ? ในตอนสุดท้ายพวกเขาก็โดนเทพเจ้าแห่งตะวันออกตีจนตาย และกลายเป็นเรื่องขำขันที่ใหญ่ที่สุดใน {Golden Colony} ยิ่งกว่านั้นพวกมันก็ยังคงหน้าด้านพูดว่ามันยังคงมีความรุ่งโรจน์จากการพ่ายแพ้นั่นอยู่ และก็ก่นด่าคนอื่นว่าไม่มีความกล้าพอที่จะรับเควสนี้....ฉันคิดว่าอดีตมันจะซ้ำรอยในวันนี้”เจ้าอุบายวนิพกหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้พวกปัญญาอ่อนนั่น!”เก้าหอกอันโดดเดี่ยวหัวเราะ เมื่อเขานั้นนึกถึงความล้มเหลวของนิกายซวนเฉิน
ในเวลานั้นเอง พี่ชายไลท์ที่ยังคงเงียบอยู่ก็พูดออกมา “บอส ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะเป็นอะไรที่ง่ายดายแบบนั้น ผมได้ยินมาว่าพวกเขานั้นได้รับสมาชิกใหม่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถกดดันพันธมิตรอันนองเลือดได้…”
“หื้ม ธงสงครามอันนองเลือด? มันจะเป็นเรื่องประหลาดใจถ้าเขานั้นจัดการตีไอ้กลุ่มคนพวกนั้นได้!”
“ไม่ ผมหมายถึงว่า ผมนั้นได้ยินมาว่าผู้เชี่ยวชาญคนใหม่นั้นแข็งแกร่งจริงๆ..”พี่ชายไลท์พูด
“ชิ ไม่สำคัญหรอกว่าเขานั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถที่จะจัดการคนสิบคนด้วยตัวเขาเพียงคนเดียวใช่ไหมละ?”เจ้าอุบายวนิพกรีบตอบกลับอย่างไม่รีรอ
พี่ชายไลท์ก็ยังคงเงียบต่อไป.....เมื่อนักต่อสู้คนนั้นได้จัดการกวาดล้างทีมของเขาทั้งทีม มันได้ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
พี่ชายไลท์ก็ไม่อยากที่จะบอกเกี่ยวกับความจริงที่ว่ากลุ่มคนจำนวนสิบหกคนของเธอนั้นถูกกวาดล้างโดยนักต่อสู้เพียงคนเดียว
เมืองรัตติกาล
เมื่อเขาได้รับข่าวใหม่ ธงสงครามอันนองเลือดก็รีบรวบรวมผู้เล่นระดับสูงในกิลด์มารวมตัวกัน
“ฉันได้ยินมาว่านิกายซวนเฉินนั้นวางแผนที่จะพยายามทำเควสป้องกันสำนักงานใหญ่ พวกนายมีความคิดเห็นกันอย่างไร?”ธงสงครามอันนองเลือดถาม
หลังจากที่ได้รับความสูญเสียจากการพ่ายแพ้มาก่อนหน้านี้ สมาชิกของพันธมิตรอันนองเลือดก็กระตือรือร้นออกความคิดเห็นของพวกเขากัน
“พวกโง่นั่น ถ้าพวกมันต้องการที่จะตายอย่างเลวร้ายละก็ให้พวกมันตายไป!”ความมืดอันนองเลือดพูด
ทุกคนนั้นก็ตกลงด้วย “นั่นมันถูกแล้ว ถูกแล้ว ความยากของเควสป้องกันสำนักงานใหญ่นั้นมันเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดมาก มันคงเป็นเรื่องแปลกที่พวกเขาจะชนะได้กับแทคติคตีแล้ววิ่ง”
“ใครมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง?”ธงสงครามอันนองเลือดหัวเราะ
อสุราอันนองเลือดก็หัวเราะออกมาด้วย “เมื่อเวลามาถึง พวกเราจะเป็นคนกลุ่มแรกที่จะไปหัวเราะพวกมันบนเว็บบอร์ด! พวกบัดซบที่ฉักหน้าพันธมิตรอันนองเลือดนั้นทำให้ฉันรู้สึกขายหน้าที่จะบอกตัวเองว่าเป็นสมาชิกของพันธมิตรอันนองเลือด..”
