บทที่ 19: ความอัปยศของหญิงสาวผู้งดงาม
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
บทที่ 19: ความอัปยศของหญิงสาวผู้งดงาม
เจ้าอ้วนทำการดูดซับด้ายจิตวิญญาณเข้าไปในท้องของเขา พร้อมใช้สัมผัสจิตวิญญาณตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาจึงรู้สึกปลอดโปร่ง หลังจากที่เขาได้โยกก้นของตนไปมาเสร็จสิ้น เขาพยายามลูบไล้ไปเรื่อย ๆ พร้อมกล่าวว่า “พี่สาว ณ ตอนนี้เรานั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง ท่านสามารถเชื่อใจข้าได้ว่าข้านั้นจะไม่ข่มขู่ให้ท่านทำสิ่งใดต่อหน้าผู้อื่น ท่านสามารถหลอกทุกคนได้ว่าไม่รู้จักข้า หรือแม้แต่ดูถูกข้า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวท่านเอง”
เหตุผลที่เจ้าอ้วนกล่าวออกมาเช่นนี้ เพราะเขาเกรงว่าการที่ทำเช่นนี้นั้นจะเป็นการบังคับนางให้หมดความอดทน ซึ่งหากนางรายงานเรื่องนี้ออกไปมันเสี่ยงมากที่นางจะตายตกไปพร้อมกับเขา
“จริงหรือ? เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้?” หานหลิงเฟิงถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เพราะข้าไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถของข้าเอง พี่สาวได้โปรดเก็บความจริงที่ว่าข้านั้นครอบครองอุปกรณ์วิญญาณเป็นความลับ!” เจ้าอ้วนตอบ
“ไม่ต้องกังวลอันใด ข้าจะไม่ปริปาก!” หานหลิงเฟิงพยักหน้าและเริ่มแต่งตัว พร้อมกับแบกรับความเจ็บปวดไว้ในใจ
“ประเสริฐนัก!” เจ้าอ้วนยิ้มกว้างออกมาพร้อมกล่าวต่อ “พี่สาว ร่างกายของท่านที่ข้าได้เชยชม ให้น้องชายของข้าได้สัมผัสมัน ขอท่านระลึกถึงครั้งแรกของเราทั้งสอง ที่ด้านนอกข้ามีสิ่งของสองสิ่งจะให้ท่าน ข้าหวังว่าท่านจะรับมันไว้!”
“สิ่งของ? เจ้าคิดมอบสิ่งของให้กับข้างั้นหรือ?” เมื่อทราบดังนั้น นางตกใจอยู่ไม่น้อย
“ใช่ มีปัญหาอันใด?” เจ้าอ้วนตอบกลับคิกคัก
“นี่เจ้าล้อข้าเล่น?” นางตอบกลับแบบไร้อารมณ์ “แม้ว่าหวางซุงและพี่ใหญ่จางจะไม่ได้ร่ำรวยมากนัก แต่พวกเขานั้นก็มีเงินออมของตน โดยเฉพาะพี่ใหญ่จาง หลังจากที่เขาเป็นศิษย์นอกมายี่สิบปี เขาได้รวบรวมสิ่งของมีค่าไว้มากมาย กระทั่งอุปกรณ์วิญญาณระดับสามที่มีมูลค่าของหินจิตวิญญาณนับหมื่นก้อน เจ้ายินดีจะมอบมันให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
“อา แน่นอน ในสายข้าของข้านั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงขยะ!” เขาเบะปากในขณะพูดออกมา
“อา” หานหลิงเฟิงรู้สึกว่าช่วยไม่ได้ นางได้แต่ถอนหายใจพร้อมกล่าวออกมา “ข้าไม่แปลกใจเท่าใดนัก เพราะว่าเจ้านั้นหยิบยันต์วิญญาณมูลค่าหนึ่งร้อยมาใช้โดยไม่ได้คิดตรึกตรองสิ่งใด”
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินดังนั้น เขาตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าหานหลิงเฟิงนั้นกำลังเข้าใจผิดถึงแหล่งที่มาของความร่ำรวยนี้ แน่นอนว่านี่คือความเข้าใจผิดที่งดงาม เพื่อตัดความรำคาญ เจ้าอ้วนจึงไม่ได้อธิบายสิ่งใดต่อ เขายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับกล่าวว่า “พี่สาวเรื่องบางอย่างท่านก็ไม่สมควรพูดออกมา!”
เมื่อหานหลิงเฟิงได้ฟังคำนั้น นางเข้าใจในสิ่งที่เจ้าอ้วนต้องการจะบอก นางจึงตอบกลับว่า “อา ข้าเข้าใจแล้ว เพราะเหตุผลนี้ข้าจะสามารถรับสิ่งของเหล่านี้ไปได้ทั้งหมดใช่หรือไม่?”
“ใช่ ข้าให้เจ้าเป็นผู้ที่เก็บรักษามันไว้!” เจ้าอ้วนกล่าวต่อ “และแน่นอน! ถ้าหากเจ้าจะจัดการเจ้าตัวปัญหาสองคนนั่นด้วยจะเป็นการดียิ่งกว่ามาก!”
