บทที่ 36 การเดินทางครั้งใหม่
บทที่ 36 การเดินทางครั้งใหม่
เมื่อหันไปมองชายทั้ง 5 คนหัวของหลินเฟิงรีบคำนวณอย่างรวดเร็ว
ถ้าเขาจัดการเพียงนักล่าระดับ 5 เพียงต้องมีรูปแบบในการต่อสู้แต่กับการสู้พร้อมกัน 5 คนนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเมื่อ 5 คนอยู่ห่างไปไม่กี่เมตรหลินเฟิงก็คิดออก
หลินเฟิงหยิบธนูที่เขาซื้อมาจากตลาดมืด บรรจุลูกศรและคริสตัลพลังงานแล้วเขาก็เริ่มยิ่งออกมา
“อ๊าก..อ๊าก”
ความเจ็บปวดสะท้อนออกมาให้เห็นจากคนตรงหน้าเขาพลังจากคันธนูบวกกับพลังจากคริสตัลก่อให้เกิดแรงทำลายล้างอย่างน่ากลัวคล้ายกับโดนปืนไรเฟิลหนักซุ่มยิง อาวุธธรรมดาไม่มีผลกับนักล่าแต่กับปืนไรเฟิลหนักนั้นแตกต่างออกไปเหตุผลที่วูฟ กำจัดการขายปืนไรเฟิลหนักก็เพราะมันสร้างความเสียหายกับนักล่าได้
ในระยะสั้นๆก็ยิงโดนนักล่าไป 2 คน คนหนึ่งโดนเป่าเข้าที่หัวส่วนอีกคนเข้าที่หน้าอกแม้ว่ายังไม่ตายแต่ก็อาการสาหัสส่วนที่เหลือสามารถหลบพ้นได้
ชายวัยกลางคนโดนยิงเข้าที่แขนถ้าเขาไม่ใช่นักล่าระดับ 5 แขนของเขาอาจจะเป็นอะไรมากกว่านี้ หลังจากได้เห็นผลงานคันธนูของเขาหลินเฟิงค่อนข้างพอใจดูเหมือนเขาจะได้รับของดีเข้าแล้ว เขาไม่คิดว่าจะซื้อของทรงพลังเช่นนี้ด้วย 500 คริสตัลขาว ทุกคนคิดว่ามันราคาแพงแต่ถ้ารู้ถึงอนุภาพของมันแล้วพวกเขาจะต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง
มีคนโยนระเบิดมือมาทางหลินเฟิงเมื่อหลินเฟิงเห็นเขารีบหลบทันทีแม้ว่าไม่รู้มันจะทำอันตรายกับเขาได้หรือไม่แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยง
“ปัง!”
เห็นได้ชัดว่าระเบิดที่โยนมาไม่เป็นเป็นระเบิดทำลายล้างสูงแต่เป็นระเบิดควัน ทำให้เกิดควันจำนวนมากบดบังสายตา ในช่วงเวลานี้หลินเฟิงรีบเติมลูกศรกับคริสตัลขาวให้เร็วที่สุด (มาถึงตอนนี้ ดูจากการใช้งานแล้ว คนแปลอยากขอเปลี่ยนจาก คันธนู เป็นหน้าไม้ สามารถยิงออกมาทีละ 5 ลูกตามพลังงานคริสตัลหวังว่าครั้งนี้คงดำถูก หรือนักอ่านมีความคิดว่าไงบ้างค่ะเขาใช้คำว่า recurve bow )
อย่างไรก็ตามหลายนาทีผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อควันสลายหลินเฟิงเพิ่งรู้ว่าชายคนนั้นหนีไปแล้ว ไม่ใช่แค่ชายคนนั้น นักล่าระดับ 4 พวกที่รอดพ้นจากหน้าไม้ก็หายไปด้วยเหลือเพียง1 ศพที่ถูกเป่าหัวก่อนหน้ากับอีก1 ที่ถูกยิงที่อก
หลังจากพ่ายแพ้อย่างไม่คาดคิดส่วนมากผลงานมาจากหม้าไม้ของเขาแต่ก็ต้องบอกว่าเนื่องจากรูปแบบการต่อสู้ของเขาเป็นที่ยอดเยี่ยมในโลกใบนี้สำหรับที่จะให้นักล่าระดับ 4 นั้นสามารถเอาชนะนักล่าระดับ 5 ได้นั้นอย่างสมบูรณ์แบบ
เพียงไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็มาจากที่ไกลๆรถแข่งคันสีฟ้าย้อนกลับมา
“พี่ฆ่าพวกมันแล้วหรอ?”