“…”
สิ่งที่อสุราอันนองเลือดพูดนั้นก็มีเหตุมีผล แม้กระทั่งประโยคสุดท้ายของเขานั้นก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องพูด ธงสงครามอันนองเลือดนั้นก็การแสดงออกบนใบหน้าที่มืดคล้ำขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดพวกนี้
ถึงแม้ว่าความมืดอันนองเลือดนั้นจะรู้สึกดีกับอสุราอันนองเลือด แต่คำพูดของเขานั้นมากเกินไป
“ทำไมพวกเราไม่ไปทำให้เควสของพวกมันยุ่งเหยิงกันละ?”ความมืดอันนองเลือดแนะนำ
“ไอเดียนี้ไม่เลวเลย”ธงสงครามพูดอย่างยินดี
“ไอเดียนี้มันเลวร้ายมากต่างหาก!”สตอร์มบิงเกอร์อันนองเลือดที่เป็นคนที่เงียบและคอยสังเกตการณ์มาตลอดเวลา ก็ขัดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ทำไมละ?”
“เมื่อเควสป้องกันสำนักงานใหญ่นั้นเริ่มขึ้น เอไอของมอนสเตอร์นั้นไมได้รับรู้ว่าพวกเราไม่ได้มาจากนิกายซวนเฉินและจะโจมตีทุกสิ่งทุกอย่างโหดเหี้ยม ถ้าพวกเรานั้นเข้าร่วมความยุ่งเหยิงนี้ พวกเราก็จะกลายเป็นช่วยเหลือพวกเขาในตอนสุดท้าย บอกฉันมาสิว่า ถ้ามอนสเตอร์นั้นโจมตีพวกนาย พวกนายจะไม่ต่อต้าน?”สตอร์มบิงเกอร์อันนองเลือดอธิบาย
ทั้งห้องเงียบสงัด
ถ้าพวกเขาต่อต้านนั้นก็หมายความว่าพวกเขานั้นช่วยนิกายซวนเฉิน แต่ถ้าพวกเขานั้นไม่ต่อต้าน พวกเขาก็จะตาย....ตัวเลือกทั้งสองนั้นมีแต่ผลร้ายกับพวกเขา
“ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย”รอยยิ้มอันน่าพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของธงสงครามอันนองเลือดเมื่อฟังความคิดนี้
พริมโรสอันนองเลือดที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องก็ถอนหายใจกับตัวเอง “ถ้าพวกเขากล้าที่จะดูถูกทุกกิลด์ในเกม ฉันก็สงสัยว่ากลุ่มของพวกคนโง่พวกนี้จะกล้าที่จะเยาะเย้ยทุกคนในเกม…”
เมื่อพวกเขานั้นจัดการปัญหาของตัวเองเสร็จแล้ว พวกเขานั้นก็มารวมตัวกันในร้านอาหารอีกครั้ง ในเวลานั้นเอง ทุกคนในร้านอาหารก็กำลังพูดคุยเกี่ยวกับห้อข้อเดียวกันอยู่
ไร้ความกลัวนั้นพึงพอใจอย่างมากกับประสิทธิภาพของกระทู้ของรัศมีฤดูใบไม้ผลิ “ฉันเห็นกระทู้ของพี่ฤดูใบไม้ผลิและฉันจะต้องพูดว่า เขาลงแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปเยอะมาก! แม้กระทั่งฉันก็ต้องการทุบหน้าพี่ เมื่อฉันอ่านเกี่ยวกับมัน!”
“นายก็พูดเกินจริงไป!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิหัวเราะ
ขุนนางครอทมองไปที่คนรอบข้างอย่างระมัดระวังตัว “ไม่มีใครจำพวกเราได้ใช่ไหม?”
