ตอนที่แล้วTWO Chapter 187 การชุมนุม ตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 189 มหาวิทยาลัยสีหนาน

TWO Chapter 188 ความร่วมมือ


TWO Chapter 188 ความร่วมมือ

ตอนเที่ยง โอหยางโชวอยู่ในคฤหาสน์ของลอร์ด ขณะที่เขากำลังคุยกับไซสีหยุน เสี่ยวเยว่ก็ได้ส่งจดหมายตอบกลับมาว่า เธอจะพาผู้เล่นมายังเมืองซานไห่ในช่วงบ่าย

ผู้เล่นที่เธอจะพามาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มที่สำคัญที่สุดคือ ผู้เชี่ยวชาญ 30 คน มีทั้ง นักออกแบบเรือ, นักเศรษฐศาสตร์, นักเคมี, หมอ, ช่างเครื่องกล, วิศวกร, เกษตรกรรม และอาชีพอื่นๆอีกมาก

ผู้เชี่ยวชาญ 30 คน และครอบครัวของพวกเขา รวมเป็น 150 คน ทุกคนจะได้รับบ้านขนาด 2,000 ตารางเมตร

กลุ่มที่ 2 เป็นสมาชิกกิลด์ลั้วเยว่ ที่พาครอบครัวมาด้วย

จนถึงต้อนนี้ กิลด์ลั้วเลว่มีสมาชิกทั้งหมด 400 คน เมื่อเสี่ยวเยว่ประกาศว่า เมืองซานไห่ยินดีต้อนรับสมาชิกในกิลด์ลั้วเยว่เข้าไปในดินแดน มี 350 คน ที่ตกลงทันที เพื่อจะย้ายเข้ามาที่นี่

ส่วนที่เหลืออีก 50 คน พวกเขาไม่เต็มใจที่จะย้าย เพราะพวกเขาสนใจในเมืองหลวง เนื่องจากเจตนาราณ์ของพวกเขาแตกต่างกัน และเส้นทางของพวกเขาแตกต่างกับคนอื่นๆ ดังนั้น เสี่ยวเยว่จึงเตะพวกเขาออกจากกิลด์

สมาชิกในกิลด์พาครอบครัวมากับพวกเขาด้วย และมีจำนวนทั้งสิ้น 1,850 คน เมื่อรวมกับกลุ่มแรกแล้ว มีผู้ที่จะมาจากต้าหลี่รวม 2,000 คน

สมาชิกหลักของกิลด์ลั้วเยว่ ได้แก่ นักเล่นแร่แปรธาตุ ลั้วเย่, นักออกแบบสะพาน หวู่ชี่, นักวางผังเมือง ถูปาน, นักเขียนแผนที่ จิวต้วนเสี้ยน สำหรับฉินรั้วและผานเฉียวเฉียว พวกเธอเล่นอาชีพเดียวกับเสี่ยวเยว่ ส่วนแฟนของพวกเธอเล่นอาชีพสายต่อสู้ ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นเพียงสมาชิกทั่วไปเท่านั้น

โอหยางโชวจัดให้สมาชิกหลักอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยของข้าราชการ แต่ละคนจะได้ที่อยู่อาศัยประมาณ 1,000 ตารางเมตร ส่วนสมาชิกที่เหลือ จะได้อยู่ในเขตที่อยู่อาศัยทั่วไป และได้รับที่อยู่อาศัยพื้นฐาน

เมื่อเสี่ยวเยว่ย้ายเข้ามาในเมืองซานไห่ เธอจะไม่สามารถเทเลพอร์ตกลับไปต้าหลี่ได้อีก นอกจากนี้ เนื่องจากกิลด์ศาลาฉิงเฟิงตั้งอยู่ที่นั่น โอหยางโชวจึงอยากให้กิลด์ลั้วเยว่ตั้งอยู่ที่นั่นเช่นกัน

กิลด์ลั้วเยว่กลายเป็นกิลด์แรกที่จะได้อยู่อาศัยในเมืองซานไห่ และอาจจะเป็นเพียงกิลด์เดียวด้วยเช่นกัน

โอหยางโชวได้วางแผนไว้ว่า ถ้าผู้เล่นสายอาชีพของกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ ต้องการย้ายมาเมืองซานไห่ พวกเขาทั้งหมดจะต้องเข้ากิลด์ลั้วเยว่

เสี่ยวเยว่ที่มาจากต้าหลี่ได้นำของบางอย่างจากตระกูลขุ่ย มามอบให้กับขุ่ยหยิงหยู

ตระกูลขุ่ยได้มอบกล่องไม้ขนาดใหญ่มา 2 ใบ กล่องแรกเต็มไปด้วยเครื่องประดับที่เธอมักจะสวมใส่และสิ่งอื่นๆ ส่วนกล่องใบที่สอง มันเต็มไปด้วยเหรียญทอง รวม 10,000 เหรียญทอง