หานหลิงเฟิงรู้สึกตกใจ จากนั้นนางก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนนั้นยกความเป็นฆาตกรให้แก่นาง! นี่คือความโชคร้ายของนางในตอนนี้ ทั้งหมดนี่เพราะหินจิตวิญญาณสิบก้อนที่หวางซุงนั้นมอบให้ เปลวไฟแห่งความโกรธกำลังลุกโชนอยู่ในใจของนาง แต่เนื่องจากว่าเจ้าอ้วนนั้นสามารถตัดสินความเป็นความตายของนางได้โดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองใด ๆ นางไม่ได้กล่าวอันใดต่อพร้อมกับเลือกที่จะกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ทิ้งมันไว้กับข้าที่นี่ แต่ว่าที่เจ้าผนึกปราณจิตวิญญาณของข้าไว้ล่ะ?”
“อา พี่สาวนี่คือยาแก้พิษ!” เจ้าอ้วนเอาอกเอาใจ ด้วยการยกยาทั้งหมดให้นาง
หานหลิงเฟิงนั้นไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าอ้วนนี่มีสิ่งใดซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ แต่หลังจากนี้ชีวิตของนางอยู่ในมือของเขา เขาจึงไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ที่ต้องหลอกนางด้วยวิธีเช่นนี้ หานหลิงเฟิงจึงกินยาเพื่อแก้ไขอาการ ผ่านไปเพียงอึดใจ ปราณจิตวิญญาณของนางนั้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ความกล้าหาญของนางก็กลับมาเช่นกัน
หลังจากที่พลังถูกฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว หานหลิงเฟิงก็ไม่ได้กล่าวอันใดเพียงแต่เดินออกไปจากกระท่อมน้อย นางเหยียดมือออกไปเพื่อเรียกดาบบิน อึดใจเดียวมันก็มาปรากฏอยู่บนมือของนาง จากนั้นนางจึงทะยานไปหาหวางซุงอันดับแรก
หวางซุงเริ่มคืนสติกลับมาแล้ว ร่างกายของเขาในตอนนี้ถูกย่างสดด้วยดาบอสนีวายุ ส่งผลให้กลิ่นเนื้อที่ถูกเผานั้นส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วบริเวณ ขณะที่เขาเปิดตาขึ้นมาและมองเห็นหานหลิงเฟิง เขาเบื่อหน่ายความเจ็บปวดนี้เต็มทีพร้อมร้องขอ “ศิษย์น้อง ช่วยข้าที!”
อย่างไรก็ตาม หานหลิงเฟิงที่แบกรับความเจ็บปวดและความโกรธทั้งหมดได้กล่าวออกมา “ท่านเป็นคนที่ทำให้ข้ารู้สึกอเนจอนาถใจ อีกทั้งท่านยังมีหน้ามาขอให้ข้าช่วยท่านงั้นหรือ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าก็ไม่ต้องกลายเป็นองค์หญิงที่ถูกคนมักมากในกามอย่างเจ้าอ้วน…”
ประโยคตรงปลายนั้นได้ขาดหายไป นางไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวมันออกมาดัง ๆ จึงพูดได้เพียงแค่นั้น หานหลิงเฟิงปล่อยน้ำตาแห่งความโกรธให้หลั่งไหลออกมา นางไม่สามารถเก็บงำความโกรธนี้ไว้ได้อีก จึงยกดาบบินขึ้นมาพร้อมกับแทงลงไปอย่างสุดกำลัง
“ศิษย์น้อง!” หวางซุงได้กล่าวเพียงแค่นั้นก่อนที่วิญญาณเขาจะสูญสลายไป
หลังจากที่ฆ่าหวางซุงเสร็จสิ้น นางเดินไปยังพี่ใหญ่หวาง เขายังคงมีสติอยู่พร้อมทั้งมองเห็นการตายของหวางซุงหมดทั้งสิ้น เขารีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ศิษย์น้อง ศิษย์น้องฟังข้าเถิด ข้าไม่ใช่สาเหตุแห่งความทุกข์ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ในเรื่องนี้ข้ากับเจ้าเปรียบเสมือนเหยื่อเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
“อาจจะใช่ แต่ว่าตอนนี้มันไม่ได้สำคัญอีกต่อไป เพื่ออนาคตพี่ใหญ่หวาง ศิษย์น้องผู้นี้มีแต่ความผิดหวังที่จะมอบให้ท่านเท่านั้น!” จากนั้นนางก็แกว่งดาบในมือ นางทำการตัดศรีษะของจอมเวทจางอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทำลายร่างกายทั้งสองไปจนหมดสิ้น หานหลิงเฟิงหันหน้ากลับไปมองยังเจ้าอ้วน ผู้ที่ยืนชมอยู่ที่ประตู พร้อมกับกล่าวว่า “น้องชาย ถ้าหากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอลา!”