“ไม่มี เกมนี้ไม่ได้เปิดเผยชื่อตัวละคร ไม่มีใครรู้หรอกว่านายคือใคร แต่แน่นอนเมื่อนายปรากฏตัวในที่สาธารณะพร้อมกับพวกเรา ทุกคนจะจดจำนายได้!”หมิงตู่หัวเราะอย่างหลงใหลในตัวเอง
ขุนนางครอทตอบกลับ “ตราบเท่าที่พวกเขาไม่รู้จักผมมันก็ไม่เป็นไร ผมก็เพียงแค่หวาดกลัวว่าพวกเขาจะจำได้เมื่อพวกเรานั้นล้มเหลว ผมไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับโลกใบนี้ได้อีก…”
“เหี้... นายยังคงคิดเกี่ยวกับใบหน้าของนายอีกเหรอ? ถ้านายแคร์กับใบหน้าของนายมากขนาดนั้น ทำไมนายยังคงมาช่วยนิกายซวนเฉินของเราละ…”
“ก่อนที่หมิงตู่จะพูดจบประโยค ความทระนงตัวก็จับคอเสื้อเขา”เฒ่าหลี่ ทำไมลุงชอบทำตัวน่ารำคาญจังเลยวะ!”
รอยเส้นสีดำก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังหยู่ “ไก่น้อย สกิลที่ผมให้นายไป ให้ใช้สำหรับฆ่าคน ไม่ใช่จัดการกับพวกน่ารำคาญแบบเขาซะหน่อย…”
ดาบน้ำแข็งทุบโต๊ะ แล้วก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนเมื่อเขาพูด “หยุดได้แล้วพวกๆ ฉันยังคงมีเรื่องสำคัญที่จะต้องแชร์กับพวกนายกันทั้งหมด!”
“มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนวางพนันในตลาด ทำไมพวกเราไม่ลงพนันกันละ?”
“แล้วอัตราต่อรองละ?”รัศมีฤดูใบไม้ผลิเป็นคนแรกที่ถาม
“อัตราต่อรองในตอนนี้ก็คือ 1 ต่อ 100!”ดาบน้ำแข็งอธิบาย
ความทระนงตัวตกตะลึง “สูงมาก! นั่นไม่ได้หมายความว่าถ้าพวกเราพนัน1เหรียญทองสำหรับพวกเราชนะ ผมก็จะได้เงิน100เหรียญทองกลับคืนมา?”
“ถูกแล้ว!”ดาบน้ำแข็งพูดอย่างตื่นเต้น
รัศมีฤดูใบไม้ผลิหัวเราะแล้วเขาก็หยิบเงิน 10เหรียญทองออกมา และก็ส่งมันให้แก่ดาบน้ำแข็ง “เฮ้ น้ำแข็ง ช่วยฉันลงพนันว่าพวกเราจะชนะหน่อย”
“เฮ้ พี่ชายฤดูใบไม้ผลินี่ร่ำรวยจริงๆ 10เหรียญทอง…”โบซอนพึมพำกับตัวเองแล้วเขาก็ยื่นเงิน 5เหรียญทองให้กับดาบน้ำแข็ง “นี่คือเงินทั้งหมดของฉัน ช่วยฉันลงพนันว่าพวกเราจะชนะด้วย!”
เมื่อเห็นโบซอนหยิบเงินออกมาห้าเหรียญทอง ไร้ความกลัวก็โยนเงินห้าเหรียญทองออกมาด้วยเช่นกัน
“แล้วสำหรับพวกนายละ?”ดาบน้ำแข็งมองไปที่ความทระนงตัวและคนที่เหลือ
ความทระนงตัวส่ายหัวแล้วก็จ้องไปที่รัศมีฤดูใบไม้ผลิแล้วเขาก็ตอบกลับ “ผมได้สาบานกับสวรรค์ไว้ว่าผมจะไม่พนันอีกแล้ว!”
รัศมีฤดูใบไม้ผลิหัวเราะ “อย่าเป็นคนขี้งกไปหน่อยเลย ถ้านายทำตามคนแก่คนนี้ละก็นายจะชนะอย่างแน่นอน!”
ความทระนงตัวก็นวดมือของเขาแล้วเขาก็จมเข้าไปในความคิด ก่อนที่เขาจะหยิบเงิน 1เหรียญเงินออกมา “ถ้าอย่างงั้น ผมก็จะพนันเงิน 1เหรียญเงินเพื่อให้เป็นพิธีก็พอ!”
“ผมด้วย…”ขุนนางครอทรีบพูดแล้วเขาก็โยนเงิน 1เหรียญเงินออกมา
“ถ้าอย่างงั้นเฒ่าหลี่ละเอาไง?”ดาบน้ำแข็งมองไปที่หมิงตู่แล้วเขาก็ถามขึ้น
หมิงตู่หัวเราะ “ก่อนหน้านี่ฉันพึ่งทำลายโต๊ะและเก้าอี้ในร้านอาหารไปหลายตัว และฉันก็ใช้เงินทั้งหมดในการซ่อมพวกมันไปหมดแล้ว ทำไมนายไม่จ่ายให้ฉันก่อนละ เมื่อพวกเรานั้นชนะ ฉันจะแบ่งเงินให้กับนาย! ให้ฉันบอกนายนะว่าฉันไม่ใช่คนที่เอาเปรียบคนอื่นหรอก..”
“อืม อืม อืม นายเป็นคนที่เอาเปรียบคนอื่นอย่างแน่นอน เอาเถอะ ถ้าอย่างงั้นฉันจะพนันให้นาย1เหรียญทองละกัน”ดาบน้ำแข็งตัดบท”
หมิงตู่กอดดาบน้ำแข็งแน่นแล้วเขาก็อุทาน “นายนี่เป็นน้องชายที่ดีจริงๆ! ฉัน หลี่หมิงตู่อันทรงเกียรตินั้นคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจเป็นเพื่อนกับนาย!”
มีเพียงแค่ตอนนี้ที่หวังหยู่ตระหนักได้ว่าชื่อของหมิงตู่นั้นก็คือหลี่หมิงตู่ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่าเฒ่าหลี่ เขานั้นยังคงใช้ชื่อจริงในเกมอีกด้วย!
“พี่ต้องการที่จะเล่นด้วยไหม กระทิงเหล็ก?”ดาบน้ำแข็งถามหวังหยู่
หวังหยู่หยิบกระเป๋าที่เขียนไว้ว่า ‘200’ และยื่นให้ดาบน้ำแข็งแล้วเขาก็พูด “ช่วยผมพนันว่าพวกเราจะชนะด้วย!”
“เหี้..อะไรวะเนี่ย!! 200เหรียญทอง? นายบ้าไปแล้วเหรอ???!!!”
ทุกคนตกใจเมื่อพวกเขาเห็นหวังหยู่หยิบเงินจำนวนมากออกมา พวกเขานั้นรู้ว่าสถานะทางการเงินของหวังหยู่นั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“ตั้งแต่ที่พวกเรานั้นทำให้มันบ้าคลั่ง มันก็จะต้องเป็นไปทางนี้แหละ! นอกจากนี้ ผมได้รับกระเป๋าเงินนี้มาอย่างง่ายดาย มันไม่สำคัญอะไร ถ้าผมจ่ายมันไปทั้งหมด”หวังหยู่หัวเราะ
ทุกคนถามอย่างสับสน “ถ้าอย่างงั้นนายไปเอาเงินนี่มาจากไหนกัน?” ในเวลานี้ของเกม จำนวนคนที่สามารถหยิบเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้นั้นสามารถนับได้เลย
“มันเป็นค่าชดเชยที่ผมได้มาจากพันธมิตรอันนองเลือด..”
“ไร้สาระหน่า!” ทุกคนตะโกนพร้อมๆกัน