ตอนที่ 2: ร้านขายอาวุธฉีฟาง
“เงินเยอะมาก...ชายอ้วนคนนั้น...ช่างน่าสนใจ”
มองไปที่เงินในมือของเขา จางมู่ถึงกับตกใจ เขาตรวจกระเป๋าสตางค์ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วถอนหายใจ
ในกระเป๋าสตางค์มีแค่เงินในนั้น ซึ่งมันมีอยู่สามพันหยวน
จางมู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ชายอ้วนคนนั้นไม่ได้ใส่บัตรประชาชนหรือบัตรธนาคารในกระเป๋าสตางค์ของเขา จางมู่จำได้ว่าชายอ้วนคนนั้นแค่เมินเฉยแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
ชายอ้วนคนนั้นไม่ได้สนใจอะไร
อย่างไรก็ตาม จางมู่ไม่มีเวลามากพอที่จะคิดต่อ เขาไม่มีเวลาจริง ๆ ในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เงินนั้นมีจำนวนเพียงพอ ซึ่งหมายความว่าแผนของเขาจะสามารถดำเนินต่อไปได้
ขณะที่ผู้คนกำลังมองจางมู่ด้วยความประหลาดใจ เขาก็วิ่งตรงไปยังทิศทางที่แน่นอน ถ้าไม่มีใครรู้เหตุผลคงคิดว่าเขาเป็นโจร มันไม่ได้เป็นเพราะจางมู่ลังเลที่จะใช้บริการแท็กซี่ แต่เป็นเพราะเสื้อผ้าของเขามอมเมมเกินไป ไม่มีคนขับคนไหนเต็มใจที่จะพาเขาไป
หลังจากสิบนาทีต่อมา จางมู่วิ่งปราดเข้าไปภายในซอยอย่างรวดเร็ว เขาก้มตัวไปข้างหน้าวางมือบนเข่าและหอบเอาอากาศเพื่อหายใจ แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแรงและอ่อนเยาว์ แต่เขาก็ใช้ความเร็วทั้งหมด เขาแทบจะใช้พลังของเขาจนหมดเกลี้ยง จางมู่เงยหน้าขึ้นพักหนึ่งแล้วค่อย ๆ มองหาป้ายร้าน
ร้านขายอาวุธฉีฟาง
นั่นไง มันน่าจะเป็นที่นี่
โชคดีที่ร้านนี้มีชื่อเสียงในอนาคต เมื่อเขาพูดถึงเมืองหลัวหยางกับพ่อค้าที่เขารู้จัก พวกเขามักจะพูดถึงชายที่เรียกว่า“ทหารของพระราชา” ดังนั้น จางมู่จึงจำได้ว่ามีผู้ที่ทรงพลังอยู่ในเมืองที่เขาอาศัยอยู่
จางมู่สูดหายใจเข้า ทรงจัดทรงผมและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง เขากำลังจะได้เห็นคนที่เป็นตำนาน แม้แต่จางมู่ก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกกังวลใจของเขาได้
จางมู่เดินผ่านประตูไม้เก่า เนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนา เขาจึงมองไปรอบ ๆ ห้อง
มีสมุดบัญชีไม่กี่เล่มและกล่องอาหารกลางวันวางกระจายอยู่บนโต๊ะและมีขวดเบียร์ว่างเปล่าจำนวนมากวางอยู่กับพื้น
ร้านทั้งร้านว่างเปล่าและไม่มีอาวุธให้เห็น มันแตกต่างจากจินตนาการของจางมู่เล็กน้อย เขารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
จางมู่ไม่เห็นใครภายในห้อง เขาเดินเพียงไม่กี่ก้าว จากนั้นเขาก็เห็นประตูที่มีม่านสีฟ้าจากมุมห้อง เขาคิดว่าเจ้าของร้านน่าจะอยู่ในห้อง เขาจึงตะโกนไปที่ประตู
“เฮ้ เจ้าของร้านอยู่ไหม?”
เจ้าของร้านน่าจะได้ยินเสียงของเขา หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรอบแกรบของเสียงฝีเท้าที่ไม่หนักมาก และแขนสีดำที่กำลังยกม่านขึ้น
ร่างที่สูงและกำยำของชายวัยกลางคน! เจ้าของร้านสูงกว่าจางมู่ประมาณครึ่งหัว ดวงตาของเขาจ้องไปที่จางมู่ ทำให้เขารู้สึกกดดัน อย่างไรก็ตาม หลังจากดูอย่างละเอียดแล้ว จางมู่พบว่าเจ้าของร้านไม่ได้โกนหนวดมาเป็นเวลานานและดูรุงรัง
เจ้าของร้านวัยกลางคนมองมาที่จางมู่ขึ้นลง เขาเห็นเสื้อผ้าที่สกปรกของจางมู่ จากนั้นดวงตาที่สดใสของเขาก็จางลง แต่มันก็เห็นไม่ชัด
เขาพูดกับจางมู่ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ว่าไงน้องชาย มีอะไรให้ช่วยไหม?”
จางมู่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปของชายวัยกลางคน แต่เขาไม่สนใจ เขารู้ถึงสารรูปของเขา โชคดีมากที่เจ้าของร้านไม่ได้ถือว่าเขาเป็นคนขอทานและไล่เขาออกไป
เขาพยักคิ้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร้านและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันอยากซื้อดาบ"
“ดาบ?”
เจ้าของร้านวัยกลางคนแสดงให้เห็นถึงขี้เล่นและจ้องมาที่จางมู่ในความเงียบ
เจ้าของร้านเข้าใจว่าจางมู่นั้นจริงจัง แม้ว่าจางมู่จะสกปรก แต่เขาไม่กลัวที่จะจ้องตากับเขา ทันใดนั้น เจ้าของร้านเริ่มเปลี่ยนความคิดและจ้องมองหน้าของชายหนุ่ม
“ทุกคนที่เข้ามาเรื่องดาบคือแขกของฉัน ฉันชื่อเซเหลียง เจ้าของร้านของดาบทำด้วยมือ ดาบแบบไหนล่ะที่นายชอบ?”