จากคำกล่าวของพวกเขา เงินทั้งหมดนี้เป็นเงินเก็บของเธอ ตามที่คาดไว้ กลุ่มธุรกิจที่มั่งคั่งเช่นพวกเขา ไม่ใช่อะไรที่เมืองซานไห่จะสามารถเปรียบเทียบได้

ขุ่ยหยิงหยูไม่ได้เก็บเงินไว้กับตัว แต่เธอเก็บมันไว้ในธนาคาร 4 สมุทร ซึ่งนับเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดที่ธนาคารได้รับตั้งแต่ก่อตั้ง

เมื่อเธอเห็นว่าพี่สาวของเธอมีเงินเก็บมากถึง 10,000 เหรียญทอง มู่ฉิงซีก็รู้สึกอิจฉา เธอเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะเก็บเงินให้มากขึ้น

ในความเป็นจริง จากการทำกำไรของโรงผลิตเสื้อผ้า เธอจะสามารถเก็บเงิน 10,000 เหรียญทอง ได้ในไม่ช้า

เมื่อขุ่ยหยิงหยูเก็บเงินไว้ในธนาคาร 4 สมุทร ทุกๆเดือน เธอจะได้รับดอกเบี้ยสูงถึงเดือนละ 100 เหรียญทอง

ถ้าธนาคาร 4 สมุทรสามารถปล่อยกู้เงินก้อนนี้ได้ทั้งหมด พวกเขาจะได้รับดอกเบี้ยเดือนละ 300 เหรียญทอง ซึ่งมันทำให้พวกเขาได้รับกำไรมากถึงเดือนละ 200 เหรียญทอง

นี่เป็นวิธีที่ธนาคาร 4 สมุทรจะได้กำไร

เงินก้อนนี้ยังจะช่วยแก้ปัญหาทางการเงินในปัจจุบันของเมืองซานไห่

โอหยางโชวได้เตรียมมอบเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับจากำไรสิ้นเดือนที่ 6 ให้กับธนาคาร 4 สมุทร น่าเสียดายที่เขาสนุกกับการซื้อของเขามากเกินไป ทำให้เขาใช้มันจดหมดไม่เหลือ

ขณะที่เศรษฐกิจของดินแดนพัฒนาขึ้น ความต้องการสินเชื่อก็เพิ่มสูงขึ้น เงิน 1,350 เหรียญทอง ที่เขาได้มอบให้ธนาคาร 4 สมุทรในเดือนที่ 5 ถูกปล่อยกู้จนหมดแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงต้องพึงเงินออมบางส่วน ในการดำเนินการปล่อยกู้ต่อไป

นอกเหนือกจากกล่องไม้ทั้ง 2 แล้ว ตระกูลขุ่ยยังส่งสัญญาความร่วมมือให้พวกเขาด้วย ตราบเท่าที่โอหยางโชวเห็นด้วย มันก็จะมีผลทันที สัญญาระบุว่า หอการค้าขุ่ยจะกลายเป็นตัวแทนของเมืองซานไห่ในต้าหลี่เท่านั้น เพื่อที่จะขายสินค้าท้องถิ่นและทรัพยากรอื่นๆของเมืองซานไห่

นับตั้งแต่มีการอัพเดทระบบ ภาษีการขายก็ลดลงเหลือ 10% ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับการเก็บภาษีผลิตภัณฑ์พิเศษของดินแดน ในร้านขายของชำ นั่นหมายความว่า ประโยชน์ทางธุรกิจที่ร้านขายของชำเคยมี จะไม่มีอีกต่อไป และพวกเขาก็สามารถขายทุกอย่างได้ในส่วนการประมูลชั้นพิเศษ

สำหรับค่าตอบแทน หอการค้าขุ่ยจะเก็บค่าธรรมเนียม 2% จากราคาขาย พวกเขายังสามารถช่วยเมืองซานไห่หาแหล่งทรัพยากรต่างๆรอบๆต้าหลี่ และเป็นตัวแทนของพวกเขาในการซื้อสินค้าเหล่านั้น

หลังจากซื้อทรัพยากรจากเมืองซานไห่แล้ว หอการค้าขุ่ยจะขายพวกมันที่ร้านค้าที่มีอยู่มากมายของพวกเขารอบๆต้าหลี่ พวกเขายังได้รับส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย

นี่เป็นสถานการณ์ที่ได้รับประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ดังนั้น โอหยางโชวจึงไม่ได้ลังเลเลยที่จะตกลง