“ดูแลตัวเองด้วยนะพี่สาว!” เจ้าอ้วนฉีกยิ้มออกมาพร้อมโบกมือให้กับนาง
หานหลิงเฟิงคิดว่าเขานั้นต้องการจะหยิบสิ่งของบางชิ้นไปจากนาง หรือไม่ก็ต้องบังคับขืนใจให้นางต้องทำอันใดมากกว่านี้ นางไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะปล่อยนางไปโดยง่ายดายเช่นนี้ นางบินออกไปด้วยดาบบินพร้อมกับทิ้งความสงสัยไว้เท่านั้น
“อา” เจ้าอ้วนส่งหานหลิงเฟิงกลับไปเรียบร้อยแล้ว เขาเหยียดร่างของตนขึ้นพร้อมกับเข้าสมาธิเพื่อจัดการกับจิตวิญญาณแรกเริ่ม ทันทีที่เรารู้สึกว่าปราณจิตวิญญาณของเขานั้นส่งเสียงกึกก้อง ความหนาแน่นของมันเพิ่มพูนขึ้นมามากกว่าเมื่อวาน หรือเขาอาจจะเข้าใกล้เซียนเทียนระดับสองแล้ว เจ้าอ้วนทราบดีว่าสิ่งนี้มันช่างน่าตกใจ เขารู้สึกช่วยไม่ได้ พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น “แปลก ข้าไม่ได้ฝึกฝนทั้งคืน เหตุใดระดับพลังของข้ากลับเพิ่มขึ้น? หรือว่าการที่ข้ากระทำกับพี่สาวนั้นจะช่วยในเรื่องของการฝึกฝนด้วย?”
ขณะที่หานหลิงเฟิงนั้นกำลังบินด้วยดาบบินของนางนั้น นางมีความรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ ความบริสุทธิ์ของนางที่นางรักษาไว้มานานนับสิบปี ถูกทำลายลงโดยเจ้าคนมักมากผู้นั้น ไม่ว่าผู้ใดก็คงจะไม่ได้ยินดีกับเรื่องนี้ และสิ่งที่แย่ที่สุดนั้นเขากลับบังคับให้นางส่งมอบด้ายจิตวิญญาณให้เขาเสีย ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาได้ควบคุมความเป็นความตายของนางโดยสมบูรณ์ ซึ่งในอนาคตนางจะต้องกลายเป็นทาสของเขา นางจะทำอันใดเพื่อช่วยเหลือตนเองได้บ้าง?
ในขณะที่หานหลิงเฟิงรู้สึกวิตกกังวล นางก็มองเห็นสิ่งแปลกประหลาดอยู่ด้านล่าง เมื่อมองอย่างพิจารณาแล้วนั้น นางจำได้ในทันทีว่านี่คือศิษย์นอกที่หวางซุงจ้างให้เฝ้าดู ด้วยเหตุผลใดก็ตามหลังจากที่เขาได้ทองแล้ว เหตุใดเขาจึงไม่กลับออกไปแต่กลับซ่อนตัวอยู่ที่นี่
เมื่อเขามองเห็นหานหลิงเฟิง เขามีอาการลนลานทันที นางเข้าใจทุกอย่างได้ทันทีว่านางเกือบจะทำผิดพลาดอีกคราเสียแล้ว ถ้าหากว่านางปล่อยเขาไป เขาจะกลับมาสร้างปัญหาให้กับนางในอนาคตอย่างแน่นอน เขาเห็นว่ามีสามคนเข้ามาซุ่มโจมตีเจ้าอ้วน ถ้าหากเจ้าคนผู้นี้ได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ผู้คนก็จะมโนกันว่าหวางซุงและพี่ใหญ่จางนั้นถูกฆ่าโดยเจ้าอ้วนและนาง
เมื่อคิดถึงอันตรายที่รออยู่ หานหลิงเฟิงรู้สึกคิดหนักอย่างช่วยไม่ได้เพราะว่านั่นหมายถึงชีวิตศิษย์นอกทั้งสองคน ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป มีโอกาสถึงแปดในสิบที่นางจะต้องกลายเป็นง่อย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
เมื่อคิดถึงจุดอันตรายที่สุดในเรื่องนี้ หานหลิงเฟิงรีบบังคับดาบให้ลงไปอยู่แนบข้างเขา
ศิษย์นอกผู้นั้นไม่ได้สร้างว่าภัยกำลังตามก้นเขามา ในขณะที่เขาเห็นหานหลิงเฟิงเขายกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับกล่าวขออภัยต่อนาง “สวัสดีศิษย์ป้าหาน”
“อา!” หานหลิงเฟิงพยักหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วถาม “เวลานี้ดึกมากแล้ว เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ ณ ที่นี้ เหตุใดจึงไม่กลับไปพักผ่อน?”
“เหอะเหอะ ศิษย์ป้า ที่จริงแล้วข้านั้นต้องการที่จะช่วยชำระหนี้แค้นของท่านจากเจ้าอ้วนเพียงเท่านั้น แต่มีบางสิ่งอย่างทำให้ข้าไม่สะดวกที่จะทำเช่นนั้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พิเศษยิ่งนัก!” ชายผู้นั้นตอบกลับด้วยรอยยิ้มยียวน