หลังจากที่เจ้าของร้านถาม จางมู่ไม่ได้ตอบคำถามโดยทันที แต่เขามีคำถามที่ต้องการจะถามกับเจ้าของร้านตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในร้าน
“พี่เซเหลียง เพื่อนของฉันบอกว่าฉันสามารถซื้อดาบคุณภาพดีได้จากพี่ ทำไมที่นี่จึงไม่มีดาบอยู่ในร้าน? หรือว่าพวกมันขายหมดแล้ว?
เจ้าของร้านแสดงให้เห็นถึงความลำบากใจบนใบหน้าของเขา เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า”น้องชาย อย่ามาล้อฉันเล่นเลย ทุกวันนี้ น้อยคนนักที่จะชอบสะสมดาบ แม้ว่าบางคนหนุ่มสาวต้องการซื้อดาบเพื่อตกแต่งบ้านของพวกเขา พวกเขาก็ไม่ซื้อดาบที่ทำด้วยมือ แต่สั่งดาบที่ทำจากเครื่องจักรผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ด้วยความจริงใจ ร้านของฉันไม่ได้รับคำสั่งซื้อมาตลอดทั้งเดือน ฉันจึงเอาดาบไปไว้ในห้องใต้ดินหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่จำเป็นต้องปิดร้าน แม้ว่าฉันจะพักอยู่ในห้องของฉัน เพราะสุดท้ายแล้ว ใครจะรู้ว่าเมื่อไรจะมีแขกใหม่เข้ามา?”
จางมู่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ในใจ ไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการ เจ้าของร้านไม่ได้เป็นคนชอบกดขี่เหมือนที่เพื่อนของเขาบอก แต่เขามีความซื่อสัตย์มากและมีอัธยาศัยดี เขาไม่ได้คุยโวถึงตัวเขาเอง แต่กลับซ้ำเติมตัวเองด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เป็นแปลกใจเท่าไร ผู้ที่อยู่รอดได้ในภัยพิบัติในอนาคตจะต้องเต็มไปด้วยประสบการณ์ นั่นมันไม่ได้น่าตกใจเท่ากับที่รู้ว่าเจ้าของร้านจะเปลี่ยนจิตวิญญาณของเขาไปเป็นคนละคนกับสภาพแวดล้อมนั้น ผู้คนที่ต่อสู้ที่ด้านล่างของสังคม แต่ยังคงเต็มไปด้วยความคิดแง่บวกที่หาได้ยากยิ่ง
แน่นอนว่าจางมู่รู้อยู่แล้วดาบที่ทำด้วยเครื่องจักรนั้นดีก็จริง แต่ราคาของมันแพงอย่างน่ากลัว นอกจากนั้น เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาซื้อได้จากที่ไหน
สำหรับดาบที่ทำด้วยเครื่องจักรนั้นมันจะไม่แพงกว่าดาบที่ทำด้วยมือ...พวกมันมีเพียงรูปร่างที่สะดุดตา รูปร่างภายนอกและพลังในการสังหารของมันด้อยกว่าดาบที่ทำด้วยมือ
ท้ายที่สุดแล้ว พ่อค้ามักจะยกย่องซึ่งกันและกัน
จางมู่ไม่พยายามที่หาโอกาสตัดราคา แต่เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“พี่เซเหลียง อย่าถ่อมตัวไปเลย ฉันได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนคนหนึ่ง ฉันเชื่อมั่นในฝีมือของพี่ นอกจากนี้ ดาบที่ทำด้วยมือไม่มีลักษณะเด่น แต่สามารถนำไปใช้ได้ แม้ว่าพลังในการสังหารที่สูงไม่จำเป็นสำหรับโลกในอนาคต แต่สิ่งนี้เป็นธรรมเนียม ส่วนตัวฉัน ฉันชื่นชมพี่ในการรักษางานฝีมือนี้อย่างซื่อสัตย์”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของจางมู่ ดวงตาของเซเหลียงก็สว่างขึ้น คำพูดของจางมู่กระทบกระเทือนจิตใจของเขาโดยตรง ทำให้เขารู้สึกว่าพบกับเพื่อนสนิทในทันที
“น้องชาย ขอบคุณสำหรับการปลอบใจ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว เอาล่ะ น้องชาย ฉันลืมถามชื่อนายไปเลย”
“จางมู่ ชื่อของฉันชื่อจางมู่”
“จางมู่...จางมู่ ช่างเป็นชื่อที่ดี!”
เซเหลียงกระซิบแล้วก็หัวเราะอย่างหนัก“น้องชายจาง มาเข้าประเด็นกันดีกว่า ดาบแบบไหนที่นายต้องการ? จะเอาดาบที่ทำเสร็จแล้วหรือว่าดาบสั่งทำพิเศษ? ถ้านายต้องการให้ฉันทำดาบสั่งทำพิเศษให้กับนาย ตอนนี้ฉันไม่มีคำสั่งซื้อมา ดังนั้น ฉันต้องการเพียงสามวันเท่านั้นที่จะทำให้นาย”
จางมู่ขมวดคิ้ว “สามวัน...ฉันกำลังรีบ ดังนั้นฉันไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น ได้โปรดขายดาบที่พร้อมใช้งานให้ด้วยเถอะ”
“โอเค ตามฉันมา” เซเหลียงหันหลังและเดินกลับไปที่ห้อง จางมู่ก็ตามเขาไปทันที