ในอนาคต เมืองซานไห่จะขายทรัพยากรของพวกเขาในส่วนการประมูลชั้นพิเศษ หลังจากที่ลิสท์สินค้าแล้ว หอการค้าขุ่ยก็จะซื้อมัน เฉพาะกรณีที่พวกเขาปฏิเสธเท่านั้น สินค้าจึงจะถูกส่งออกไปยังตลาด

แน่นอนว่า ถ้าหอการค้าขุ่ยปฏิเสธการซื้อสินค้าบ่อยๆ มันก็อาจจะส่งผลต่อความร่วมมือได้ เมื่อระบบตัวแทนสะดุด ความร่วมมือก็จะไม่สามารถดำเนินได้อีกต่อไป

ในช่วงบ่าย โอหยางโชวหาเวลาว่างในการพูดคุยกับไซสีหยุน เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างเมืองซานไห่และกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ

หลังจากที่ง 2 ฝ่ายลงนามในสัญญา เมืองซานไห่และกลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงครามหิมะ-สงคราม ก็กลายเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กันอย่างเป็นทางการ

กลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ จะได้ซื้ออุปกรณ์จากเมืองซานไห่ โดยพวกเขาก็จะได้ส่วนลด 10% ในการชำระเงิน ขณะเดียวกันพวกเขาจะมองหาผู้เล่นอาชีพสายการทำงานที่มีความสามารถในเชี่ยนเย่ และรับสมัครเพื่อส่งมายังเมืองซานไห่

ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่าย ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ความร่วมมือเพิ่มเติมจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และจะเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกัน

กลุ่มทหารรับจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ เป็นกลุ่มแรกที่เขาให้ส่วนลด แม้แต่สมาชิกในพันธมิตรซานไห่หรือเมืองเทียนซวง เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โอหยางโชวให้ความสำคัญกับพวกเขาเพียงใด

แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นความสัมพันธ์ของเขากับน้าของเขา เพราะพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งความสามารถทางการเงินของกิลด์ก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับดินแดนได้

โอหยางโชวมีเหตุผลในการจ้างผู้เล่นอาชีพสายการทำงานด้วยค่าจ้างสูง

เมื่อเทียบกับคนทีมีความสามารถพิเศษในหมู่ประชาชนในดินแดนแล้ว ผู้เล่นค่อนข้างได้เปรียบ

ประการแรก พวกเขาไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใดๆในการเลือกงาน หลังจากที่สร้างตัวละครแล้ว พวกเขาสามารถเลือกอาชีพได้ทันที และระบบจะทำให้พวกเขามีความสามรถพิเศษ แต่มันจะถูกซ่อนไว้ เพื่อให้พวกเขาค้นพบด้วยตัวเอง

นี่เป็นความสามารถพิเศษเช่นเดียวกับของอาชีพสายต่อสู้ อย่างไรก็ตาม หนึ่งถูกใช้สำหรับการต่อสู้ และอีกหนึ่งใช้สำหรับการผลิต ดังนั้น พวกมันจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

จำนวนผู้เล่นอาชีพสายทำงานยังมีมากกว่า NPC ที่มีความสามารถพิเศษในหมู่ผู้อพยพ มันขึ้นอยู่กับโชคของพวกเขา ว่าจะได้รับผู้มีความสามารถพิเศษเช่นนี้หรือไม่ในแต่ละวัน แต่พวกเขาสามารถรับผู้เล่นได้ทันที ดังนั้น ความแตกต่างในเรื่องประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเทียบกันได้

ประการที่สอง เมื่อเทียบกับ NPC ผู้เล่นสามารถพัฒนาได้เร็วกว่า มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะกลายเป็นขั้นมาสเตอร์หรือสูงกว่านั้น เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลำเอียงของระบบ ในอนาคต ผู้เล่นอาชีพสายการทำงานจะเริ่มเป็นที่สนใจอย่างมาก

แต่แน่นอนว่าผู้เล่นยังคงมีข้อบกพร่อง

ประการแรก บางคนไม่สามารถทำงานหนักได้ และพวกเขาจะสูญเสียความสามารถพิเศษของตัวเองไป ตัวอย่างเช่น ในการเย็บผ้า ถ้าคุณไม่ได้ทำมันหลายครั้งต่อวัน คุณอาจจะไม่ถูกนับว่าเป็นช่างตัดเย็บอีกต่อไป เมื่อเทียบกับอาชีพอื่นๆอย่างช่างตีเหล็ก ช่างตัดเย็บเป็นอาชีพที่ง่ายที่สุดแล้ว แต่คนที่โตมากับช้อนเงินช้อนทอง ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถทนกับความยากลำบากเช่นนี้ได้