ดงวูลงมาจากรถและมองไปที่ศพเบื้องหน้าไม่สามารถหุบปากลงได้
หลินเฟิงเงียบพยักหน้าแล้วเดินขึ้นรถโชคดีที่รถแข่งคันนี้มี 4 ที่นั่ง ไม่อย่างนั้นคงบรรทุกทั้ง 3 คนกลับไม่หมด ดงวูยังมองไปที่นักล่าที่นอนอยู่ตรงพื้นไม่อยากจะคิดเลยว่า หลินเฟิงน่ากลัวขนาดไหน
“เราจะกลับไปที่ฐาน จางหลางไหม?”
ดงวูสอบถามหลินเฟิง
หลังจากการลักพาตัวครั้งนี้แม้ว่าคนโง่ยังรู้ว่าเป็นแผนการของ วูฟ เพราะไม่มีใครสามารถสั่งการนักล่าระดับ 5 ในฐานได้
“กลับไปที่ฐานจางหลางตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ พวกเขาจำหน้าฉันได้ มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่มีฐานอื่นใกล้ที่นี่ไหม?”
ถ้าเขากลับฐานจางหลางในตอนนี้เขาก็โง่ละ ชายคนนั้นคงหลบหนีแล้วไปแจ้งข่าวกับวูฟแล้ว บางทีเขาอาจจะโดนซุ่มโจ่มตีอีกครั้ง
ภายใต้คำแนะนำของดงวู หลินเฟิงก็ได้รู้ว่าฐานที่อยู่ใกล้ที่สุดชื่อว่า ดงซัน เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ว่าจะโจมตีฐานจางหลาง นอกจากนี้ฐานดงซันยังมีเทือกเขายาวถึง 300 กิโลเมตรบนภูเขามีฐาน หนานซานและฐาน ไบซัน ชื่อของฐานพวกนี้ส่วนหนึ่งมาจากลักษะเทือกเขาที่อยู่ใกล้กันเพื่อง่ายต่อการจดจำ
ฐานดงซันห่างจากฐานจางหลางประมาณ 50 กิโลเมตร ถึงแม้ว่าจะใกล้แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดสงครามดังนั้นจึงไม่เหมาะ แต่ฐานดงซัน ใกล้กับฐาน หนานซาน ซึ่งเป็นฐานที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เทียนฮีมีประชากร 300,000 คน ว่ากันว่าสภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างดีไม่มีการแบ่งชนชั้นแบบชุมชนแออัดและอาหารก็ยังสามารถปลูกได้ไม่ต่างจากเมืองทั่วไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นักล่าค่อนข้างอิสระไม่เหมือนฐานจางหลางที่ควบคุมนักล่าทั้งฐาน
“ไปที่ฐาน หนานซาน!”
แม้ว่าบนถนนสายหลักจะถูกกวาดล้างเป็นส่วนมากแต่ก็ยังพอมีซอมบี้เพียงไม่กี่ตัวด้วยความเร็วของรถแข่งเขาใช้เวลาไม่นานคงถึงฐาน หนานซาน ฐานหนานซานปฏิบัติกับนักล่าค่อนข้างดีหลินเฟิงชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้
เสียงเครื่องยนต์คำรามและวิ่งออกไปตามจุดหมายบนแผนที่ของนาฬิกา หลังจากผ่านไป 10 นาทีพวกเขาก็เจอกับรถกระบะที่บรรทุกคน ในยุคที่เลวร้ายถ้าเราเจอคนแปลกหน้าเราไม่ควรจะหยุดรถให้ หลินเฟิงให้เร่งรถผ่านรถกระบะไปอย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะขับผ่านเขาก็ชะลอความเร็วลงและหยุดนั้นเพราะชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนรถเป็นคนที่หลินเฟิงรู้จัก