ประการที่สอง ผู้เล่นต้องเริ่มต้นจากเป็นเด็กฝึกงาน และต้องการเวลาในการฝึกอบรมและพัฒนา อย่างเสี่ยวเยว่ที่เป็นสถาปนิก เธอต้องใช้เวลาถึง 2 เดือนเต็ม กว่าจะได้เป็นสถาปนิกขั้นกลาง ยิ่งไปกว่านั้น มันจะยิ่งใช้เวลาสูงขึ้นในการเลื่อนเป็นขั้นต่อไป ดังนั้น ผู้เล่นต้องมีความพยายามและอดทนอย่างมาก

จะมีเฉพาะคนที่มีความยืดหยุ่น ทนความลำบาก และไม่กลัวความอ้างว้างเท่านั้น ที่อาจได้เป็นมาสเตอร์ที่แท้จริง คนส่วนใหญ่จะไปไม่ถึงขั้นนั้น

เวลา 17.00 น. ไซสีหยุนและหลินชิงกลับไปที่เชี่ยนเย่

ตอนค่ำ โอหยางโชวอยู่ที่ภัตตาคารสานกู่ เพื่อต้อนรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ

ในระหว่างงานเลี้ยง โอหยางโชวได้ประกาศแผนของเขา สำหรับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ วิทยาลัยเหลียนโจวจะจ้างพวกเขาทั้งหมดเป็นอาจารณ์ โดยพวกเขาจะได้รับเงินเดือน ถึงเดือนละ 10 เหรียญทอง ซึ่งเทียบได้กับหัวหน้าฝ่าย

ในเวลาเดียวกัน นอกจากการสอน พวกเขายังสามารถใช้ความรู้จากอาชีพหรืองานอดิเรกของพวกเขา ไปเป็นที่ปรึกษาให้กรมหรือฝ่ายต่างๆ หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ พวกเขาสามารถเปิดแล็ปวิจัย เพื่อทำวิจสิ่งที่ตนเองสนใจได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร สามารถสมัครเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตร และแนะนำวิธีการปรับปรุงระบบชลประทาน และสามารถแนะนำเกษตรกรให้เปลี่ยนวิธีเพาะปลูก เพื่อเพิ่มผลผลิต รวมทั้งยังสอนวิธีจัดการกับข้อบกพร่อง เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มผลผลิตอีกทางหนึ่ง

นักเศรษฐศาสตร์อาจจะเป็นที่ปรึกษากรมการเงิน ด้วยความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ของเขา พวกเขาจะสามารถสร้างระบบภาษีที่สมบูรณ์ และสามารถสร้างนโยบายที่ดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม อาจจะเป็นที่ปรึกษาให้ฝ่ายก่อสร้าง และแนะนำให้พวกเขาใช้เครื่องมือหรือเครืองจักรที่ดีขึ้น เพื่อลดภาระของแรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง

ผู้เชี่ยวชาญเครื่องกล อาจจะเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายโลจีสติกส์ทางทหาร เพื่อช่วยพวกเขาออกแบบอาวุธปิดล้อม และปรับปรุงบันไดกำแพง, ตู้น้ำมันติดไฟ และอื่นๆ

ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะ อาจจะเป็นที่ปรึกษากรมคลังวัสดุ และให้คำแนะนำแก่พวกเขา เกี่ยวกับวิธียกระดับการกลั่นของเมืองแร่หลางซาน และทำการปรับปรุงเตาหลอมแร่ในปัจจุบันด้วย

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเหล่านี้ เปรียบดั่งขุมสมบัติ แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับขีดจำกัดของระบบ ในโครงสร้างเทคโนโลยีได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถใช้ความรู้ของพวกเขา ในการปรับปรุงและพัฒนาแต่ละอุตสาหกรรมได้

แน่นอนว่า ต้องให้พวกเขาปรับตัวให้เข้ากับดินแดน และเข้าใจกับสถานการณ์ก่อน พวกเขาจึงจะเริ่มปรับปรุงพวกมันได้

การเกษตร, เศรษฐศาสตร์, วิศวกรรม, เครื่องกล, โลหะ ทั้งมหดนี้ เป้นเพียงครีมบนเค้ก งานหลักของโอหยางโชว คือ การสร้างเรือรบ, ปืน และปืนใหญ่

แผนนี้เกี่ยวข้องกับหลายสาขา และต้องการความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญหลายคน นอกจากหลิวโม่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุธร้อนแล้ว ยังมีโรงเล่นแร่แปรธาตุ, โรงผลิตอาวุธ และกรมต่างๆ มันยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำสำเร็จ

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด